“มา! เจ้าและข้ามาสู้กันให้สาใจ!”
หลัวหยุนชิงยกดาบขึ้นมาฟันลงพร้อมสีหน้าที่สดใสขึ้นอย่างมากราวกับว่าเป็นคนละคนกับก่อนหน้า
เมื่อฉือเฟยหยูได้เห็นเช่นนั้นสีหน้าของเขาก็ต้องเปลี่ยนไป
เขาวางแผนการมาอย่างยาวนานคิดที่จะทำลายจิตใจใฝ่ดาบของหลัวหยุนชิงแต่ไม่คิดฝันว่าวินาทีที่เย่หยวนกลับมาถึงนั้นเขาก็กลับจะได้สติขึ้นมาทันที!
“ฮ่าๆ มันต้องอย่างนี้!” เย่หยวนหัวเราะขึ้น
“น้องเย่ เจ้าต้องระวังให้ดี! ครั้งนี้ข้าจะไม่ลังเลอีกแล้ว!” หลัวหยุนชิงนั้นยิ้มตอบกลับมา
“หึๆ คิดจะเอาชนะข้าท่านนั้นยังไม่พอหรอก!”
เย่หยวนหัวเราะลั่นขึ้นก่อนจะเปลี่ยนใบไม้ทั้งสองเป็นดาบแสงพุ่งเข้าโจมตีหลัวหยุนชิงในทันใด
หลัวหยุนชิงนั้นผสานเข้าเป็นหนึ่งเดียวกับดาบจึงทำให้เวลานี้ร่างกายของเขามันดูคมกริบไปทุกส่วน
เคร้ง เคร้ง เคร้ง…
พริบตาเดียวนั้นคนทั้งสองก็แลกดาบกันไปหลายกระบวนท่าทำให้คนทั้งหลายแทบไม่อาจจะมองตามได้ทัน
ความได้เปรียบก่อนหน้าของเย่หยวนนั้นมันจางหายไปหมดสิ้น!
ในสายตาของคนทั้งหลายมันเหมือนกับว่าคนทั้งสองได้กลายเป็นดาบที่คมกริบตัดผ่านกันไปมา
คนทั้งสองนั้นมีเต๋าดาบที่เหนือล้ำจนถึงขีดสุด!
ในเวลานี้หลัวหยุนชิงได้กลับมามีสติสมบูรณ์พร้อม แน่นอนว่าทั้งร่างกายของเขาและการเคลื่อนไหวมันย่อมจะเฉียบคมอย่างเหนือล้ำ
แต่เย่หยวนเองก็ไม่ได้ด้อยกว่าเขา!
ดาบของเย่หยวนนั้นเน้นที่ความสมดุลรอบด้านและมั่นคง ไม่เปิดช่องโหว่ให้ถูกโจมตีได้
ไม่ว่าดาบของหลัวหยุนชิงนั้นจะคมกริบแค่ไหนเขาก็ไม่อาจจะทะลุผ่านมันไปได้!
เฟิงซวนยี่นั้นได้แต่ต้องเบิกตากว้างขึ้นมาด้วยความรู้สึกโชคดีอย่างบอกไม่ถูก
ยอดอัจฉริยะอย่างหลัวหยุนชิงและเย่หยวนนั้นการได้รับพวกเขามามันคือโชคลาภ แต่หากจะเสียพวกเขาไปมันคงเป็นบาปกรรม!
หากมิใช่เพราะการกลับมาของเย่หยวนนั้นนิกายสวรรค์ยุทธมั่นคงได้สูญเสียครั้งใหญ่แน่แล้ว!
คำพูดของเย่หยวนก่อนหน้านี้มันทำให้เขารู้สึกอับอายขึ้นมา
เจ้านิกายผู้นี้กลับไม่อาจจะมองเรื่องง่ายๆ เช่นนั้นออกได้
หลัวหยุนชิงก็ไม่ต่างจากเขา คิดจะสละตัวเพื่อปกป้องนิกาย
แต่การให้เขาสละตัวไปจะช่วยให้พวกเขารอดพ้นจากมือศัตรูจริงหรือ?
ในโลกหล้านี้ไม่เคยมีใครเอาชนะศัตรูได้ด้วยการก้มหัวกราบกระดิกหางให้อีกฝ่าย
หากคิดอยากจะรอดมันก็มีแต่ต้องขัดขืนเท่านั้น!
คนเองก็เป็นเช่นนั้น!
นิกายเองก็เป็นเช่นกัน!
เมื่อเขาตัดสินใจไล่ฉินชุนออกไปเขาก็คาดเดาว่าผลลัพธ์ที่ตามมามันจะต้องเลวร้ายไม่น้อย
เพียงแค่ว่าพันธมิตรโอสถนั้นกลับทรงพลังมากกว่าที่เขาคาดคิดไปมาก
เพราะฉะนั้นเขาจึงเกิดลังเลใจขึ้นมาอีกครั้ง!
สละยอดอัจฉริยะที่สุดของนิกายเพื่อรับความช่วยเหลือระยะสั้นจากพันธมิตรโอสถ
มันคุ้มค่าหรือไม่?
แต่เหล่าศิษย์ทั้งหลายนั้นไม่ได้คิดอะไรลึกซึ้งมากมายเพราะการต่อสู้ของเย่หยวนและหลัวหยุนชิงนั้นมันทำพวกเขาทุกคนต้องรู้สึกเดือดพล่านขึ้น
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเหล่าศิษย์ที่เป็นนักดาบทั้งหลายนั้นพวกเขายิ่งแทบลืมหายใจ
เวลานี้แม้แต่เหล่าผู้พิทักษ์ทั้งหลายก็ยังต้องมองศึกนี้ตาไม่กะพริบ
“พวกเขาทั้งสองนั้นพัฒนาเต๋าดาบขึ้นไปจนถึงที่สุด!”
“ผู้อาวุโสหลัวนั้นยังว่าแต่ทำไมเย่หยวน นักหลอมโอสถสวรรค์นั้นมันถึงได้มีเต๋าดาบที่เหนือล้ำดุดันปานนี้กัน?”
“สุดยอดจริง! แปลงยอดเต๋าของเย่หยวนนั้นมันอยู่ในระดับสมบูรณ์ไปแล้ว! นี่เขาไปเจออะไรในแดนเนรเทศมากันแน่?”
…
การต่อสู้ของคนทั้งสองนั้นมันทำให้เกิดความแตกตื่นขึ้นมารอบด้าน
พลังฝีมือของหลัวหยุนชิงนั้นมันเป็นสิ่งที่ทุกคนรู้ดี!
แต่ไม่มีใครคิดฝันว่าเย่หยวนกลับจะแข็งแกร่งได้ถึงขั้นนี้!
ตูม!
จู่ๆ มันก็เกิดเสียงปะทะรุนแรงขึ้นพร้อมร่างของหลัวหยุนชิงที่ลอยลิ่วถอยออกไป!
แน่นอนว่าแรงกระแทกระดับนี้ย่อมจะไม่ทำให้ยอดฝีมือชั้นบรรยากาศสวรรค์จักรพรรดิหยกอย่างเขาบาดเจ็บลง
แต่คนทั้งหลายต่างเข้าใจดีว่านี่มันคือความพ่ายแพ้ในวิชาดาบ!
ครั้งนี้เขาแพ้ลงอย่างแท้จริง!
สายตาของคนทั้งหลายนั้นต่างหันไปมองที่เย่หยวนอย่างตกตะลึงสุดหัวใจ
เขานั้นเอาชนะหลัวหยุนชิงได้ในระดับพลังบ่มเพาะเดียวกัน มันย่อมจะหมายความว่าตำแหน่งอัจฉริยะอันดับหนึ่งแห่งนิกายนั้นได้กลายเป็นของเย่หยวนแล้วมิใช่หรือ?
ทุกผู้คนนั้นต่างได้แต่สูดหายใจเย็นเยือก
แต่หลัวหยุนชิงนั้นกลับหัวเราะลั่นขึ้นมา “ฮ่าๆๆ… สุดยอด! ข้าหลัวหยุนชิงนั้นขอรับความพ่ายแพ้นี้ไว้อย่างสุดใจ! ไม่นึกเลยว่าหลังจากน้องเย่ออกมาจากแดนเนรเทศได้นั้นจะมีแปลงยอดเต๋าที่ยอดเยี่ยมเหนือล้ำได้ถึงปานนี้! เก่งกาจ! แข็งแกร่ง!”
เย่หยวนยิ้มตอบกลับไป “พี่หลัวเองก็ถ่อมตัวเกินไปแล้ว! ข้านั้นใช้สามกฎเอาชนะหนึ่งกฎ มันย่อมจะไม่แปลกอะไร!”
หลัวหยุนชิงยกมือขึ้นมาโบกปัด “ชนะก็คือชนะ แพ้ก็คือแพ้! ข้าหลัวหยุนชิงนั้นมิใช่คนที่กลัวความพ่ายแพ้! แต่ศึกนี้มันทำให้ข้าได้เข้าใจแล้วว่าเต๋าดาบของข้านั้นยังมีช่องว่างให้พัฒนาอีกมาก! แน่นอนว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดคือข้าหลัวหยุนชิงนั้นกลับมาตั้งสติได้อีกครั้งแล้ว!”
พูดจบหลัวหยุนชิงก็หันหน้าไปหาตัวเฟิงซวนยี่พร้อมยกมือขึ้นคารวะ “ท่านเจ้านิกาย ข้าต้องขออภัย! ความผิดนี้หลัวหยุนชิงไม่อาจจะยอมรับมันได้! จากวันนี้ไปข้าหลัวหยุนชิงจะขอถอนตัวจากนิกายสวรรค์ยุทธมั่น! ความแค้นของข้าต่อพันธมิตรโอสถนั้นมันไม่เกี่ยวอะไรกับนิกายอีกต่อไป! ลาก่อน!”
พูดจบหลัวหยุนชิงก็หันหน้าหนีเตรียมตัวเดินจากไป
แต่เฟิงซวนยี่นั้นกลับขมวดคิ้วแน่นขึ้นมาพร้อมร้องเรียก “โอหัง! นิกายสวรรค์ยุทธมั่นเรานี้จะไปก็ไปจะมาก็มาได้หรือ? กลับมานี่!”
เขายื่นมือออกมาใช้ปราณเทวะดึงดูดสายลมรุนแรงเข้ามาหาตัว
นั่นทำให้ตัวหลัวหยุนชิงต้องถูกดูดกลับมาด้านหลัง!
เมื่อเย่หยวนเห็นเช่นนั้นเขาก็อดตกตะลึงขึ้นมาไม่ได้
สมชื่อว่าเป็นเจ้านิกาย เขานั้นมีพลังที่แข็งแกร่งอย่างแท้จริง!
“ท่านเจ้านิกาย!” หลัวหยุนชิงนั้นพยายามค้านขึ้นมา
“หุบปาก!” เฟิงซวนยี่ขมวดคิ้วแน่นตวาดด่าออกไป
เมื่อได้ยินเช่นนั้นตัวหลัวหยุนชิงก็ไม่กล้าจะพูดขัดอีกต่อไป
ฉือเฟยหยูเห็นว่าเฟิงซวนยี่คิดจะปกป้องตัวหลัวหยุนชิงเขาจึงรีบกล่าวขึ้นขัด “ท่านเจ้านิกาย เรื่องนี้มันตัดสินกันไปแล้ว! ในเมื่อเย่หยวนมันกลับมาแล้วก็ให้มันเป็นคนรับผิดชอบไปขอขมาพันธมิตรโอสถเถอะ! จะอย่างไรเรื่องนี้ก็เกิดขึ้นเพราะมัน หากเราไม่ส่งมันไปให้พันธมิตรโอสถจัดการแล้วทางพันธมิตรโอสถเองก็คงไม่ระงับโทสะลงแน่!”
เฟิงซวนยี่ขมวดคิ้วแน่นก่อนจะตวาดสวนกลับไป “หากเราส่งเย่หยวนไปให้พันธมิตรโอสถแล้วเจ้าคิดว่าพวกมันจะวางมือหรือ? เจ้าไม่คิดบ้างหรือว่านิกายสวรรค์ยุทธมั่นเราจะเสื่อมเสียชื่อเสียงแค่ไหน?”
ฉือเฟยหยูจึงตอบกลับไป “ท่านเจ้านิกาย แม้ว่าชื่อเสียงของนิกายมันจะสำคัญแต่การพัฒนานิกายนั้นย่อมจะสำคัญกว่า! เวลานี้เราถูกพันธมิตรโอสถคว่ำบาตรทุกทางแล้ว เวลาสองทศวรรษที่ผ่านมานี้ศิษย์ของเราทั้งหลายต่างบ่มเพาะกันได้ช้าเชื่องลงมาก! หากเราไม่อาจจะระงับโทสะของพันธมิตรโอสถแล้วความห่างของพลังฝีมือมันก็จะยิ่งกว้างขึ้นเรื่อยๆ! ถึงเวลานั้นห้ายอดนิกายสวรรค์มันคงเหลือเพียงแค่สี่แน่!”
เฟิงซวนยี่กำลังคิดจะตอบสวนไปแต่มันกลับมีเสียงหนึ่งพูดขึ้นมาแทรก “เฟยหยูนั้นกล่าวได้มีเหตุผล! แม้ว่าเย่หยวนจะมากพรสวรรค์แต่พรสวรรค์ของเขาก็ช่วยนิกายเราไม่ได้! หากเราปล่อยให้พันธมิตรโอสถมันคว่ำบาตรเราต่อไปแล้วร้อยปีจากนี้นิกายสวรรค์ยุทธมั่นของเราคงได้เลือนหายไปจากหน้าประวัติศาสตร์แน่!”
เมื่อได้ยินคำพูดทั้งหลายนั้นสีหน้าของเฟิงซวนยี่ก็ต้องเปลี่ยนสีไป
แต่ทางฉือเฟยหยูนั้นกลับยิ้มกว้างขึ้นมาทันที
เพราะคนที่กล่าวออกมานั้นมันคือผู้อาวุโสใหญ่แห่งนิกายสวรรค์ยุทธมั่น เชินฉาง!
อำนาจของผู้อาวุโสใหญ่นั้นมันสูงส่งอย่างมาก เรียกว่าไม่น้อยไปกว่าตัวเจ้านิกายอย่างเฟิงซวนยี่ก็ไม่ผิดนัก
วินาทีที่เขากล่าวขึ้นมานั้นน้ำหนักมันก็เปลี่ยนทิศไป
“ท่านเจ้านิกาย เวลานี้หากยังมาคิดปกป้องคนของตัวเองอีกนิกายเราจะได้เดินสู่หายนะ! ท่านเจ้านิกาย ช่วยคิดใหม่ด้วยเถอะ!”
“เย่หยวนนั้นมันเป็นคนไม่สนใจกฎเกณฑ์ ทำให้ฉินชุนไม่พอใจหนีไป เรื่องนี้จะอย่างไรมันก็ต้องเป็นคนรับผิดชอบ!”
“ท่านเจ้านิกายช่วยเอาผลประโยชน์ส่วนรวมมาก่อนด้วย!”
…
แน่นอนว่าเมื่อผู้อาวุโสใหญ่กล่าวนำขึ้นมาแล้วเหล่าผู้อาวุโสคนอื่นๆ เองก็กล่าวแสดงความเห็นขึ้นมาตามๆ กัน อำนาจของผู้อาวุโสใหญ่นั้นเป็นของจริงอย่างไม่ต้องสงสัย
เวลานี้เฟิงซวนยี่จึงได้แต่ทำหน้าเหยเกตอบกลับไป
เพราะเรื่องนี้มันเกี่ยวพันถึงชะตาของนิกาย แม้แต่ผู้อาวุโสใหญ่เองก็ยังไม่คิดจะเข้าข้างเย่หยวน
เรื่องนี้ทำให้เขารู้สึกกดดันอย่างมาก
“พอได้แล้ว! พวกเจ้าหุบปาก!” เฟิงซวนยี่ร้องลั่นขึ้นมาทำให้คนทั้งหลายต้องเงียบปากลง
สายตาของเขาหันไปมองหน้าคนทั้งหลายพร้อมกล่าวประกาศ “ฉินชุนนั้นข้า เฟิงซวนยี่เป็นคนไล่มันไปเอง! เรื่องนี้หากจะถามว่าใครควรเป็นคนรับผิดชอบมันก็ต้องเป็นข้าคนนี้! หากผู้อาวุโสทั้งหลายไม่พอใจกับการตัดสินใจของข้าแล้ว เช่นนั้นข้าเฟิงซวนยี่ ก็จะขอลงจากตำแหน่งเจ้านิกาย! แต่เรื่องของเย่หยวนและหลัวหยุนชิงนั้น ข้าจะปกป้องพวกเขาด้วยกำลังของข้านี้!”
…………….