ครู่หนึ่งหลังจากนั้น

พ่อมดอริยะโลหิตทมิฬอดหงุดหงิดไม่ได้

เขามาคราวนี้เป้าหมายที่สำคัญคือช่วยหนิวเจิ้นอวี่ แล้วสังหารจ้าวซิงเย่ด้วยกัน เช่นนี้ค่ายจักรวรรดิก็จะสลายไปด้วย

เขาไม่อยากเสียเวลากับมดปลวกอย่างหลินสวินมากเกินไปหรอกนะ

“เด็กเมื่อวานซืน เจ้าต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย!”

ตอนที่จับได้แต่เงาร่างของหลินสวินได้อีกครั้ง พ่อมดอริยะโลหิตทมิฬส่งเสียงตะโกน พลันเรียกค้อนกระดูกขาวด้ามหนึ่งออกมากระแทกลงไปอย่างแรง

โครม!

กลิ่นอายอริยมรรคน่าสะพรึงปรากฏบนค้อนกระดูกขาว พอกระแทกลงไปภูผาธาราในรัศมีร้อยลี้ระเบิดเป็นเสี่ยงๆ ในบัดดล

ไม่ว่าจะเป็นภูเขา หิน ต้นไม้ใบหญ้า ล้วนถูกบดขยี้จนแหลกละเอียด!

ควรรู้ว่าสมรภูมิกระหายเลือดในตอนนี้ถูกปกคลุมด้วยกฎเกณฑ์ฟ้าดินที่แข็งแกร่งอย่างที่สุด สรรพสิ่งกลางฟ้าดินล้วนยากจะถูกตีให้ละเอียด

แต่การโจมตีนี้ของพ่อมดอริยะโลหิตทมิฬ กลับทำให้ภูผาธาราในระยะร้อยลี้กลายเป็นความว่างเปล่า!

จากเรื่องนี้ก็สามารถเห็นถึงความน่ากลัวของอริยะแท้แล้ว

ครั้งนี้ตอนที่หลินสวินหลบหนีก็เกือบจะถูกกระแทกโดนจนดับสลายไปในนั้น อดตกใจจนเหงื่อท่วมตัวไม่ได้ ไม่กล้าคิดถึงเรื่องอื่นอีก

ก่อนหน้านี้เขาสังหารอริยะแท้มาไม่น้อย แต่นั่นล้วนยืมพลังของจิตสถูปปลิดชีพ

ตอนที่เผชิญหน้ากับสัตว์ประหลาดเฒ่าเช่นนี้โดยลำพังจริงๆ ด้วยพลังของเขายังไม่เพียงพอ

ตูม! ตูม! ตูม!

ในเวลาหลังจากนั้นพ่อมดอริยะโลหิตทมิฬราวกับคลั่งอย่างไรอย่างนั้น เรียกค้อนกระดูกขาวออกมาอย่างต่อเนื่อง ภูเขาแต่ละลูกถูกกระแทกจนแหลกละเอียด แม่น้ำแต่ละสายถูกตัดขาด แม้แต่พื้นดินยังเป็นรูพรุน

เหตุผลง่ายมาก ด้วยฐานะและระดับของเขา คนที่แข็งแกร่งกว่ารังแกคนที่อ่อนแอกว่าก็น่าอายพอแล้ว แต่ตอนนี้กลับไม่สามารถจัดการหลินสวินได้เสียที นี่ทำให้เขาเองก็ใบหน้าอึมครึมเล็กน้อย อับอายจนขึ้งโกรธ

แต่สถานการณ์ของหลินสวินเริ่มแย่ลง

ท่ามกลางเวลาที่ผ่านเลยไป พลังชีวิต จิตวิญญาณ และสารกายในร่างเขากำลังสูญเสียไปอย่างรุนแรง ยืนหยัดได้อีกเพียงครึ่งเค่อ!

……

ในเวลาเดียวกันตรงหน้าเขาพินิจมรรค ดวงตากระจ่างของจ้าวซิงเย่ที่กำลังต่อสู้อย่างดุเดือดวาบประกายเย็นเยียบ คว้าโอกาสเสี้ยวหนึ่ง

ทันทีที่พลิกฝ่ามือก็ปรากฏขวดหยกมันแพะที่สูงไม่กี่ชุ่นใบหนึ่ง

“หืม?”

หนิวเจิ้นอวี่ที่โจมตีเข้ามานัยน์ตาหดรัด ความรู้สึกอันตรายผุดขึ้นในใจ เพียงแต่ตอนที่เขาเตรียมจะตอบสนอง

ตูม!

ในปากขวดหยกมันแพะนั่น พลังอริยมรรคน่ากลัวพรั่งพรู รวมตัวเป็นทวนราวกับของจริง

เพียงแค่อานุภาพก็กดดันฟ้าดินผืนนี้จนครวญคร่ำโดยพลัน

“แย่แล้ว!”

สีหน้าของหนิวเจิ้นอวี่เปลี่ยนไปทันที แต่หนีไม่ทันแล้ว ทำได้เพียงฝืนปะทะเต็มกำลัง แกว่งทวนสามง่ามสีม่วงในมือสุดพลัง

สมบัติชิ้นนี้มาจากมือของหนิวทุนเทียน เป็นสมบัติที่เขาให้หนิวเจิ้นไว้ใช้แต่แรกอยู่แล้ว

เมื่ออยู่ในมือหนิวเจิ้นอวี่ จึงสำแดงอานุภาพของสมบัติอริยะชิ้นนี้ออกมาได้อย่างเต็มที่

ปัง!

ทวนของจ้าวซิงเย่และทวนวงเดือนปะทะกัน เพียงแค่ชั่วพริบตาก็ถูกซัดจนหลุดมือไป

และข้อมือของหนิวเจิ้นอวี่เกือบจะถูกสะเทือนจนแตกร้าว ถูกพลังที่น่าหวั่นหวาดอย่างที่สุดโจมตีทั้งตัว ล้มลงอย่างแรง

พรวด!

ในระหว่างนี้เขาถึงขั้นกระอักเลือดออกมา!

“เฉือน!”

จ้าวซิงเย่ไล่ตามไป คว้าโอกาสที่หายากอย่างที่สุดนี้ ดาบศึกสีเงินที่กำอยู่ในมือฟันลงไปอย่างรวดเร็ว

เสียงตูมดังขึ้น การฟันนี้แม้ถูกหนิวเจิ้นอวี่ขวางไว้ได้ แต่กลับซัดจนเขากระอักเลือดออกมาอีกครั้ง

และจ้าวซิงเย่กดดันทุกฝีก้าว ไม่ให้โอกาสเขาหายใจแม้แต่น้อย แกว่งดาบเข่นฆ่า ปราณดาบกวาดล้างจักรวาลพุ่งทะลวงสิบทิศ ทำให้ภูผาธาราล้วนทับแสง

ปังๆๆ!

ในกระแทกราวกับสายฟ้าระเบิดถี่ยิบ หนิวเจิ้นอวี่เสียเปรียบโดยสิ้นเชิงแล้ว ถูกไล่สังหารจนถอยต่อเนื่อง มุมปากมีเลือดไหลออกมาไม่หยุด

ใบหน้าที่ดำคล้ำเต็มไปด้วยความตะลึง

ก่อนหน้านี้ในการดวลกับจ้าวซิงเย่ เขาถึงขั้นได้เปรียบกว่าเล็กน้อย

แต่เพราะพลังของขวดหยกมันแพะนั่นทำให้ทุกอย่างเกิดการพลิกผัน ทำให้เขาเสียเปรียบ ถูกกำราบไว้โดยสมบูรณ์ บาดเจ็บอย่างต่อเนื่อง

จวบจนกระทั่งตอนนี้ หนิวเจิ้นอวี่ยังคิดไม่ตกว่าขวดหยกมันแพะนั่นเป็นสมบัติระดับใด ถึงได้มีพลังที่น่ากลัวขนาดนี้

ความรู้สึกนั่นราวกับเผชิญการขนาบโจมตีจากอริยะแท้สองคน!

แต่เขาไม่มีเวลาคิดมากแล้ว

ตูม!

หลังจากการปะทะรุนแรงไร้ที่เปรียบอีกครั้ง หนิวเจิ้นอวี่เพียงรู้สึกว่าอวัยวะภายในเจ็บปวดรุนแรง ภาพตรงหน้ามืดลง

นี่ทำให้เขาลนลาน ถึงขั้นเริ่มก่นด่าในใจ เหตุใดจนตอนนี้พ่อมดอริยะโลหิตทมิฬยังไม่มาช่วยอีก

หรือเจ้าเฒ่านี่ยังคิดจะคว้าประโยชน์จากความขัดแย้งของคนอื่นอีกหรือ

ปัง!

ไม่นานหนิวเจิ้นอวี่ก็ถูกฟันจนร่วงหล่นจากกลางอากาศสู่พื้นอย่างรุนแรง ใบหน้ามอมแมม ร่างสั่นน้อยๆ ขึ้นมาเพราะความเจ็บปวด

แต่ก็ทำให้เขาคว้าโอกาสพุ่งขึ้นมาได้ในที่สุด เคลื่อนผ่านห้วงอากาศ

“คิดจะไปหรือ”

ในดวงตากระจ่างของจ้าวซิงเย่มีไอสังหารน่ากลัวพวยพุ่ง ในมือไม่รู้มีคันธนูกระดูกขาวที่ดุร้ายหยาบหนาเพิ่มมาตั้งแต่เมื่อไหร่ สายธนูที่แดงสดราวกับเลือดถูกง้างจนตึง

ลูกศรดำสนิทดอกหนึ่งพาดอยู่บนสายธนู ไอดุร้ายที่ไม่สามารถอธิบายได้แผ่ออกจากคันธนูกระดูกขาวนั่น ทำให้ฟ้าดินเปลี่ยนสี

ถึงขั้นมีปรากฏการณ์ประหลาดน่ากลัวอย่างลมพายุพัดม้วน อริยะตะโกนอย่างโศกเศร้า เทพมารร่ำไห้เป็นสายเลือดปรากฏอยู่กลางฟ้าดินรางๆ

ธนูวิญญาณไร้แก่นสาร ศรนภาคราม!

“แย่แล้ว!”

พริบตานั้นหนิวเจิ้นอวี่สังเกตเห็นว่าท่าไม่ดี ตกใจจนหน้าเสีย จิตวิญญาณรับรู้ถึงความน่ากลัวและเจ็บแปลบ

เขาหนีอย่างสุดกำลังโดยไม่ลังเลใดๆ

ปึง!

ในเวลาเดียวกัน ศรนภาครามพุ่งออกมาอย่างรุนแรง

ชั่วขณะนั้นราวกับมีอสูรมารพลิกฟ้าตัวหนึ่งปรากฏในฟ้าดินผืนนี้ ไอสังหารไร้เทียมทานประหนึ่งธารเย็นเยียบ ทำให้สรรพสิ่งทั่วฟ้าดินต่างคร่ำครวญ

หนิวเจิ้นอวี่หนีทัน และเร็วมาก ภายใต้การสำแดงอานุภาพเคลื่อนย้ายผ่านอากาศสุดกำลัง เงาร่างของเขาไปอยู่ในบริเวณที่ไกลออกไปแปดพันลี้ตั้งนานแล้ว

แต่ไม่รอให้ตอบสนอง แสงดำที่พร่างพราวราวกับห้อทะยานสายหนึ่งก็ทำลายการผูกมัดของอากาศ แทงทะลุหน้าอกเขา!

เลือดสายหนึ่งสาดออกมา

หนิวเจิ้นอวี่เบิกตาโพลง ท่าทางตกใจจนยากจะเชื่อ นี่มันศรอะไร เหตุใดจึงน่ากลัวขนาดนี้

แปดพันลี้เชียวนะ!

แม้แต่เคลื่อนย้ายผ่านห้วงอากาศยังหนีไม่พ้นหรือ

ความเจ็บปวดอย่างที่สุดแผ่ขยายออกบนร่าง ชั่วพริบตาหนิวเจิ้นอวี่ก็รู้ว่าตนบาดเจ็บสาหัสแล้ว แม้แต่จิตวิญญาณยังถูกแทงจนบาดเจ็บ

สิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือกลิ่นอายฆ่าฟันที่รุนแรงไร้ที่เปรียบนั่น กำลังลามจากบาดแผลไปทั่วร่างกายด้วยความเร็วที่น่าตกใจ

ด้วยพลังของเขา กลับไม่สามารถกำราบไอดุร้ายนี่ได้ในทันที!

หนิวเจิ้นอวี่หวาดกลัวอย่างสิ้นเชิงแล้ว ภายใต้การกระตุ้นของสัญชาตญาณการเอาตัวรอด เขาหนีสุดกำลังโดยไม่อาจสนอะไรทั้งสิ้น ไม่นานก็หายไปไกลโพ้น

‘เบื้องบนเป็นนภาครามเบื้องล่างเป็นยมโลก ศรแห่งนภาคราม… ช่างสมกับเป็นศรแห่งนภาคราม…’

เบื้องหน้าเขาพินิจมรรค จ้าวซิงเย่เองก็เหม่อลอยเล็กน้อย ในใจสั่นไหวไม่หยุด

ตั้งแต่เมื่อหลายปีก่อนตอนที่นางยังเป็นผู้แข็งแกร่งระดับราชัน ก็เคยยืมธนูของหลินสวินสังหารศัตรู ตอนนั้นแม้แต่นางยังยากจะสำแดงอานุภาพที่แท้จริงของคันธนูและศรคู่นี้ได้

แต่ตอนนี้กลับแตกต่าง นางเป็นอริยะแท้คนหนึ่งแล้ว แต่นางกลับคิดไม่ถึงว่าคันธนูและศรคู่นี้จะแข็งแกร่งขนาดนี้ ตะลึงโลก… ขนาดนี้!

ทำให้นางรู้สึกสะท้านใจขึ้นมาระลอกหนึ่ง

“น่าเสียดายที่เขาหนีไปได้…”

จ้าวซิงเย่ถอนหายใจในใจ ไม่ได้ตามไป เพราะยังมีอีกคนที่รับมือยากกว่า

คิดถึงตรงนี้หัวใจของจ้าวซิงเย่บีบรัด หลินสวินจะสามารถยืนหยัดได้ถึงตอนนี้หรือไม่

สวบ!

ยังคิดไม่ตกด้วยซ้ำ ตัวนางก็ได้หายไปแล้ว

……

‘หืม นั่นพลังอะไร เหตุใดจึงน่าตกใจขนาดนี้’

พ่อมดอริยะโลหิตทมิฬที่กำลังตามฆ่าหลินสวินหนังตากระตุก สังเกตเห็นว่ากลางฟ้าดินปรากฏไอดุดันน่ากลัวอย่างที่สุด

เขาไม่รู้ว่านั่นเป็นอานุภาพของธนูวิญญาณไร้แก่นสารและศรแห่งนภาคราม

แต่การค้นพบนี้กลับทำให้ในใจเขารู้สึกไม่สมจริงขึ้นมา

‘หรือฝั่งหนิวเจิ้นอวี่เกิดเรื่องผิดปกติอะไร’

พ่อมดอริยะโลหิตทมิฬขมวดคิ้ว

เขาตัดสินใจไม่ออมมืออีกต่อไป แม้ต้องใช้พลังทั้งหมดก็ต้องจัดการหลินสวินให้อยู่หมัดในเวลาที่สั้นที่สุด

วู้ม!

ค้อนกระดูกขาวปรากฏ ส่องแสงสว่างไสว พ่อมดอริยะโลหิตทมิฬสูดหายใจเข้าลึกคราหนึ่ง จู่ๆ กลิ่นอายทั่วร่างก็แข็งแกร่งขึ้นอย่างมาก

เขาแสดงเคลื่อนผ่านห้วงอากาศ ปรากฏตัวในไกลออกไปนอกสามพันลี้ จิตรับรู้จับตำแหน่งหลินสวินครู่หนึ่ง ค้อนกระดูกขาวซึ่งเตรียมแผลงฤทธิ์กำลังจะพุ่งออกไป

ก็ตอนนี้เองแสงดำสนิทสายหนึ่งทะยานอากาศเข้ามา!

เร็ว!

เร็วจนน่าเหลือเชื่อ!

ดุจดั่งลำแสงหนึ่งฉีกทึ้งกาลเวลาและความว่างเปล่านิรันดร์ สะท้อนในโลกและสะท้อนเข้าสู่ดวงตาพ่อมดอริยะโลหิตทมิฬ

นั่นเป็นกลิ่นอายที่ดุดันสายหนึ่ง!

ชั่วขณะนั้นสีหน้าของพ่อมดอริยะโลหิตทมิฬเปลี่ยนไปอย่างมาก กระแทกค้อนกระดูกขาวลงไปเต็มกำลัง ไม่กล้าออมมือสักนิด

ปัง!

ในเสียงปะทะที่ดังสะเทือนหู ในตำแหน่งรัศมีพันลี้จากที่นี่ประหนึ่งกระดาษที่ถูกขยำจนแหลกละเอียด ระเบิดกระจุยทันที!

พลังทำลายล้างระดับนั้น ทำลายภูเขาแม่น้ำ บดขยี้ต้นไม้ใบหญ้า ทำให้ห้วงอากาศทรุดตัว สรรพสิ่งสลายหายไปในชั่วพริบตา

ในการปะทะครั้งนี้ ค้อนกระดูกขาวของพ่อมดอริยะโลหิตทมิฬถูกสะเทือนจนแหลกไปมุมหนึ่ง เกิดรอยร้าวปลิวกลับไป

ส่วนพ่อมดอริยะโลหิตทมิฬเลือดออกเจ็ดทวาร ร่างกายที่ผอมตอบเหมือนถูกภูเขาลูกใหญ่กดทัน เซถอยออกไปกลางอากาศสิบกว่าจั้ง

จนถึงสุดท้ายตอนที่ทรงตัวได้ ใบหน้าล้วนบิดเบี้ยวเพราะความเจ็บปวด ส่งเสียงในคอคราหนึ่ง

ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นกะทันหันเกินไปแล้ว!

ทำให้พ่อมดอริยะโลหิตทมิฬเองก็ตั้งตัวไม่ติด และคิดไม่ถึงว่าเหตุใดการโจมตีนี้จึงน่ากลัวขนาดนี้

“เจ้าเฒ่า ยังคิดจะร่วมมือกันสังหารข้าหรือ เจ้าคู่ควรแล้วหรือ”

จ้าวซิงเย่ทะลวงอากาศมาถึงแล้ว ธนูวิญญาณไร้แก่นสารในมือถูกยกขึ้นอีกครั้ง ง้างสายธนูจนตึง ศรแห่งนภาครามยิงออกไป

ปึง!

ห้วงอากาศปั่นป่วน ลมพายุพัดโหม ราวกับเสียงเร่งเร้าเอาชีวิต

“หึ! คราวหน้าค่อยสังหารเจ้า!”

พ่อมดอริยะโลหิตทมิฬหมุนตัวหนีอย่างไม่ลังเลเลยสักนิด

เขาสังเกตเห็นอันตรายแล้ว ในเมื่อจ้าวซิงเย่พุ่งเข้ามา ก็หมายความว่าหนิวเจิ้นอวี่แพ้แล้วเช่นนั้นหรือ

พ่อมดอริยะโลหิตทมิฬถึงขั้นเดาออกว่า หนิวเจิ้นอวี่ก็คงถูกศรและธนูที่อัศจรรย์และแปลกประหลาดอย่างที่สุดคู่นี้กำราบ!

เพียงแต่เหตุใดก่อนหน้านี้ไม่เคยได้ยินว่าจ้าวซิงเย่มีอาวุธที่ดุร้ายคู่นี้ด้วย

ในใจพ่อมดอริยะโลหิตทมิฬไม่จำยอมอย่างมาก

ครั้งนี้เดิมทีเขาคิดว่าจะสามารถยิงธนูนัดเดียวได้นกสองตัว ไม่เพียงฆ่าจ้าวซิงเย่ตาย ยังสามารถทำลายค่ายทัพจักรวรรดิ ทำให้ต่อไปค่ายพ่อมดเถื่อนของตนได้เปรียบในการปะทะกับพันธมิตรหมื่นเผ่า

ไม่เคยคิดว่าสุดท้ายกลับคว้าน้ำเหลว!

ไม่เพียงเท่านี้ แม้แต่เขาก็ถูกโจมตีจนบาดเจ็บ ไม่หนีไม่ได้

คิดถึงตรงนี้พ่อมดอริยะโลหิตทมิฬโกรธจนแทบกระอักเลือด

ทว่าครู่ต่อมาเขาก็กระอักเลือดจริงๆ เพราะศรดอกหนึ่งเปลี่ยนเป็นแสงเคลื่อนทะลวงอากาศเข้ามาปักแผ่นหลังเขา

ก็เห็นว่าเกราะสมบัติป้องกันหนังสัตว์บนแผ่นหลังของเขาระเบิดออกทันใด แม้ต้านทานการโจมตีนี้ไว้ได้ แต่พลังโจมตีอันน่ากลัวที่ศรแห่งนภาครามปลดปล่อยออกมา กลับสะเทือนเขาจนปลิวออกไป กระอักเลือดคำโต!

………..