ตอนที่ 1477 กลับสู่ดินแดนรกร้างโบราณอีกครั้ง

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

ต้องจากไปแล้ว…

ใต้ท้องฟ้ายามราตรี หลินสวินเอนตัวบนยอดต้นสนโบราณกร้านโลกบนหน้าผายอดเขาต้นหนึ่งเพียงลำพัง ศีรษะหนุนแขนทั้งสอง ท่าทางเกียจคร้าน ลมภูเขาพัดมาตีสาบเสื้อกับผมยาวสีดำขึ้นไป

ไกลออกไปทะเลเมฆกำลังแปรปรวนพลุ่งพล่านใต้แสงดาวรัตติกาล บรรยากาศโดยรอบเงียบสงัด

สองขุมอำนาจใหญ่อย่างทัพพ่อมดเถื่อนกับพันธมิตรหมื่นเผ่าล่มสลายไม่ฟื้นคืนไปนานแล้ว

จุดเปลี่ยนใหญ่ที่อยู่ในป่าต้นหม่อนก็ปิดฉากลงแล้ว พวกจ้าวหยวนจี๋ต่างได้ในสิ่งที่ปรารถนา จากไปยังทางเดินโบราณฟ้าดาราพร้อมกับชายหนุ่มจักจั่นทอง

แม้แต่สองอริยะหนิวเจิ้นอวี่และพ่อมดอริยะโลหิตทมิฬยังถูกปลิดชีพ

และสำหรับหลินสวินแล้ว มรรคาทั้งสามสายอย่างหลอมกาย หลอมปราณและหลอมจิตต่างทะลวงถึงระดับอมตะเคราะห์ด่านเก้า ทั้งทำลายเคราะห์มรรคตัดขาดไปได้อย่างราบรื่น ขจัดอุปสรรคทั้งหมดก่อนบรรลุอริยะได้โดยสมบูรณ์

พอตรองดู การเดินทางมาสมรภูมิกระหายเลือดคราวนี้ก็ได้เวลาจากไปแล้วจริงๆ

ทว่าในใจหลินสวินกลับกลัดกลุ้มอยู่บ้าง

เขาหยิบเอาน้ำเต้าสุราออกมา นอนจิบเบาๆ อึกหนึ่งบนยอดต้นไม้ที่หน้าผา

หลินสวินออกจะพะวงกับญาติมิตรตระกูลหลินภูเขาชำระจิตเหล่านั้น

จากไปคราวนี้ก็ต้องไปดินแดนรกร้างโบราณอีกครั้ง เข้าร่วมการต่อสู้แห่งเก้าดินแดน ภายหน้ายังไม่รู้ว่าเมื่อไรถึงจะได้กลับไปอีกครั้ง

‘ยังดีที่ก่อนมาสมรภูมิกระหายเลือดคราวนี้ เรื่องที่ควรฝากฝังก็จัดการไว้แล้ว ภายหน้าขอเพียงข้าหลินสวินไม่ตาย ตระกูลหลินก็ไม่มีทางสูญสิ้นล่มสลาย…’

ครู่ใหญ่หลินสวินเอ่ยพึมพำในใจ

ในส่วนลึกของดวงตาเขามีแววสงบนิ่งหนักแน่นไหวเคลื่อน

นี่ก็คือหนทางแห่งการแสวงมรรค

ยิ่งเดินสูงขึ้นไปก็ยิ่งห่างออกมาจากสิ่งเหนี่ยวรั้งในอดีตบางอย่างมากขึ้นเรื่อยๆ

ภายใต้ท้องฟ้ายามราตรี ในค่ายภูเขาเมฆาครามแสงโคมสว่างไปทั่ว เสียงอึกทึกจอแจเซ็งแซ่ไปในอากาศ ผู้คนมากมายรวมตัวกันดื่มสุราสนทนาพาที

“คราวนี้หากไม่มีคุณชายหลินต้านทานคลื่นคลั่ง ทัพจักรวรรดิของเราจะมีโอกาสกวาดล้างขุมอำนาจ เหยียบย่ำอีกสองทัพให้มลายหายไปได้อย่างไร”

“สาแก่ใจจริงเชียว รอกลับไปจักรวรรดิคราวนี้ ข้าจะต้องเอาเรื่องใหญ่ที่คุณชายหลินทำป่าวประกาศออกไปให้ทุกคนในใต้หล้าจารึกนามอันยิ่งใหญ่ของคุณชายหลินไว้!”

“ใช่ คุณชายหลินเป็นถึงผู้มีพระคุณใหญ่หลวงของพวกเราจริงๆ ภายหน้าในจักรวรรดิ ใครกล้าเป็นศัตรูกับตระกูลหลินบนภูเขาชำระจิต คนผู้นั้นก็ต้องเห็นดีกับพวกเราแล้ว!”

……

พอได้ยินเสียงสนทนาเหล่านี้ มุมปากของหลินสวินก็ยกยิ้มอย่างห้ามไม่อยู่ จากนั้นก็แหงนหน้าดื่มสุราในน้ำเต้าจนหมด ลุกขึ้นจากยอดต้นไม้แล้วลงมาที่พื้นอย่างรวดเร็ว

ในเมื่อไม่ใช่การจากเป็นจากตาย ย่อมไม่ถือเป็นการจากลาอย่างแท้จริง

จากไปครั้งนี้ วันหน้าย่อมมีช่วงเวลาที่ได้พบกัน!

หลินสวินเอามือไพล่หลัง หันตัวเข้าไปในเรือนของตน

เช้าตรู่วันรุ่งขึ้น ท่ามกลางสายตามองส่งของเหล่าผู้แข็งแกร่งจักรวรรดิอย่างจ้าวซิงเย่ สืออวี่ หนิงเหมิง หลี่ตู๋สิง เย่เสี่ยวชี

อาหูขับเคลื่อนเรือบัวสีเขียวลำหนึ่ง พาหลินสวิน จ้าวจิ่งเซวียน และเจ้าคางคกทะลวงห้วงอากาศจากไป

“รักษาตัวด้วย!”

ในดวงตาของพวกสืออวี่มีแววเจ็บปวดและกังวลใจไหวเคลื่อนอย่างอดไม่ได้

จากกันคราวนี้ก็ไม่รู้ว่าเมื่อไรถึงจะได้กลับมารวมตัวกันอีก

“รักษาตัวด้วย!”

สีหน้าจ้าวซิงเย่เจือแววตั้งตาคอย

นางเชื่อมั่นว่าด้วยรากฐานพลังและความสามารถของหลินสวิน ความสำเร็จในภายหน้าย่อมไม่มีที่สิ้นสุด

“รักษาตัวด้วย!”

ผู้แข็งแกร่งจักรวรรดิในค่ายเหล่านั้นต่างมีอารมณ์ความรู้สึกมากมาย ใจหายยิ่งนัก

ได้ทำความรู้จักกับหลินสวิน ย่อมเป็นจุดสำคัญราวแต้มสีเน้นหนักในชีวิตการฝึกปราณของพวกเขา ไม่อาจลืมเลือนได้ดุจรอยประทับ

‘รักษาตัวด้วย!’

หลินสวินก็กำลังเอ่ยอยู่ในใจ

การไปดินแดนรกร้างโบราณคราวนี้ เขาขยับเพราะการต่อสู้แห่งเก้าดินแดน เคลื่อนไหวเพื่อบรรลุมกุฎอริยะ!

……

ณ แดนชัยบูรพาในดินแดนรกร้างโบราณ

กลางภูเขาลูกใหญ่อันโอฬารลูกหนึ่ง

วิ้ง!

พร้อมๆ กับคลื่นห้วงอากาศอันพิสดารระลอกหนึ่ง ห้วงอากาศแถบนั้นพลันระเบิดออกราวกับผืนผ้าถูกฉีกขาด

จากนั้นเรือบัวสีเขียวลำหนึ่งก็ทะลุความว่างเปล่าออกมา

“ข้ากลับมาอีกแล้ว!”

สายตาเจ้าคางคกทอดมองไปไกลรอบทิศ รู้สึกถึงกลิ่นอายกฎเกณฑ์ฟ้าดินที่ต่างจากโลกชั้นล่างโดยสิ้นเชิง ทันใดนั้นก็สีหน้ายินดีปรีดา หัวเราะร่าขึ้นมา

หลินสวินกับจ้าวจิ่งเซวียนยิ้มสบตากัน กลับมาแล้วจริงๆ

พอคิดดู เข้าไปยังโลกชั้นล่างคราวนี้ เดิมพวกเขาคิดจะใช้เวลาสิบปีตั้งใจฝึกปราณที่โลกชั้นล่าง แต่แผนการก็ไล่ตามการเปลี่ยนแปลงไม่ทัน ตอนนี้เพิ่งผ่านไปสองปีเท่านั้น พวกเขาก็เหยียบย่างเขามาในดินแดนรกร้างโบราณอีกครั้ง

“ทุกคน ข้าทำได้เพียงส่งพวกเจ้าถึงตรงนี้”

อาหูเอ่ยปากในทันใด นางสวมชุดกระโปรงสีเหลืองอ่อนทั้งตัว คิ้วงามโค้งมน ผิวพรรณขาวเปล่งปลั่ง ดวงตาเปล่งประกายมีชีวิตชีวากลมโตน่าเอ็นดู ในท่วงทำนองศักดิ์สิทธิ์อันผุดผ่องมีเสน่ห์ดึงดูดจิตวิญญาณ

“เจ้ายังจะกลับไปโลกชั้นล่างหรือ”

หลินสวินประหลาดใจนัก

“ใช่ รอการต่อสู้แห่งเก้าดินแดนเปิดฉาก ข้าจะกลับมาพบกับพวกเจ้าอีก”

อาหูยิ้มละไมพยักหน้า

นางส่งป้ายคำสั่งเซียนเหินชิ้นหนึ่งให้หลินสวิน “ทุกคน ลาล่ะ”

พูดจบนางก็ขับเรือบัวสีเขียวลำนั้นทะลุอากาศออกไป

“แม่นางอาหลู่ผู้นี้ เป็นสตรีลึกลับอัศจรรย์จริงๆ”

จ้าวจิ่งเซวียนคล้ายขบคิด

หลินสวินพยักหน้า อาหูผู้นี้ลึกลับนัก ตั้งแต่ได้พบกันครั้งแรกที่ทะเลกลืนวิญญาณ อีกฝ่ายก็ทำให้หลินสวินรู้สึกอ่านไม่ออก

ความงามของนางเหมือนนางเซียนที่ไม่ถูกธุลีในโลกแปดเปื้อน แต่ก็มีเสน่ห์ถึงชีวิตด้วย อย่างกับปีศาจล่มแผ่นดินล้างประชาตนหนึ่ง

และการกระทำการของนางก็เหนือความคาดหมายของผู้คนนัก ทำให้ผู้อื่นเดาไม่ออก อ่านไม่ขาด

แต่ที่หลินสวินแน่ใจได้ก็คือ อีกฝ่ายไม่ได้มีความคิดปฏิปักษ์แต่อย่างใด เท่านี้ก็เพียงพอแล้ว

“พี่ใหญ่ พวกเราควรออกเดินทางแล้วหรือไม่”

เจ้าคางคกถูไม้ถูมือ สีหน้าตั้งตาคอย “ก็ไม่รู้ว่าในช่วงสองปีที่จากไปนี้ ดินแดนรกร้างโบราณจะเปลี่ยนไปอย่างไรบ้าง เจ้าพวกที่เข้าไปในแดนมกุฎด้วยกันกับพวกเราตอนนั้นจะมีใครบรรลุระดับอริยะแล้วหรือยัง”

“ไป ไปดูเสียหน่อย”

หลินสวินยิ้มเอ่ย

กลับสู่ดินแดนรกร้างโบราณคราวนี้ หลินสวินท่าทางผ่อนคลายนัก ก่อนการต่อสู้แห่งเก้าดินแดนจะเริ่มขึ้น เขาเพียงต้องสงบใจเคี่ยวกรำมรรควิถีของตนก็พอแล้ว

ทันใดนั้นทุกคนก็ออกเคลื่อนไหว

ในชั่วครู่ต่อมา หลินสวิน จ้าวจิ่งเซวียนและเจ้าคางคกท่องไปในภูผาธาราลือชื่อบางแห่งด้วยกัน

สถานที่ที่พวกเขาไปล้วนมีที่มาที่ไปยิ่ง เช่นโบราณสถานลือชื่อ แดนฝึกปราณศักดิ์สิทธิ์ รวมถึงภูเขาชื่อดังที่มีตำนานอันมีสีสันบางแห่งในแดนชัยบูรพา

และเข้าไปฟังและทำความเข้าใจข่าวคราวต่างๆ ที่เกินขึ้นในปัจจุบันตามเมืองต่างๆ เป็นครั้งคราว

ตอนนี้พลังปราณของหลินสวินอยู่ในระดับอมตะเคราะห์ด่านเก้า หมายจะบรรลุอริยะก็ไม่ใช่เรื่องที่ต้องเคี่ยวกรำหนักจึงจะทำได้ไปแล้ว

การท่องเที่ยวและหยั่งรู้ตามภูผาธาราในใต้หล้ากลับมีประโยชน์ต่อการฝึกปราณของเขามากกว่า

ฟ้าดินมีความงามยิ่งใหญ่บรรยายไม่ถูก พอเห็นมากเข้าถึงได้รู้กว้าง

หมายจะเป็นมกุฎบรรลุอริยะ นอกจากความสมบูรณ์ของมรรควิถีของตัวเอง ยังจำเป็นต้องยกระดับและเคี่ยวกรำสภาวะจิต จิตวิญญาณ และเจตจำนงด้วย

ภูผาธาราลือชื่อเป็นสิ่งที่อยู่นอกโลกปุถุชน สามารถหยั่งรู้เรื่องนอกโลกีย์

โลกโลกีย์เป็นสิ่งที่อยู่ในโลกปุถุชน สามารถหยั่งรู้เรื่องในทางโลก

ไม่ว่าจะในหรือนอกโลกีย์ สำหรับการฝึกปราณแล้วล้วนมีข้อดีแตกต่างกันไป หลายวันนี้พวกหลินสวินท่องไปในภูผาธารา เดินไปในโลกปุถุชน ได้เห็นความงามของฟ้าดิน สภาวะต่างๆ ทางโลก มรรควิถีในตัวก็ตกตะกอนอย่างหาได้ยากยิ่งระหว่างการทัศนาจรเช่นนี้

จนกระทั่งหลายเดือนผ่านไป พวกเขาถึงจบการท่องเที่ยวนี้

โดยไม่รู้ตัว พวกเขาเข้าใกล้ทะเลหมากดาราอีกครั้ง

ทะเลหมากดารามีค่ายกลใหญ่วัฏจักรดาราวางอยู่ ข้ามทะเลนี้ไป ก็จะเป็นเขาไร้มรณะอันลือชื่อ

การแข่งขันกระดานยอดมกุฎรุ่นเยาว์ในตอนนั้นก็เปิดฉากขึ้นที่เขาไร้มรณะ

เขาไร้มรณะยังเป็นทางเข้าสมรภูมิเก้าดินแดนทางหนึ่งเช่นกัน!

“พี่ใหญ่ ช่วงนี้ข้าได้หยั่งรู้มากมาย อยากจะฝึกตนที่ทะเลหมากดาราสักพัก”

ที่ชายฝั่งทะเลหมากดารา จู่ๆ เจ้าคางคกก็เอ่ยขึ้น

ตอนนั้นเขา หลินสวินและอาหลู่เคยเข้ามาจำศีลฝึกตนที่ทะเลหมากดารา สำหรับพวกเขาแล้ว ทะเลหมากดาราก็เหมือน ‘บ้าน’ ของพวกเขาในดินแดนรกร้างโบราณ

หลินสวินพยักหน้าตอบรับ

ในทะเลหมากดารามีค่ายกลใหญ่วัฏจักรดาราปกคลุมอยู่ สำหรับผู้ฝึกปราณคนอื่นแล้วก็คือเขตหวงห้ามเข้มงวดแห่งหนึ่ง ไม่กล้าล้ำเส้นเข้ามาแม้แต่ก้าวเดียว

แต่สำหรับหลินสวินแล้ว ค่ายกลใหญ่วัฏจักรดารากลับเป็นเกราะป้องกันชั้นหนึ่ง ถูกเขาควบคุมได้

หลังเจ้าคางคกอยู่ต่อ หลินสวินกับจ้าวจิ่งเซวียนก็ออกเดินทางอีกครั้ง มุ่งหน้าไปยังแคว้นหมึกขาวที่แดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติวิญญาณตั้งอยู่

“ตอนนี้ข้าบรรลุระดับอมตะเคราะห์ด่านเก้าแล้ว มีคุณสมบัติรับ ‘การทดสอบแจ้งอริยะ’ ของสำนัก ถ้าผ่านได้ จะทำให้ข้าได้รับมรดกสูงสุดวิชาหนึ่ง มรดกนี้จะช่วยมรรควิถีข้าได้มาก ข้าไม่อยากพลาดไป”

ระหว่างทางจ้าวจิ่งเซวียนเอ่ยอธิบาย

หลินสวินพยักหน้า “อยากให้ข้าไปเป็นเพื่อนไหม”

จ้าวจิ่งเซวียนเม้มปากยิ้มเอ่ยว่า “ช่างเถอะ ถ้าให้สัตว์ประหลาดเฒ่าในสำนักพวกนั้นพบเจ้า ได้โทสะจู่โจมใจ ก่อบาปสังหารใหญ่แน่”

หลินสวินยิ้มอย่างอดไม่ได้

พอพูดขึ้นมา สำนักเก่าแก่ในดินแดนรกร้างโบราณแห่งนี้ที่แค้นเขาหลินสวิน ไม่ได้มีเพียงแดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติวิญญาณที่เดียว

ในอดีตเขาอาจจะยังหวาดกลัวสำนักเหล่านี้ แต่ตอนนี้สภาวะจิตไม่เหมือนเดิมแล้ว

แน่นอนว่าความแค้นบางอย่างย่อมไม่อาจมองข้ามไปง่ายๆ ได้ หลินสวินเชื่อว่าหากตนปรากฏตัวหน้าแดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติวิญญาณจริง สัตว์ประหลาดเฒ่าเหล่านั้นต้องพุ่งออกมาต่อกรกับตนทันทีแน่!

“เอาอย่างนี้ รอข้าได้มรดกมาจากสำนักแล้วจะไปหาเจ้าที่ทะเลหมากดารา”

จ้าวจิ่งเซวียนครุ่นคิดเล็กน้อยแล้วเอ่ยออกมา

หลินสวินย่อมไม่มีความเห็น พูดว่า “ได้ แต่ก่อนหน้านั้นให้ข้าไปส่งเจ้าอีกหน่อย รอไปถึงแคว้นหมึกขาวข้าก็จะจากไป”

และก็ในตอนนี้เอง พวกเขาได้ยินข่าวลือบางประการพาให้รู้สึกประหลาดใจ ดินแดนรกร้างโบราณแห่งนี้มีคลื่นแห่งความวุ่นวายซัดขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง

“ดินแดนโบราณมารโลหิตส่งทูตข้ามแนวกั้นพรมแดนมาถึงดินแดนรกร้างโบราณ ตอนนี้กำลังไปเป็นแขกเยือนหอฤทธิ์เทพในแดนเร้นอริยะ!”

ดินแดนโบราณมารโลหิต!

นี่เป็นหนึ่งใน ‘แปดดินแดน’ อื่น!

หลินสวินกับจ้าวจิ่งเซวียนต่างตกตะลึง ตามที่พวกเขารู้ ไม่ว่าจะเป็นดินแดนโบราณมารโลหิตหรือดินแดนอื่น ล้วนเป็นมหาศัตรูของดินแดนรกร้างโบราณ มีความแค้นที่ไม่อาจสะสางได้!

ตอนนี้ดันมีทูตจากดินแดนโบราณมารโลหิตมาเยือนเสียอย่างนั้น นี่เป็นเรื่องที่พบเห็นได้ยากถึงที่สุด

“ศัตรูภายนอกพวกนี้ส่งทูตมา ต้องการทำอะไร”

หลินสวินนิ่วหน้า พอจะสังเกตได้ว่าคลื่นแห่งความวุ่นวายครั้งหนึ่งกำลังจะซัดขึ้นในดินแดนรกร้างโบราณ เพราะในอดีต ดินแดนรกร้างโบราณไม่เคยมีเงาร่างของศัตรูนอกดินแดนปรากฏตัวสักนิด

จากนั้นพวกหลินสวินก็สืบข่าวต่อ ไม่นานจึงได้รู้ว่าเป้าหมายที่ทูตดินแดนโบราณมารโลหิตมาเยือน เป็นไปได้สูงว่าจะเกี่ยวข้องกับการต่อสู้แห่งเก้าดินแดน!

น่าเสียดาย นอกจากเรื่องนี้ก็ไม่มีข่าวอื่นแว่วมาอีก

หลังจากมาถึงแคว้นหมึกขาว มองส่งจ้าวจิ่งเซวียนกลับแดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติวิญญาณด้วยตัวเอง หลินสวินถึงหันตัวจากไปอย่างรวดเร็ว

เขาคิดจะเดินดูต่อ

เพียงแต่หลินสวินเพิ่งออกจากแคว้นหมึกขาวได้ไม่นาน ข่าวสะเทือนเลื่อนลั่นข่าวหนึ่งก็แว่วออกมาจากหอฤทธิ์เทพในแดนเร้นอริยะ ก่อให้เกิดคลื่นความวุ่นวายใหญ่ยักษ์ในดินแดนรกร้างโบราณครั้งหนึ่ง

——