ตอนที่ 1529: จิตวิญญาณปราชญ์

เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god)

ตอนที่ 1529: จิตวิญญาณปราชญ์

เฉียงซ่ง เจ้าไม่เข้าใจจริง ๆ หรือว่าเจ้าไม่อยากเข้าใจ ? ด้วยความแข็งแกร่งของอุโมงค์ มีเพียงจอมยุทธขั้นย้อนกลับช่วงปลายเท่านั้นที่จะผ่านไปได้ ถ้าจอมยุทธขั้นแลกเปลี่ยนเข้ามาในอุโมงค์มันจะพัง แม่ว่าจะเป็นช่วงต้นของขั้นแลกเปลี่ยนมันก็ไม่อาจผ่านเข้ามาได้อย่างปลอดภัย ยิ่งจิตวิญญาณราชันย์คนเดียวก็ได้มาถึงช่วงกลางของขั้นแลกเปลี่ยน การต่อสู้ที่รุนแรงของเจ้าในอุโมงค์ได้ทำลายมันไปแล้ว เมื่ออุโมงค์เสียหายอย่างหนัก ไม่เพียงแต่จิตวิญญาณราชันย์จะผ่านเข้ามาไม่ได้ แต่มันก็เป็นเรื่องยากสำหรับเราเช่นกัน หากเราถูกคนจากต่างโลกหยุด ในเวลานั้นเราต้องถูกบังคับให้กลับทางเดิมเมื่ออุโมงค์ถล่ม หญิงสาวคนนั้นจ้องมองเฉียงซ่งและพูดด้วยน้ำเสียงที่แหลมสูง นางมีเสน่ห์อย่างมาก

ใบหน้าของเฉียงซ่งเปลี่ยนไปมาเมื่อได้ยินคำพูดของนางและคทาโลหะในมือของเขาก็ตกลงมา เขาจ้องมองไปที่เจี้ยนเฉินที่เห็นอยู่ไกล ๆ ข้าไม่คิดอย่างนั้น เจิงจิงหยวน ขอบคุณที่เตือน อย่างไรก็ตามผู้ที่เข้าใจเส้นทางกระบี่จากต่างโลกมีทักษะอยู่บ้างเช่นกัน เขากำลังป้องกันอุโมงค์ สำหรับข้าถ้าจะผ่านไป ข้าต้องการเวลาเพื่อที่จะฆ่าเขา

ชายหนุ่มที่ดูเหมือนหญิงสาวยิ้มอย่างเย้ยหยัน เฉียงซ่ง ที่เจิงจิงหยวนได้พูดออกมา ข้าคิดว่าการต่อสู้กับฝ่ายตรงข้ามของเจ้ามีจุดประสงค์เพื่อที่จะทำลายอุโมงค์และทำให้พวกเราติดอยู่ในโลกแห่งเซียนที่ถูกทอดทิ้งใช่หรือไม่ ? มันอาจจะผ่านมาหลายปี แต่นั่นก็เป็นเวลาที่มากที่เจ้าจะออกไปยังต่างโลกและเข้าสู่โลกเซียนเพื่อหาสายเลือดบริสุทธิ์ที่ถูกทิ้งไว้โดยบรรพชนของพวกเรา จิตวิญญาณปราชญ์ และเมื่อเจ้าได้รับพลังนั้นเป็นของตัวเองและกลับมายังโลกของตน จิตวิญญาณราชันย์ที่ยิ่งใหญ่ก็อาจมีพลังไม่เท่าเจ้า

เฉียงซ่งแค่นเสียง เขามองไปยังผู้ชายที่ดูกระตุ้งกระติ้งเหมือนผู้หญิงและพูดอย่างเยือกเย็น โอวหยางหยิงเว่ย อย่าพูดไร้สาระ ข้ามีความภักดีต่อจิตวิญญาณราชันย์และมีเพียงจิตวิญญาณราชันย์เท่านั้นที่จะตัดสินได้ ในขณะเดียวกันก็เป็นจิตวิญญาณราชันย์เองที่บอกเราว่าเราเป็นเผ่าพันธุ์เซียนที่ถูกทอดทิ้ง รวมทั้งความจริงในการตามหาจิตวิญญาณปราชญ์และค้นหาสายเลือดบรรพชนบริสุทธิ์ เจ้าคิดว่ามันจะหาได้ง่าย ๆ ทันทีที่ข้าเข้าไปในโลกเซียนงั้นหรือ ?

ข้าไม่อาจระบุได้ แต่เนื่องจากเราเป็นเซียนที่ถูกทอดทิ้ง เป็นส่วนหนึ่งของจิตวิญญาณปราชญ์ ใครจะรู้ว่าเราอาจจะมีปฏิกิริยาจากสายเลือดบริสุทธิ์เหล่านั้นทันทีที่เข้าไปในโลกเซียนและถ้าเกิดอย่างนั้นเล่า ? หลายปีก็เพียงพอที่จะหาสายเลือดบรรพชนและกลับมายังบ้านเกิดของเรา โอวหยางหยิงเว่ยคาดเดา เขาพุ่งเป้าไปที่เฉียงซ่งผ่านคำพูดของเขา

พอ โอวหยางหยิงเว่ย เฉียงซ่ง พวกเจ้าหยุดเถียงกัน รีบผ่านอุโมงค์เร็ว ๆ จิตวิญญาณราชันย์จะได้ไม่ต้องโกรธอีกต่อไป เจิงจิงหยวนพูดอย่างร้อนใจด้วยเสียงที่เปี่ยมไปด้วยเสน่ห์ มันเพียงพอที่จะทำให้คนลุ่มหลงมากกว่าที่จะโกรธแค้นนางได้

ทันที่เจิงจิงหยุนนำจิตวิญญาณราชันย์มาอ้าง ทั้งโอวหยางหยิงเว่ยและเฉียงซ่งต่างก็เผยความหวาดกลัวในสายตาของพวกเขา พวกเขาทั้งสองคนหยุดเถียงกันทันทีและทั้งสี่คนก็เดินออกไปพร้อมกัน

ไม่มีใครรู้เกี่ยวกับความลับของจิตวิญญาณปราชญ์ นี่เป็นความลับที่จิตวิญญาณราชันย์คนปัจจุบันรู้หลังจากที่เอาชนะขอบเขตดั้งเดิมเมื่อไปต่อสู้และทำลายผนึกส่วนลึกของโถงจิตวิญญาณลับ ไม่เพียงแต่โถงนั้นยังเก็บความลับเอาไว้ มันยังต้องการใครสักคนที่มีความแข็งแกร่งระดับเทพเท่านั้น แต่มันยังต้องการคนที่มีพลังมากพอที่จะผ่านเข้าไป ตอนนี้ทั้งสี่ไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับจิตวิญญาณปราชญ์มากนัก

แสงสีขาวนวลรอบ ๆ เจี้ยนเฉินหายไป หลังจากการรักษาแล้วเจี้ยนเฉินก็ฟื้นฟูบาดแผลของเขาจนหายดี เขามองดูคนทั้งสี่ที่ใกล้เข้ามาอย่างรวดเร็ว นี่เป็นเพราะว่าเขาสามารถบอกได้เลยว่าทั้งสี่นั้นเป็นจอมยุทธขั้นย้อนกลับ แม้แต่คนที่อ่อนแอที่สุดก็ยังเป็นขั้นย้อนกลับช่วงกลาง ขณะที่คนอื่น ๆ ก็ไม่ด้อยไปกว่าเขา คนที่ตามมาด้านหลังของพวกเขาล้วนแล้วแต่เป็นจอมยุทธขั้นรับมอบ

คราวนี้โลกแห่งเซียนที่ถูกทอดทิ้งได้ส่งเซียนจักรพรรดิมาเป็นทัพหน้า นอกจากจอมยุทธขอบเขตดั้งเดิม

เจี้ยนเฉินรู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้ที่จะหยุดจอมยุทธขอบเขตดั้งเดิม เขาถอยหลังกลับอย่างไม่ลังเล

ในเวลาเดียวกันเซียนจักรพรรดิ 49 คนก็ค่อย ๆ ควบคุมยุทธภัณฑ์บรรพชนถอยกลับไป ค่ายกลหมื่นยุทธภัณฑ์รับมือได้กับแค่จอมยุทธขั้นรับมอบเท่านั้น พวกเขาจำเป็นต้องหลีกเลี่ยงจอมยุทธขั้นย้อนกลับ

เกิดแสงสีทองแว่บในดวงตาของเจี้ยนเฉินและหอคอยขนาดเท่ากำปั้นก็ปรากฏขึ้น เมื่อแสงสีทองจางลงก็ปรากฏคนที่ทรงพลังหลายพันคนปรากฏขึ้น สีหน้าของพวกเขาไร้อารมณ์ พวกเขาทั้งหมดถือยุทธภัณฑ์ราชาและยุทธภัณฑ์จักรพรรดิที่เจี้ยนเฉินฟื้นคืนชีพพวกมันขึ้นมาใหม่ มีประมาณ 700-800 คนที่เป็นเซียนราชา ขณะที่คนที่เหลือเป็นเซียนจักรพรรดิ

ด้วยการเพิ่มพลังของเซียนราชาหลายพันคนและเซียนจักรพรรดิหลายร้อยคน พลังของทวีปเทียนหยวนก็เพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว

ประธานและผู้อาวุโสสูงสุดของสมาคมเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงก็มาถึงแล้วเช่นกัน พวกเขานำยุทธภัณฑ์ผู้คุมกฏและยุทธภัณฑ์ราชาที่ถูกฟื้นฟูขึ้นมาใหม่ แม้ว่าพวกเขาจะฟื้นคืนชีพยุทธภัณฑ์ราชาไปได้ไม่กี่ร้อยชิ้น แต่พวกเขาก็สามารถฟื้นคืนชีพยุทธภัณฑ์ผู้คุมกฏได้หลายหมื่นชิ้น

นี่คือพลังที่ต้องถูกคำนวนไว้ มันประกอบไปด้วยการขาดจอมยุทธขอบเขตเทพทั้งสี่เผ่าพันธุ์

ฝูงชนหนาแน่นรวมตัวกันอยู่เหนือซากเมืองทหารรับจ้าง มนุษย์, สัตว์อสูร, คนจากเผ่าทะเลและร้อยเผ่าพันธุ์ยืนอย่างเข้มแข็ง พวกเขาทุกคนเตรียมพร้อมที่จะต่อสู้สำหรับการต่อสู้ที่กำลังมาถึง

ไม่นานมานี้จอมยุทธขั้นย้อนกลับจากโลกแห่งเซียนที่ถูกทอดทิ้งก็ออกมาจากอุโมงค์ ทันทีที่พวกเขาก้าวเข้าสู่ทวีป ท่าทางของพวกเขาก็เริ่มตื่นตัวทันที การปรากฏตัวที่น่าสะพรึงจากจอมยุทธขั้นย้อนกลับทั้งสี่คนก็ปัดเป่าเมฆเหนือท้องฟ้าให้หายไปทันที ภายใต้แรงกดดัน เมฆก็ได้สลายไปเหมือนไม่เคยเกิดขึ้น

แรงกดดันที่ปรากฏขึ้นมาในมิติอีกครั้ง แม้แต่คนที่อยู่แถวนั้นก็พบว่ามันยากที่จะทานทน พื้นที่ในรัศมีหนึ่งหมื่นกิโลเมตรสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง มันบิดเบี้ยวและแปรปรวน แสงแดดหดหายและทำให้ทั้งภูมิภาคจมลงสู่ความมืด พวกเขาทำให้แสงต้องหม่นหมองอย่างแท้จริง

ทวีปเทียนหยวนสั่นอย่างรุนแรง พื้นดินทรุดตัวและภูเขาพังทลายราวกับว่าเผยให้เห็นการมาถึงของพวกเขา

เซียนผู้คุมกฏ, เซียนราชาและเซียนจักรพรรดิทั้งสี่เผ่าพันธุ์ถอยหนีจากการปรากฏตัวที่น่าสะพรึงกลัวอย่างต่อเนื่อง พวกเขาทุกคนต่างหน้าซีดและเซียนผู้คุมกฏหลายคนก็เลือดกลบปาก มีเพียงหุ่นเชิดที่ไร้ความกลัวและความเจ็บปวดเหล่านั้นที่ยังคงเหลืออยู่ แต่พวกมันก็ถูกตรึงไว้จากแรงกดดันเอาไว้

หยุดพวกเขา ! เจี้ยนเฉินตะโกนออกมา เขามองไปที่จอมยุทธขั้นย้อนกลับทั้งสี่ ไม่นานเขาก็มองไปที่โอวหยางหยิงเว่ยที่จ้องมองเขากลับมา เพียงการสะบัดมือแผ่นกลมแบนก็ปรากฏออกมา มันปล่อยพลังแสงสีฟ้าจาง ๆ ในขณะที่ความลึกลับโบราณปรากฏอยู่รอบ ๆ ตัวของมัน