ตอนที่ 3046

War sovereign Soaring The Heavens

WSSTH ตอนที่ 3,046 : กะโหลกเลือด

 

 

 

เมื่อถูกเจิ้งหงอี้กล่าวเย้ย สีหน้าที่เคยสงบของหวังหงในที่สุดก็เริ่มเผยให้เห็นความเปลี่ยนแปลงอยู่บ้าง

 

“แล้วที่เจ้ามาหาข้า…เจ้ามีวิธีแก้ปัญหาเรื่องนี้แล้วรึไร หรือมีวิธีใดที่จะจัดการเจ้านั่น?”

 

หวังหงมองสบตาเจิ้งหงอี้พลางถาม

 

ขณะเดียวกัน ลึกลงไปในแววตาของนางก็เริ่มฉายเจตนาฆ่าฟันให้เห็น

 

เป็นธรรมดาว่าเป้าหมายเจตนาฆ่าฟันของนางหาได้พุ่งเป้าไปที่เจิ้งหงอี้เบื้องหน้าไม่ แต่พุ่งเป้าไปยังคนที่มาชิงตำแหน่งศิษย์ที่แท้จริงคนสุดท้ายไปหน้าตาเฉย!

 

ดังที่เจิ้งหงอี้กล่าว นางเป็นคนที่ไม่อาจทำใจยอมรับเรื่องนี้ได้มากกว่าใคร

 

“หวังหงในเมื่อที่นี่ก็มีแค่เจ้ากับข้า 2 คน เช่นนั้นก็มาพูดกันตรงๆเถอะ”

 

เจิ้งหงอี้กล่าวจบคำ ในมือก็ปรากฏจานค่ายกลแผ่นหนึ่ง จากนั้นพอมันจ่ายพลังลงสู่ตัวจ่านค่ายกล ก็เกิดเป็นม่านพลังอาคมหนึ่งครอบคลุมทั้ง 2 ทันที

 

และจานค่ายกลดังกล่าว เมื่อใช้งานก็จะสร้างม่านอาคมปิดกั้นเสียงภายในเอาไว้ ต่อให้เป็นราชาอมตะอันทรงพลังมายืนอยู่ข้างๆ แต่ถ้าหากยังไม่ได้ทำลายม่านพลังอาคมนี้ ก็คงยากที่จะได้ยินว่าผู้ที่อยู่ในม่านอาคมพูดคุยเรื่องอะไรกัน

 

“เจ้ายังคงระวังตัวแจไม่เปลี่ยน”

 

เห็นการกระทำของเจิ้งหงอี้ หวังงหงก็หรี่ตาลง จากนั้นก็เอ่ยออกเสียงเบา “เจ้าคิดจะพูดอะไรก็ว่ามาเถอะ”

 

“หวังหง ข้าคิดจะจ้างมือสังหารมาฆ่าต้วนหลิงเทียน!”

 

เจิ้งหงอี้เปิดประตูเห็นภูผากล่าวออกมาตรงๆ

 

“จ้างมือสังหาร?”

 

หวังหงคลี่ยิ้ม “วิธีนี้มันก็ดีอยู่หรอก…แต่องค์กรมือสังหารในเขตคฤหาสน์เฉวียนโยวน่ากลัวจะรักษาความลับผู้จ้างวานได้ก็ต่อเมื่อเป้าหมายมิเกี่ยวข้องใดกับ 3 นิกาย 2 ตระกูลเท่านั้น…”

 

“แต่หากเกี่ยวข้องกับ 3 นิกาย 2 ตระกูลขึ้นมา ตราบใดที่อาวุโสของคฤหาสน์เฉวียนโยวสักคนออกหน้าไปเค้นความพวกมัน เกรงว่าพอถึงตอนนั้นเจ้าคงถูกขายออกไปง่ายๆดั่งเศษขยะ!”

 

กล่าวถึงท้ายประโยคมุมปากหวังหงก็เผยรอยยิ้มแดกดัน สีหน้ายังฉายชัดถึงความเย้ยหยันอย่างแรง

 

หากองค์กรมือสังหารในเขตคฤหาสน์เฉวียนโยวใช้การได้จริง เจิ้งหงอี้กับจ้วงฝานจะยังมีลมหายใจเหลือรอดอยู่ถึงวันนี้อีกเหรอ?

 

จังงหวะนี้หวังงหงรู้สึกว่าเจิ้งหงอี้ที่แท้ก็โง่งมทั้งไร้เดียงสานัก

 

“แล้วผู้ใดบอกว่าข้าจะไปจ้างวานนักฆ่าขององค์กรมือสังหารในเขตคฤหาสน์เฉวียนโยว?”

 

เจิ้งหงอี้ไม่ติดใจอะไรเรื่องที่หวังหงยิ้มถากถางทั้งกล่าวประชด เพียงมองไปยังหวังหงด้วยสีหน้าสงบเอ่ยออกเสียงเรียบ “ข้าคิดจะใช้บริการขององค์กรมือสังหารที่ทรงอำนาจมากที่สุดในแดนสวรรค์ใต้! 1 ใน 3 องค์กรมือสังหารลือชื่ออย่างกะโหลกเลือด!!”

 

“กะโหลกเลือด!?”

 

ได้ยินวาจาประโยคนี้ของเจิ้งหงอี้ ลูกตาหวังหงหดเล็กลงทันที

 

กะโหลกเลือดนั้นเป็น 1 ใน 3 องค์กรมือสังหารที่ทรงพลังที่สุดในแดนสวรรค์ใต้ และเป็นที่รู้จักกันดีวว่าพวกมันคือฝันร้ายของแดนสวรรค์ใต้ แน่นอนว่าสำหรับองค์กรมือสังหารแล้วการถูกผู้คนเรียกหาว่าฝันร้าย ก็คือการชื่นชมสรรเสริญที่น่าภาคภูมิใจเป็นที่สุด บ่งบอกถึงความร้ายกาจของพวกมันได้เป็นอย่างดี!

 

ลือกันว่าในองค์กรมือสังหารกะโหลกเลือดนั้น มีแม้กระทั่งมือสังหารขอบเขตจอมราชันอมตะ เพราะกระทั่งยอดฝีมือขอบเขตราชาอมตะ 10 ทิศคนหนึ่ง ยังไม่อาจรอดพ้นเงื้อมมือนักฆ่าจากองค์กรมือสังหารกะโหลกเลือด ที่สำคัญบาดแผลที่พรากชีวิตของมันไป เกิดจากการลงมือเพียงกระบวนท่าเดียว!

 

ทุกคนรู้กันดีว่า…ต่อให้จะเป็นการลอบโจมตีอย่างไม่ทันให้ตั้งตัวเพียงใด แต่ผู้ที่จะลอบสังหารตัวตนขอบเขตราชาอมตะ 10 ทิศได้ในกระบวนเดียว น่ากลัวว่าจะมีแต่ตัวตนขอบเขตจอมราชันอมตะขึ้นไปเท่านั้น!

 

“เจ้า…เจ้ามีลู่ทางติดต่อกะโหลกเลือดด้วย?”

 

หวังหงเอ่ยถามเจิ้งหงอี้ออกไปอย่างไม่อยากจะเชื่อ แม้ตอนนี้นางจะพยายามทำใจให้นิ่งไม่แตกตื่น แต่น้ำเสียงของนางยังเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด เรียกว่าเสียงสั่นกันเลยทีเดียว!

 

แม้จะเห็นหวังหงเสียอาการไป แต่เจิ้งหงอี้ก็ไม่คิดเอาเรื่องนี้มาล้ออีกฝ่าย เพราะมันเองก็รู้ดีถึงพลังอำนาจขู่ขวัญของกะโหลกเลือด!

 

ไม่ต้องพูดถึงหวังหง ต่อให้เป็นปู่ของหวังหง ผู้อาวุโสใหญ่ของนิกายอมตะเป้าผู่มาอยู่ที่นี่ หากรู้ว่ามันมีลู่ทางติดต่อกับกะโหลกเลือด น่ากลัวว่าคงตกใจไม่ต่างกัน

 

องค์กรมือสังหารกะโหลกเลือดนั้น เป็นที่รู้จักกันดีในแดนสวรรค์ใต้ แต่ไม่ใช่ว่าทุกคนจะสามารถติดต่อองค์กรมือสังหารกะโหลกเลือด และจ้างวานนักฆ่าของกะโหลกเลือดให้ฆ่าคนได้ง่ายๆ

 

หากคิดจะติดต่อกับองค์กรกะโหลกเลือด และจ้างนักฆ่าให้ลงมือสังหารผู้คน อย่างน้อยๆท่านก็ต้องมีผู้นำขุมกำลังระดับ 6 เป็นผู้ค้ำประกัน…

 

แน่นอนว่าหากคนค้ำประกันท่านเป็นจอมราชันอมตะ ก็สามารถใช้บริการกะโหลกเลือดได้เช่นกัน

 

เหตุไฉนที่องค์กรกะโหลกเลือดต้องการให้มีผู้ค้ำประกันแบบนี้ เป็นเพราะพวกมันคิดทำธุรกิจกับระดับสูงๆเท่านั้น และจัดการกับเป้าหมายระดับสูงๆ

 

เรียกว่านี่เป็น 1 ในบรรทัดฐานของพวกมัน!

 

“ไม่สิ…ต่อให้เจ้าจะมีลู่ทางติดต่อกับกะโหลกเลือด แต่หากเจ้ามิมีตัวตนระดับผู้นำขุมกำลังระดับ 6 หรือมีความแข็งแกร่งขอบเขตจอมราชันอมตะเป็นผู้ค้ำประกัน เจ้าก็มิอาจจ้างวานองค์กรกะโหลกเลือดได้!”

 

พอฉุกคิดได้ถึงจุดนี้ หวังหงก็ขมวดคิ้ว ในน้ำเสียงยังเต็มไปด้วยคำถาม

 

“ปกติแล้วมันก็คงต้องเป็นเช่นนั้น…”

 

เจิ้งหงอี้พยักหน้า ค่อยกล่าวต่อว่า “แต่ถ้าหากข้าจะบอกว่า…การออกไปทำภารกิจครั้งสุดท้ายด้านนอก ข้าบังเอิญพบเจอลูกชายของตัวตนระดับสูงๆในองค์กรกะโหลกเลือด แล้วทำให้มันติดค้างข้าได้เรื่องหนึ่งเล่า?”

 

“ลูกชายของตัวตนระดับสูงๆในกะโหลกเลือด!?”

 

หวังหงสูดลมหายใจเข้าด้วยความหนาวเหน็บ

 

“บิดาของมันเป็น 1 ใน 3 รองผู้นำองค์กรกะโหลกเลือด…แน่นอนว่ามันเป็นแค่ลูกนอกสมรสเท่านนั้น อย่างไรก็ตามแม้มันจะเป็นแค่ลูกนอกสมรส แต่เรื่องออกภารกิจสังหารใครสักคน มันยังพอมีความสามารถกระทำได้ไม่ยาก!”

 

“วันนั้นข้าบังเอิญช่วยมันเอาไว้ มันจึงแลกเปลี่ยนลูกแก้ววิญญาณกับข้า…และมันยังรับปากข้าไว้อีกว่า หากข้าต้องการสังหารผู้ใด มันจะออกภารกิจสังหารคนผู้นั้นให้ข้าครั้งหนึ่ง โดยที่ไม่ต้องมีผู้นำขุมกำลังระดับ 6 หรือยอดฝีมือขอบเขตจอมราชันอมตะค้ำประกัน”

 

เจิ้งหงอี้กล่าวออกมารวดเดียวจบ

 

อันที่จริงสิ่งที่เจิ้งหงอี้กล่าวออกไปนั้น ไม่เป็นความจริงทั้งหมด

 

และนั่นก็คือ

 

ลูกชายนอกสมรสของรองผู้นำองค์กรกะโหลกเลือดคนนั้น ไม่ได้รับปากว่าจะออกภารกิจสังหารให้มันแค่ครั้งเดียว แต่รับปากมันไว้ว่าจะออกภารกิจฆ่าคนให้ 2 ครั้งโดยไม่ต้องมีผู้ค้ำประกัน!

 

แต่เป็นธรรมดาว่าเจิ้งหงอี้ไม่มีทางบอกจำนวณคนที่มันสามารถจ้างฆ่าได้ออกไปตามตรง เพราะใครจะไปรู้ว่าหวังหงจะบังเกิดความระแวงตัวมัน เรื่องใช้โอกาสที่ 2 นั่นฆ่านางด้วยอีกคนรึเปล่า…

 

“หากเป็นเช่นนี้ เจ้าก็มิจำเป็นต้องมาหาข้าให้เสียเวลา ไฉนไม่ขอความช่วยเหลือจากลูกผู้นำอะไรนั่น ให้ฆ่าต้วนหลิงเทียนทิ้งตรงๆ”

 

หวังหงกล่าว

 

“ก็นะ…เจ้าเองก็น่าจะเคยได้ยินมาแล้วว่าต่อให้เป็นมือสังหารระดับต่ำสุดขององค์กรกะโหลกเลือด แต่ก็เป็นถึงราชาอมตะ 1 ต้นกำเนิด! ถึงแม้ข้าจะขอให้ลูกชายนอกสมรสรองผู้นำองค์กรกะโหลกเลือดออกภารกิจสังหารฆ่าคนให้ข้าได้ครั้งหนึ่ง…แต่ข้าก็ยังต้องจ่ายค่าจ้างอยู่ดี”

 

“และเจ้าเองก็คงเดาได้ว่าค่าจ้างมือสังหารขอบเขตราชาอมตะ 1 ต้นกำเนิดมันไม่ใช่น้อยๆ ข้าเองก็มีทรัพย์สินจำกัด คงยากจะจ่ายได้ไหว…”

 

เจิ้งหงอี้กล่าวถึงจุดนี้ก็ไม่พูดอะไรต่อ เพียงมองสบตาหวังหงเขม็ง

 

“ที่เจ้ามาหาข้า เพราะคิดให้ข้าช่วยจ่าย?”

 

หวังหงกล่าวเย้ย

 

“ไม่ผิด”

 

เจิ้งหงอี้พยักหน้า

 

“เจ้าคิดว่าข้าจะร่วมกระโดดลงหลุมนี้ไปกับเจ้ารึ? เจ้าอยากฆ่าต้วนหลิงเทียนนั่นมันก็เรื่องของเจ้า มายุ่งอะไรกับข้า”

 

หวังหงยังคงกล่าวเย้ยหยันออกมาไม่หยุด สีหน้าแววตาที่ใช้มองเจิ้งหงอี้ ก็ทำราวกับกำลังมองตัวโง่งม

 

“เจ้าต้องกระโดดลงมาแน่…”

 

เจิ้งหงอี้จ้องตาหวังหงเขม็ง “หวังหง เจ้าคงรู้ดีว่าในแง่ความมั่งคั่งข้าสู้เจ้าไม่ได้เลย…ราคาที่ข้าต้องจ่ายเพื่อจ้างมือสังหารขอบเขตราชาอมตะ 1 ต้นกำเนิดขององค์กรกะโหลกเลือด สำหรับข้าแล้วมันหนักหนาไม่น้อย เรียกว่ากล่าวสั้นๆได้ 4 คำ นักรบตัดข้อมือ…”

(นักรบตัดข้อมือ = จ่ายออกด้วยราคาสาหัส, มาจากนิทานเรื่องหนึ่งที่นักรบถูกงูกัด จึงรีบตัดข้อมือตัวเองทิ้ง แต่แม้จะรอดจากพิษงูนักรบก็ไม่เหลืออะไร ไม่อาจเป็นนักรบได้อีก)

 

“ดังนั้นหากเจ้าไม่คิดจะช่วยข้าจ่าย เจ้าก็ทนดูต้วนหลิงเทียนนั่นมันนั่งตำแหน่งศิษย์ที่แท้จริงคนที่ 10 ของนิกาอมตะเป้าผู่เราไปเถอะ!”

 

เจิ้งหงอี้กล่าวถึงจุดนี้ก็หยุดมองหวังหงเล็กน้อย ค่อยพูดต่อว่า “ถึงแม้เจ้านั่นมันจะออกจากนิกายอมตะเป้าผู่เราไปคฤหาสน์เฉวียนโยวไม่ช้าก็เร็ว แต่อย่างไรเสียตำแหน่งศิษย์ที่แท้จริงก็ยังคงเป็นของมันอยู่อีกนาน เจ้าเองก็ไม่ใช่ไม่ทราบว่าในบรรดาศิษย์ที่แท้จริง 9 คนที่เหลือ มีแค่ 3 คนเท่านั้นที่ยังอยู่ในนิกาย ส่วนที่เหลืออีก 6 คนไปอยู่ในคฤหาสน์เฉวียนโยวนานแล้วด้วยซ้ำ แต่จนวันนี้พวกมันยังคงมีสถานะศิษย์ที่แท้จริงอยู่”

 

เจิ้งหงอี้กล่าวถึงจุดนี้ก็เงียบไปครู่หนึ่ง

 

“เจ้า…ลองคิดดูเองแล้วกัน”

 

พอกล่าวต่อออกมาจบคำ เจิ้งหงอี้ที่ปิดใช้จานค่ายกลแล้ว ก็ค่อยๆเหินร่างขึ้นไปในอากาศ เตรียมจะออกจากหุบเขาอันเป็นที่อยู่ของหวังหง

 

กล่าวไปหุบเขาแห่งนี้นั้น เป็นสถานที่บ่มเพาะของอาวุโสใหญ่นิกายอมตะเป้าผู่ซึ่งเป็นปู่ของหวังหง ‘หวังหลงเซี่ยง’อย่างไรก็ตามนางในฐานะหลานสาวก็ชอบมาพักอาศัยที่นี่

 

เพราะสภาพแวดล้อมในการบ่มเพาะที่นี่ มันแทบจะเหมือนๆกับสภาพแวดล้อมในการบ่มเพาะของสถานที่พักของศิษย์ที่แท้จริงเลย!

 

อย่างไรก็ตาม เจิ้งหงอี้นั้น แม้จะเป็นศิษย์สายตรงของซุนเหลียงเผิงประมุขนิกายอมตะเป้าผู่ แต่มันก็ไม่มีสถานที่บ่มเพาะดีๆแบบนี้ ทำได้แค่บ่มเพาะพลังในที่พักสำหรับศิษย์ฝ่ายในเท่านั้น

 

ทั้งนี้ทั้งนั้นเนื่องจากเจิ้งหงอี้เป็นศิษย์สายตรงของซุนเหลียงเผิงประมุขนิกายอมตะเป้าผู่ อีกฝ่ายจึงคิดใช้มันเป็นแบบอย่างให้แก่เหล่าศิษย์ทั้งหลาย จึงไม่ได้มอบอภิสิทธิ์ใดๆให้มันสักอย่าง…

 

“เจ้าเองก็มีลูกแก้ววิญาณของข้า ย่อมใช้ยันต์อมตะสื่อสารทางวิญญาณติดต่อข้าได้ทุกเมื่อ…ข้าจะรอคำตอบจากเจ้า”

 

ก่อนจะเหินร่างจากไป เจิ้งหงอี้ก็ไม่ลืมกล่าวทิ้งท้าย “อย่างไรก็ตามเจ้าสมควรให้คำตอบข้าให้เร็วที่สุด…เพราะคิดจะจ้างมือสังหารของกะโหลกเลือดฆ่าคน พวกมันก็ต้องทำการตรวจสอบเป้าหมายคร่าวๆก่อน”

 

“เมื่อพวกมันตรวจสอบเป้าหมายคร่าวๆเสร็จแล้ว…พวกมันถึงจะกำหนดราคาจ้างวานฆ่า”

 

“และตอนนี้เรื่องของต้วนหลิงเทียนที่พวกมันจะสืบพบ ก็มีแต่เรื่องที่ยังเป็นผู้ฝึกตนอิสระพึ่งเข้าร่วมนิกายอมตะเป้าผู่เราเท่านั้น ราคาจ้างวานฆ่ามันยังคงไม่มากมายอะไร สมควรอยู่ในขอบเขตที่เจ้ากับข้าจ่ายไหว…”

 

หลังส่งเสียงผ่านพลังกล่าวประโยคนี้จบคำ ร่างเจิ้งหงอี้ก็เหินจากไปทันที และฟังจากคำพูดของมันแล้ว คล้ายไม่กังวลเรื่องที่หวังหงจะปฏิเสธแม้แต่น้อย

 

“ฮึ! สารเลว!”

 

หลังเจิ้งหงอี้เหินร่างจากไป สีหน้าหวังหงก็มืดลงทันที

 

ดังที่เจิ้งหงอี้กล่าว ด้วยฐานะของนาง ย่อมไม่อาจยอมรับใครที่ไหนก็ไม่รู้ แต่อยู่ๆก็มานั่งตำแหน่งศิษย์ที่แท้จริงคนสุดท้ายตัดหน้านางไปหน้าตาเฉยแบบนี้!

 

ทว่านางยังคงไม่พอใจนัก ที่เจิ้งหงอี้มากล่าวชวนนางในลักษณะนี้ เพราะนางรู้สึกเสมือนอีกฝ่ายกำลังจูงจมูกของนางอยู่!

 

อย่างไรก็ตามเรื่องนี้ไม่ทำให้นางหงุดหงิดเท่าเรื่องที่ต้วนหลิงเทียนจะมานั่งตำแหน่งศิษย์ที่แท้จริงคนที่ 10! ใจนางย่อมคิดอยากกำจัดต้วนหลิงเทียนให้พ้นทางโดยยเร็วที่สุด!!

 

‘ฮึ! เจิ้งหงอี้ ข้าไหนเลยจะให้เจ้ามาทำเป็นหยิ่งผยองลำพองต่อหน้าเจ้าได้…ข้าไม่มีวันเป็นฝ่ายติดต่อหาเจ้าก่อนหรอก อยากได้คำตอบเจ้าก็ต้องติดต่อท่านย่าผู้นี้มาเอง!!’

 

‘อีกทั้งเรื่องที่เจ้าคิดจะให้ข้าช่วยจ่ายครึ่งหนึ่งเจ้าฝันไปเถอะ อย่างดีข้าก็ช่วยจ่ายแค่ 3 ส่วนเท่านั้น!’

 

หวังหงลอบกล่าวในใจอย่างลับๆ

 

อย่างไรก็ตามแม้หวังหงจะลอบลั่นวาจาในใจอย่างแน่วแน่ แต่สุดท้ายพอเจิ้งหงอี้มาหานางอีกครั้งหลังจากผ่านไป 1 เดือน นางก็ยังคงรับปากเรื่องจะช่วยเจิ้งหงอี้ออกผลึกอมตะครึ่งหนึ่งอยู่ดี

 

เป็นธรรมดาว่า กะโหลกเลือดย่อมไม่พิศมัยผลึกอมตะของทั้งคู่ เช่นนั้นทั้งคู่จึงได้แต่จ่ายเป็นสิ่งของที่มีมูลค่าทัดเทียมอย่างอุปกรณ์อมตะและสมบัติล้ำค่าอย่างอื่นให้กับกะโหลกเลือดเท่านั้น

 

หลังจากเจิ้งหงอี้กับหวังหงตกลงเรื่องใครจะควักสิ่งใดออกมาจ่ายเป็นค่าจ้างแล้วเสร็จ มันก็เริ่มทำการติดต่อลูกชายนอกสมรสของ 1 ใน 3 ผู้นำองค์กรกะโหลกเลือดทันที

 

“นายน้อยเฉิน ข้าคือเจิ้งหงอี้จากนิกายอมตะเป้าผู่ในเขตคฤหาสน์เฉวียนโยว…พวกเราเคยเจอกันที่ป่าลี้ลับ ท่านจำได้หรือไม่ว่าท่านเคยบอกข้าไว้ ว่าท่านสามารถช่วยให้ข้าจ้างมือสังหารของกะโหลกเลือดฆ่าคนได้ 2 ครั้งโดยที่มิต้องมีผู้ใดค้ำประกัน ตอนนี้ข้าอยากใช้โอกาสที่ว่าสักครั้ง”

 

นั่นคือเนื้อหาที่ส่งผ่านยันต์อมตะสื่อสารทางวิญญาณที่เจิ้งหงอี้ติดต่ออีกฝ่ายไปเป็นครั้งแรก

 

และหลังส่งข้อความผ่านยันต์อมตะสื่อสารทางวิญญาณแล้ว เจิ้งหงอี้ก็ได้แต่รอให้อีกฝ่ายตอบกลับเท่านั้น

 

และราวๆ 1 เค่อต่อมา มันก็ได้รับคำตอบ

 

“ข้อมูลเบื้องต้นของเป้าหมาย”

 

คำตอบของอีกฝ่ายก็ช่างเรียบง่ายและตรงไปตรงมานัก

 

“ต้วนหลิงเทียนผู้ฝึกตนอิสระ อายุไม่ถึงร้อยปี เข้าใจความลึกซึ้งของกฏแห่งดิน 2 ประการ โด่งดังขึ้นมาหลังออกจากแดนสวรรค์ใต้โบราณของเขตคฤหาสน์เฉวียนโยวและเลือกจะเข้าร่วมกับนิกายอมตะเป้าผู่”

 

เจิ้งหงอี้ก็เร่งตอบกลับไปทันที