ตอนที่ 1535: สิ้นหวัง

เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god)

ตอนที่ 1535: สิ้นหวัง

หากยังเป็นอย่างนี้ต่อ ข้าจะตายแน่นอน ! มีแสงวาบผ่านดวงตาของเฉียงซ่ง เขาต้องยอมรับว่าเขาประเมิณความแข็งแกร่งของเจี้ยนเฉินต่ำไป ในแง่พลังของเขาแล้ว เขาแข็งแกร่งกว่าเจี้ยนเฉินอย่างแน่นอนแต่มันก็ไม่มากนัก เขาไม่อาจกดดันเจี้ยนเฉินได้เต็มที่และไม่มีการฟื้นฟูที่ทรงพลังอย่างเจี้ยนเฉิน ภายใต้การฟื้นฟูทั้งสองอย่างของเขาในฐานะเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงและร่างบรรพกาลของเขา เจี้ยนเฉินสามารถฟื้นฟูพลังได้ในเวลาอันสั้น ไม่ว่าเขาจะบาดเจ็บสาหัสเพียงใดก็ตาม เขาสามารถงอกแขนงอกขาออกมาได้อีกด้วย ในทางกลับกัน เฉียงซ่งไม่ได้มีความสามารถเหล่านี้และบาดแผลของเขายังถูกพลังจากกฎขวางกั้นอีด้วย ยิ่งเขาได้รับบาดเจ็บมากกว่าไหร่ เขาก็ยิ่งใช้พลังมากขึ้นในการกดข่มพลังของกฎ ทำให้ความแข็งแกร่งของเขาถูกจำกัด

โดยทั่วไปแล้วเจี้ยนเฉินได้หายเป็นปกติแล้ว ขณะที่ต่อสู้กับเฉียงซ่ง ดังนั้นเฉียงซ่งเริ่มที่จะลำบากมากขึ้น

เฉียงซ่งก้มหัวเพื่อที่จะหลบกระบี่ฉิงโซวซึ่งพุ่งเข้ามายังหน้าผากของเขา ในเวลาเดียวกันความคิดที่จะถอยร่นก็เข้ามาในหัวของเขา หากเขายังต่อสู้ต่อไปเช่นนี้เขาจะตายที่นี่

อย่างไรก็ตามในเวลานั้นมีแสงแว่บเข้ามาในสายตาของเจี้ยนเฉิน เขาใช้พลังวิญญาณทั้งหมดของเขาที่เขาสามารถใช้ได้ พลังวิญญาณนักรบที่จะปรากฏเฉพาะเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงเท่านั้น ทำให้เป็นทั้งเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงและนักสู้ ทันใดนั้นแรงกดดันมหาศาลได้แทรกซึมบริเวณโดยรอบ มันไม่ได้กำหนดเป้าหมายว่าเป็นใครหรือวิญญาณคนไหน

เฉียงซ่งไม่เคยคิดว่าเจี้ยนเฉินจะมีพลังวิญญาณนักรบ ซึ่งมุ่งเน้นการโจมตีทางวิญญาณ จุดแข็งของเฉียงซ่งเมื่อมาถึงขั้นย้อนกลับช่วงปลายก็ยังไร้ประโยชน์เมื่อเจอกับพลังวิญญาณนักรบ เขาไม่อาจป้องกันหรือหยุดยั้งมันได้ไม่ว่าจะทำอย่างไร สิ่งที่เขาทำได้คือการอดทนกับพลังวิญญาณของเขา

พลังวิญญาณนักรบจะฉีกมิติรอบ ๆ ตัวและก่อให้เกิดคลื่นพลังซึ่งมันรวดเร็วเป็นอย่างมาก เมื่อมันกระทบร่างของเฉียงซ่ง เขาก็สั่นทันที ในขณะนั้นเขารู้สึกว่าวิญญาณของเขาถูกทิ่งแทงด้วยเข็มนับไม่ถ้วนและเกิดการเจ็บปวดอย่างรุนแรง เขางุนงงและดวงตาเหม่อลอย

พลังวิญญาณนักรบของเจี้ยนเฉินนั้นทรงพลัง พลังวิญญาณนักรบเป็นที่รู้กันว่าสามารถที่จะสังหารคนที่อยู่ในขั้นเดียวกันได้ แม้ว่าเจี้ยนเฉินจะมีวิญญาณอยู่ในขั้นย้อนกลับ แต่ความเข้าใจของเขาเกี่ยวกับพลังวิญญาณนักรบนั้นก็มีจำกัดอย่างมาก บวกกับเขาความจริงที่ว่าเขาไม่รู้จักทักษะลับใด ๆ เลย เขาเลยไม่อาจแสดงพลังของพลังวิญญาณนักรบได้อย่างเต็มที่ได้ ด้วยเหตุนี้พลังวิญญาณของเขาจึงไม่อาจสร้างความเสียหายให้กับจอมยุทธขอบเขตดั้งเดิมได้ มันแค่ส่งผลต่อคนเหล่านั้นในช่วงเวลาสำคัญได้เท่านั้น

ผลที่ตามมาคือ เฉียงซ่งฟื้นตัวได้ในเวลาเพียงครู่เดียวหลังจากที่ถูกพลังวิญญาณโจมตี แม้จะได้รับความเจ็บปวดแต่ก็ไม่ได้สาหัสนัก อย่างไรก็ตามเฉียงซ่งก็ได้เสียโอกาสในการหลบกระบี่ฉิงโซว

ภายใต้การควบคุมทางวิญญาณของเจี้ยนเฉิน กระบี่ฉิงโซวบั่นหัวเฉียงซ่ง เลือดได้สาดกระจายออกมาพร้อมกับสมองสีขาว

หัวของเฉียงซ่งกว่าหนึ่งในสามหายไป หัวของเขาทั้งหมดเต็มไปด้วยเลือดทันที เขาดูน่าเกลียดและน่ากลัว

อย่างไรก็ตามเฉียงซ่งยังไม่ตาย กระบี่ได้ฟันหัวของเขาหายไปแค่หนึ่งในสามเท่านั้น แต่มันก็ทำให้เขาสามารถหลีกเลี่ยงหายนะได้ แม้ว่าเขาจะไม่อาจหลบเลี่ยงการโจมตีทางวิญญาณได้

เจ้ารู้จักการโจมตีทางวิญญาณด้วยหรือ ! ? เฉียงซ่งตะโกนออกมาอย่างไม่เต็มใจ พรสวรรค์ของเจี้ยนเฉินทำให้เขาตกใจกลัว เจี้ยนเฉินที่มีการโจมตีทางวิญญาณนั้นน่ากลัวมาก จิตใจของเฉียงซ่งปั่นป่วน

แม้ว่าการโจมตีทางวิญญาณจะไม่อาจทำร้ายวิญญาณของเฉียงซ่งได้ แต่การโจมตีทางวิญญาณทำให้เขาสติหลุดไปชั่วชณะหนึ่ง แม้ว่ามันจะเป็นเพียงเสี้ยววินาที แต่มันก็ยังนานเกินพอที่จะได้สติกลับมา

เฉียงซ่งวางแผนที่จะหลบหนีแล้วตอนนี้และตอนนี้เจี้ยนเฉินได้ใช้พลังของพลังวิญญาณนักรบใส่เขา เฉียงซ่งกลายเป็นหวาดกลัวอย่างมาก เขาทิ้งเจี้ยนเฉินทันทีและกลับเข้าไปอุโมงค์ที่อยู่ด้านล่างอย่างไม่ลังเล

เจี้ยนเฉินถูกห้อมล้อมด้วยแสงสีขาวนวล ดูเหมือนว่าเขาจะไม่เคยหยุดรักษากายแม้แต่เสี้ยววินาทีเดียว เขาตามเฉียงซ่งทันทีเมื่อเขาเห็นว่าเฉียงซ่งพยายามจะหนี เขาพยายามทุกอย่างเท่าที่จะทำได้เพื่อหยุดยั้งเฉียงซ่ง ท้ายที่สุดเขาก็เป็นจอมยุทธขั้นย้อนกลับช่วงปลาย ในโลกแห่งเซียนที่ถูกทอดทิ้งมีเพียงพวกเขาแค่ 2 คน หากหนึ่งในนั้นตายลงมันจะเป็นการสูญเสียที่ยิ่งใหญ่มากับพวกต่างโลก

อย่างไรก็ตามมีความอ่อนแรงบนใบหน้าของเจี้ยนเฉิน เรื่องนี้เกิดขึ้นเพราะว่าเขาใช้พลังวิญญาณ ตั้งแต่เขาใช้พลังวิญญาณที่รุนแรงของเขาทำให้หัวของเขารู้สึกหนักอึ้ง

แม้ว่าเฉียงซ่งจะได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่เขาก็ไม่ช้าลงเลย เขาพุ่งกลับมายังทวีปเทียนหยวนหลังจากที่ออกไปนอกอวกาศ เขาหลอมรวมเข้ากับเขตแดนและเข้ามาในเขตแดนของเจียงหยางหมิงเยว่ ราวกับว่าเขาหายตัวไป เขามองกลับไปยังแสงสีม่วงฟ้าซึ่งตามเขามาอย่างรวดเร็ว เขาไม่ได้ปิดบังพลังของกฏของเขาอีกต่อไป เขารวมพลังทั้งหมดของเขาไว้ในคทาโลหะและจากนั้นก็กระแทกเขตแดนให้แรงที่สุดเท่าที่จะทำได้

ตูม !

เกิดการสั่นอย่างรุนแรงเขตแดนดังกล่าวส่งเสียงดังกึกก้องก่อนที่จะพังทลายจากการโจมตีของเฉียงซ่ง เจียงหยางหมิงเยว่เชื่อมต่อกับเขตแดน ดังนั้นนางจึงได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงและกระอักเลือดเมื่อมันถูกทำลาย

เฉียงซ่งไม่รอช้า หลังจากกระอักเลือดออกมา เขาก็พุ่งเข้าไปในอุโมงค์มิติราวกับลูกศรพร้อมกับเปิดเขตแดนครองคลุมร่างของเขา เจี้ยนเฉินก็ตามเขามาอย่าใกล้ชิด

เมื่อเฉียงซ่งกำลังจะเข้าไปในอุโมงค์ ทันใดนั้นเขาก็ตัวแข็งและจ้องมองไปข้างหน้า

มีร่างปรากฏอยู่อีกสี่ร่างที่ออกมาจากอุโมงค์ พวกเขาเป็นสี่ผู้อาวุโสจากโลกแห่งเซียนที่ถูกทอดทิ้ง มีจอมยุทธอีกนับสิบคนอยู่ด้านหลังของพวกเขา

ในเวลานั้น จากพื้นฐานแล้วจอมยุทธขอบเขตดั้งเดิมจากต่างโลกได้มาถึง มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่ยังคงเฝ้าทางเข้า-ออก ของฝั่งจากโลกแห่งเซียนที่ถูกทอดทิ้ง

ผู้อาวุโสเฉียง เจ้าอยู่ในสภาพที่น่ากลัวขนาดนี้ได้อย่างไร ! ? สี่จอมยุทธขั้นย้อนกลับตกใจมากเมื่อพวกเขาเห็นเฉียงซ่ง ท้ายที่สุดแล้วเฉียงซ่งก็ไม่ใช่เจิงจิงหยวนหรือกงซีหมิง เขาเป็นจอมยุทธที่ทรงพลังเป็นอับดับสองรองจากโอวหยางหยิงเว่ย

จากนั้นพวกเขาก็เห็นโอวหยางหยิงเว่ยที่ติดอยู่ในแผ่นกลมแบนสีฟ้าและมีการแสดงออกที่แปลก ๆ

นั่นไม่ใช่สมบัติสูงสุดของจิตวิญญาณราชันย์ที่มอบให้กับกู่มู่ เพื่อที่เขาจะได้ขังจอมยุทธขั้นย้อนกลับจากต่างโลกหรือ ? มันเป็นสมบัติจากโลกแห่งเซียนที่ถูกทอดทิ้งของพวกเขา เช่นนั้นทำไมมันถึงได้ถูกใช้กับพวกเขาและขังโอวหยางหยิงเว่ยที่เป็นผู้อาวุโสสูงสุดของพวกเขา ?

ฮึ่ม ข้าประเมิณความแข็งแกร่งของโลกนี้ต่ำเกินไป เจ้าต้องระวังคนคนนั้นที่เข้าใจเส้นทางกระบี่ ข้าจะไปรักษาตัวก่อน เฉียงซ่งตะโกน แม้ว่าเขาจะอยู่ในสภาพปางตาย แต่เขาก็ยังไม่พอใจกับความสำเร็จที่เขาได้ทำ เขาไม่ยอมรับว่ามีใครบางคนได้ชนะเขาแม้ว่าจะยังไม่ถึงขอบเขตดั้งเดิม

หากเป็นเช่นนั้น โปรดพาโอวหยางหยิงเว่ยกลับไปกับท่านเพื่อให้จิตวิญญาณราชันย์นำเขาออกมาจากสมบัติ ปล่อยให้เรื่องที่เหลือเป็นของพวกเราทั้งสี่คน ผู้อาวุโสขั้นย้อนกลับพูดอย่างโหดเหี้ยม สายตาของพวกเขาจ้องมองเจี้ยนเฉินที่ถูกปกคลุมด้วยแสงสีขาว

เจี้ยนเฉินไม่ได้ไล่ตามต่อไป จอมยุทธขั้นย้อนกลับอีก 4 คนจากโลกแห่งเซียนที่ถูกทอดทิ้งปรากฏตัวขึ้น ทำให้ใบหน้าของเขาบิดเบี้ยว ไม่เพียงแต่เขาได้รับบาดเจ็บสาหัสตอนนี้ เขายังใช้พลังวิญญาณมากเกินไป การใช้พลังจากพลังวิญญาณนักรบทำให้ภาระการต่อสู้กับของเขาค่อนข้างหนักหน่วงมาก อาจจะยากลำบากหากใช้กับคนคนเดียวที่อยู่ในขั้นย้อนกลับช่วงกลาง แต่ตอนนี้มีจอมยุทธขั้นย้อนกลับปรากฏขึ้นอีก 4 คน ยังไม่รวมจอมยุทธขั้นรับมอบอีกกว่าสิบคนนี้ สำหรับทวีปเทียนหยวนแล้ว พวกเขาจะจัดการกับเหล่าคนที่ทรงพลังได้อย่างไร ?

เขากำลังรักษาตัวอยู่ การฟื้นฟูของเขาน่าทึ่งมาก ดังนั้นเจ้าอย่าเสียเวลาให้เขาพักหายใจทันได้ เฉียงซ่งพูดผ่านไรฟันขณะที่เขาจ้องมองเจี้ยนเฉิน เขาไม่ได้แพ้การต่อสู้ด้วยพลังของเขา แต่เป็นเพราะการฟื้นฟูของเจี้ยนเฉินที่รวดเร็วยิ่ง ถ้าเจี้ยนเฉินไม่อาจฟื้นฟูได้อย่างน่าตกใจและมีพลังไม่หมดไม่สิ้น เขาอาจจะสามารถสังหารเจี้ยนเฉินได้

ผู้อาวุโสขั้นย้อนกลับสองในสี่คนพุ่งเข้าหาเจี้ยนเฉินทันที สองคนที่เหลือพุ่งเข้าหาเจียงหยางหมิงเยว่และเถี่ยต้าตามลำดับ จอมยุทธคนอื่นๆก็เริ่มโจมตีกองทัพของทวีปเทียนหยวนโดยไม่ลังเล

เฉียงซ่งมองไปที่โอวหยางหยิงเว่ย หลังจากที่ลังเลอยู่ครู้หนึ่งเขาก็โบกมือไปทางกรงขังสีฟ้าทันที เขาหายตัวเข้าไปในอุโมงค์พร้อมกับโอวหยางหยิงเว่ยและแผ่นกลมแบนสีม่วงฟ้า

ด้วยการเพิ่มขึ้นของจอมยุทธขั้นย้อนกลับและจอมยุทธขั้นรับมอบมากกว่าสิบคน ความสมดุลที่ควบคุมได้ถูกทำลายลงทันที มันเหมือนกับก้อนหิมะที่ไหลลงมา กองทัพจากทวีปเทียนหวนประสบกับความสูญเสียอย่างมากและจอมยุทะหลายคนได้ล้มตายลง

เจียงหยางหมิงเยว่ได้กดดันเจิงจิงหยวนขณะต่อสู้ แต่เมื่อจอมยุทธขั้นย้อนกลับอีก 2 คนเข้ามา แรงกดดันที่นางเผชิญก็เพิ่มขึ้นอีกหลายเท่าทันที นางถูกบังคับให้ล่าถอยอย่างต่อเนื่องจากจอมยุทธขั้นย้อนกลับทั้งสองคนนี้

เถี่ยต้ายังคงต่อสู้อย่างดุเดือดเป็นพิเศษกับจอมยุทธขั้นย้อนกลับที่ยากจะรับมือ แต่เขาก็ไม่อาจจบการต่อสู้ได้ในเวลาสั้น ๆ

เจี้ยนเฉินเผชิญหน้ากับจอมยุทธขั้นย้อนกลับช่วงกลาง 2 คน หากเขาอยู่ในสภาพที่พร้อมที่สุด เขาอาจจะยืนหยัดต่อกรกับทั้งสองได้ แต่ตอนนี้มันเป็นเรื่องยากสำหรับเขาที่จะผลักดันให้จอมยุทธขั้นย้อนกลับช่วงกลาง 2 คนออกไป เขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของจอมยุทธขั้นย้อนกลับช่วงกลางทั้งสองคนที่มีการร่วมมือได้เป็นอย่างดี เขาตกอยู่ในความเสียเปรียบทันทีที่เริ่มต่อสู้ หลังจากปะทะกันสองสามครั้ง เขาก็ถูกดาบขนาดใหญ่ฟันเข้าที่เอวจนเกือบจะขาดเป็นสองท่อน

เสียงบรรเลงที่ไพเราะดังลอยในอากาศ ท่วงทำนองพิณที่ไพเราะนั้นน่ารื่นรมย์และความวุ่นวายหรือความอ่อนโยนก็สงบลง ซ่างกวนมู่เอ๋อนั่งอยู่บนอากาศในขณะที่นางเผชิญหน้ากับจอมยุทธขั้นรับมอบมากกว่าสิบคนที่เข้ามาหานาง บทเพลงของนางมีเสน่ห์อย่างไม่อาจต้านทานได้ อิทธิพลของดนตรีของนางมีผลต่อวิญญาณของพวกเขานั้นทรงพลังจนจอมยุทธขั้นรับมอบก็พบว่ามันยากที่จะต้านทาน พวกเขาทุกคนได้รับผลกระทบทั้งหมด

อย่างไรก็ตามจอมยุทธขั้นรับรอบไม่ได้เพียงแค่นั่งรอ จอมยุทธขั้นรับมอบ 5 คน บินออกมาพร้อมกับดึงอาวุธมุ่งหมายไปที่นาง จอมยุทธจากโลกแห่งเซียนที่ถูกทอดทิ้งมุ่งความสนใจไปที่นางเป็นพิเศษ เพราะเป็นคนที่ทักษะในการโจมตีวิญญาณ พวกเขาส่งคนทั้งห้าโถมออกไปเพื่อจัดการนางคนเดียว

แสงไฟวาบผ่านสายตาของซ่างกวนมู่เอ๋อ นางดีดพิณด้วยสองมืออย่างเมามัน ท่วงทำนองที่ไหลออกมาอย่างรวดเร็ว มันทำให้เกิดภาพลวงตาตามคลื่นเสียงที่ผ่านไป

จอมยุทธขั้นรับมอบบางคนรู้สึกว่าศีรษะของเขาเบาลงทันทีจากการเปลี่ยนแปลงท่วงทำนอง มันมีอิทธิพลต่อพวกเขาอย่างมากและกระชากพวกเขาได้อย่างสมบูรณ์ อย่างไรก็ตามจอมยุทธขั้นรับมอบทั้ง 5 คนก็ยังพุ่งเข้าหาซ่างกวนมู่เอ๋อ ทั้งหมดมีการแสดงออกที่แตกต่างกัน ในขณะที่พวกเขารู้สึกว่าเสน่ห์ของบทเพลงนั้นมีพลังมากกว่าที่เคย พลังวิญญาณนับไม่ถ้วนทำให้พวกเขาสั่นอย่างรุนแรง ขณะที่จิตสำนึกของพวกเขาพร่าเลือนและพวกเขาหยุดนิ่ง

หลังจากผ่านไป 5 วินาที ดวงตาของจอมยุทธขั้นรับมอบทั้ง 5 ก็ว่างเปล่าและมัวหมอง หลังจากนั้นไม่นานพวกทั้ง 5 ก็หันหลังกลับและโจมตีอย่างรุนแรงไปที่สหายของพวกเขา

เซียะหมิง เจ้าจะทำอะไร ? เจ้าทรยศพวกเรา…

ไม่ พวกเขาถูกควบคุมด้วยดนตรี…

จอมยุทธขั้นรับมอบจากต่างโลกตะโกนออกมา พวกเขาจนปัญญาและทำได้เพียงรับมือพรรคพวกทั้ง 5 ของพวกเขาได้เท่านั้น ขณะที่ยังมีอีกสองพุ่งเข้าหาซ่างกวนมู่เอ๋อ พวกเขาต้องทำให้นางหยุดเล่นพิณเพื่อให้พรรคพวกของเขากลับมามีสติดังเดิม

ในเวลาเดียวกัน หยางลี่, เฟิงเซียวเทียนและกุยไห่ยี่เต่าเลือดท่วมตัว พวกเขาตกลงมาจากฟ้าขณะที่กระอักเลือดพร้อมกับภูเขาพังทลาย พวกเขาไม่ได้ลุกขึ้นมาอีกเช่นกัน ไม่มีใครรู้ว่าพวกเขายังมีชีวิตอยู่หรือไม่ พวกเขาไม่ได้อยู่ในขอบเขตดั้งเดิม แม้ว่าจะมีวัตถุเซียนช่วย มันก็ทำให้จอมยุทธขอบเขตดั้งเดิมวุ่นวายได้เพียงเท่านั้น เห็นได้ชัดว่าพวกเขาไม่อาจรั้งฝ่ายตรงข้ามได้หลังจากที่ผ่านไปนาน

หากไม่มีพวกเขาทั้งสามคน จอมยุทธขั้นรับมอบทั้งสามได้พุ่งเป้ามาที่กลุ่มเซียนจักรพรรดิที่ควบคุมยุทธภัณฑ์บรรพชน พวกเขาโจมตีกระแทกอาวุธเหล่านั้นบนท้องฟ้า ส่วนใหญ่ในเซียนจักรพรรดิทั้ง 49 คนได้เสียชีวิต คนที่รอดไม่บาดเจ็บสาหัสก็แน่นิ่งอย่างไม่น่าเชื่อ

ในเวลาสั้น ๆ ทวีปเทียนหยวนได้สูญเสียความแข็งแกร่งเทียบเท่าจอมยุทธขั้นรับมอบ 10 คน