ตอนที่ 1520: ให้ลูกท้ออมตะ

เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god)

ความสนใจของเจี้ยนเฉินกระตุกเมื่อเขาได้ยินคำว่ากระบี่บิน เขาถาม ข้าขอเห็นกระบี่บินที่เจ้าสร้างมาหน่อยได้หรือไม่ ?

เมื่อเจี้ยนเฉินพบกับสี่พี่น้องครั้งแรกในส่วนลึกของอาณาเขตศักดิ์สิทธิ์ เขาพบว่าอาวุธของพวกเขาเหมือนกับกระบี่ม่วงฟ้าของเขา พวกมันถูกหลอมออกมา ไม่เหมือนอาวุธเซียนที่นักสู้ส่วนใหญ่ในทวีปเทียนหยวน ใช่ มันต่างจากอาวุธเซียนอย่างมาก

มันไม่ใช่ว่าอาวุธที่ทำจากวัสดุนั้นจะไม่มีอยู่ในทวีปเทียนหยวน แต่ทั่วไปแล้วพวกมันถือได้ว่าเป็นเครื่องมือสำหรับเกษตรหรือใช้โดยที่คนที่ไม่อาจมีอาวุธเซียนหรือแทนอาวุธเซียนชั่วคราว พวกมันจะไม่ถูกใช้จากคนที่สร้างอาวุธเซียนได้แล้ว

สี่พี่น้องเป็นเพียงไม่กี่คนในบรรดาจอมยุทธทุกคนที่เจี้ยนเฉินเจอได้ใช้อาวุธอย่างนี้

สี่พี่น้องไม่ลังเลใด ๆ พวกเขาดึงกระบี่เหล็กของพวกเขาออกมา พวกเขายื่นมือขวาขึ้นมาและมีกระบี่ขนาดหนึ่งนิ้วโผล่ขึ้นมาบนฝ่ามือ กระบี่ที่โผล่ออกมาที่เหมือนกับไม้จิ้มฟันได้ขยายตัวขึ้นอย่างรวดเร็วและกลายเป็นกระบี่ที่มีความยาวกว่า 1.3 เมตร

ตาของเจี้ยนเฉินเริ่มเปล่งประกายขณะที่จ้องมองกระบี่ของสี่พี่น้อง เขารู้สึกถึงพลังของปราณกระบี่อันทรงพลังที่เล็ดลอดออกมาจากกระบี่ แม้ว่าอาวุธจะปรากฏเหมือนกับที่เขาได้เห็นเมื่อครั้งก่อนที่อาณาเขตศักดิ์สิทธิ์ สี่พี่น้องก็ได้หลอมกระบี่อีกครั้ง แน่นอนว่ามันได้เพิ่มพลังให้กับพวกเขา

ในเวลาเดียวกันเจี้ยนเฉินก็สามารถมองเห็นความคล้ายคลึงกันของกระบี่นิพพานอมตะได้ในกระบี่ทั้งสี่เล่ม กระบี่ทั้งสี่นั้นมีความคล้ายคลึงกับกระบี่แห่งความเป็นอมตะ, กระบี่แห่งการเกิดใหม่, กระบี่แห่งการสังหารและกระบี่แห่งการตัดขาด ตอนนี้พวกมันเป็นเพียงรูปแบบง่าย ๆ มีรายละเอียดเพียงหนึ่งในสิบของกระบี่เหล่านั้น

พวกมันเหมือนกับกระบี่ม่วงฟ้ามากขึ้นเรื่อย ๆ ! เจี้ยนเฉินคิด พวกมันไม่ได้มีรูปแบบที่คล้ายกัน แต่พวกมันมีคุณภาพที่เหมือนกันและเป็นของที่เอาไว้บ่มเพาะเหมือนกัน เขาสามารถเห็นผู้ฝึกฝนกระบี่คนอื่นนอกจากจิตวิญญาณราชันย์ผ่านกระบี่ทั้งสี่

กระบี่ของจิตวิญญาณราชันย์ไม่ได้ควบมาจากพลังงานเหมือนกัน มันคล้ายกับกระบี่ม่วงฟ้าและกระบี่ของสี่พี่น้อง พวกมันก็ถูกสร้างขึ้นเองทั้งหมด

เจ้ารู้จักนิพพานอมตะเที่ยงแท้หรือไม่ ? เจี้ยนเฉินมองไปที่ชายชราทั้งสี่คนที่มีอารมณ์ผสมปนเปกัน เขารู้ว่าทั้งตัวเขาและชายชราเหล่านี้มีความคล้ายคลึงกัน พวกเขาได้รับมรดกจากโลกอมตะและตราบใดที่พวกเขายังมีชีวิตอยู่ อนาคตพวกเขาจะได้กลับไปยังโลกอมตะ

ในเวลาเดียวกัน เจี้ยนเฉินก็เข้าใจว่าเขาสามารถเป็นศัตรูกับใครก็ได้ยกเว้นสี่พี่น้องเหล่านี้ เขาได้รับมรดกบางส่วนจากอดีตเจ้าของกระบี่ม่วงฟ้า ในขณะที่ชายชราได้รับมรดกบางส่วนจากนิพพานอมตะเที่ยงแท้ ในอดีตเจ้านายคนก่อนของกระบี่ม่วงฟ้าเป็นหนึ่งในห้าสุดยอดมือกระบี่ของโลกอมตะ เหมือนกับนิพพานอมตะเที่ยงแท้ พวกเขาเป็นเทพกระบี่ในโลกอมตะที่มีเพียง 2 คนเท่านั้นและมีความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้น

เรารู้การค่ายกลกระบี่นิพพาน แต่ไม่มีอะไรที่เกี่ยวกับนิพพานอมตะเที่ยงแท้ อาต้าตอบ

เจียนเฉินถอนหายใจเบา ๆ พวกเขาทั้งสี่ได้รับมรดกส่วนหนึ่งของนิพพานอมตะเที่ยงแท้ แต่พวกเขาไม่รู้ว่ามรดกนั้นเป็นของใคร เจี้ยนเฉินรู้สึกเจ็บปวดแทนนิพานอมตะเที่ยงแท้คนนั้น อย่างไรก็ตามเขาไม่ได้วางแผนที่จะบอกพวกเขาทั้งสี่เกี่ยวกับนิพานอมตะเที่ยงแท้ เขาจะบอกเรื่องที่เกี่ยวกับข้องกับเรื่องของโลกอมตะหลังจากที่พวกเขาเข้าไปในโลกเซียน

ในที่สุด เจี้ยนเฉินก็ออกจากเมืองอัคนีพร้อมพับสี่พี่น้องและไคยะ พวกเขาเข้าไปในเหมืองร้างโลหะผสมทังสเตนที่อยู่ใกล้ ๆ และหยุดอยู่ในส่วนลึกที่สุดของหุบเขา เพียงการสะบัดมือ เขาก็มอบลูกท้อเมฆม่วงระดับ 5 ออกมา 5 ผลจากนั้นเขาก็ใช้น้ำที่มีคุณภาพสูงที่สุดจากน้ำพุแห่งชีวิต เพื่อชงชาหยั่งรู้จากใบชาระดับ 5 เขาพูดว่า ลูกท้อเมฆม่วงสามารถช่วยให้พวกท่านทะลวงไปถึงเซียวนจักรพรรดิได้ เมื่อข้าชงชาเสร็จ กินมันพร้อมกับลูกท้อ

เจี้ยนเฉินไม่ได้ตระหนี่กับสี่พี่น้องและไคยะ เขามอบลูกท้อที่ดีที่สุดและนำชาที่ดีที่ให้ตรง ๆ แม้ว่าดูเหมือนเขาจะไม่ได้รับผลกระทบใด ๆ บนเปลือกนอก แต่หัวใจของเขาก็เจ็บปวดอยู่ลึก ๆ เหลือลูกท้อเมฆม่วงระดับ 5 อยู่เพียง 25 ผลและระดับ 4 กับที่ต่ำลงมาบางส่วน ใบชาที่เขาเหลือก็มีเพียง 18 ใบที่เป็นระดับ 5 เหมือนกัน

ไม่นานเจี้ยนเฉินก็ชงชาเสร็จ เขาแบ่งมันออกเป็น 5 ส่วนและแจกจ่ายให้กับไคยะและสี่พี่น้อง พวกเขาทั้งห้าดื่มชาพร้อมกับกินลูกท้อตามที่เจี้ยนเฉินแนะนำ

ทันทีที่ลูกท้อตกลงถึงกระเพาะของพวกเขามันก็เปลี่ยนเป็นพลังงานที่มหาศาลอบอวนไปทั่วร่างกายของพวกเขา พลังงานเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเมื่อลูกท้อถูกย่อย หากพลังงานไม่อ่อนโยนมากนัก ทั้งห้าก็ไม่อาจทนได้

ใบหน้าของพวกเขาบิดเบี้ยวเล็กน้อย แต่ก็ไม่ลังเลที่จะนั่งลงเพื่อบ่มเพาะดูดซับพลังงาน

เจี้ยนเฉินก็ไม่ได้จากไป แต่เขานั่งตรงข้ามกับพวกเขาเพื่อดูและพวกเขา

อย่างไรก็ตามเจี้ยนเฉินก็ลืมตาขึ้นมาในไม่ช้า เขาจ้องมองไปที่ทั้งห้าด้วยความรู้สึกสนใจ ความประหลาดใจมีอยู่เต็มในดวงตาของเขา เขาให้ลูกท้อกับคนมากมายในอดีต แต่ไม่มีใครดูดซับพลังงานที่หลุดลอดออกมาจากพวกเขาได้สมบูรณ์เหมือนกับเขา พลังงานกว่าครึ่งมันจะรั่วไหลออกมาจากร่างกายและกระจายไปยังรอบ ๆ อย่างไรก็ตามทั้งห้าไม่ได้ปล่อยพลังงานใด ๆ เลยหลังจากที่กินลูกท้อ

พวกเขาเหมือนกับข้า สามารถดูดซับพลังงานจากลูกท้อได้ทั้งหมดและไม่มีการเสียเปล่าเลย ? เจี้ยนเฉินคิด เขารู้สึกว่าเขาสูญเสียบางอย่าง เขาสามารถดูดซับลูกท้อได้อย่างสมบูรณ์เพราะเขาบ่มเพาะร่างบรรพกาล พวกเขาทั้งห้าใช้การดูดซับพลังงานทั้งหมดจากลูกท้อแบบไหนกัน ?

ในขณะที่เจี้ยนเฉินกำลังงงงวย สัตว์อสูรกลืนสวรรค์เจ็ดสีก็ส่งเสียงพึมพำบนไหล่ของไคยะ มันกำลังตีปีกอย่างคึกคัก มันอ้อนวอนเจี้ยนเฉินราวกับว่ามันพยายามทำตัวดี ๆ เพื่ออะไรบางอย่างอยู่ข้าง ๆ มีความกระหายอยู่เต็มสายตาของมัน

เจี้ยนเฉินหัวเราะเสียงดังเมื่อเขาเห็นว่าสัตว์อสูรกลืนสวรรค์เจ็ดสีกำลังประจบเขา เขาก็พูดว่า สารเลวน้อย เจ้าเป็นศัตรูกับข้าก่อนหน้านี้ที่โรงเตี้ยว แต่ตอนนี้เจ้ากำลังอ้อนวอนขอบางอย่างจากข้า เจี้ยนเฉินส่ายหัวขณะที่เขายังคงยิ้ม เขาหยิบลูกท้อเมฆม่วงระดับ 5 ออกมาจากแหวนมิติและโยนมันให้สัตว์เทวะ

สัตว์อสูรกลืนสวรรค์เจ็ดสีเป็นสัตว์เทวะอย่างแท้จริง มันสามารถดูดซับพลังงานจากลูกท้อเมฆม่วงระดับ 5 ได้อย่างสมบูรณ์ ดังนั้นเจี้ยนเฉินจึงไม่ต้องกังวลและตอนนี้การต่อสู้กับต่างโลกก็ใกล้เข้ามามากขึ้น เจี้ยนเฉินต้องการเพิ่มความแข็งแกร่งของสัตว์เทวะเช่นกัน ด้วยเส้นทางเหล่านี้ อำนาจอีกส่วนหนึ่งจะอยู่ข้างเดียวกับทวีปเทียนหยวน เขาเชื่อว่าไม่มีใครเป็นคู่ต่อสู้กับสัตว์เทวะเมื่อพวกเขาอยู่ในระดับเดียวกัน ยกเว้นแต่ว่าบุคคลนั้นจะเป็นอัจฉริยะจากนิกายหรือกลุ่มตระกูลจากโลกที่สูงกว่า