บทที่ 1900 ประมูลกลับมา + ตอนที่ 1901 ฉีดยากันแท้ง

ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น

ตอนที่ 1900 ประมูลกลับมา

อู่เยวี่ยไปแล้ว เหมยเหมยก็ไม่มีความสนใจที่จะอยู่ต่อ แต่ก่อนหน้านั้นเธอต้องทำอะไรบางอย่างก่อน

“ฉิวฉิว พวกเรากลับบ้านกัน” เหมยเหมยส่งเสียงเรียกอย่างนุ่มนวล

คุณชายฉิวลุกขึ้นหยิบต่างหูคู่หนึ่งออกมาจากท้องราวกับแสดงมายากล มันเป็นต่างหูคู่ที่อู่เยวี่ยซื้อมาด้วยเงินหนึ่งล้าน

“กู่ ๆ…”

ฉิวฉิวส่งเสียงเรียกเหมยเหมยอยู่หลายครั้งแล้วเอาต่างหูยัดใส่มือเธอ จากนั้นก็มุดเข้าไปในเสื้อคลุมตัวนอกของเธอ ซ่อนจนไม่เห็นเงา ทุกคนต่างอ้าปากค้างอีกครั้ง

เจ้ากระรอกตัวนี้ช่างเยี่ยมยอดจริง ๆ!

ยังรู้จักซ่อนของเอาไว้ด้วย!

เหมยเหมยแสร้งทำเป็นประหลาดใจพลางหยิบต่างหูขึ้นมา พูดกับตัวเองว่า “แล้วนี่จะทำอย่างไรดีล่ะ คุณนายเฮ่อเหลียนกลับไปแล้วด้วย ฉันไม่กล้าถือวิสาสะโยนต่างหูทิ้งหรอกนะ!”

“แต่ว่าคุณนายเฮ่อเหลียนเกลียดต่างหูมากขนาดนี้ คืนเธอไปก็กลัวว่าจะยั่วโมโหจนส่งผลกระทบกับลูกในครรภ์อีก พี่หมิงซุ่น พี่ว่าจะจัดการกกับต่างหูนี้อย่างไรดีล่ะ?”

เหมยเหมยหันไปมองเหยียนหมิงซุ่นดวงตากลมโตแล้วกะพริบตาด้วยท่าทีใสซื่อ

“ก็ประมูลอีกครั้งสิ คุณนายเฮ่อเหลียนมีใจนึกถึงแต่ผู้ประสบภัย คงหวังแต่ว่าการประมูลบริจาคเงินในครั้งนี้ยิ่งมากเท่าไรก็ยิ่งดี พี่เป็นคนตัดสินใจให้เอง” เหยียนหมิงซุ่นพูดเสียงเรียบนิ่ง ไม่มีใครกล้าคัดค้าน

ผู้ประมูลเริ่มการประมูลต่างหูอีกครั้ง “ราคาประมูลเริ่มต้นที่หนึ่งหมื่น เพิ่มขึ้นครั้งละหนึ่งพัน…”

“หนึ่งหมื่นหนึ่งพัน” เสียงของเหมยเหมยชัดก้องกังวาน เดิมทียังมีคุณหญิงบางคนที่ยังลังเลใจอยู่บ้างแต่ก็หยุดความคิดนั้นในฉับพลัน ป้ายประมูลที่ถูกกดเอาไว้แน่นไหนเลยจะกล้าเอาขึ้นมาเสนอราคา

มีคุณชายหมิงจ้องเขม็งอยู่ข้าง ๆ พวกเธอจะกล้ายกป้ายประมูลขึ้นมาได้อย่างไร?

ในห้องโถงเงียบสนิทไร้เสียง เสียงของผู้ประมูลนั้นสูงมาก “หนึ่งหมื่นหนึ่งพันครั้งที่หนึ่ง หนึ่งหมื่นหนึ่งพันครั้งที่สอง…หนึ่งหมื่นหนึ่งพันครั้งที่สาม ปิดการขาย!”

เสียงค้อนทุบโต๊ะดังขึ้น หัวใจของทุกคนตกอยู่ในสภาวะเดิม ในที่สุดละครฟอร์มยักษ์เรื่องนี้ก็จบลงเสียที!

“ขอบคุณทุกคนที่ยอมให้นะคะ!”

สุดท้ายต่างหูก็ถูกส่งกลับคืนเจ้าของเดิมอย่างเหมยเหมยอีกครั้ง เธอแค่เหลือบมองแล้วก็โยนต่างหูลงในกระเป๋า ท่าทางที่แสดงออกมาไหนเลยจะมีท่าทีถนอมของรักของหวงอยู่อีก?

เหยียนหมิงซุ่นลุกขึ้นยืนก่อน จากนั้นถึงดึงเหมยเหมยลุกขึ้นมา ตอนเดินผ่านหัวหน้ามูลนิธิซึ่งเป็นหนึ่งในผู้จัดงานเลี้ยงแถมยังเป็นหญิงสาวที่มีชื่อเสียงด้วย เขาพูดอย่างเย็นชาว่า “มีคนมากมายกระตือรือร้นที่อยากจะช่วยเหลือผู้คนในพื้นที่ประสบภัย เงินบริจาคเหล่านี้จะต้องโปร่งใสและเปิดเผยชัดเจนเพื่อเลี่ยงไม่ให้ใครบางคนคิดเล่นตุกติกได้”

“คุณชายหมิงโปรดวางใจ มูลนิธิของเราจะเปิดเผยแหล่งที่มาที่ไปของเงินบริจาคทั้งหมดพร้อมทั้งแจกแจงรายละเอียดอย่างชัดเจนแน่นอน” ผู้รับผิดชอบมูลนิธิตกใจจนต้องรีบชี้แจงออกมา

“ผมเคยได้ยินมาว่าการบริจาคเงินของกองทุนคุณไม่ค่อยเปิดเผยอย่างโปร่งใสเท่าไรนัก!” เสียงของเหยียนหมิงซุ่นไม่ดังมากแต่กลับเหมือนค้อนหนัก ๆที่ทุบใส่หัวใจของหัวหน้ามูลนิธิจนหน้าซีดไร้สีเลือด

“นั่นเป็นความผิดพลาดในการทำงานครั้งก่อน ตอนนี้จะไม่เป็นแบบนั้นแล้ว พวกเรายินดีให้คุณชายหมิงมาตรวจสอบได้ทุกเมื่อ” เสียงของหัวหน้ามูลนิธิดังก้องกังวาน คำพูดมีพลังกล้าหาญ

เหยียนหมิงซุ่นยกยิ้มเล็กน้อยถือโอกาสพูดขึ้นว่า “ผมไม่มีอำนาจตรวจสอบงานมูลนิธิของคุณอยู่แล้ว แต่ผมจะส่งผู้เชี่ยวชาญจากสำนักงานบัญชีมาช่วยเหลือคุณแล้วกัน”

ใบหน้าของผู้รับผิดชอบมูลนิธิเริ่มซีดลง ถึงอย่างไรก็นึกไม่ถึงว่าเหยียนหมิงซุ่นจะเอาคำพูดเกรงใจของเธอไปคิดเป็นจริงเป็นจังได้?

นี่เขาจะส่งนักบัญชีมาตรวจสอบควบคุมงานมูลนิธิของพวกเขาจริง ๆเหรอ ถ้างั้นเงินบริจาคทั้งหมดจะเข้ากระเป๋าส่วนตัวได้อย่างไรเล่า?

เรื่องที่ไม่ได้ผลประโยชน์ ใครจะอยากจะเปลืองแรงทำกันล่ะ?

“ขอบคุณคุณชายหมิงสำหรับความห่วงใยและการสนับสนุน!” หัวหน้ามูลนิธิพยายามฝืนยิ้มขอบคุณ วางแผนไว้ว่าจะกลับไปคุยกับอู่เยวี่ยว่าจะจัดการเรื่องนี้อย่างไร หรือว่าจะต้องใช้เงินบริจาคจนหมดจริง ๆหรือ?

ดวงตาของเหยียนหมิงซุ่นเย็นชาลงเล็กน้อย พูดอีกประโยคว่า “พรุ่งนี้ผมจะส่งคนจากสำนักงานเทียนอิงไปที่มูลนิธิของคุณ!”

………………………………………….

ตอนที่ 1901 ฉีดยากันแท้ง

พอออกมาจากโรงแรมลมหนาวก็พัดโชยมา เหมยเหมยหดคอลงอย่างรวดเร็วจนหัวแทบจะมุดเข้าไปในคอเสื้อกันหนาว ภายในโรงแรมอบอุ่นเหมือนช่วงฤดูใบไม้ผลิ แต่ภายนอกกลับโปรยปรายไปด้วยเกร็ดหิมะ ช่างเป็นดั่งโลกสองใบจริง ๆ เลย!

“เมื่อกี้คุณนายเฮ่อทำตัวตลกจัง เธอคงคิดไม่ถึงว่าพี่จะมาในโหมดจริงจังสินะ!”

ลุงเหลาขับรถมาได้ทันเวลา ภายในรถอบอุ่นมากเหมยเหมยถึงได้รู้สึกสบายตัวขึ้นมาหน่อย พอนึกถึงสีหน้าเมื่อกี้ของคุณนายเฮ่อหัวหน้าประจำมูลนิธิที่เหมือนกินขี้เข้าไป เธอก็หลุดขำออกมาอย่างห้ามไม่อยู่

เหยียนหมิงซุ่นยกยิ้มมุมปากแล้วคว้ามือเหมยเหมยมากุมไว้ในอุ้งมือของตัวเอง นัยน์ตาทอประกายเย็นชา

ในช่วงหลายปีที่ผ่านมามูลนิธิต่าง ๆในเมืองหลวงมีเพิ่มขึ้นมากมาย ส่วนใหญ่จัดตั้งขึ้นโดยบุคคลมีชื่อเสียงที่มีหน้ามีตาในสังคม และหนึ่งในมูลนิธิที่มีขอบข่ายค่อนข้างใหญ่ก็คือที่ที่อู่เยวี่ยเข้าร่วม ผู้ดูแลมูลนิธิแซ่เฮ่อ สามีเป็นคนของหนิงเฉินเซวียน

ดังนั้นมูลนิธิแห่งนี้ถือได้ว่าอยู่ภายใต้การควบคุมของหนิงเฉินเซวียนอย่างลับ ๆ แต่อย่าเพิ่งดูถูกมูลนิธิแห่งนี้เชียว เพราะที่นี่เป็นสถานที่ฟอกเงินชั้นดีของหนิงเฉินเซวียนเลยล่ะ เหยียนหมิงซุ่นจับตาดูมูลนิธิแห่งนี้มานานแล้ว

แต่หนิงเฉินเซวียนเจ้าเล่ห์มาก เขาป้องกันบุคคลภายนอกอย่างเหนียวแน่น ครั้งนี้นับว่าคิดหาข้ออ้างได้ดีเขาถึงได้ส่งคนเข้าไปอย่างง่ายดาย สำนักงานบัญชีเทียนอิงล้วนเป็นคนของเขาทั้งหมดซึ่งในนั้นต่างเป็นนักบัญชีชั้นนำ หากมูลนิธิเกิดปัญหาด้านการเงินเพียงเล็กน้อยก็ไม่อาจปกปิดสายตาของเขาได้

พออู่เยวี่ยกลับถึงบ้านก็ให้หมอฉีดยากันแท้งทันทีเธอถึงสบายใจขึ้นมาบ้าง แต่หมอก็เตือนเธอแล้วว่าให้นอนพักผ่อนอยู่บนเตียงจะเป็นการดีที่สุด มิเช่นนั้นอาจจะส่งผลให้เกิดการแท้งบุตรได้

อู่เยวี่ยไม่ได้ใส่ใจคำของหมอ เธอรู้ร่างกายของตัวเองดีที่สุดว่าต้องไม่เป็นไรแน่นอน วันนี้แค่โดนยัยชั่วจ้าวเหมยทำให้โมโหก็เท่านั้น รอให้เธอพลิกสถานการณ์และเอาคืนให้ได้ก่อนเถอะ!

อู่เยวี่ยติดสินบนหมอไว้แล้ว เธอไม่ได้กังวลว่าหนิงเฉินเซวียนจะรู้เรื่องสภาพร่างกายของเธอ ซึ่งเธอไม่เต็มใจสักนิดที่จะพักผ่อนอยู่บ้านเฉย ๆ วัน ๆเอาแต่ขังตัวเองอยู่ในบ้าน พอคลอดลูกแล้วกลัวว่าจะมีเพียงไม่กี่คนในเมืองหลวงที่รู้จักเธอ!

หากหนิงเฉินเซวียนอยากจะฆ่าเธอให้ตาย ถึงเวลานั้นเธอคงต้องตายจากไปอย่างไร้ร่องรอย ใครต่างก็ไม่ให้ความสนใจว่าภรรยาของคุณชายเช่อตายอย่างไร!

เพราะฉะนั้นเธอจะต้องหาจุดยืนตัวเองในเมืองหลวงให้ได้ ยิ่งสถานะของเธอมีความสำคัญขึ้นมากเพียงไร ข้อต่อรองในการเอาชีวิตรอดของเธอในภายภาคหน้าก็จะยิ่งมีมากขึ้นเท่านั้น แล้วเธอจะยอมพักผ่อนอยู่บ้านเงียบ ๆได้อย่างไรล่ะ?

ต่อให้ต้องฝืนก็จะฝืนจนกว่าจะคลอดลูกออกมา!

อู่เยวี่ยเพิ่งรู้สึกสบายใจขึ้นมาไม่ทันไร คุณนายเฮ่อก็โทรเข้ามาเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหลังจากที่เธอกลับมาให้ฟัง พอได้ยินว่าฉิวฉิวคาบเก็บต่างหูกลับมา แถมเหมยเหมยยังได้ประมูลต่างหูกลับไปในราคาหนึ่งหมื่นหนึ่งพันหยวน อู่เยวี่ยก็โมโหลมจับจนแทบเป็นลมล้มพับลงไป

เธอกัดริมฝีปากแน่น เริ่มมีอาการปวดท้องอีกครั้ง

ยัยชั่วจ้าวเหมย บัญชี(แค้น)ครั้งนี้เธอจะต้องเอาคืนเป็นร้อยเท่า!

“อีกอย่างคุณชายหมิงบอกว่าพรุ่งนี้จะส่งคนของสำนักงานบัญชีเทียนอิงมาตรวจสอบ แล้วครั้งนี้จะทำอย่างไรดีคะ!” คุณนายเฮ่อร้อนรนจนแทบบ้า ในงานการกุศลครั้งนี้เธอออกเงินไปตั้งสองแสนนะ!

หากเป็นเมื่อก่อนเงินสองแสนหยวนนี้ก็เป็นแค่การเปลี่ยนมือคนถือ พองานประมูลสิ้นสุดลงสองแสนนั้นก็จะบินกลับมาเข้ากระเป๋าของเธอเช่นเดิม แถมยังพาลูก ๆหลาน ๆกลับมาด้วย

แต่ถ้านักบัญชีของสำนักงานเทียนอิงเข้ามาตรวจสอบจริง ๆละก็ เงินสองแสนนั้นไม่มีทางเอากลับคืนมาได้อีกแน่นอน ช่างปวดใจเหลือเกิน!

อู่เยวี่ยปวดใจยิ่งกว่า  เหตุที่เธอกล้าโยนเงินหนึ่งล้านซื้อต่างหูกลับมาเพราะเธอมั่นใจว่าจะสามารถเอาเงินหนึ่งล้านนั้นกลับคืนมาได้ แต่ตอนนี้เหยียนหมิงซุ่นคิดจะทำอะไรกันแน่นะ?

เขาจุ้นจ้านเกินไปหรือเปล่า?

อู่เยวี่ยรู้สึกได้ว่าท้องน้อยมีอาการหน่วงเป็นระยะ ดูท่าไม่ดีแล้วจึงรีบรวบรัดตัดตอนคุณนายเฮ่อแล้วเรียกหมอเข้ามาฉีดยากันแท้งให้เธออีกครั้ง กว่าจะรักษาลูกในท้องไว้ได้นั้นไม่ง่ายเลย แต่เมืองหลวงก็เงียบสงบไปได้อีกหลายวัน

……………………………………………………………………..