บทที่ 1874 ความสำคัญของการคัดสรรผู้ชาย + ตอนที่ 1875 อย่าทำให้รักแท้ต้องแปดเปื้อน

ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น

ตอนที่ 1874 ความสำคัญของการคัดสรรผู้ชาย

เหมยเหมยกลอกตาทีหนึ่งอย่างหมดคำพูด

เธอเคยรู้ซึ้งถึงความเนรคุณของสวีจื่อเซวียนมาแล้วแต่กลับคิดไม่ถึงว่าผู้หญิงคนนี้กลับกุเรื่องใส่ร้ายคนอื่นได้ขนาดนี้ มันน่าเหลือเชื่อจริง ๆ…

“สวีจื่อเซวียนเธอมีปัญหาทางสมองหรือเปล่า พ่อของเธอเป็นลมหมดสติ เราก็ใจดีโทรเรียกรถพยาบาลให้แล้วยังสำรองออกค่ารักษาไปก่อนอีก ไม่งั้นตอนนี้พ่อเธอคงลงนรกไปดื่มน้ำแกงยายเมิ่งตั้งนานแล้ว!” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนทนไม่ไหวแล้วจริงๆ ไม่เคยเจอผู้หญิงพิลึกเท่าสวีจื่อเซวียนมาก่อนเลย

ฉีฉีเก๋อเองก็อดด่าเสริมอีกคนไม่ได้ “ตอนที่พ่อเธอป่วยหนักลูกสาวแท้ ๆอย่างเธอไปอยู่ที่ไหนล่ะ? เชี่ยนเชี่ยนพูดไม่ผิดจริง ๆ เธอมันคนเนรคุณที่สู้แม้กระทั่งหมาไม่ได้ด้วยซ้ำ เหมยเหมยช่วยเธอมาตั้งสองรอบแต่เธอกลับไม่พูดขอบคุณสักคำกลับยังเป็นฝ่ายมาโทษนั่นโทษนี่อีก เธอนี่มันไม่มีเหตุผลเลยจริง ๆ!”

สวีจื่อเซวียนหน้าซีด ประสบการณ์ถูกลักพาตัวไปถึงสองครั้งเป็นความเจ็บฝังใจของเธอไปตลอดชีวิต เธอไม่อยากแม้แต่จะนึกถึงมัน

“จ้าวเหมยมันจงใจ ทั้งที่เธอไปช่วยได้เร็วกว่านี้แต่เธอกลับมาช้า ถ้าไม่ใช่เพราะเธอฉันก็คง…”

สวีจื่อเซวียนนัยน์ตาบ้าคลั่งและส่งเสียงแหลมเสียดหู “จ้าวเหมยวัน ๆได้แต่ทำตัวสูงส่งเป็นคนดี ความจริงกลับเป็นคนที่จิตใจโหดเหี้ยม หล่อนอิจฉาฉันถึงได้จงใจให้คนมาทำร้ายฉัน…เธอต่างหากที่เป็นต้นเหตุทุกอย่าง…เธอเป็นคนทำร้ายฉัน…”

เดิมทีเหมยเหมยไม่อยากเข้าไปพัวพันด้วย แต่ตอนนี้กลับถูกโยงมาถึงเธอแล้วยังโดนใส่ร้ายเจาะจงชื่อขนาดนี้ หากเธอทนได้คงไม่ใช่คนแล้ว!

แต่วันนี้ไม่ต้องรอให้เธอออกตัวสู้ด้วยตัวเองหรอก เพราะคุณหนูใหญ่เหริ่นฮึกเหิมมีพลังการต่อสู้เฉียบขาดมาก!

“โอ้โห…สวีจื่อเซวียนเธออยากให้ฉันขำจนตายสินะ ทั้ง ๆที่เธอเป็นแค่ต้นกระเทียมธรรมดา นี่คิดว่าตัวเองเป็นดอกสุ่ยเซียนเหรอ เธอลองพูดมาสิว่ามีตรงไหนของเธอที่ต้องให้จ้าวเหมยอิจฉาบ้าง?”

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนพูดไม่กี่ประโยคก็เรียกเสียงหัวเราะฮาครืนจากนักศึกษารอบข้างได้

ทุกคนต่างสายตาดีกันทั้งนั้น จ้าวเหมยเป็นถึงดาวมหาวิทยาลัย มีพื้นหลังครอบครัวดี หน้าตาดี มากความสามารถแล้วยังมีชื่อเสียงประสบความสำเร็จตั้งแต่เล็กจนพวกเขาต้องยอมจำนนจริง ๆ แม้เมื่อก่อนสวีจื่อเซวียนจะไม่เลวเลยแต่ไม่ว่าจุดไหนก็เป็นรองดาวมหาวิทยาลัยอยู่มากโขนี่นา!

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนได้ใจที่คำพูดของตัวเองได้ผลขนาดนี้พลันรู้สึกฮึกเหิมยิ่งกว่าเดิมแล้วพูดต่อ “ไม่ว่าจะเรื่องหน้าตา ความสามารถ พื้นหลังครอบครัว ความรัก…ไม่ว่าด้านไหนเธอก็สู้จ้าวเหมยไม่ได้ เธอคิดว่าจ้าวเหมยเป็นเหมือนเธอเหรอที่สมองเหมือนโดนลากระทืบมา…เอ่อ…โดนลากระทืบให้มาอิจฉาคนที่สู้ตัวเองไม่ได้งั้นหรอ?”

เหมยเหมยมุมปากกระตุก ช่วงนี้ไม่รู้ว่าคุณหนูใหญ่เหริ่นไปเรียนรู้จากใครที่มักใช้คำว่า ‘กระทืบ’ แทนคำกริยาในการด่า มันช่างหยาบคายดีเสียจริง!

แต่พอใช้กับสวีจื่อเซวียนกลับรู้สึกสะใจสุด ๆไปเลย!

ฉีฉีเก๋อเองก็ไม่น้อยหน้า ตอนแรกเธอยังนึกเห็นใจสวีจื่อเซวียนอยู่บ้างแต่พอได้ยินสวีจื่อเซวียนใส่ร้ายเพื่อนสนิทแบบนี้เธอก็โกรธแทบฉุดไม่อยู่

“สวีจื่อเซวียน ไม่มีใครบังคับเธอให้ไปขายซิการ์ที่สโมสรเศรษฐีสักหน่อย เธอถูกพวกอันธพาลลากตัวไปก็ไม่เกี่ยวกับเหมยเหมยด้วย แต่เหตุที่เหมยเหมยไปช่วยเธอก็เพราะความใจดีมีเมตตา แต่เธอกลับไม่พูดขอบคุณสักคำ หัวใจของเธอสิที่โดนหมากัดกินไปหมดแล้ว!”

นักศึกษาที่ล้อมมุงอยู่เผลอสูดปากกันถ้วนหน้าอย่างไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง

สโมสรเศรษฐีหรือ?

พวกเขาฟังผิดไปหรือเปล่า?

สวีจื่อเซวียนผู้ใสซื่อบริสุทธิ์จะไปขายซิการ์ที่สโมสรเศรษฐีด้วยเหรอ?

ตัดสินคนจากภาพลักษณ์ภายนอกไม่ได้จริง ๆสินะ!

สวีจื่อเซวียนตวาดเสียงดัง “ฉันแค่ขายซิการ์ ฉันไม่ได้ทำอะไรทั้งนั้น ฉันเป็นเหยื่อ จ้าวเหมยต่างหากที่สั่งคนมาทำร้ายฉัน…”

เหมยเหมยกลอกตาทีหนึ่งแล้วโต้กลับอย่างไม่สบอารมณ์ “หรือว่าการที่เธอเป็นเมียน้อยคนอื่นลาออกจากมหาวิทยาลัยก็เป็นสิ่งที่ฉันบังคับเธอด้วยงั้นเหรอ? สวีจื่อเซวียนเธอคิดว่าเธอเป็นใครกัน? ในสายตาฉันเธอก็เหมือนดอกหญ้าข้างทางเท่านั้นแหละ ฉันไม่สนใจแม้แต่จะเหยียบย่ำเธอด้วยซ้ำ!”

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนมองเธออย่างชื่นชม โอ้โห ดาวมหาวิทยาลัยเท่สุด ๆไปเลย!

ทำไมเธอพูดคำเท่ ๆแบบนี้ไม่ได้กันนะ?

แต่ไม่นานเธอก็คิดได้ว่าเพราะเธอไม่ได้มีสามีน่าเกรงขามเป็นที่หนุนหลังอย่างเหยียนหมิงซุ่น!

เฮ้อ!

นี่สินะความสำคัญของการคัดสรรผู้ชาย!

………………………………………………………..

ตอนที่ 1875 อย่าทำให้รักแท้ต้องแปดเปื้อน

สวีจื่อเซวียนโกรธจนหน้าซีด จ้าวเหมยต้องจงใจพูดแบบนี้เพราะคิดจะเหยียดหยามเธอต่อหน้าคนมากมาย เจตนาร้ายไม่เบาจริง ๆ!

“จ้าวเหมยเธอมันร้ายกาจ ทำเรื่องชั่ว ๆแล้วยังเสแสร้งทำตัวเป็นคนดีบริสุทธิ์มาหลอกลวงคนอื่น เธอทำร้ายฉันก็ช่างแต่ทำไมเธอต้องทำร้ายพ่อของฉันด้วย? จิตใจของเธอมันอำมหิตยิ่งกว่างูพิษซะอีก!”

เหมยเหมยโกรธจนแทบทนไม่ไหว สวีจื่อเซวียนคนนี้สมองต้องผิดปกติแน่ ๆ หรือไม่ก็ต้องป่วยเป็นโรคคิดเองเออเอง เธอไม่จำเป็นต้องถือสาคนบ้าแบบนี้เลย

เธอทนได้แต่พวกเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนกลับทนไม่ได้

“สวีจื่อเซวียนเธอคิดว่าตัวเองดีนักเหรอ ผลกรรมจากความไม่สงบเสงี่ยมของเธอเองยังมีหน้ามาโทษคนอื่นว่าทำร้ายเธออีกเหรอ? แล้วเพราะอะไรพ่อของเธอถึงโกรธจนป่วยมีเลือดออกในสมอง นั่นก็เพราะเขารู้ว่าเธอยอมลดตัวไปเป็นเมียน้อยคนอื่น แล้วยังขอลาออกจากมหาวิทยาลัยเองไม่ใช่หรือไง!”

เดิมทีเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนยังคิดจะไว้หน้าสวีจื่อเซวียนสักหน่อย เธออยากให้เรื่องจบแต่อีกฝ่ายดันไม่สำนึกบุญคุณ!

ถ้าอย่างนั้นก็อย่าหาว่าเธอพูดจาฟังไม่เข้าหูแล้วกัน!

“ไม่ใช่ฉัน…พ่อฉันเป็นแบบนี้เพราะพวกเธอ ฉันไม่ใช่เมียน้อย ฉันกับอาจารย์เจียงเรารักกันจากใจจริง…”

สมองของสวีจื่อเซวียนเริ่มพร่าเบลอเล็กน้อย ตลอดช่วงปิดเทอมฤดูร้อนที่ผ่านมาเธอไม่สบายเลยสักนิด เพราะอยู่เดือนไม่ครบจึงทำให้ร่างกายแย่ลงอย่างรวดเร็ว ความสดใสมีชีวิตชีวาในอดีตหมดไปและเอาแต่พะวงเรื่องเจียงจื้อหรู่

แต่เจียงจื้อหรู่เอาแต่ยุ่งอยู่กับงานที่หอนิทรรศการภาพวาดและไม่มีความอดทนต่อเธออย่างเมื่อก่อน สวีจื่อเซวียนจึงอดคิดเหลวไหลไปเองไม่ได้ พอยิ่งคิดก็ยิ่งฟุ้งซ่าน ยิ่งคิดยิ่งหาเรื่องให้ตัวเองไม่สบายใจเลยทำให้ตัวเองเป็นบ้าสติคลุ้มคลั่งในที่สุด!

“รักแท้เหรอ? เธออย่าทำให้คำนี้ต้องแปดเปื้อนเลยดีกว่า อาจารย์เจียงมีภรรยาแล้ว เธออ้างคำว่ารักแท้เพื่อจงใจทำลายครอบครัวคนอื่น สวีจื่อเซวียนเธอไม่รู้สึกละอายใจบ้างเหรอ? หรือว่าสิ่งที่เธอถูกอบรมสั่งสอนมาตั้งแต่เด็กไม่ได้รวมเรื่องนี้ด้วย?”

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนเสียงดังขึ้นโดยไม่รู้ตัวและน้ำเสียงรุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ เธอเกลียดชังพวกเมียน้อยมือที่สามแบบนี้ที่สุด!

นักศึกษาที่มุงล้อมอยู่ข้าง ๆส่วนมากเคยได้ยินเรื่องราวความรักของสวีจื่อเซวียนกับเจียงจื้อหรู่มาบ้าง ความจริงพวกเขาไม่ได้รู้สึกอะไรกับเรื่องนี้ แถมยังมีคนบางส่วนคิดว่าความรักระหว่างอาจารย์กับลูกศิษย์นั้นแสนจะโรแมนติก

แต่พอฟังคำติติงของเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนเข้าพวกเขาก็เริ่มเปลี่ยนความคิด

ความรักระหว่างอาจารย์กับลูกศิษย์โรแมนติกก็จริงแต่การเป็นมือที่สามมันเป็นเรื่องหน้าไม่อายอย่างมาก!

คิดไม่ถึงเลยจริง ๆว่าสวีจื่อเซวียนจะเป็นผู้หญิงแบบนี้!

ต่อให้สวีจื่อเซวียนในยามปกติที่มีสติปลอดโปร่งดีก็ฉะสู้เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนที่ปากคอเราะรายไม่ได้อยู่แล้ว ตอนนี้ไหวพริบของเธอลดลงก็ยิ่งเถียงสู้ไม่ไหว ยิ่งร้อนใจก็ยิ่งพูดไม่ออกจนสีหน้าย่ำแย่ลงเรื่อย ๆ

“ฉัน…ที่ฉันป่วย…ไม่เกี่ยวกับ…ผู้หญิง…สาม…คน…นี้!”

เสียงพูดขาด ๆหาย ๆดังขึ้น เสียงไม่ค่อยดังนักและไม่ค่อยชัดเจนเท่าไร สวีจื่อเซวียนหน้าถอดสีพร้อมหันไปมองคุณพ่อสวีที่เดินเซเบียดออกมาจากท่ามกลางผู้คนอย่างไม่เชื่อสายตา ก่อนจะตะโกนร้องขึ้นมาด้วยความเป็นห่วง “พ่อออกมาได้อย่างไร? หนูส่งพ่อกลับโรงพยาบาลนะ!”

คุณพ่อสวีใช้แรงคว้ามือสวีจื่อเซวียนไว้ ปากเบี้ยว ใบหน้าครึ่งหนึ่งก็เบี้ยว ร่างกายไม่คล่องแคล่วเท่าเมื่อก่อน ลำบากเขาเสียจริงที่ต้องเดินมาตั้งไกลขนาดนี้!

“ฉัน…ฉันไม่ไป…ลูกไป…ขออาจารย์…เรียนเถอะ!”

เส้นเลือดบนใบหน้าของคุณพ่อสวีปูดโปน ดวงตาแดงก่ำรวมถึงเส้นเลือดตรงแขนก็ปูดโปนเช่นเดียวกัน เขาดึงดันจะลากสวีจื่อเซวียนไปหาอธิการบดีมหาวิทยาลัยให้ได้ สวีจื่อเซวียนไม่กล้าออกแรงเลยได้แต่อ้อนวอนขอให้เขาปล่อยมือ

“พ่อ…เรื่องเรียนไว้ค่อยคุยกันทีหลังได้ไหม ตอนนี้หนูส่งพ่อไปโรงพยาบาลก่อนนะ!”

“ไป…เรียน…”

คุณพ่อสวีหัวรั้นอย่างมากและใบหน้าที่บิดเบี้ยวดูดุดันทำเอาเหมยเหมยที่มองอยู่นึกกังวลใจ คุณพ่อสวีเพิ่งพ้นขีดอันตราย แล้วตอนนี้ก็อารมณ์ปรี๊ดสูงขนาดนี้ มันอันตรายมากจริงๆ

…………………………………………………….