นิกายสวรรค์หมื่นช้างนั้นตั้งอยู่กลางดินแดนสวรรค์ห้าแสงและยังเป็นผู้นำของนิกายสวรรค์ทั้งห้าด้วย
เพราะว่านิกายสวรรค์หมื่นช้างนี้เองที่เป็นผู้ให้กำเนิดยอดคนอย่างโฉปู้ฉุนนั้นขึ้นมา!
ก่อนหน้านี้นิกายสวรรค์หมื่นช้างนั้นเป็นเจ้าฟ้าดินที่ปกครองดินแดนของทั้งทวีปพิรุณใสสิ้น
แม้ว่าตอนนี้พวกเขาจะตกต่ำลงมากแต่มันก็ยังแข็งแกร่งกว่านิกายทั้งสี่ไปไม่น้อย
มหารัฐเพลิงสงบนั้นคือหนึ่งในมหารัฐทั้งเก้าภายใต้การปกครองของนิกายสวรรค์หมื่นช้าง เป็นดินแดนที่ยิ่งใหญ่อย่างมาก
“น้องเย่ พันธมิตรโอสถนั้นมันมียอดคนหลบซ่อนไว้มากมาย ทำเช่นนี้มันจะดีจริงๆ หรือ?”
“ข้าได้ยินมาว่าพันธมิตรโอสถนั้นมันมีคนหลอมโอสถสวรรค์ระดับจักรพรรดิได้มากมายไม่น้อย! แม้ว่าระดับเดียวกันมันจะไม่มีใครเอาชนะเจ้าได้แต่หากพวกมันส่งนักหลอมโอสถสวรรค์ระดับสามหรือระดับสี่ลงมาเล่า? เจ้าจะรับมือมันได้อย่างไร?”
“ข้ากลับกลัวพวกมันจะไม่มาด้วยซ้ำ! พี่หลัว ไม่ต้องคิดมากไป ท่านแค่ทำตามที่เราตกลงกันไว้ก็เพียงพอแล้ว”
“…”
“ลงมือเลย!”
“… ก็ได้!”
ฟุบ!
ดาบแสงนั้นตัดลงยังป้ายร้านของห้างโอสถขจีจนแตกออกเป็นสองซีก
การกระทำนี้มันย่อมจะทำให้เหล่าคนที่ผ่านมาต่างหันมาสนใจ
คนทั้งสองนี้มันย่อมจะเป็นเย่หยวนและหลัวหยุนชิงที่เดินทางมาจากเดินไกลแล้ว
ห้างโอสถขจีนั้นคือหนึ่งในหน้าร้านของพันธมิตรโอสถที่พวกเขาตั้งมันขึ้นในมหารัฐเพลิงสงบเพื่อขายโอสถสวรรค์ทั้งหลาย
ด้วยการสนับสนุนของพันธมิตรโอสถ แน่นอนว่าห้างโอสถขจีนั้นย่อมจะดำเนินธุรกิจได้อย่างราบรื่น
พลังอำนาของพันธมิตรโอสถนั้นมันเหมือดั่งประกาศิตสั่งเรียกลูกค้าเข้าร้านได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเหล่าศิษย์ของยอดนิกายสวรรค์ทั้งห้าที่เข้ามาอุดหนุนกันไม่ขาดสาย
คุณภาพโอสถของพันธมิตรโอสถนั้นมันสูงล้ำ!
แต่ว่าราคาของโอสถสวรรค์ที่พันธมิตรโอสถขายเองมันก็สูงไม่แพ้คุณภาพนั้น
ธุรกิจโอสถของพันธมิตรโอสถในดินแดนของนิกายสวรรค์ยุทธมั่นนั้นมันเรียกได้ว่าถูกยับยั้งลงสิ้น
แต่จะอย่างไรพวกเขาก็ยังเปิดร้านอยู่ในดินแดนของนิกายทั้งสี่ตามปกติ
เฟิงซวนยี่นั้นเคยคิดเดินทางมาซื้อโอสถสวรรค์ยังดินแดนของนิกายสวรรค์อื่นๆ แต่จะอย่างไรระยะทางนั้นมันก็ไกลเกินรับได้
มันย่อมจะไม่มีทางที่นิกายสวรรค์ยุทธมั่นจะใช้วิธีการนี้เพื่อซื้อหาโอสถสวรรค์กลับไปหล่อเลี้ยงนิกาย
เวลานี้มันผ่านมาได้แปดปีแล้วตั้งแต่ที่เย่หยวนให้คำมั่นไว้
แปดปีมานี้เย่หยวนเก็บตัวฝึกฝนมาตลอดและเพิ่งจะออกการเก็บตัวมาได้ไม่นานเขาก็รีบพาตัวหลัวหยุนชิงมุ่งหน้ามายังมหารัฐเพลิงสงบ
แปดปีที่ผ่านมานี้นิกายสวรรค์ยุทธมั่นนั้นได้ใช้กำลังที่มีทั้งหมดในการสนับสนุนการฝึกฝนโอสถสวรรค์ของเย่หยวน
เพราะจะอย่างไรนิกายสวรรค์ยุทธมั่นนั้นก็เป็นถึงหนึ่งในห้ายอดนิกายสวรรค์ ต่อให้จะไม่มีสมุนไพรสวรรค์ชุดใหม่เข้ามาแต่พวกเขาก็ยังมีเหลือสมุนไพรสวรรค์ที่เก็บไว้ในคลัง
ที่สำคัญไปกว่านั้นเย่หยวนยังต้องการฝึกฝนแค่โอสถสวรรค์ระดับสองเท่านั้น
ห้างโอสถขจีนั้นเป็นฐานการค้าสำคัญของพันธมิตรโอสถในดินแดนภายใต้การปกครองของนิกายสวรรค์หมื่นช้าง
ที่สำคัญไปกว่านั้นเฟิงซวนยี่เคยได้ส่งคนออกมาขอซื้อโอสถสวรรค์ในห้างร้านนี้แต่ท่าทางของนายห้างโอสถขจีอย่างเฟิงจิ้งนั้นมันกลับเลวร้ายอย่างมาก
เพราะฉะนั้นเย่หยวนจึงเลือกที่แห่งนี้เป็นเป้าหมายแรก
“เจ้าเด็กนี่มันเป็นใครกัน กล้ามาทำลายป้ายห้างโอสถขจีเช่นนี้? มันไปกินใจหมีดีเสือที่ไหนมา?”
“หึ เจ้ามองไม่ออกหรือ? ไอ้เด็กคนนี้มันคงมาทำลายห้างแล้ว!”
“ไอ้เด็กนี่มันสติไม่ดีหรือ? อาจารย์เฟิงนั้นเป็นคนของพันธมิตรโอสถ วิชาการโอสถของเขานั้นแข็งแกร่งเหนือล้ำ แต่เจ้าเด็กคนนี้มันกลับคิดจะมาทำลายที่แห่งนี้หรือ? หึๆ มันคงไม่มีทางรับผลที่จะตามมาได้แน่!”
“ดูจากชุดของมันแล้วมันน่าจะเป็นศิษย์นิกายสวรรค์ยุทธมั่นใช่หรือไม่? ข้าได้ยินว่านิกายสวรรค์ยุทธมั่นถูกทางพันธมิตรโอสถคว่ำบาตร หรือว่ามันจะมากู้หน้าเรื่องนั้น?”
…
การกระทำของพวกเย่หยวนทั้งสองนั้นมันย่อมจะกลายเป็นที่สนใจของคนที่ผ่านไปมา
พวกเขานั้นไม่ได้ปกปิดซ่อนตัวใดๆ และเดินมาด้วยชุดของนิกายสวรรค์ยุทธมั่นตลอดทาง
เย่หยวนนั้นอยากจะให้คนทั้งหลายได้รู้ว่านิกายสวรรค์ยุทธมั่นนั้นประกาศสงครามกับพันธมิตรโอสถ!
ฟุบ! ฟุบ! ฟุบ!
ยอดฝีมือชั้นบรรยากาศสวรรค์เลิศล้ำราวเจ็ดถึงแปดคนพุ่งตัวออกมาจากในห้างโอสถขจีและล้อมพวกเย่หยวนทั้งสองคนไว้รอบทิศ
หนึ่งในคนที่ล้อมนั้นกล่าวขึ้นมา “กล้ามาทำลายป้ายห้างโอสถขจี เจ้ารนหาที่ตายแล้ว!”
หลัวหยุนชิงนั้นปลดปล่อยพลังชั้นบรรยากาศสวรรค์จักรพรรดิหยกออกมาโดยไม่ขยับแม้แต่นิ้วมือ
“ไสหัวไป!”
สีหน้าของเหล่ายอดฝีมือชั้นบรรยากาศสวรรค์เลิศล้ำนั้นต่างเปลี่ยนสีไปทันที แต่จะอย่างไรพวกเขาก็ยังไม่ถอย
คนที่ล้อมอีกคนหนึ่งกล่าวขึ้นมา “คนของนิกายสวรรค์ยุทธมั่นเช่นเจ้ากล้ามาก่อเรื่องในเขตของพันธมิตรโอสถหรือ? หรือว่าเจ้าคิดว่าแค่ทำลายห้างโอสถขจีลงไปนี้มันจะช่วยให้นิกายสวรรค์ยุทธมั่นพ้นจากหายนะ? ไอ้โง่!”
แม้ว่าเขานั้นจะสัมผัสได้ถึงพลังของหลัวหยุนชิงแต่เขาก็ไม่คิดกลัว
เพราะพันธมิตรโอสถเองก็มียอดฝีมืออยู่มากมาย ระดับชั้นบรรยากาศสวรรค์จักรพรรดิหยกนั้นเองก็มีไม่น้อย!
หลัวหยุนชิงตอบกลับไป “วันนี้นิกายสวรรค์ยุทธมั่นเราจะมาประกาศสงครามต่อพันธมิตรโอสถ! ให้เฟิงจิ้งมันออกมา!”
คนผู้นั้นจึงกล่าวขึ้นมาด้วยคิ้วขมวดแน่น “เจ้าคือนักดาบหน้าหยก หลัวหยุนชิงใช่หรือไม่? ข้าไม่เห็นเคยได้ยินเลยว่าเจ้ากลายเป็นนักหลอมโอสถสวรรค์ระดับสี่แล้ว!”
หลัวหยุนชิงนั้นมีชื่อเสียงยิ่งใหญ่แค่ไหน พร้อมด้วยดาบคู่กายที่ห้อยหลังมานั้นคนทั้งหลายย่อมจะมองออกในพริบตา
แต่คำพูดของอีกฝ่ายนั้นมันกลับแฝงมาด้วยความเย้ยหยันอย่างถึงที่สุด
หลัวหยุนชิงนั้นไม่คิดสนใจและชี้นิ้วไปที่เย่หยวน “มิใช่ข้า เป็นเขา!”
คนทั้งหลายที่ได้ยินนั้นต่างผงะไปแต่ไม่นานมันก็เกิดเสียงตอบรับมา “มัน? นักยุทธชั้นบรรยากาศสวรรค์เลิศใหญ่คนหนึ่งนี้ก็จะมาท้าทายอาจารย์เฟิง? นิกายสวรรค์ยุทธมั่นของเจ้ามันคงไม่มีอะไรเล่นกันแล้วใช่หรือไม่?”
มิใช่เพียงแค่เขา แต่เสียงหัวเราะนั้นมันดังขึ้นมาจากรอบด้าน
“นิกายสวรรค์ยุทธมั่นกลับส่งนักหลอมโอสถสวรรค์ระดับสองมาท้าทายหรือ? นี่มันคิดจะมาเล่นตลกให้พวกเราดูหรืออย่างไรกัน?”
“หึ เจ้าหมอนี่มันคงไม่ได้รู้ถึงความน่ากลัวของอาจารย์เฟิงเลยใช่หรือไม่? การจะมาประจำในห้างหลักของมหารัฐเช่นนี้ได้อาจารย์เฟิงย่อมจะมีฝีมือเหนือล้ำแม้แต่ในพันธมิตรโอสถ!”
“ชิๆ ดูท่านิกายสวรรค์ยุทธมั่นมันจะหมดสิ้นหนทางแล้วจริงๆ!”
…
ในเวลานั้นมันก็ปรากฏชายวัยกลางคนผู้หนึ่งเดินออกมาจากภายใน
ได้เห็นเขานั้นคนทั้งหลายต่างก็ก้มหัวลงคารวะตามๆ กัน
“ขอคารวะอาจารย์เฟิง!”
คนผู้นี้คือเฟิงจิ้ง ดูท่าแล้วเขาคงเป็นคนที่มีอำนาจใหญ่โตในมหารัฐเพลิงสงบแน่!
เฟิงจิ้งนั้นยกมือขึ้นมาโบกรับเป็นการทักทายกลับไป
ดูท่าเขาคงชินชากับสภาพนี้มาก
เฟิงจิ้งนั้นมองดูเย่หยวนพร้อมกล่าวขึ้นมา “นี่นิกายสวรรค์ยุทธมั่นมันไม่มีอะไรจะเล่นแล้วหรือ? ถึงกลับส่งคนเช่นนี้มาเย้ยหยันข้า?”
เย่หยวนตอบกลับไป “ใช่แล้ว ข้ามาเพื่อเย้ยหยันเจ้า! แน่นอนว่าเจ้านั้นเป็นแค่อาหารเรียกน้ำย่อยเพราะนายห้างทั้งหลายของเก้ามหารัฐนั้นเองก็จะต้องถูกข้าเย้ยหยันด้วย!”
เฟิงจิ้งนั้นหัวเราะขึ้น “ช่างเป็นคำพูดที่สูงล้ำหัวดีแท้!”
เย่หยวนยืนมองดูด้วยมือไพล่หลังก่อนจะกล่าวขึ้น “จะสูงล้ำหัวหรือไม่เดี๋ยวเจ้าก็จะได้รู้เอง!”
เฟิงจิ้งนั้นยิ้มตอบกลับมา “แค่คนอย่างเจ้านี้ นักหลอมโอสถสวรรค์ระดับสองคนหนึ่งเจ้าก็มีสิทธิจะท้าทายข้าหรือ?”
แต่ในเวลานั้นเองที่หลัวหยุนชิงได้ปลดปล่อยปราณดาบออกมาอย่างรุนแรง “ไม่รับคำท้าก็ตาย!”
เฟิงจิ้งนั้นผงะไปก่อนจะถามกลับไป “เจ้ากล้าสังหารข้า?”
หลัวหยุนชิงจ้องมองและตอบกลับมาอย่างไร้อารมณ์ใดๆ “เจ้าลองดูได้!”
คำขู่! นี่มันคือคำขู่เอาชีวิต!
เหล่าคนรอบๆ ทั้งหลายนั้นต่างต้องสูดหายใจเข้าลึกเพราะพวกเขานั้นไม่เคยเห็นใครท้าดวลนักหลอมโอสถเช่นนี้มาก่อน
หลัวหยุนชิงนั้นปล่อยปราณดาบที่เย็นเยือกออกมาหมุนวนรอบตัวเฟิงจิ้ง
เฟิงจิ้งนั้นได้แต่ต้องกัดฟันตอบรับ “ได้! ข้าจะประลอง! ในเมื่อพวกเจ้าคิดหาเรื่องใส่ตัวเองแล้วข้าก็จะขอตบหน้านิกายสวรรค์ยุทธมั่นมันเสียหน่อยเถอะ!”
เย่หยวนยิ้มตอบกลับไป “เลิกวางท่าเสียทีเถอะ! เจ้าเลือกโอสถสวรรค์มา! แต่ข้าขอแนะนำให้เจ้าเลือกโอสถสวรรค์ที่ยากๆ ไว้ก่อนจะดีกว่า หากเลือกโอสถสวรรค์ระดับสองพื้นฐานทั้งหลายแล้วเจ้าจะได้พ่ายแพ้อย่างน่าอับอาย!”
เฟิงจิ้งนั้นแทบจะสำลักเลือดออกมาเพราะความรู้สึกคับแค้นที่อยู่ในอก!
เจ้าเด็กคนนี้มันตบหน้าเขาไม่ยั้งมือ!
เว้นเสียแต่ว่าจะทำเช่นนั้นได้เจ้าต้องมีฝีมือจริงด้วย!
เฟิงจิ้งนั้นหัวเราะตอบกลับมา “ได้ เช่นนั้นข้าขอเลือกโอสถสวรรค์ปีกเขียวชี้ดาว! แล้วอย่ามาอ้างแล้วกันว่าเจ้าไม่รู้วิธีหลอมมัน!”
เย่หยวนยิ้มตอบกลับไป “พันธมิตรโอสถของเจ้านี่มันมีสูตรโอสถอยู่มากมายดีแท้ ข้าไม่รู้จักโอสถสวรรค์ชนิดนี้จริงๆ ส่งสูตรมันมาให้ข้าดูก่อนหลอมเสีย”