บทที่ 704.1 วันที่ห้าเดือนห้าผ่านมาอีกปี

กระบี่จงมา! Sword of Coming

เซี่ยซงฮวาไม่ได้รีบร้อนกลับไปยังนครโถวหนี แต่พาเผยเฉียนเดินเท้าลงใต้ไปด้วยกัน

เมืองเล็กริมชายแดนแห่งหนึ่ง ต่อให้มีพยัคฆ์หมอบมังกรซ่อนอยู่มากแค่ไหนก็ยังต้องประเมินกระบี่บินของเซียนกระบี่หญิงคนหนึ่งให้ดี

ลูกศิษย์ผู้สืบทอดสองคนนั้นของนาง แม้ว่าจะยังไม่เลื่อนเป็นห้าขอบเขตกลาง แต่กลับเป็นผู้ฝึกกระบี่ อีกทั้งยังเป็นตัวอ่อนเซียนกระบี่ของกำแพงเมืองปราณกระบี่อีกด้วย ต่อให้จะมีเรื่องไม่คาดฝันเล็กๆ เกิดขึ้น กระบี่บินของเซี่ยซงฮวาก็สามารถไปถึงได้ในเสี้ยววินาที

แล้วนับประสาอะไรกับที่ก่อนจะเข้าไปยังนครโถวหนี เซี่ยซงฮวาได้พาเฉามู่กับจวี่สิงไปท่องเที่ยวบนภูเขาของขุนเขาเหนือแคว้นอวี่กงก่อนแล้ว ซานจวินแห่งขุนเขาเหนือผู้นั้นต้องให้การดูแลเด็กทั้งสองอย่างระมัดระวัง หากปล่อยให้เกิดเรื่องไม่คาดฝันใดๆ กับลูกศิษย์ผู้สืบทอดของเซียนกระบี่ในอาณาเขตของตัวเอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเป็นลูกศิษย์ของเซี่ยซงฮวาด้วยแล้ว หากถ่วงเวลาการฝึกตนบนมหามรรคาของพวกเขา ซานจวินแคว้นเล็กๆ แห่งหนึ่งยอมไม่อาจแบกรับได้ไหว บางทีอาจยังเดือดร้อนให้ตลอดทั้งแคว้นอวี่กงถูกเซียนกระบี่เซี่ยจดจำแค้นไว้ด้วย

เพราะนิสัยของเซี่ยซงฮวาเป็นที่ยอมรับในธวัลทวีปว่าไม่ค่อยดีเท่าใดนัก

หลังจากที่ได้พูดคุยกับเผยเฉียนอยู่พักหนึ่ง เซี่ยซงฮวาก็ต้องทอดถอนใจอย่างปลงอนิจจัง คิดไม่ถึงว่าแม้ตนก็ยังมองตื้นลึกในการเรียนวรยุทธของเผยเฉียนไม่ออก

ที่แท้แม่นางน้อยเพิ่งจะอายุยี่สิบต้นๆ แต่กลับเป็นผู้ฝึกยุทธเต็มตัวขอบเขตเดินทางไกลแล้ว

นี่เป็นดั่งขนหงส์เขากิเลนถึงเพียงไหน หากเอาไปวางไว้บนภูเขา อายุประมาณยี่สิบกว่าๆ ก็คงเป็นผู้ฝึกกระบี่ก่อกำเนิดได้แล้ว

หากไม่เป็นเพราะก่อนหน้ามีเฉาสือ ภายหลังมีเฉินผิงอัน ไม่อย่างนั้นเซี่ยซงฮวาก็คงจะต้องกังขาในตัวตนของเผยเฉียนแล้ว

แต่ความรู้สึกที่มากกว่านั้นของเซี่ยซงฮวาคือความปลาบปลื้ม

อันที่จริงนางกับเผยเฉียนเพิ่งจะเคยเจอกัน ไม่ได้สนิทสนมกันแต่อย่างใด แต่พอได้เห็นเผยเฉียนที่สะพายหีบไม้ไผ่ออกเดินทางไกล เซี่ยซงฮวาก็รู้สึกใกล้ชิดสนิทสนมด้วยทันที ส่วนจะใช่รักอีกาที่อยู่ในบ้านด้วยหรือไม่นั้น (มาจากสำนวนที่ว่ารักใครคนหนึ่งอย่างหัวปักหัวปำ จนแม้กระทั่งอีกาที่เกาะอยู่บนหลังบ้านเขาก็รักไปด้วย คล้ายสำนวน love me love my dog) ไม่สำคัญเลย ข้าเซี่ยซงฮวาเห็นใครถูกชะตา ฟ้าดินก็อย่าได้มายุ่งเกี่ยวกับข้า หากเห็นใครขวางหูขวางตา พวกเจ้าก็ลองมายุ่งกับกระบี่บินของข้าดูได้ แต่ต้องมีความกล้าหาญและมีความสามารถมากพอด้วย

ดังนั้นเซี่ยซงฮวาจึงยิ้มเอ่ยว่า “หากกังวลว่าน้าเซี่ยเวทกระบี่ไม่สูงพอ ไม่อาจได้เปรียบซี่หลิ่วผู้นั้น ดังนั้นก่อนหน้านี้เจ้าถึงได้พูดจาชวนสับสน ก็ไม่มีความจำเป็นเลย บอกตามตรง หากข้าคิดจะไปสับซี่หลิ่ว อย่างมากสุดแค่ครึ่งก้านธูปก็กลับมาได้แล้ว สังหารเผ่าปีศาจที่เป็นผู้ฝึกกระบี่ขอบเขตหยกดิบคนหนึ่งไม่ง่ายนัก แต่หากไม่มีสองคำว่าผู้ฝึกกระบี่กลับไม่ยากแล้ว”

เผยเฉียนรีบส่ายหน้า “ท่านน้าเซี่ย ไม่ใช่อย่างนั้น หากซี่หลิ่วบีบบังคับ ใช้อำนาจกดดันคนอื่นมากเกินไป ตอนนั้นข้าย่อมต้องถามหมัดเขาไปแล้ว”

เซี่ยซงฮวาพยักหน้ารับ “ถ้าอย่างนั้นก็ถือว่าซี่หลิ่วจุดธูปไหว้พระไว้มาก โชคจึงไม่เลว เดิมทีข้าคิดจะพาลูกศิษย์สองคนอย่างเฉามู่ จวี่สิงมาบำรุงปณิธานกระบี่ที่อาณาเขตใต้ของที่ราบน้ำแข็งแห่งนี้ ซี่หลิ่วต้องได้มาเจอกันแน่นอน เฉามู่มีกระบี่บินแห่งชะตาชีวิตอยู่สองเล่ม เล่มหนึ่งคือ ‘หงหนี’ (ทุติยรุ้ง) เล่มหนึ่งคือ ‘พางถัว’ (ฝนตกหนัก) เล่มหนึ่งในนั้นอย่าง ‘หงหนี’ เหมาะแก่การบำรุงด้วยความอบอุ่นอยู่ที่นี่มากที่สุด ส่วน ‘เหลยเจ๋อ’ ของจวี่สิง หากมาอยู่บนที่ราบน้ำแข็งกลับไม่ได้มีประโยชน์มากนัก ดังนั้นวันหน้าจึงยังต้องไปเยี่ยมเยือนเพ่ยอาเซียงที่ศาลเหลยกงสักหน่อย ดูสิว่าจวี่สิงจะเจอโชควาสนาใหญ่ที่จวนหม่าหูหรือไม่”

ตอนนี้เผยเฉียนไม่ค่อยเข้าใจนักว่าคำว่า ‘เจอกับซี่หลิ่ว’ กับ ‘เยี่ยมเยือนจวนเหลยกง’ ของท่านน้าเซี่ยผู้นี้คือการ ‘พบเจอ’ อย่างไรกันแน่

แต่เซี่ยซงฮวายินดีจะเปิดเผยชื่อของกระบี่บินแห่งชะตาชีวิตของลูกศิษย์ผู้สืบทอดสองคนให้เผยเฉียนฟัง ก็เห็นได้ชัดว่านางรู้สึกสนิทใจกับเผยเฉียนแค่ไหน เรียกได้ว่ามองนางเป็นคนบ้านเดียวกันแล้ว

แต่ไหนแต่ไรมาทัศนคติที่เซี่ยซงฮวามีต่อธวัลทวีปที่เป็นบ้านเกิดล้วนไม่ดีมาโดยตลอด หลังจากเลื่อนขั้นเป็นเซียนดินนางก็มักจะไปหาประสบการณ์ระหว่างหลิวเสียทวีปกับเกราะทองทวีปอยู่บ่อยๆ ก่อนที่จะรับลูกศิษย์ผู้สืบทอดมา ทุกครั้งที่มีธุระให้ต้องกลับบ้านเกิด นางไม่ใคร่จะยินดีเปิดเผยร่องรอยของตัวเองมากนัก ยิ่งคร้านจะโอ้อวดสถานะเซียนกระบี่ของตน ดังนั้นจึงเคยมีความขัดแย้งเกิดขึ้นหลายครั้ง อีกทั้งยังไม่ใช่เรื่องเล็ก เซี่ยซงฮวาไม่คิดว่าตัวเองคือคนที่มีเหตุผลอะไร เพราะฉะนั้นทุกครั้งไม่ว่าจะเป็นเด็กนางก็ตีด้วย ผู้ใหญ่นางก็ตีด้วย หากยังมีบรรพจารย์บุกเบิกภูเขาอยู่ด้วย แบบนั้นก็ยิ่งดี ดังนั้นผู้ฝึกตนของธวัลทวีปจึงทั้งเคารพยำเกรงและทั้งปวดหัวต่อเซียนกระบี่ทวีปเดียวกันผู้นี้

ทุกวันนี้ชื่อเสียงบารมีของเซี่ยซงฮวาในธวัลทวีปเรียกได้ว่าดั่งตะวันที่อยู่กลางฟ้า

ใช้สถานะของเซียนกระบี่หญิงไปหาประสบการณ์ที่กำแพงเมืองปราณกระบี่ สร้างผลงานทางการสู้รบอันเลื่องลือ ใช้กระบี่สังหารปีศาจใหญ่เซียนกระบี่ขอบเขตหยกดิบ อีกทั้งประเด็นสำคัญคือเซี่ยซงฮวายังมีชีวิตรอดกลับมาที่ใต้หลาไพศาลด้วย

สำหรับบนภูเขาของธวัลทวีปแล้ว เซียนกระบี่หญิงคนหนึ่งที่ตายไปแล้วก็มีเพียงเท่านั้น เพราะธวัลทวีปไม่มีประเพณีนิยมชูกระบี่เซ่นไหว้

ข่าวหนึ่งที่สั่นสะเทือนจิตใจของคนธวัลทวีปมากที่สุดก็คือ เล่าลือกันว่ามีความเป็นไปได้อย่างถึงที่สุดที่เซี่ยซงฮวาจะฝ่าทะลุคอขวดขอบเขตหยกดิบเลื่อนขั้นเป็นขอบเขตเซียนเหรินภายในเวลาแค่ไม่กี่สิบปี กลายเป็นเซียนกระบี่ใหญ่คนแรกที่เลื่อนขั้นสู่ขอบเขตนี้ได้สำเร็จในรอบพันปีของธวัลทวีป

เวลาหลายสิบปีของผู้ฝึกตนก็เป็นแค่ระยะเวลาสั้นๆ ที่เทพเซียนบนภูเขางีบหลับเล็กๆ แค่ไม่กี่รอบเท่านั้น

เซี่ยซงฮวายิ้มถาม “เป็นผู้ฝึกยุทธขอบเขตแปดแล้ว ทำไมถึงไม่ทะยานลมเดินทางไกลเล่า?”

เผยเฉียนเขินอายเล็กน้อย ตอบเสียงเบาว่า “อาจารย์พ่อเคยบอกว่าท่องอยู่ล่างภูเขาให้ลดขอบเขตลงสองขอบเขต อย่าได้เลียนแบบใครบางคนที่ยอมให้ก่อนหนึ่งกระบวนท่ายามประลองฝีมือกันในยุทธภพ”

เผยเฉียนเอ่ย “ท่านน้าเซี่ย ท่านขี่กระบี่ข้าทะยานลมก็ได้นะ กฎเกณฑ์ก็คือคนตายที่ยังมีชีวิตอยู่ อยู่ข้างกายท่านน้าเซี่ยก็ไม่จำเป็นต้องพิถีพิถันเรื่องพวกนี้”

เพราะถึงอย่างไรเซี่ยซงฮวาก็คือผู้อาวุโสเซียนกระบี่ท่านหนึ่ง แล้วนับประสาอะไรกับที่นางเดินทางมายังที่ราบน้ำแข็งครานี้ก็เพื่อถ่ายทอดมหามรรคาเวทกระบี่ให้แก่ลูกศิษย์ผู้สืบทอดทั้งสองคน

เซี่ยซงฮวาหัวเราะชอบใจเสียงดัง “ไม่เสียแรงที่เป็นลูกศิษย์ใหญ่เปิดขุนเขาของเฉินผิงอัน ไม่เป็นไร พวกเราเดินเท้าไปที่นครโถวหนีต่อนี่แหละ ถือเสียว่าเป็นการเดินเล่นผ่อนคลายอารมณ์”

จากนั้นเซี่ยซงฮวาก็ถามอย่างใครรู้ “ใครบางคนที่ว่านั้นคือใครหรือ? บอกได้หรือไม่?”

คนที่ทำให้อิ่นกวานหนุ่มพูดถึงบ่อยๆ ได้ น่าจะไม่ธรรมดา

เพราะถึงอย่างไรเซียนกระบี่ฉีที่ขึ้นชื่อว่าติดสุราเป็นชีวิตผู้นั้น ทุกวันนี้ก็ได้เป็นเจ้าสำนักของสำนักกระบี่ไท่ฮุยแล้ว

เผยเฉียนยิ้มกล่าว “ท่านน้าเซี่ย ไม่มีอะไรที่เล่าไม่ได้หรอก คือสหายของอาจารย์พ่อ เป็นผู้ฝึกตนสำนักการทหารคนหนึ่งของตำหนักขวานผี ชื่อว่าตู๋อวี๋ ชอบออกท่องยุทธภพ ในอดีตตอนที่อาจารย์พ่อมาเยือนอุตรกุรุทวีปได้พบเจอกันก็ถูกชะตากันอย่างมาก แล้วยังได้เรียนรู้วิชายันต์สองสามอย่างมาจากผู้อาวุโสตู้ด้วย”

เซี่ยซงฮวาพยักหน้ารับ “แม้จะไม่เคยได้ยินชื่อตำหนักขวานผีอะไรนั่นมาก่อน แต่ในเมื่อสามารถยอมให้อาจารย์พ่อของเจ้าก่อนหนึ่งกระบวนท่า คิดดูแล้วฝีมือคงไม่ธรรมดา แต่จุดจบของการถามหมัดก็คงไม่ค่อยดีแน่นอน ยอมให้ใครหนึ่งกระบวนท่าก็ได้ แต่ห้ามยอมให้อาจารย์พ่อของเจ้าเด็ดขาด”

เผยเฉียนเกาหัวแกรกๆ

นางไม่ได้เป็นแม่หนูน้อยถ่านดำในอดีตมานานแล้ว ถึงขั้นไม่ถือว่าเป็นสาวน้อยแล้วด้วย การกระทำนี้จึงทำให้เผยเฉียนในเวลานี้ดูไร้เดียงสาอย่างที่หาได้ยาก

ทางฝั่งของอาณาเขตทิศใต้บนที่ราบน้ำแข็ง ซี่หลิ่วพาหญิงชราและนักพรตชิวสุ่ยกลับจวนด้วยกัน ยังคงเลือกเดินเท้าอย่างเอ้อระเหยไปท่ามกลางลมหิมะที่ขาวโพลน

หญิงชราถามเสียงเบา “นายท่าน คือเซียนกระบี่เซี่ยซงฮวาผู้นั้นจริงๆ หรือ?”

ซี่หลิ่วพยักหน้ารับด้วยรอยยิ้ม “ปณิธานกระบี่ที่อยู่ในกล่องไม้ไผ่ซึ่งนางสะพายไว้ด้านหลังไม่อาจทำเลียนแบบกันได้”

นักพรตชิวสุ่ยที่สวมชุดคลุมขนนก แต่น่าเสียดายที่ไม่มีกิ่งเหมยเหลืออยู่แล้ว เวลานี้ก็ยิ่งไม่เหลือมาดความเป็นเซียนใดๆ แยกเขี้ยวเอ่ยว่า “หมัดของแม่นางน้อยช่างหนักยิ่งนัก เวลานี้ข้ายังปวดแปลบไปทั้งร่างอยู่เลย ตอนที่เพิ่งโดนหมัดนั่น ช่องโพรงแห่งชะตาชีวิตบวกกับสามจิตเจ็ดวิญญาณล้วนเหมือนวัวดินพลิกตัวอย่างไรอย่างนั้น ยันต์หดย่อพื้นที่แผ่นนั้นถูกผู้ฝึกยุทธเต็มตัวเอามาใช้ต่อสู้ประชิดตัวรับมือกับศัตรูก็ช่างร้ายกาจจริงๆ มิน่าเล่าบรรพบุรุษที่ก่อตั้งยันต์สายนี้ถึงได้ถูกคนด่านานหลายพันปี”

ซี่หลิ่วเอ่ย “ลองมาย้อนนึกดู แม่นางน้อยน่าจะจงใจอำพรางศักยภาพที่แท้จริงมาโดยตลอด ไม่แน่ว่าที่ออกหมัดใส่พวกเจ้าก็เพื่อเก็บซ่อนหมัดให้ดี เพราะพอข้าปรากฏตัว ศัตรูในใจนางก็มีแค่ข้าแล้ว คาดว่าแม้แต่ยันต์แผ่นนั้นก็ยังเป็นของตบตา ข้าเดาเอาว่าหากแม่นางน้อยแสดงฝีมืออย่างเต็มที่ ความเร็วของนางย่อมต้องมากกว่ายามใช้ยันต์อย่างแน่นอน เมื่อเป็นเช่นนี้ข้าก็ทั้งต้องขอบคุณเซียนกระบี่เซี่ยที่ทำให้ข้าไม่ถึงขั้นสูญเสียกำลังพล แล้วก็ทั้งต้องขอบคุณแม่นางน้อยที่ช่วยปัดเป่าเคราะห์ภัยครั้งหนึ่งให้ข้าด้วย”

ในใจซี่หลิ่วอดปลงอนิจจังไม่ได้ “สวรรค์ยุติธรรม กรรมดีกรรมชั่วล้วนตอบสนองเสมอ?”

นครโถวหนีตั้งอยู่ในจังหวัดหลินทานแคว้นอวี่กง สถานที่แห่งนี้คือหนึ่งในท่าเรือสำคัญสองแห่งของอาณาเขตใต้แห่งที่ราบน้ำแข็ง

ที่หน้าประตูเมือง เผยเฉียนส่งมอบเอกสารผ่านด่าน ก่อนหน้านี้เดินทางผ่านอุตรกุรุทวีป บนเอกสารผ่านด่านจึงมีตราประทับมากมาย ผู้อาวุโสหลี่เอ้อแห่งยอดเขาสิงโตจึงช่วยทำเอกสารผ่านด่านขุนเขาสายน้ำเพิ่มใหม่ให้นางอีกฉบับ เอกสารผ่านด่านที่ใช้เฉพาะของผู้ฝึกตนบนภูเขา อันที่จริงก็เป็นหนึ่งในรายการสำคัญของนักสะสมหรือไม่ก็ชนชั้นสูงล่างภูเขาเช่นกัน

เซี่ยซงฮวาย่อมไม่มีเอกสารผ่านด่านอะไร ทางฝ่ายของนครโถวหนีมองเผยเฉียนแวบหนึ่ง จากนั้นก็หลับตาข้างหนึ่งลืมตาข้างหนึ่งกับเซี่ยซงฮวา แล้วปล่อยพวกนางเข้าเมืองมา

ที่โรงเตี๊ยมตระกูลเซียน เผยเฉียนได้เจอกับตัวอ่อนเซียนกระบี่ทั้งสองคน ล้วนเป็นเด็กที่อายุประมาณเจ็ดแปดขวบ หนึ่งหญิงหนึ่งชาย เด็กหญิงชื่อเฉามู่ เด็กชายชื่อจวี่สิง ล้วนหน้าตาดีกันทั้งคู่

เพียงแต่ว่าจวี่สิงค่อนข้างจะเคร่งขรึม แววตานิ่งสงบ ไม่ค่อยสอดคล้องกับอายุสักเท่าไร

ทำตามกฎเดิม เผยเฉียนจึงมอบกระดาษจดหมายที่ทำขึ้นเป็นพิเศษของภูเขาลั่วพั่วให้พวกเขาเป็นของขวัญพบหน้า

พอได้ยินอาจารย์บอกว่าพี่หญิงเผยเฉียนคือลูกศิษย์ใหญ่เปิดขุนเขาของใต้เท้าอิ่นกวาน สีหน้าของจวี่สิงก็พลันเปลี่ยนมาเป็นสดชื่นมีชีวิตชีวา เฉามู่เองก็อารมณ์ดีมาก เพราะแม่นางน้อยอยู่อาศัยบนถนนเส้นเดียวกับกวอจู๋จิ่ว และกวอจู๋จิ่วก็ชอบเรียกตัวเองอย่างภาคภูมิใจว่า ‘ลูกศิษย์คนสุดท้ายชั่วคราวของอาจารย์ข้า’ นอกจากนี้เรื่องเล่าลือเกี่ยวกับใต้เท้าอิ่นกวานท่านนั้นก็มีมากมายเหลือเกิน

เป็นเจ้ามือหลอกเอาเงินคนอื่น ขายเหล้ายังหลอกเอาเงินคนอื่นอีก เขียนตัวอักษรบนหน้าพัด ในท้องบรรจุเรื่องเล่าขุนเขาสายน้ำประหลาดมหัศจรรย์น้อยใหญ่เอาไว้ เป็นคู่รักเทพเซียนคู่สร้างคู่สมกับหนิงเหยา เพื่อนางแล้วต้องเดินทางไกลพันหมื่นลี้ถึงสองครั้ง ผ่านด่านติดต่อกันสามครั้ง แม้แต่ฉีโซ่วและผังหยวนจี้ก็ยังพ่ายแพ้ภายใต้หมัดของเขา เป็นฝ่ายออกจากหัวกำแพงเมือไปเข่นฆ่ากับหลีเจินแห่งภูเขาทัวเยว่แทนหนิงเหยา ศึกเดียวสร้างชื่อ กลายเป็นอิ่นกวานที่อายุน้อยที่สุดอีกทั้งยังเป็นคนต่างถิ่นคนแรกในประวัติศาสตร์ของกำแพงเมืองปราณกระบี่ อวี้เจวี้ยนฟูถามหมัดเขารับหมัด ผลกลับกลายเป็นว่าหมัดเดียวล้มคว่ำ แต่สุดท้ายกลับยังเอาชนะได้สามครั้งติด ประโยคเหน็บแนมแปร่งหูมีมากมายนับไม่ถ้วน ขนาดเซียนกระบี่ใหญ่ได้ฟังแล้วยังกลัดกลุ้ม เขียนตราประทับสองร้อยเซียนกระบี่ด้วยตัวเอง นั่งบัญชาการณ์วางแผนการรบอยู่ในคฤหาสน์หลบร้อน พอไปอยู่บนสนามรบกลับอันตรายยิ่งกว่าปีศาจใหญ่โซ่วเฉิน ถึงขั้นเคยแต่งกายเป็นสตรี แล้วยังชอบเก็บตกของผุพังไปทั่ว…

เด็กหญิงที่มีกระบี่บินแห่งชะตาชีวิตสองเล่มอย่าง ‘หงหนี’ และ ‘พางถัว’ ใช้สองนิ้วคีบกระดาษจดหมายที่ทำจากใบไผ่แผ่นนั้นเอาไว้ นางชูมันขึ้นสูงแล้วหมุนเบาๆ ใต้แสงตะวัน นางชื่นชอบของขวัญชิ้นนี้อย่างมาก

——