มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 1459

ภายในขอบเขตค่ายสังหาร ปีศาจหมาป่าจำนวนมากถูกแรงระเบิดสังหาร จากนั้นนักยุทธ์ที่ผลการฝึกตนอยู่ตั้งแต่ระดับเทพฟ้าเป็นต้นไปก็พากันลงมือโจมตีเช่นกัน อาศัยความสะดวกสบายของค่ายกล ปล่อยพลังงานอมตะและเรียกอาวุธออกมา ก่อนจะพุ่งตรงเข้าไปสังหารฝูงปีศาจหมาป่า

“ฟึ่บ!”

แสงเลือดแสงหนึ่งกระพริบผ่านไป นักยุทธ์เทพฟ้าขั้น 5 คนหนึ่งตอบสนองกลับมาไม่ได้เลยด้วยซ้ำ ร่างกายก็ถูกแสงเลือดหลายแสงโจมตีพร้อมกัน มากกว่านั้นคือเขาไม่ทันได้กรีดร้องอะไรด้วยซ้ำ ร่างกายก็กลายเป็นน้ำหนองในพริบตา แม้กระทั่งช่องจิตก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย

“คุ้มกัน!”

จี้ซิวตะคอกเสียงดังลั่น กองกำลังใต้บังคับบัญชาของตำหนักหลักเมือง มีกลุ่มเทพฟ้าที่ผ่านการฝึกฝนมาอย่างดีจำนวนมากหนึ่งกลุ่ม

เทพฟ้ากลุ่มหนึ่งพากันพุ่งตรงเข้าไป ต่างเรียกสมบัติคุ้มกันของตัวเองออกมา ต้านทานการโจมตีจากฝูงปีศาจหมาป่า

“โจมตี!”

ภายใต้เสียงคำสั่งของจี้ซิวที่ดังขึ้นมาอีกครั้ง เจ้านภาทั้ง 30 คนก็ลงไปโจมตีสุดกำลังสามารถพร้อมกัน ใช้อาวุธสงครามและพลังอมตะที่แข็งแกร่งที่สุดของตัวเองโจมตีฝูงปีศาจหมาป่าอย่างสุดกำลังสามารถ ภายในเวลาชั่วพริบตาเดียวก็มีปีศาจหมาป่าจำนวนมากถูกสังหาร

“เจ้าเมืองน้อย จำนวนฝูงปีศาจหมาป่ามีเยอะเกินไปจริง ๆ ขอรับ!”

ฝูงปีศาจหมาป่าเหมือนดั่งมหาสมุทรสีเลือด ตัวข้างหน้าล้มลงไป ตัวข้างหลังก็กระโจนเข้ามาสู้อย่างไม่ขาดสาย จำนวนมีมากกว่าหนึ่งหมื่นตัว ค่ายกลจำนวนมากที่ถูกจัดวางโดยนักค่ายเทพถูกโจมตีจนพังทลายไปอย่างรวดเร็ว

เมื่อจำนวนของมันสูงถึงระดับที่แน่นอนแล้ว ก็สามารถก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางด้านคุณภาพเช่นกัน เมื่อเปรียบเทียบกับจำนวนปีศาจหมาป่าที่มีนับหมื่นตัวแล้ว ฝั่งกองกำลังใหญ่ทั้งสองกลับมีคนเพียงพันกว่าคนเท่านั้น ในจำนวนนั้นยังมีกรรมกรขุดเหมืองไม่น้อยด้วย ซึ่งผลการฝึกตนพวกเขาเป็นเพียงเทพมาร

“เหอเฟิง ข้าต้องการคำอธิบาย!”

จี้ซิวมองไปทางหัวหน้าแก๊งสมาคมจรัสนภาอย่างเย็นเยือก“จากข้อมูลที่เจ้าเสนอให้ข้าเมื่อครั้งก่อน ไม่ได้พูดถึงว่าระหว่างทางต้องปะทะกับฝูงปีศาจหมาป่าตาเลือด”

เหอเฟิงอมยิ้ม“เหตุใดเจ้าเมืองน้อยถึงต้องพิโรธด้วยเล่า? ขอเพียงสามารถฝ่าฟันวงล้อมของฝูงปีศาจหมาป่าออกไปได้ ก็จะไปถึงตำแหน่งที่ตั้งของเหมืองแก้วเทวเอง”

“เจ้าพูดน่ะง่าย แต่จำนวนฝูงปีศาจหมาป่ามีเป็นหมื่น หากฆ่าฝ่าวงล้อออกไปได้ แล้วเราต้องสูญเสียกำลังทหารไปเท่าไหร่?”จี้ซิวทำเสียงหึอย่างเยือกเย็น

“จากเกราะคุ้มกันของเรือรบดารา การจะฝ่าวงล้อมออกไปนั้นไม่ใช่ปัญหาเลย”เหอเฟิงยังคงเรียบนิ่งมาก ๆ อยู่เช่นเคย ราวกับว่าเรื่องทั้งหมดทั้งมวลล้วนอยู่ในแผนการของเขายังไงอย่างนั้น

จี้ซิวหรี่ตาลงเล็กน้อย“แม้เรือรบดาราจะสามารถต้านทานการรุมโจมตีจากฝูงปีศาจหมาป่าได้ แต่การเปิดเกราะคุ้มกันต้องสูญเสียแก้วเทวชั้นกลางเป็นจำนวนมาก ต้นทุนที่มากมายเช่นนี้ ตำหนักหลักเมืองของข้าไม่มีทางเป็นตัวซวยที่จะเป็นผู้รับผิดชอบหรอกนะ!”

“สมาคมจรัสนภาของเรายินดีที่จะออกช่วยครึ่งหนึ่ง”เหอเฟิงกล่าวเช่นนี้ เขาเข้าใจมูลค่าของเหมืองแก้วเทวดีมาก ๆ เมื่อเปรียบเทียบกับแก้วเทวที่ต้องสูญเสียกับเรือรบดาราแล้ว เรือรบดาราก็น้อยนิดมากจนไม่มีค่าพอที่จะให้พูดถึงเลย

“ทุกคนถอยขึ้นไปบนชั้นดาดฟ้าให้หมด!”

จี้ซิวก็มิได้โต้เถียงอะไรต่อเช่นกัน เขาตวาดเสียงดัง ออกคำสั่งไปยังหน่วยงานใต้บังคับบัญชา

ทุกคนต่างกลายร่างเป็นลำแสง และถอยกลับไปด้วยความเร็วที่เร็วที่สุด เหมือนดั่งผึ้งที่บินกลับรัง เกราะป้องกันม่านแสงของเรือรบ ไม่เป็นอุปสรรคอะไรต่อมนุษย์ผู้ฝึกยุทธ์อย่างพวกเขาเลยแม้แต่น้อย

แต่ทว่าเมื่อฝูงปีศาจหมาป่ากระโจนเข้ามาฆ่าก็จะถูกม่านแสงกีดกัน ไม่ว่าพวกมันจะโจมตีอย่างไร ม่านแสงก็ไม่กระเพื่อมเลยแม้แต่น้อย

ค่ายคุ้มกันที่สลักอยู่บนเรือรบดาราเป็นค่ายกลระดับ 7 ขอเพียงมีแหล่งพลังงานที่มากพอมาประคอง ก็มีเพียงราชาเทพเท่านั้นที่สามารถทลายมันได้!

“โครม!”

ภายใต้การควบคุมของนักค่ายเทพจำนวนมาก เรือรบทั้งสองลำทำให้สุญญากาศแตกสลาย กลายเป็นลำแสงสีเงินสองลำแสงภายในชั่วพริบตาเดียว เคลื่อนผ่านความมืดมิดกลางห้วงดาราไปดุจดาวตกสองดวง

ฝูงปีศาจหมาป่าสีแดงเลือดเหมือนกระดาษสีแดงแผ่นหนึ่งที่ถูกฉีกออกตรงกลาง ปีศาจหมาป่าตาเลือดทุกตัวที่ขัดขวางอยู่ตรงหน้าเรือรบดารา ล้วนถูกบดละเอียดเป็นฝุ่นผง ไม่เหลือแม้แต่ซากกระดูก

ฝูงปีศาจหมาป่าส่งเสียงคำรามอย่างโกรธเกรี้ยว อย่างไรก็ตามเมื่อเปรียบเทียบความเร็วกับเรือรบดาราแล้ว พวกมันกลับแตกต่างกันมาก ถูกสลัดทิ้งอย่างรวดเร็วโดยไร้ร่องรอย

เรือรบดารากำลังมุ่งหน้าตรงไปข้างหน้าด้วยความเร็วเต็มอัตรา พลังงานที่สูญเสียไปนั้นเยอะมาก ๆ เพราะฉะนั้นเรือรบทั้งสองลำจึงบินได้ไม่นานมากนัก ความเร็วก็เริ่มลดลง สุดท้ายความเร็วในการเคลื่อนที่ก็รักษาไว้ที่ระดับความเร็วที่ถือว่าไม่เร็วและไม่ช้ามากนัก