การหลอมโอสถนั้นดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง
หลังจากผ่านความลำบากช่วงแรกๆ ไปการหลอมของเย่หยวนมันก็ค่อยๆ เสถียรมากขึ้น
หากพูดกันที่ด้านพลังปราณแล้วโอสถสวรรค์ระดับหนึ่งและสองนั้นมันไม่ได้แตกต่างกันมากมาย
สิ่งที่แตกต่างนั้นคือหนึ่งเรียบง่ายอีกหนึ่งซับซ้อน
แน่นอนว่ามันมีคนที่เข้าใจจุดนี้แค่ไม่มาก
มันมิใช่ว่าพวกเขานั้นไม่อยากเข้าใจ เพียงแค่ว่าพวกเขาไม่อาจเข้าใจได้
แต่เห็นเช่นนี้แล้วมันก็ชัดเจนว่าเฟิงจิ้งนั้นมีรากฐานที่หนักแน่นเพียงใด
ต่อให้เขานั้นจะยังจับจุดสำคัญในการหลอมโอสถไม่ได้ทั้งหมดแต่ด้วยพลังของนักหลอมโอสถสวรรค์ระดับสามนั้นมันก็ทำให้เขาสามารถจะหลอมโอสถสวรรค์ระดับสองได้ง่ายๆ
แต่ฝีมือของเย่หยวนนั้นไม่ได้ด้อยไปกว่าเขา!
แต่เรื่องนี้มันกลับแสนแปลกประหลาดในสายตาของคนทั้งหลายเพราะเจ้าคนที่มีความเข้ากันได้แค่สิบมันกลับสามารถหลอมได้สมบูรณ์แบบขนาดนี้
เมื่อการหลอมเสร็จสิ้นลงเฟิงจิ้งก็ยิ้มกว้างรอรับเสียงปรบมือ
แต่มันกลับไร้ซึ่งเสียงใดๆ ไม่มีใครปรบมือ
หากแต่สายตาของคนทั้งหลายนั้นหันไปมองทางเย่หยวน
เขานั้นได้เห็นว่าตอนนี้เย่หยวนกำลังยืนมองเขาอยู่ด้วยท่าทางผ่อนคลาย
‘หรือว่าเจ้าเด็กคนนี้มันจะมีวิชาการหลอมที่เหนือล้ำ? ไม่น่า!’ เฟิงจิ้งได้แต่คิดในใจ
“เปิดหม้อหลอมสิ!” เย่หยวนบอก
เฟิงจิ้งนั้นอดหัวเราะขึ้นมาไม่ได้ “รีบไปตายจริงเสีย! ช่างเถอะ ข้าจะทำให้เจ้าได้ยอมแพ้เอง!”
การหลอมครั้งนี้ของเขา เขาสามารถทำได้ดีกว่าปกติไปมาก!
เขาเองก็สงสัยอยู่ในใจว่าตัวเองจะสามารถบรรลุขึ้นไปถึงโอสถทองระดับเก้าในตำนานนั้นได้หรือไม่!
เพราะฉะนั้นตอนนี้ในหัวของเขาจึงไม่คิดเลยแม้แต่น้อยว่าเย่หยวนที่เพิ่งเคยหลอมครั้งแรกนั้นจะเอาชนะเขาได้
วินาทีที่หม้อหลอมเปิดออกมานั้นมันก็ปรากฏโอสถสีแดงดำลอยออกมา
คนทั้งหลายนั้นต่างพยายามยืดตัวขึ้นเพื่อจะมองดูว่ามันเป็นโอสถสวรรค์ระดับใด
“พวกเจ้าดูสิ! มันกลับมีสีเหลือบทองอยู่ในโอสถสวรรค์ปีกเขียวชี้ดาวเม็ดนั้น!”
“เกือบแล้ว! เกือบจะบรรลุขึ้นไปถึงระดับเก้าในตำนานแล้ว!”
“อาจารย์เฟิงนี่ช่างสมชื่ออาจารย์เฟิงจริงๆ ภายใต้แรงกดดันเช่นนั้นเขากลับบรรลุขึ้นมาแทน!”
…
เหล่าคนทั้งหลายนั้นต่างร่ำร้องขึ้นมาอย่างตื่นเต้นดีใจ
รอยยิ้มกว้างปรากฏขึ้นมาบนใบหน้าของเฟิงจิ้ง เพราะนี่คือสิ่งที่เขาคาดหวังไว้!
มันมิใช่ว่าเขานั้นกระหายในอำนาจชื่อเสียงคำเยินยอใดๆ แต่สำหรับเขาแล้วมันเป็นสิ่งที่เขาสมควรได้รับมาแต่แรก
แต่สิ่งที่เขาต้องการมากว่ามันก็คือการชื่นชมอย่างสุดใจเช่นนี้!
นี่มันคือความภาคภูมิของเขาและของพันธมิตรโอสถ!
เฟิงจิ้งนั้นหันมามองเย่หยวนด้วยรอยยิ้ม “เจ้าเห็นหรือยังเล่า มันมีสีทองอ่อนๆ ออกมา คงไม่ต้องวัดกันแล้วใช่ไหมว่ามันเป็นโอสถสวรรค์ระดับใด?”
สีทองที่ส่องออกมาจางๆ จากโอสถสีดำแดงนี้มันย่อมจะเป็นเครื่องหมายว่าโอสถนี้มีคุณภาพระดับแปดขั้นสุดและอยู่ห่างจากระดับเก้าไปเพียงแค่เล็กน้อย
แน่นอนว่าก้าวน้อยๆ นี้มันกลับยากยิ่ง
ระดับเก้านั้นมันคือระดับในตำนานที่มิใช่ว่าอยากหลอมก็จะหลอมขึ้นมาได้
แต่เย่หยวนนั้นกลับยิ้มตอบกลับไป “ไม่ต้องแล้ว ดูก็รู้ว่ามันคือกึ่งระดับเก้า”
เฟิงจิ้งจึงหัวเราะถามขึ้นมา “ดูท่าเจ้าจะไม่กังวลเลยนะ!”
เย่หยวนยิ้มตอบกลับไป “ข้าจะกังวลเรื่องอะไรเล่า? มันก็แค่กึ่งระดับเก้า”
เฟิงจิ้งนั้นเหมือนได้ยินมุกตลกที่สุดก่อนจะร้องขึ้น “แค่! โอสถสวรรค์กึ่งระดับเก้า! หึ ช่างเป็นคำพูดที่ยิ่งใหญ่เสียจริง! เจ้าคงไม่ได้รู้เลยใช่ไหมว่าระดับเก้ามันหมายถึงอะไร?”
เย่หยวนตอบกลับไป “สำหรับข้านั้นโอสถสวรรค์ที่ต่ำกว่าระดับเก้ามันก็เป็นได้แค่ขยะสด! หากหลอมโอสถแล้วขึ้นไม่ถึงระดับเก้าจะยังหลอมเพื่ออะไร? พันธมิตรโอสถของเจ้านั้นมันเลี้ยงไว้แต่ขยะเช่นเจ้าหรือ? ดูอย่างไรก็ยังหลอมขึ้นไม่ถึงระดับเก้าแต่กลับอวดอ้างตัวเองเหลือเกิน หึ!”
“ซี๊ด…”
ไม่มีคำพูดไหนที่มันจะโอหังไปได้กว่านี้แล้ว!
คำพูดเดียวนี้มันก็เป็นการตราหน้าว่าพันธมิตรโอสถนั้นไร้ค่าใด
คนทั้งหลายนั้นต่างตกตะลึงกับคำพูดของเย่หยวน
แม้ว่าเจ้าจะมีวิชาการหลอมที่เหนือล้ำสักแค่ไหนแต่คำพูดพวกนั้นมันก็เกินจริงไปมิใช่หรือ?
จะอวดอ้างตัวนั้นมันต้องมีขีดจำกัดกันบ้าง!
แน่นอนว่าเมื่อเฟิงจิ้งได้ยินเขาก็หัวเราะขึ้นมา “ฮ่าๆๆ… เด็กน้อย ข้าล่ะชักสงสัยแล้วว่าเจ้ามันรู้วิธีการหลอมโอสถจริงๆ หรือไม่! ระดับเก้านั้นมันคือตำนาน แต่พอออกมาจากปากเจ้ามันกลับเป็นมาตรฐานไปหรือ? เอาเถอะ เลิกพูดมากกันได้แล้ว ข้าอยากจะเห็นโอสถสวรรค์ระดับเก้าของเจ้าเต็มทีแล้ว!”
เย่หยวนยิ้มตอบกลับไป “ย่อมได้!”
เย่หยวนยกมือขึ้นเปิดดึงโอสถสวรรค์ปีกเขียวชี้ดาวออกมาจากหม้อหลอมของตน
แสงสีทองของมันนั้นสาดส่องจ้าจนหลายคนต้องหลบสายตาไป
โอสถทองระดับเก้า!
ผู้คนที่มุงดูนั้นแตกตื่นขึ้นมาพร้อมๆ กัน!
เจ้าหมอนี่มันกลับหลอมโอสถทองระดับเก้าขึ้นมาได้จริง!
เฟิงจิ้งที่ยิ้มเย้ยอยู่นั้นต้องผงะไปอย่างไม่รู้ต้องวางตัวและสีหน้าอย่างไร
เย่หยวนหันไปมองเฟิงจิ้งก่อนจะกล่าวขึ้นมา “โอสถสวรรค์ปีกเขียวชี้ดาวของข้านั้นมันคงไม่ต้องทดสอบใดๆ กันแล้วใช่หรือไม่? อ่า… เจ้านั้นเก่งกาจกว่าฉินชุนมันนั้นจริงๆ ข้าก็คาดหวังว่าเจ้าจะทำให้ข้าได้ตื่นเต้นเสียหน่อย ไม่นึกเลยว่าเจ้านั้นยังหลอมได้ไม่ถึงระดับเก้าแต่ก็มาวางท่าใหญ่โตเสียแล้ว เจ้ามันก็คงทำได้เท่านี้”
เฟิงจิ้งนั้นมองดูเย่หยวนอย่างไม่อยากเชื่อสายตา “นี่มัน… เป็นไปได้อย่างไรกัน? นี่มันเป็นครั้งแรกที่เจ้าหลอมมิใช่หรือ?
จ-เจ้ากลับหลอมโอสถสวรรค์ปีกเขียวชี้ดาวระดับเก้าได้! เจ้าหลอกลวงข้าแล้ว!”
เย่หยวนยิ้มตอบกลับไป “หลอกเจ้า? ข้ายังต้องหลอกเจ้าหรือ? นี่มันเป็นครั้งแรกที่ข้าเคยหลอมมัน แน่นอนว่ามันยังมีข้อบกพร่องในการหลอมอยู่อีกมาก หากเจ้าไม่คิดยอมรับจะมาลองหลอมแข่งกันอีกรอบไหมเล่า ข้าบอกก่อนเลยว่าเจ้านั้นจะได้แพ้พ่ายอย่างหนักหน่วงกว่านี้แน่!”
เฟิงจิ้งกัดฟันตอบกลับมา “ก็มาสิ! ข้าไม่เชื่อหรอกว่าเจ้าจะโชคดีหลอมมันได้ถึงสองครั้งติด!”
เขานั้นไม่คิดยอมรับ!
ในฐานะยอดฝีมือของพันธมิตรโอสถแล้วเขาย่อมจะไม่มีทางก้มหัวรับความพ่ายแพ้จากนิกายสวรรค์ยุทธมั่นได้!
เขานั้นไม่อาจจะแพ้และจะไม่มีวันยอมแพ้!
อีกฝ่ายนั้นมาท้าทายถึงหน้าบ้าน หากแพ้ลงแล้วพันธมิตรโอสถนั้นจะยังเอาหน้าไปไว้ที่ใดได้?
เย่หยวนยักไหล่ตอบกลับไป “เช่นนั้นก็อย่าได้เสียเวลากันอีกเลย เริ่มเถอะ”
เขากล่าวยั่วเฟิงจิ้งเพื่อให้เขาท้าทายอีกครั้ง
การจะตบหน้านั้นมันต้องตบซ้ำๆ!
ครั้งเดียวมันอาจจะบอกว่าบังเอิญได้
แต่สองครั้งมันย่อมจะไม่มีใครกล้าพูดเช่นนั้นอีก
การหลอมครั้งที่สองของเย่หยวนนั้นมันย่อมจะลื่นไหลมากกว่าครั้งแรกอย่างมาก
อาการติดขัดก่อนหน้านั้นมันได้จางหายไปหมดสิ้น
อีกด้านตัวเฟิงจิ้งที่ถูกแรงกดดันมหาศาลนั้นกลับเริ่มหลอมได้ไม่ลื่นไหลเท่าครั้งแรก
การหลอมครั้งที่สองนี้คุณภาพของเฟิงจิ้งนั้นมันอยู่ที่ระดับแปดขั้นต่ำ
ส่วนโอสถของเย่หยวนนั้นเมื่อมันถูกนำออกจากหม้อหลอมมันก็ส่องแสงเจิดจ้าเสียยิ่งกว่าครั้งแรก
หลังจากทดสอบดูแล้วโอสถสวรรค์ปีกเขียวชี้ดาวของเย่หยวนมันก็มีคุณภาพถึงระดับเก้าขั้นสูง!
หนึ่งนั้นพัฒนา หนึ่งนั้นถอยหลังกลับ
ใครแข็งแกร่งอ่อนแอกว่ากันนั้นมันชัดเจนแก่สายตา!
เท่านี้เหล่าคนทั้งมหารัฐเพลิงสงบต่างก็ต้องอ้าปากค้างไปตามๆ กัน
นักยุทธชั้นบรรยากาศสวรรค์เลิศใหญ่ไร้นามคนหนึ่งมันกลับเอาชนะยอดฝีมือแห่งพันธมิตรโอสถอย่างเฟิงจิ้งลงได้อย่างง่ายดาย
ผลลัพธ์นี้มันมิใช่สิ่งที่พวกเขาจะคาดเดาได้เลย
เย่หยวนนั้นหันไปมองดูเฟิงจิ้งก่อนจะกล่าวขึ้น “เจ้าไม่ต้องกังวลไปหรอก อีกไม่นานนายห้างทั้งหมดของพันธมิตรโอสถในเก้ามหารัฐนั้นจะต้องถูกข้าเหยียบหัวลงเหมือนเจ้านี้! พันธมิตรโอสถเจ้าชอบเหยียบหัวผู้คนนักมิใช่หรือ? เช่นนั้นข้าก็จะทำให้พวกเจ้าได้รู้สึกว่าเวลาโดนเหยียบมันเป็นเช่นใด!”
หลัวหยุนชิงนั้นสะใจอย่างมาก!
ยี่สิบปีที่ผ่านมานี้เขาต้องทนทรมานจนแทบสูญสิ้นจิตใจ!
วันนี้พวกเขากลับผงาดหน้าขึ้นมาได้อีกครั้ง!
เย่หยวนยกมือขึ้นสูงชี้ฟ้าก่อนจะกล่าวขึ้นต่อ “นิกายสวรรค์ยุทธมั่นของเรานั้นได้ก่อตั้งศาลาโอสถขึ้นมา สหายผู้ใดที่สนใจในวิชาการโอสถนั้นสามารถมาเรียนรู้ที่ศาลาโอสถได้สิ้น! เรานั้นเปิดรับทุกผู้คนไม่สนใจพรสวรรค์หรือค่ายสำนัก! ที่สำคัญไปกว่านั้นเราจะไม่บังคับให้พวกท่านทั้งหลายเข้าร่วมนิกายสวรรค์ยุทธมั่นด้วย! หากท่านคิดว่าฝีมือตัวเองพัฒนาพอแล้วท่านจะกลับไปยังค่ายสำนักเก่าของท่านก็เชิญได้ตามสะดวก! จากวันนี้ไปศาลาโอสถเราจะขอทำลายการผูกขาดของพันธมิตรโอสถลงให้คนทั้งหลายได้เข้าถึงการโอสถอย่างแท้จริง!”
คำพูดของเย่หยวนดังลั่นทั้งเมืองคนทำให้หลายคนหันมาฟัง
การผูกขาดของพันธมิตรโอสถในเต๋าโอสถไม่ได้แค่ทำให้นิกายสวรรค์ทั้งห้าของดินแดนสวรรค์ห้าแสงต่างตกที่นั่งลำบากแต่มันก็ทำให้วิชาการโอสถของดินแดนสวรรค์อื่นๆ ทั้งสี่เองตกที่นั่งลำบากไม่แพ้กัน
แต่การกระทำของเย่หยวนคือการคิดทำลายทุกสิ่งอย่างที่พันธมิตรโอสถเคยผูกขาดไว้ให้หมดสิ้น!
หลังจากนี้มีหรือที่พันธมิตรโอสถจะนั่งมองดูคนมาเลื่อยขาเก้าอี้ตัวเองเฉยๆ?
……………………