“ห่ะ? ไม่เคยหลอมมาก่อนแต่ก็กล้าออกหน้ามาอวดอ้างตัวหรือ? นี่มันไม่กลัวว่าจะถูกฟ้าผ่าลงกลางหัวบ้างหรือ?”
“นี่นิกายสวรรค์ยุทธมั่นคิดจะมาเล่นตลกให้คนทั้งโลกได้หัวเราะหรือ? ไอ้เด็กคนนี้มันตัวตลกชัดๆ!”
“ฮ่าๆ ดูท่าไอ้เด็กคนนี้มันจะมาเพื่อเล่นตลกให้เราดูแน่แล้ว ไม่เลวๆ!”
…
คำพูดของเย่หยวนนั้นมันย่อมจะทำให้เกิดเสียงหัวเราะขึ้นรอบด้าน
ตัวเย่หยวนนั้นจริงๆ ก็ย่อมจะไม่เคยได้หลอมโอสถสวรรค์ปีกเขียวชี้ดาวมาก่อนแน่นอน
เพราะเวลาแปดปีที่ผ่านมานี้เขาเอาเวลาทั้งหมดใช้ไปกับการฝึกฝนโอสถสวรรค์พื้นฐานระดับสอง
แต่ว่าเย่หยวนนั้นมีรากฐานที่แข็งแกร่งมาตั้งแต่ตอนฝึกโอสถสวรรค์พื้นฐานระดับหนึ่งแล้ว
เวลานี้เมื่อเขาก้าวขึ้นมาฝึกฝนโอสถสวรรค์พื้นฐานระดับสองมันก็ย่อมจะใช้เวลาน้อยกว่าตอนฝึกระดับหนึ่งไปมาก
ที่สำคัญไปกว่านั้นหลังจากที่เย่หยวนหลอมโอสถสวรรค์ปรับฐานระดับสองได้ถึงระดับเก้าขั้นสุดเขาก็สามารถเพิ่มความเข้ากันได้ให้พุ่งไปถึงสิบได้!
จากสี่ขึ้นไปสิบ มันย่อมจะเป็นการพัฒนาที่ยิ่งใหญ่
สำหรับเย่หยวนแล้วหกแต้มนี้มันย่อมจะเพิ่มกำลังฝีมือของเขาได้มากกว่าที่ใครจะจินตนาการ
ยิ่งระดับของโอสถสวรรค์สูงขึ้นไปเท่าใดมันก็ยิ่งต้องใช้ค่าความเข้ากันได้ที่สูงขึ้นเท่านั้น
หากเขานั้นยังหยุดอยู่ที่สี่แต้มไปตลอดแล้วเส้นทางวันหน้าของเขามันย่อมจะมีแต่อุปสรรคใหญ่น้อย
บางทีเขาอาจจะยังเก่งกาจได้ แต่มันย่อมจะไม่มีทางเหนือล้ำฟ้าดินได้อีกต่อไป
โชคยังดีที่ผลลัพธ์มันกลับไม่จบลงแค่ที่สี่
เฟิงจิ้งนั้นผงะไปเล็กน้อยก่อนจะกล่าวขึ้นมาด้วยเสียงหัวเราะ “เช่นนั้นหรือ? แล้วเจ้าจะเอาสูตรโอสถใดมาเดิมพันกับข้าเล่า? แล้วก็อย่าได้ใช้สูตรโอสถของนิกายสวรรค์ยุทธมั่นมันเล่า เพราะของเหล่านั้นเป็นพันธมิตรโอสถเราทั้งนั้นที่มอบให้มันไป หากเจ้าไม่มีอะไรก็จงไสหัวไปเสียเถอะ!”
เฟิงจิ้งนั้นวางท่าใหญ่โตกลับมาได้อีกครั้ง
สมาชิกพันธมิตรโอสถนั้นต่างมีศักดิ์ศรีอำนาจยิ่งใหญ่แม้จะเป็นหลัวหยุนชิงนั้นเองเขาก็ไม่คิดสนใจมากมาย
เย่หยวนจึงตอบกลับไป “โอสถสวรรค์ละอองร่วง ข้าว่าพันธมิตรโอสถเจ้าคงอยากได้มันไม่น้อยใช่หรือไม่?”
แน่นอนว่าวินาทีที่เฟิงจิ้งได้ยินเช่นนั้นเขาก็ต้องเบิกตากว้างร้องขึ้นมา “โอสถสวรรค์ละอองร่วง! เจ้า… เจ้ากลับมีสูตรโอสถสวรรค์ละอองร่วงหรือ?!”
มันไม่แปลกที่เฟิงจิ้งจะประหลาดใจเพราะว่าโอสถสวรรค์ละอองร่วงนี้มันเป็นสูตรโอสถโบราณที่ถูกเก็บไว้ในแผ่นหยกของจงเจียนโชวนั้น
สูตรโอสถนี้มันเป็นโอสถสวรรค์จักรพรรดิระดับสอง!
เพราะฉะนั้นเฟิงจิ้งจึงตกตะลึงอย่างมาก
หลังจากที่เย่หยวนบรรลุขึ้นมาเขาก็ยังไม่มีเวลาจะแกะแผ่นหยกเพิ่มขึ้นใดๆ
โอสถสวรรค์ละอองร่วงนี้เองมันก็เป็นเพียงแค่โอสถหนึ่งที่เขาเปิดดูมาตั้งแต่ตอนแรกที่อาณาจักรตะวันออก มันเป็นหนึ่งในสูตรโอสถล้ำค่า
เย่หยวนนั้นหยิบเอาแผ่นหยกออกมาโยนให้เฟิงจิ้งตรวจสอบดู
หลังจากเฟิงจิ้งได้ดูสีหน้าของเขาก็ต้องเปลี่ยนสีไป
ดูท่าเขาคงจะตกตะลึงกับสูตรโอสถนี้อย่างมาก
แน่นอนว่าสิ่งที่ถูกบันทึกอยู่ในแผ่นหยกนั้นมันมีเพียงแค่ว่าโอสถสวรรค์ละอองร่วงนั้นใช้สมุนไพรสวรรค์ใดบ้าง ส่วนเรื่องที่ว่าหลอมขึ้นอย่างไรนั้นเย่หยวนปิดมันไว้สิ้น
บนทวีปพิรุณใสนี้การประลองของนักหลอมโอสถนั้นมันจะถูกจัดขึ้นอย่างเท่าเทียม
หากฝ่ายหนึ่งต้องมอบสูตรโอสถให้อีกฝ่ายแล้ว อีกฝ่ายเองก็ต้องหยิบเอาสูตรโอสถที่มีค่าไม่แพ้กันออกมาวางเดิมพัน
แน่นอนว่าใครที่ชนะก็ได้มันไป
หากเฟิงจิ้งแพ้ลงนั้นมันก็จะเท่ากับว่าเขานั้นมอบสูตรโอสถสวรรค์ปีกเขียวชี้ดาวให้เย่หยวนอย่างไม่ได้อะไรกลับไป
และเย่หยวนก็ไม่ต้องเอาสูตรโอสถสวรรค์ละอองร่วงออกมาให้เฟิงจิ้ง
แต่การประลองกับฉินชุนก่อนหน้านั้นมันเป็นการประลองกันภายในนิกายทำให้ไม่ต้องยึดถือกฎใดๆ ให้มากมาย
แต่เวลานี้เย่หยวนมาท้าทายเฟิงจิ้งที่เป็นคนนอกนิกายเขาจึงต้องทำตามกฎของโลกหล้า
เย่หยวนยิ้มตอบกลับไป “ข้าจะมาท้าทายอย่างไม่มีอะไรติดมือได้อย่างไรเล่า?”
แต่เฟิงจิ้งนั้นกลับยิ้มขึ้นมาด้วยสายตาแห่งความโลภ “สวรรค์กำหนดแล้วเจ้ากลับไม่เดินตาม วันหนึ่งเจ้าจะได้ถูกสวรรค์ลงทัณฑ์! ในเมื่อเจ้ารีบเอาสูตรโอสถล้ำค่าเช่นนี้มาให้ข้านักเช่นนั้นเฟิงผู้นี้ก็จะขอรับมันไปเอง! นี่สูตรโอสถสวรรค์ปีกเขียวชี้ดาว เอามันไปเสีย!”
พูดไปเฟิงจิ้งก็โยนแผ่นหยกหนึ่งออกมา
หลังจากเย่หยวนรับมันไว้เขาก็นั่งลงศึกษามันทันที
ส่วนทางด้านคนของห้างโอสถขจีนั้นต่างจัดเตรียมอุปกรณ์และสมุนไพรสวรรค์ต่างๆ ที่จะใช้ในการประลองนี้
ได้เห็นเช่นนั้นตัวหลัวหยุนชิงก็ต้องยืนนิ่งผงะไป
เย่หยวนผู้นี้ศึกษาสูตรก่อนจะลงประลองโอสถเสมอ!
กุญแจสำคัญในการทำเช่นนี้ได้มันคือเรื่องที่ว่าเขานั้นมีความสามารถในการเรียนรู้สูงล้ำ!
ดูอย่างไรก็ไม่เคยหลอมมาก่อนแต่เขานั้นกลับหลอมมันได้คุณภาพสูงล้ำ
เพียงแค่ว่าหลัวหยุนชิงก็ยังไม่มั่นใจว่าเขาจะเหนือล้ำฟ้าดินได้ในโอสถสวรรค์ระดับสองหรือไม่
เพราะจะอย่างไรเสียโอสถสวรรค์ระดับสองนั้นมันก็ยุ่งยากซับซ้อนแตกต่างจากโอสถสวรรค์ระดับหนึ่งไปสิ้นเชิง
หกชั่วโมงต่อมาเย่หยวนก็วิเคราะห์มันเสร็จสิ้น
เฟิงจิ้งนั้นมองดูเย่หยวนด้วยรอยยิ้มเย็นเยือก “เด็กน้อย เจ้าคิดจะมาเรียนรู้วินาทีสุดท้ายแล้วเอาชนะพันธมิตรโอสถเราได้หรือ? เจ้ามันอ่อนหัดเกินไปแล้ว! โอสถสวรรค์ปีกเขียวชี้ดาวนี่ต่อให้ข้าจะพลาดแค่ไหนมันก็ยังไม่ต่ำกว่าระดับหก! หากข้ามือขึ้นมาแล้ว… หึๆ แม้แต่ระดับแปดขั้นสูงข้าก็ยังเคยหลอมได้! เด็กน้อย ยอมรับชะตาเถอะ!”
เฟิงจิ้งนั้นทำให้เกิดเสียงโห่ร้องขึ้นอย่างตกตะลึงทันที
ต่อให้จะเป็นนักหลอมโอสถสวรรค์ระดับสามแต่คนที่จะหลอมโอสถสวรรค์ระดับสองให้ถึงระดับแปดขั้นสูงได้นั้นมันก็มีแค่หยิบมือ!
โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับโอสถที่ยากเย็นอย่างโอสถสวรรค์ปีกเขียวชี้ดาวนี้แล้วด้วย
แม้แต่เย่หยวนเองก็ยังตะลึงไม่น้อย
อีกฝ่ายกล้าพูดเช่นนี้ออกมามันย่อมจะไม่ใช่คำโม้แล้ว
ที่สำคัญไปกว่านั้นเขายังปล่อยให้อีกฝ่ายเลือกโอสถเอง มันย่อมจะต้องเป็นโอสถที่เฟิงจิ้งถนัดที่สุดแน่แล้ว
แค่นี้มันก็ชัดเจนแล้วว่าเฟิงจิ้งคนนี้แข็งแกร่งกว่าฉินชุนคนนั้นไปไม่รู้กี่เท่าตัว
การจะขึ้นมาเป็นนายห้างใหญ่เช่นนี้ได้เฟิงจิ้งนั้นย่อมจะต้องเป็นยอดฝีมือที่ไม่อาจเอาฉินชุนนั้นมาเทียบเคียงได้
แม้แต่หลัวหยุนชิงนั้นเองก็ยังต้องเบิกตากว้างขึ้นมาอย่างตกตะลึงเช่นกัน
ระดับแปดขั้นสูงนั้นมันมิใช่ระดับที่จะขึ้นไปได้ง่ายๆ!
เขานั้นรู้สึกว่าหากเฟิงจิ้งนั้นหลอมได้ระดับหกหรือเจ็ดนั้นเย่หยวนอาจจะยังพอเทียบเคียง
แต่หากขึ้นไปถึงระดับแปดแล้วเย่หยวนเองก็คงลำบากไม่น้อยแล้วเช่นกัน!
แต่ว่าเย่หยวนนั้นกลับไม่คิดสนใจและตอบกลับไป “เช่นนั้นก็เริ่มเถอะ พูดมากปากเหม็น”
เฟิงจิ้งนั้นหน้าดำมืดลงทันทีก่อนจะกล่าวกลับมา “เด็กน้อย อีกไม่นานเจ้าจะได้ร้องไห้กลับไปฟ้องแม่แน่!”
คนทั้งสองนั้นเดินมาหยุดลงตรงหน้าหม้อหลอมโดยมีเฟิงจิ้งที่เลือกตำแหน่งและเริ่มทำการหลอมสมุนไพรสวรรค์ทั้งหลายไปก่อน
ความลื่นไหลของเขานั้นมันทำให้คนทั้งหลายแทบลืมหายใจ
แม้แต่ตัวเย่หยวนเองก็ยังอดชื่นชมไม่ได้
เฟิงจิ้งนั้นมีฝีมือจริง!
พันธมิตรโอสถนั้นไม่ธรรมดา!
แค่กำลังฝีมือของเฟิงจิ้งคนนี้มันก็มากพอจะทำให้เย่หยวนเข้าใจว่ามาตรฐานของพันธมิตรโอสถมันเหนือล้ำกว่าโลกภายนอกนับร้อยๆ เท่า!
แต่ว่าเขานั้นก็ไม่คิดสนใจ
การประลองโอสถนี้มันเป็นแค่การเริ่มต้นของแผนการใหญ่ที่จะตามมา
หากเขามาแพ้เสียตั้งแต่ยังไม่ทันออกก้าวเดินนี้ เขาก็ควรจะเอาหัวไปโขกเต้าหู้ตายดีกว่า
เย่หยวนนั้นสงบจิตใจลงและเริ่มหยิบเอาสมุนไพรสวรรค์ขึ้นมาบ้าง
แต่วินาทีที่คนทั้งหลายได้เห็นเขาลงมือนั้นมันก็ต้องเกิดเสียงหัวเราะขึ้นตาม
“ไอ้เด็กคนนี้มันตัวตลกจริง! ความเข้ากันได้ของมันคงไม่เกินสิบเป็นแน่แล้ว?”
“ฮ่าๆ ดูท่าทางของอาจารย์เฟิงนั้นท่านคงมีความเข้ากันได้ราวห้าสิบได้! แค่วัดกันที่ความเข้ากันได้มันก็ไม่รู้จะเอาอะไรมาเทียบแล้ว!”
“ข้ารู้ละ เจ้าเด็กคนนี้มันคงคิดว่าการประลองโอสถนั้นยังเหมือนตอนที่อยู่ในภพเบื้องล่างล่ะมั้ง! ฮ่าๆๆ…”
…
มันไม่แปลกใดๆ เพราะว่าจุดอ่อนที่สุดของเย่หยวนมันก็คือความเข้ากันได้
แน่นอนว่าเขาย่อมจะกลายเป็นที่ขบขันของผู้คนไป
ความเข้ากันได้นั้นมันเป็นเครื่องกำหนดว่าฝีมือของนักหลอมโอสถสวรรค์จะพัฒนาไปได้แค่ไหน
เพราะฉะนั้นการจะใช้ความเข้ากันได้มาวัดพลังฝีมือของนักหลอมโอสถสวรรค์มันก็มิใช่เรื่องแปลก!
แต่เย่หยวนนั้นอยู่นอกเหนือจากสามัญสำนึก
ไม่นานเสียงหัวเราะมันก็ค่อยๆ จางหายลงไปสิ้น
เพราะสมุนไพรสวรรค์ที่เย่หยวนหลอมขึ้นมานั้นมันใสไร้ที่ติ ไม่แพ้สมุนไพรสวรรค์ที่เฟิงจิ้งหลอมกลั่นขึ้นมาเลย!
.