ป้ายคำสั่งเซียนเหิน!

ทันใดนั้นหลินสวินนึกถึงตอนที่เพิ่งเข้าไปในแดนฐิติประจิมแห่งดินแดนรกร้างโบราณเป็นครั้งแรก ก็ได้ป้ายคำสั่งเซียนเหินป้ายหนึ่งมาจากลิ่นเหวินจวินแห่งเผ่าจิ้งจอกสวรรค์บรรพตเขียว

นี่เป็นสมบัติลับที่บรรพบุรุษเผ่าจิ้งจอกสวรรค์บรรพตเขียวทิ้งเอาไว้ เกี่ยวพันกับ ‘แหล่งสถานคุนหลุน’ ซึ่งเป็นหนึ่งในจตุโบราณสถานบรรพกาล มูลค่าเหลือประมาณ

ควรรู้ว่าแหล่งสถานคุนหลุนลึกลับคลุมเครือถึงที่สุด ลือว่าเกี่ยวข้องกับมรรคาเซียนอมตะนิรันดร์ที่แท้จริง ซ่อนวาสนาและสมบัติล้ำค่าที่ทำให้ไม่ว่าเมธีอริยะมากความสามารถผู้ใดต่างบ้าคลั่งตาลุกวาว!

ตามคำพูดของลิ่นเหวินจวิน บนโลกมีป้ายคำสั่งเซียนเหินทั้งหมดเก้าชิ้น ชิ้นหนึ่งอยู่ในมือจิ้งจอกสวรรค์บรรพตเขียว ชิ้นหนึ่งอยู่ในมือเผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬ ชิ้นหนึ่งอยู่ในมือสำนักเก่าแก่แดนพิสุทธ์บงกชที่ถูกเรียกว่า ‘อนุสุขาวดี’ ในแดนชัยบูรพา

ส่วนป้ายคำสั่งเซียนเหินชิ้นอื่นกลับไม่รู้ว่าอยู่ในความครอบครองของใคร

“ใช่สิ่งนี้หรือเปล่า”

หลินสวินพลิกฝ่ามือ ป้ายคำสั่งที่เหมือนเจียรขึ้นจากหยกมันแพะ ขนาดประมาณฝ่ามือ มีแสงสีเขียวอ่อนเป็นริ้วๆ ชิ้นหนึ่งปรากฏออกมา

พอจะดูออกรางๆ ว่าภายในป้ายคำสั่งนั้นมีไอเซียนอบอวล ละอองแสงราวล่องลอย ท่วงทำนองศักดิ์สิทธิ์ฟุ้งกระจาย ดูลึกลับไม่ธรรมดาหาใดเทียบ

“เอ๊ะ!”

อาหูประหลาดใจนัก ดวงตางดงามมีชีวิตชีวาทั้งคู่ฉายแววประหลาด “เจ้าถึงกับมีป้ายคำสั่งเซียนเหินชิ้นหนึ่งอยู่ในครอบครองแล้ว ทีนี้ก็จัดการง่ายแล้ว ธุระที่ข้าต้องการให้เจ้าช่วยก็เกี่ยวกับป้ายคำสั่งเซียนเหิน”

ไม่รอให้หลินสวินสอบถามอาหูก็เอ่ยว่า “ป้ายคำสั่งเซียนเหินเกี่ยวข้องกับแหล่งสถานคุนหลุนที่เป็นหนึ่งในจตุโบราณสถานบรรพกาล มีเพียงถือครองป้ายคำสั่งนี้ถึงมีโอกาสเข้าไปในแหล่งสถานคุนหลุน”

“ในเก้าดินแดน นอกจากดินแดนรกร้างโบราณที่มีป้ายคำสั่งเซียนเหินแล้ว ดินแดนอื่นอีกแปดดินแดนต่างก็มีป้ายคำสั่งเซียนเหินเก้าชิ้น หรือพูดได้ว่าบนโลกนี้มีป้ายคำสั่งเซียนเหินทั้งสิ้นแปดสิบเอ็ดชิ้น”

“ยามการต่อสู้แห่งเก้าดินแดนยังไม่ปะทุขึ้น ป้ายคำสั่งเซียนเหินเหล่านี้ไม่มีประโยชน์สักนิด เพราะมีเพียงการต่อสู้แห่งเก้าดินแดนปะทุขึ้น จึงจะมีโอกาสเข้าไปในแหล่งสถานคุนหลุนภายในสมรภูมิที่พาดตัวอยู่ระหว่างเก้าดินแดน”

“แต่เจ้าก็รู้ดีว่าตั้งแต่ยุคดึกดำบรรพ์จวบจนปัจจุบัน การต่อสู้แห่งเก้าดินแดนเพิ่งเกิดขึ้นสองครั้งเท่านั้น ครั้งแรกเกิดขึ้นก่อนยุคดึกดำบรรพ์สิ้นสุดลง เก้าดินแดนช่วงชิงความเป็นหนึ่ง ทำให้ดินแดนรกร้างโบราณตกต่ำ นับแต่นั้นมกุฎมรรคาก็ไม่ดำรงอยู่ สามด่านเคราะห์ต้องห้ามกลายเป็นโซ่ตรวนไร้รูปร่างปกคลุมเหนือท้องฟ้าดินแดนรกร้างโบราณ”

“การต่อสู้แห่งเก้าดินแดนครั้งที่สองเกิดขึ้นก่อนยุคบรรพกาลสิ้นสุดลง อีกแปดดินแดนมารุกราน สงครามขนาดมหึมาปะทุขึ้น ตั้งแต่นั้นมาดินแดนรกร้างโบราณก็ถูกตีแตก แยกออกเป็นชัยบูรพา ฐิติประจิม กาฬทักษิณ และดาราอุดร”

“แหล่งสถานคุนหลุนจะปรากฏขึ้นหนึ่งครั้งหลังการต่อสู้แห่งเก้าดินแดนแต่ละครั้ง! มีเพียงผู้ที่ถือครองป้ายคำสั่งเซียนเหินถึงมีโอกาสเข้าไปข้างใน”

“และในปัจจุบัน อีกไม่นานการต่อสู้แห่งเก้าดินแดนก็จะเริ่มต้นขึ้น!”

ฟังถึงตรงนี้หลินสวินประหลาดใจอย่างห้ามไม่อยู่

เขาเพิ่งได้รู้เป็นครั้งแรกว่าการต่อสู้แห่งเก้าดินแดนถึงกับเกี่ยวพันกับแหล่งสถานคุนหลุน เรื่องนี้ดูน่าเหลือเชื่อนัก

หลินสวินถามอย่างอดไม่ได้ว่า “ตกลงแหล่งสถานคุนหลุนนั่นซ่อนอะไรอยู่กันแน่ ถึงได้ปรากฏขึ้นในการต่อสู้แห่งเก้าดินแดน”

อาหูนิ่งคิดแล้วพูดว่า “เจ้าก็น่าจะรู้ดีว่าแรกเริ่มเดิมทีขุมอำนาจดินแดนรกร้างโบราณสามารถเป็นอันดับหนึ่งในเก้าดินแดน! ในตอนนั้นขุมอำนาจและผู้ฝึกปราณอื่นอีกแปดดินแดนต่างทำได้เพียงศิโรราบต่อดินแดนรกร้างโบราณ!”

“แต่เจ้ารู้ไหมว่าเหตุใดดินแดนรกร้างโบราณถึงตกต่ำลงอย่างรวดเร็วเช่นนี้”

หลินสวินนิ่วหน้า “หรือจะไม่ได้เกี่ยวกับการต่อสู้แห่งเก้าดินแดน”

อาหูกล่าว “แน่นอนว่าเกี่ยวกับการต่อสู้แห่งเก้าดินแดน แต่เจ้ารู้ไหมว่าการต่อสู้แห่งเก้าดินแดน ที่สู้กันเพื่ออะไร”

หลินสวินครุ่นคิด “เพื่อโอกาสเข้าสู่แหล่งสถานคุนหลุนหรือ”

อาหูพยักหน้า “ถูกต้อง ในการต่อสู้แห่งเก้าดินแดนสองครั้งก่อน ดินแดนรกร้างโบราณที่เดิมเป็นขุมอำนาจแข็งแกร่งอย่างยิ่งยวด ถูกแปดดินแดนอื่นร่วมมือกันปราบ ดังนั้นจึงพ่ายแพ้ย่อยยับ สูญเสียโอกาสเข้าสู่แหล่งสถานคุนหลุนไป และเพราะความพ่ายแพ้อย่างอนาถสองครั้งนี้ ทำให้ดินแดนรกร้างโบราณล้มจนลุกขึ้นมาใหม่ไม่ได้ ตกต่ำมาจนถึงทุกวันนี้ กลายเป็นดินแดนรั้งท้ายในสายตาของอีกแปดดินแดน”

“กลับมาดูดินแดนอื่นอีกแปดดินแดน ได้ครอบครองโอกาสเข้าสู่แหล่งสถานคุนหลุน รากฐานและศักยภาพของพวกเขาแปรเปลี่ยนเป็นแกร่งกล้ายิ่งขึ้นในกาลเวลาอันไร้สิ้นสุดนี้”

พอพูดจบอาหูก็ถอนใจเบาๆ อย่างอดไม่ได้

หลินสวินชะงักไป

เขาไม่อาจจินตนาการได้จริงๆ ว่าเพียงเพราะการต่อสู้แห่งเก้าดินแดนสองครั้ง เพียงเพราะไม่ได้ครอบครองโอกาสเข้าสู่แหล่งสถานคุนหลุนเท่านั้น ถึงกับส่งผลกระทบใหญ่หลวงเช่นนี้ต่อดินแดนรกร้างโบราณ!

“เมื่อกี้เจ้าถามว่าแหล่งสถานคุนหลุนซ่อนอะไรไว้ ถึงได้มีผลกระทบต่อการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของเก้าดินแดนใหญ่ ความจริงง่ายนัก”

ตอนนี้อาหูสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง บอกสาเหตุของเรื่องนี้ออกมา “ผู้ที่ได้เข้าไปในแหล่งสถานคุนหลุนแล้วกลับมา ต่างบรรลุจักรพรรดิทั้งนั้น!”

บรรลุจักรพรรดิ!

หลินสวินสั่นสะท้านไปทั้งตัว เข้าใจถ่องแท้แล้ว

หากหลังจากเข้าไปในแหล่งสถานคุนหลุนก็มีโอกาสบรรลุเป็นจักรพรรดิ คาดการณ์ได้เลยว่าในการต่อสู้แห่งเก้าดินแดนทั้งสองครั้ง ผู้แข็งแกร่งจากอีกแปดดินแดนที่ครอบครองโอกาสเข้าสู่แหล่งสถานคุนหลุนไว้ ในคืนวันอันไร้สิ้นสุดนี้ย่อมต้องมีบุคคลระดับจักรพรรดิกลุ่มใหญ่ปรากฏตัว!

ระดับจักรพรรดิคนหนึ่งมีอานุภาพไร้เทียมทานดั่งโอหังเหนือปวงสวรรค์ จองหองเย้ยวัฏจักร สามารถส่งผลต่อความรุ่งเรืองและล่มสลายของโลกฝั่งหนึ่ง

ยิ่งนับประสาอะไรกับระดับจักรพรรดิกลุ่มหนึ่ง

ป้ายคำสั่งเซียนเหินบนโลกมีทั้งสิ้นแปดสิบเอ็ดชิ้น ก็หมายความว่ามีผู้แข็งแกร่งแปดสิบเอ็ดคนมีโอกาสเข้าสู่แหล่งสถานคุนหลุน

หากพวกเขาสามารถกลับมาจากแหล่งสถานคุนหลุนได้อย่างปลอดภัย จะไม่ใช่ว่าในภายภาคหน้า ขอเพียงพวกเขาไม่ประสบเคราะห์ ก็จะมีระดับจักรพรรดิปรากฏตัวขึ้นแปดสิบเอ็ดคนหรือ

และเมื่อดินแดนอื่นอีกแปดดินแดนมีบุคคลระดับจักรพรรดิมากยิ่งขึ้น ดินแดนรกร้างโบราณจะเอาอะไรไปสู้กับอีกฝ่าย

ก็ไม่แปลกที่จะตกต่ำถึงขั้นนี้!

“เข้าแหล่งสถานคุนหลุนแล้วกลับมาก็มีโอกาสบรรลุเป็นจักรพรรดิในภายหน้า เปรียบเหมือนมีคุณสมบัติบรรลุจักรพรรดิในการเสาะแสวงหามหามรรค เพียงคิดก็รู้ว่าแหล่งสถานคุนหลุนนี้จะมหัศจรรย์ปานไหน”

แวววาดหวังปรากฏขึ้นในดวงตาของอาหู น้ำเสียงทอดถอนใจ

“พออีกแปดดินแดนคว้าโอกาสไว้ได้ ศักยภาพกับรากฐานพลังก็เพิ่มพูนขึ้นอย่างต่อเนื่อง ด้านดินแดนรกร้างโบราณเสียโอกาสไป จึงตกอยู่ในความตกต่ำเสื่อมถอยไม่ขาดสาย อย่างสามด่านเคราะห์ต้องห้ามที่ปกคลุมเหนือดินแดนรกร้างโบราณ ก็ปรากฏขึ้นหลังจากการต่อสู้แห่งเก้าดินแดนครั้งที่หนึ่ง”

“แต่ว่า…”

อาหูเปลี่ยนเรื่อง “อีกไม่นานการต่อสู้แห่งเก้าดินแดนก็จะเริ่มขึ้น คราวนี้จะต่างจากในอดีต ดินแดนรกร้างโบราณมีบุคคลขอบเขตมกุฎกลุ่มหนึ่งปรากฏตัวขึ้น แม้พูดว่าหากเทียบกับผู้แข็งแกร่งอีกแปดดินแดนแล้ว รากฐานพลังยังดูอ่อนแอดังเดิม แต่ถึงอย่างไรก็มีรากฐานพลังต่อสู้ได้บ้าง!”

“และธุระที่ข้าอยากขอให้เจ้าช่วยก็เกี่ยวข้องกับแหล่งสถานคุนหลุน”

พูดถึงตรงนี้สายตาอาหูก็มองที่หลินสวิน “มีป้ายคำสั่งเซียนเหินยังไม่พอ ยังต้องสะสม ‘ชะตามรรคผลงานรบ’ ในสมรภูมิเก้าดินแดนด้วย! พอสะสมชะตามรรคผลงานรบได้หนึ่งพันชิ้น ก็จะเปิดรอยสลักลายมรรคในป้ายคำสั่งเซียนเหินออกมาได้ จากนั้นจึงเหยียบย่างลงบนเส้นทางสู่แหล่งสถานคุนหลุน”

“ชะตามรรคผลงานรบคืออะไร” หลินสวินถาม

“ง่ายมาก สังหารศัตรู”

อาหูเอ่ย “ฆ่าคู่ต่อสู้ให้ตายก็จะชิงชะตามรรคที่อยู่บนร่างอีกฝ่ายได้ แล้วถูกรวมรวมไว้ในป้ายคำสั่งเซียนเหินดั่งคุณูปการครั้งหนึ่ง”

“แต่ว่าคู่ต่อสู้ที่ศักยภาพอ่อนแอจะไม่มีชะตามักสักนิด”

“มีคนเพียงสองประเภทที่ครอบครองชะตามรรคผลงานรบ ประเภทแรกคือบุคคลระดับผู้กล้าที่พรสวรรค์โดดเด่น พลังต่อสู้แข็งแกร่ง ส่วนอีกประเภทคือพวกที่บรรลุอริยะ”

“นี่ก็หมายความว่าหากต้องการรวบรวมชะตามรรคผลงานรบ ก็ต้องไล่ล่าคู่ต่อสู้ระดับผู้กล้า ไม่ก็ล่าอริยะ อีกทั้งจำนวนยังน่าตกตะลึงถึงที่สุด”

“ในการต่อสู้แห่งเก้าดินแดนสองครั้งก่อน เพื่อสะสมชะตามรรคผลงานรบ เหล่าผู้แข็งแกร่งที่โดดเด่นที่สุดในดินแดนรกร้างโบราณแทบจะถูกดินแดนอื่นจัดการราบคาบ เสียหายหนักหน่วงน่าอดสู เจ้าไม่มีทางจินตนาการได้อย่างแน่นอน”

หลินสวินฟังถึงตรงนี้ ในใจก็แจ่มแจ้งแล้ว

ผู้ที่สามารถเข้าไปในการต่อสู้แห่งเก้าดินแดนได้ ต่างเป็นเหล่าผู้แข็งแกร่งที่สง่างามโดดเด่นที่สุดในแต่ละดินแดน มีอนาคตสว่างไสวยิ่งแทบทั้งนั้น

หากพวกเขาถูกล่าสังหาร เท่ากับขจัดเมล็ดพันธุ์ฝึกปราณที่มีความหวังมากที่สุดในดินแดนรกร้างโบราณกลุ่มหนึ่ง

และเมื่อขาดเมล็ดพันธุ์ฝึกปราณที่สามารถเป็นผู้นำได้ในภายภาคหน้า ดินแดนรกร้างโบราณจะพูดถึงการผงาดขึ้นได้อย่างไร

ไม่แปลกที่หลังจากการต่อสู้แห่งเก้าดินแดนทั้งสองครั้ง ดินแดนรกร้างโบราณจะตกต่ำล่มจมท่ามกลางกาลเวลาอันไร้ที่สิ้นสุดได้ขนาดนี้

และเป็นเพราะอาศัยโอกาสที่มหายุคมาเยือนคราวนี้ ถึงมีคนหนุ่มสาวที่บรรลุมกุฎราชันกลุ่มหนึ่งผงาดขึ้นมา

หาไม่แล้วทันทีที่การช่วงชิงความเป็นหนึ่งของเก้าดินแดนปะทุขึ้น ดินแดนรกร้างโบราณก็ไม่มีสิทธิ์ไปประชันกับอีกแปดดินแดนได้เลย!

“และธุระที่ข้าอยากให้เจ้าช่วย ก็คือเอาป้ายคำสั่งเซียนเหินที่สะสมชะตามรรคผลงานรบหนึ่งพันชิ้นมาให้ข้าชิ้นหนึ่ง”

ตอนนี้อาหูสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง เอ่ยจริงจังว่า “ข้ารู้ว่าเรื่องนี้ทำได้ยากมาก ถึงกับความหวังเลือนรางถึงที่สุด แต่หากไม่ช่วงชิง ในใจข้าคงไม่ยินยอมอยู่ดี”

ทันใดนั้นนางก็พูดขึ้นมาอีกว่า “แต่ข้าไม่ได้ให้คุณชายหลินช่วยเปล่าๆ ไม่ว่าจะประสบความสำเร็จหรือไม่ ข้าจะมอบของชิ้นหนึ่งให้คุณชาย เพียงพอที่จะทำให้หลังจากคุณชายเข้าไปในแหล่งสถานคุนหลุน สามารถเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ที่จินตนาการไม่ได้ครั้งหนึ่ง”

หลินสวินนิ่งเงียบไปครู่หนึ่งก็ยิ้มพูด “ตอนนั้นแม่นางลงมือช่วยให้ข้าหลุดพ้นความยุ่งยากที่ทะเลกลืนวิญญาณ ทั้งยังมอบยานขนส่งอวกาศให้ข้าลำหนึ่ง ทำให้ข้ารอดจากอันตรายหลายครั้งในระหว่างที่วิ่งวุ่นไปมาหลายปีนี้ ตอนนี้ในเมื่อแม่นางเอ่ยปาก ข้าย่อมทำเต็มที่ ส่วนการตอบแทน ไม่พูดถึงก็ไม่เป็นไร”

เนตรดาราของอาหูเปล่งประกาย มุมปากแย้มยิ้มเอ่ยว่า “ก็ด้วยคำพูดนี้ สำหรับข้าแล้ว คราวนี้จะไม่ให้ทำเปล่าๆ แน่”

คืนนั้นจ้าวซิงเย่จัดงานเลี้ยงต้อนรับพวกอาหู จ้าวจิ่งเซวียนและเจ้าคางคก

‘พี่ใหญ่ แม่หนูอาหูที่มาที่ไปลึกลับนัก หลังข้ากลับไปสุสานสมุทรฝังมรรคก็ถูกนางพบเข้า ทั้งยังให้คำแนะนำข้า ทำให้ข้าหาข้อมูลและเบาะแสที่เกี่ยวกับชาติกำเนิดบางอย่างพบ’

ในงานเลี้ยงเจ้าคางคกดื่มสุราไปพลางสื่อจิตฉับไว ‘ต่อมานางยังชี้แนะแม่นางจ้าวถึงแดนลึกลับแห่งหนึ่งที่อยู่ใกล้กลับแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ ทำให้แม่นางจ้าวได้ศุภโชคไปครั้งหนึ่ง ส่งผลให้ศักยภาพเพิ่มพูนขึ้นฉับพลัน!’

‘เรียกได้ว่า ไม่ว่าข้าหรือแม่นางจ้าวต่างก็ติดค้างน้ำใจนางครั้งใหญ่ไปแล้วครั้งหนึ่ง’

‘เพียงแต่ที่ประหลาดก็คือจนถึงตอนนี้ข้ายังไม่เข้าใจว่าเหตุใดนางถึงทำเช่นนี้’

พอฟังจบหลินสวินก็ตื่นตะลึงอย่างเลี่ยงไม่ได้ ครุ่นคิดครู่หนึ่งก็พอจะกระจ่างใจขึ้นมา เป้าหมายที่อาหูทำเช่นนี้ เกรงว่าจะเกี่ยวกับธุระที่ต้องการให้ตนช่วย

ถึงอย่างไรผู้ที่สามารถเข้าร่วมการต่อสู้แห่งเก้าดินแดนได้ก็ไม่ได้มีเพียงตน จ้าวจิ่งเซวียนกับเจ้าคางคกก็มีโอกาสเข้าร่วมด้วยเช่นกัน

เมื่องานเลี้ยงจบลง หลินสวินถึงรู้ว่าการมาครั้งนี้ของอาหู ก็เพื่อพาตน จ้าวจิ่งเซวียน และเจ้าคางคกกลับไปดินแดนรกร้างด้วยกันอีกครั้ง!

เพราะในมือนางมีแผนภาพลับเส้นทางที่ผ่านไปยังดินแดนรกร้างโบราณแผ่นหนึ่ง สามารถทำให้พวกหลินสวินข้ามสิ่งกีดขวางในโลกแล้วเข้าสู่ดินแดนรกร้างโบราณได้อีกครั้ง

พอได้รู้เรื่องเหล่านี้ หลินสวินก็ตกตะลึงอย่างอดไม่ได้ขึ้นมาอีก แม่นางอาหูผู้นี้… ไม่ธรรมดาเกินไปแล้วจริงๆ!

——