ตอนที่ 2612 คว่ำบาตร

Unrivaled Medicine God – จอมเทพโอสถ

“เหวินจิงซวน ต่อให้เจ้าจะมาเฝ้าดูมันทุกวันก็ไม่มีทางที่เจ้าเด็กนั่นมันจะกลับออกมาได้! เวลาศิษย์นิกายเข้าแดนเนรเทศไปฝึกตัวพวกเขาต่างต้องเดินทางกันเป็นกลุ่มใหญ่ มีใครที่ไหนเข้าไปคนเดียวอย่างมัน? ข้าว่ามันคงได้ตายไปตั้งแต่วันแรกที่เข้าไปถึงแล้ว!”

ฮั่นเฉียนหยุนนั้นมองดูเหวินจิงซวนด้วยรอยยิ้มเย้ยหยันอย่างสุดใจ

พริบตาเดียวนี้มันก็ผ่านไปได้เกือบยี่สิบปีแล้วตั้งแต่ที่เย่หยวนหายไปในแดนเนรเทศ

เวลานี้คนทั้งนิกายสวรรค์ยุทธมั่นนั้นต่างเชื่อว่าเย่หยวนได้ตายลงไปแล้ว

แต่หลายวันมานี้ตัวเหวินจิงซวนนั้นกลับมาเฝ้าดูที่ยอดเมฆาเคลื่อนเสมอ

เหวินจิงซวนนั้นไม่คิดสนใจฮั่นเฉียนหยุนและไม่คิดแม้แต่จะหันมามอง

“หึ! หากมิใช่เพราะไอ้เด็กนรกคนนั้นนิกายสวรรค์ยุทธมั่นเรามันก็คงไม่ถูกพันธมิตรโอสถกดหัวเช่นนี้แน่ เวลานี้คนทั้งนิกายตั้งแต่หัวจรดหางต่างเกลียดชังมันถึงกระดูกดำ! ทั้งอย่างนั้นเจ้านั้นกลับไม่คิดสำนึกบุญคุณนิกายและคิดเฝ้าหวังให้มันกลับมาหรือ? มันไม่มีทางจะกลับมาได้เป็นแน่อยู่แล้วหรือต่อให้มันจะรอดกลับมาได้จริงๆ มันก็ต้องถูกลงโทษโดยสภาผู้อาวุโส!” ฮั่นเฉียนหยุนกล่าวขึ้นมา

ยี่สิบปีมานี้ที่เย่หยวนอยู่ในแดนเนรเทศนั้นทางนิกายสวรรค์ยุทธมั่นต่างไม่เคยจะได้อยู่สุข

ตอนแรกๆ นั้นการพัฒนาของหอโอสถนั้นมันยังราบรื่นกำลังฝีมือของเหล่านักหลอมโอสถสวรรค์ทั้งหลายพัฒนาไปอย่างมากล้น

แต่เวลาดีๆ นั้นมันก็อยู่ได้ไม่นานนักเพราะปีที่สองหลังจากเย่หยวนเข้าแดนเนรเทศไปนั้นทางพันธมิตรโอสถก็ได้เริ่มการโจมตีขึ้น!

การโจมตีของพันธมิตรโอสถคือการคว่ำบาตรนิกายสวรรค์ยุทธมั่น

มาตรการคว่ำบาตรแรกนั้นคือการที่พันธมิตรโอสถตัดการร่วมมือกับนิกายสวรรค์ยุทธมั่นในทุกทางและถอนตัวเหล่านักหลอมโอสถสวรรค์ที่เคยส่งมาช่วยนิกายสวรรค์ยุทธมั่นกลับไปสิ้น

นอกจากนั้นแล้วพันธมิตรโอสถยังทำการตัดเส้นทางการส่งมอบสมุนไพรสวรรค์และโอสถสวรรค์ให้แก่นิกายสวรรค์ยุทธมั่นจนหมดสิ้น

เรียกได้ว่ามันเป็นการโจมตีที่ถอนรากถอนโคนกำลังทั้งหมดสิ้น

สำหรับนิกายยักษ์ใหญ่อย่างนิกายสวรรค์ยุทธมั่นนั้นปริมาณการใช้โอสถสวรรค์ในแต่ละวันมันย่อมจะมากล้ำจนเกินนับได้

แต่เมื่อถูกตัดขาดเช่นนี้แล้วนิกายสวรรค์ยุทธมั่นจึงเหมือนขาดแหล่งอาหารไปสิ้น

เมื่อไม่มีการส่งมอบสมุนไพรสวรรค์และโอสถสวรรค์ชุดใหม่เข้ามาแล้วแน่นอนว่ากำลังของนิกายสวรรค์ยุทธมั่นมันก็ย่อมจะตกต่ำลงอย่างมาก

นักหลอมโอสถสวรรค์ภายในนิกายสวรรค์ยุทธมั่นนั้นมันมีจำนวนไม่มากมายอยู่แล้ว ต่อให้จะพยายามหนักแค่ไหนพวกเขาก็ไม่มีทางจะตอบสนองความต้องการของคนทั้งนิกายได้

ตลอดเวลามานี้นิกายสวรรค์ยุทธมั่นนั้นต้องพึ่งพาโอสถสวรรค์และสมุนไพรสวรรค์ที่ซื้อจากพันธมิตรโอสถเสมอมา

เมื่อเวลานี้พวกเขาถูกคว่ำบาตรตัดขาดการค้าสิ้นแล้วการบ่มเพาะของเหล่าศิษย์ทั้งหลายย่อมจะช้าเชื่องลงไป

สภาพเช่นนี้มันดำเนินต่อเนื่องมากว่าสิบปีแน่นอนว่าเหล่าศิษย์นิกายสวรรค์ยุทธมั่นต่างต้องดิ้นรนอย่างสุดตัว

เพราะเหตุนี้ทำให้จิตใจของเหล่าศิษย์หลายต่อหลายคนเริ่มหวั่นไหว

ไม่กี่ปีก่อนความเกลียดชังจึงได้หันมาพุ่งเป้าใส่เย่หยวนผู้ที่ก่อให้เกิดเรื่องทั้งหมดขึ้นมานี้แต่แรก

แน่นอนว่าเมื่อเกิดเรื่องเช่นนั้นขึ้นฉือเฟยหยูย่อมจะชอบใจ

เพราะฉะนั้นเขาจึงได้ออกมาเป็นหัวหอกโทษความผิดทั้งหลายให้แก่เย่หยวนไป

เวลานี้หลินหลานนั้นได้กลายเป็นคนรับใช้ทำงานทั่วไปพร้อมถูกคนทั้งหลายด่าว่าไม่ขาดปาก

เหวินจิงซวนนั้นยิ่งร้ายเพราะนางจะถูกส่งไปให้ฉินชุนที่พันธมิตรโอสถ!

อีกไม่กี่วันจากนี้นางจะต้องเดินทางออกจากนิกายไป!

และนอกจากตัวนางแล้วมันยังจะมีหลัวหยุนชิงด้วย!

หลัวหยุนชิงนั้นจะไปแทนนิกายสวรรค์ยุทธมั่นเพื่อรับโทษแทนคนทั้งนิกาย

เรื่องนี้ย่อมจะเป็นความอัปยศที่เขาไม่อยากจะยอมรับ!

แต่มันไม่มีทางอื่น

เรื่องนี้มันจะปล่อยให้ช้าไปกว่านี้ไม่ได้แล้ว

แม้ว่าคนที่ตัดสินใจไล่ฉินชุนไปนั้นมันจะเป็นเฟิงซวนยี่แต่เขานั้นก็เป็นถึงเจ้านิกาย จะให้ออกไปรับหน้าเป็นคนผิดเองมันก็คงถึงคราวจบสิ้นของนิกายสวรรค์ยุทธมั่นแน่แล้ว

เพราะฉะนั้นเขาจึงได้แต่ต้องตัดใจสละหลัวหยุนชิง

เพราะเวลานี้แม้แต่ตัวเฟิงซวนยี่เองก็ไม่อาจจะทนรับสภาพนี้ต่อไปไหว!

เมื่อฮั่นเฉียนหยุนเห็นว่าเหวินจิงซวนไม่คิดสนใจเขาตัวเขาจึงรู้สึกไม่พอใจขึ้นมาเต็มอก

เขาหัวเราะขึ้น “เจ้าคิดว่าไอ้เด็กคนนั้นมันจะยังออกมาช่วยเหลือเจ้าอีกครั้งหรือ? หึ! หากมันออกมาจริงข้าฮั่นเฉียนหยุนนี้แหละที่จะไม่ปล่อยให้มันรอดไป! ผู้อาวุโสห่าเหวใดกัน ตอนนี้มันเป็นได้แค่คนบาปของนิกายสวรรค์ยุทธมั่นเราเท่านั้น! ตอนนี้นิกายสวรรค์ทั้งสี่นั้นต่างหัวเราะเยาะเย้ยสภาพของเราอย่างสุดใจ เรื่องนี้มันเกิดขึ้นเพราะมันคนเดียว!”

ตอนที่เย่หยวนเข้าแดนเนรเทศไปนั้นเขาทำให้คนทั้งนิกายสวรรค์ยุทธมั่นแตกตื่นตกตะลึง

แต่สิ่งที่ฮั่นเฉียนหยุนคับแค้นที่สุดนั้นมันก็คือเรื่องที่เย่หยวนนั้นเหยียบหน้า

เรื่องนี้มันทำให้เขากลายเป็นตัวตลกของคนทั้งนิกาย!

เขา ฮั่นเฉียนหยุนคนนี้ย่อมจะจำมันไว้สุดใจ!

เหวินจิงซวนนั้นหันมามองเมื่อได้ยิน “หากอาจารย์ข้าออกมาเมื่อใด คนที่ท่านจะจัดการเป็นคนแรกนั้นมันย่อมเป็นเจ้า!”

ฮั่นเฉียนหยุนยกมือขึ้นตบหน้าเหวินจิงซวนด้วยความไม่พอใจ “นางมารน้อย เจ้าคิดว่าตัวเองยังเป็นศิษย์ผู้อาวุโสอยู่หรือ? เวลานี้เจ้ามันเป็นได้แค่คนใช้คนหนึ่งเท่านั้น!”

รอยมือห้านิ้วนั้นประทับแดงขึ้นบนหน้าของเหวินจิงซวน

ฮั่นเฉียนหยุนนั้นไม่คิดออมแรงใดๆ!

นางนั้นจ้องมองดูฮั่นเฉียนหยุนด้วยความคับแค้นสุดใจ

ศิษย์อาจารย์ทั้งสองนี้มันได้ทำเรื่องเลวร้ายแก่พวกนางไว้อย่างมากมายในช่วงหลายปีมานี้

ตัวนางนั้นยังดีแต่หลินหลานที่ติดตามเย่หยวนมาแต่แรกนั้นต่างหากที่โดนหนักหน่วง

หากมิใช่เพราะหลัวหยุนชิงออกตัวปกป้องแล้วหลินหลานย่อมจะต้องตายลงไปตั้งแต่ปีแรกๆ ที่เย่หยวนหายไป

ได้เห็นสายตาอาฆาตของเหวินจิงซวนนั้นฮั่นเฉียนหยุนก็หัวเราะขึ้นมา “นางมารน้อย เจ้านี่มันมีหน้างามจริงๆ ไม่แปลกใจเลยว่าเจ้าเฒ่าฉินชุนนั้นมันจะอยากได้เจ้านัก สิ่งแรกที่มันต้องการนั้นกลับเป็นเจ้า! หากมิใช่เพราะฉินชุนนั้นอยากได้เจ้า ข้าเองก็คงไม่ปล่อยเจ้าไว้เช่นนี้แน่!”

เหวินจิงซวนนั้นไม่คิดสนใจเขานางค่อยๆ พยุงตัวลุกขึ้นมาก่อนจะก้มหัวลงต่อหน้าค่ายกลเคลื่อนย้ายแดนเนรเทศ

แม้ว่าเย่หยวนนั้นจะถูกกล่าวหาว่าเป็นคนร้ายสักแค่ไหนแต่สำหรับตัวเหวินจิงซวนเองนั้นเย่หยวนย่อมจะเป็นผู้ช่วยชีวิตนางไว้จากเงื้อมมือของสัตว์ร้ายเสมอ

ที่สำคัญไปกว่านั้นเขายังได้สั่งสอนนางถึงเต๋าโอสถที่แท้จริง ทำให้ฝีมือของนางนั้นพัฒนาขึ้นไปอย่างที่ตัวนางไม่อาจคาดคิด

วันนี้ที่นางมาก็เพื่อจะมากราบลาเย่หยวน

นางนั้นไม่อาจจะขัดขืนใดๆ คำสั่งของทางนิกายได้

เหวินจิงซวนนั้นได้แต่ต้องปาดน้ำตาที่ไหลลงอาบหน้าก่อนจะลุกขึ้นเดินหันหน้าจากไป

แต่ฮั่นเฉียนหยุนนั้นกลับกล่าวขึ้นมาแทรกด้วยน้ำเสียงเย็นเยือก “นางมารน้อย เจ้าคิดหรือว่าข้าจะไม่กล้าลงมือต่อเจ้า?”

พูดไปนั้นเขาก็ยกมือขึ้นอีกครั้งหนึ่ง

“อาจารย์!”

แต่ในเวลานั้นเองที่เหวินจิงซวนกลับต้องเบิกตากว้างมองดูไปยังค่ายกลเคลื่อนย้ายอย่างตกตะลึง

เพราะเวลานี้มันได้มีเงาร่างหนึ่งกำลังค่อยๆ ปรากฏขึ้นมาในค่ายกล

ไม่นานใบหน้าที่เศร้าโศกของนางกลับกลายเป็นรอยยิ้มกว้างเท่าที่คนคนนึงจะยิ้มได้!

ฮั่นเฉียนหยุนหันไปมองดูที่ค่ายกลพร้อมกล่าว “นางมารน้อย เจ้าหลอนไปแล้วหรือ? คิดว่าแค่พูดถึงอาจารย์ของเจ้านั้นออกมาแล้วข้าจะไม่กล้าทำอะไรเจ้า?”

“เจ้าก็ลองทำดูสิ!” ในเวลานั้นเองมันก็ปรากฏเสียงหนึ่งดังตวาดขึ้นมาด้านหลังของเขา

ฮั่นเฉียนหยุนหน้าซีดหันกลับมาดูและพบว่าเย่หยวนกำลังยืนจ้องมองเขาอยู่ด้วยสายตาเย็นเยือก

เย่หยวนนั้นเห็นชัดเจนว่าบนหน้าของเหวินจิงซวนนั้นมันมีรอยมือประทับอยู่!

ฮั่นเฉียนหยุนร้องขึ้นมาอย่างตกตะลึงราวกับได้เห็นผี “จ-จ-เจ้ากลับออกมาจากแดนเนรเทศได้? นี่มัน… เป็นไปได้อย่างไรกัน?”

เย่หยวนไม่คิดสนใจและจ้องมองเหวินจิงซวนก่อนจะถามขึ้น “นี่ฝีมือมัน?”

เหวินจิงซวนพยักหน้ารับออกมาด้วยสายตาเจ็บแค้นแต่นางก็ยังกล่าวขึ้นมารับเย่หยวนด้วยรอยยิ้ม “อาจารย์ ดีจริงๆ ที่ท่านกลับออกมาได้! ดีจริงๆ ที่ท่านกลับออกมาแล้ว!”

พูดไปน้ำตาของนางก็ไหลลงมาอีกครั้ง

หลายปีมานี้นางเจอปัญหามากมายรอบด้าน

ฮั่นเฉียนหยุนหรี่ตาลงด้วยใบหน้าดำมืด “ออกมาแล้วทำไมเล่า? หึ! พอดีเลย! ข้าจะได้ลากตัวเจ้าไปให้ท่านเจ้านิกายลงโทษเสีย!”

เย่หยวนมองหน้าเขาพร้อมขมวดคิ้วแน่น “ดูท่าข้าจะยังเหยียบหน้าเจ้าเบาไป!”

ฮั่นเฉียนหยุนกัดฟันแน่นขึ้นเมื่อได้ยิน “เย่หยวน! หากไม่พูดถึงยังไม่เท่าไหร่แต่เมื่อเจ้ากล่าวถึงมันมาแล้วความแค้นเก่าแก่นั้นข้าก็จะขอสะสางมันลงตรงนี้เลยแล้วกัน!”

เย่หยวนที่ได้ยินจึงถามกลับมา

“โอ้? เช่นนั้นหรือ? เจ้าไม่กลัวหรือว่าข้าจะเหยียบหน้าเจ้าเข้าอีกครั้ง? ครั้งนี้ข้าจะเหยียบให้มันหนักจนถึงสมองของเจ้าเลย!”

ฮั่นเฉียนหยุนยิ้มเย้ยกลับมา “ครั้งนี้ข้าได้เตรียมตัวก่อนแล้ว แต่คนอย่างเจ้าจะทำอะไรข้าต่อหน้าได้หรือ?”

เย่หยวนยิ้มขึ้นมาที่มุมปาก “เช่นนั้นหรือ? แต่เจ้า… โดนพิษไปแล้วนะ!”

ฮั่นเฉียนหยุนหน้าซีดขาวลงทันที เวลานี้เขาเพิ่งได้รู้ตัวว่าเขานั้นไม่อาจขยับร่างกายได้ ขยับได้เพียงแค่ปากเท่านั้น

จากนั้นเขาก็ต้องทิ้งตัวลงไปนอนชักบนพื้น…