มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 1467

ในจำนวนทั้งหมดนี้ผู้ที่เสียหายร้ายแรงมากที่สุดก็คือเหอเฟิง เขาส่งตัวนักยุทธ์เทพมารขั้นสูงเข้าไปทั้งหมด 18 คน แต่กำลังรบของชายหนุ่มชุดคลุมยาวดาราที่พวกเขาประสบกลับสามารถเทียบทัดกับเทพฟ้า ภายในกระบวนท่าเดียวก็ถูกฆ่าในชั่วพริบตา ไม่มีผู้ใดรอดชีวิตออกมาได้เลย

ปัจจุบันผู้ที่ยังไม่ออกมาก็เหลือเพียงหลัวซิวผู้เดียว รวมไปถึงกรรมกรขุดเหมืองคนหนึ่งที่อยู่ใต้บังคับบัญชาของตำหนักหลักเมือง

กรรมกรขุดเหมืองทั้งหมดที่จี้ซิวส่งออกไป บนตัวพวกเขาทุกคนล้วนมีตัวต้องห้ามติดอยู่ เมื่อเสียชีวิตเขาก็จะรับรู้ได้ในทันที นอกเหนือจากผู้ที่ถูกส่งออกมาแล้ว สามารถยืนยันได้ว่าคนอื่นที่เหลือล้วนเสียชีวิตกันหมดแล้ว แต่ทว่ากลับมีคนคนหนึ่งที่ยังอยู่ในดาราเรืองแสง

จี้ซิวเปิดดูสมุดรายชื่อ ก่อนจะพบว่าคนดังกล่าวคือกรรมกรขุดเหมืองที่เพิ่งสมัครเข้ามาใหม่ เขาจึงขมวดคิ้วลงเล็กน้อยอย่างอดไม่ได้“หลี่ยู่?”

“ปัง!”

คู่ต่อสู้คนที่สองถูกหลัวซิวโจมตีจนกระเด็นออกไป กระบี่ศุภรดาราถูกเขาใช้นิ้วมือสองนิ้วหนีบไว้ จากนั้นเขาก็ออกแรงกะทันหัน ทำให้กระบี่ศุภรดาราโดนบีบจนแตกสลาย

ร่างเนื้อของเขาสามารถเทียบเคียงกับผู้แข็งแกร่งกลั่นร่างระดับเจ้านภา คู่ต่อสู้ที่มีศักยภาพเทียบทัดกับเทพฟ้าขั้นปฐมภูมินั้น ยังอ่อนไปหน่อย

บาดแผลของชายหนุ่มชุดคลุมยาวดาราฟื้นฟูกลับคืนมาในชั่วพริบตาเดียว เขาหกระเหินเดินฟ้าตรงมาอีกครั้ง ผลการฝึกตนยังคงเป็นเทพมารขั้นปฐมภูมิอีกเช่นเคย

อย่างไรก็ตามพลังออร่าบนตัวเขา ณ บัดนี้กลับเพิ่มพูนขึ้นอีกครั้ง เพิ่มขึ้นถึงระดับความสูงที่สามารถเทียบทัดกับผู้แข็งแกร่งเทพฟ้าช่วงปลายได้

เทพมารขั้นปฐมภูมิเทียบทัดกับผู้แกร่งเทพฟ้าช่วงปลาย หากอยู่ในโลกภายนอก นี่เป็นเรื่องที่แทบจะเป็นไปไม่ได้เลย

อย่างน้อยสุดนอกจากตัวเองแล้ว หลัวซิวยังไม่เคยได้ยินมาก่อนว่าผู้ใดในโลกจะสามารถทำเช่นนี้ได้!

“เป็นการถ่ายทอดสืบสานและบททดสอบที่ผู้แข็งแกร่งไร้เทียมทานทิ้งไว้หรือ?”

หลัวซิวหรี่ตาลงเล็กน้อย แววตาเป็นประกายขึ้นมาโดยสิ้นเชิง จิตที่จะสู้รอบกายพุ่งพรวด

ตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมา เขาท้าประลองกับผู้ที่แดนอยู่เหนือตัวเองมาโดยตลอด นักยุทธ์ที่ผลการฝึกตนอยู่ในแดนดียวกัน ยังไม่มีผู้ใดที่เป็นคู่ต่อสู้ของเขา

ปัจจุบันกลับมีคู่ต่อสู้คนหนึ่งที่ผลการฝึกตนอยู่ระดับเดียวกันกับเขา มีกำลังรบเกะกะระรานถึงขีดสุด จึงทำให้เขารู้สึกสนใจขึ้นมาเล็กน้อย

“ตู้ม!”

ชายหนุ่มชุดคลุมยาวดาราลงมือโจมตีครั้งที่สาม เขาปล่อยหมัดออกมา ราวกับว่าหมัดนั้นได้กลายเป็นดวงดาวหนึ่งดวง พุ่งชนเข้ามาด้วยลักษณะที่ยิ่งใหญ่น่าเกรงขาม

“ช่างเป็นการโจมตีที่งดงามเสียจริง!”

หลัวซิวแหงนหน้าขึ้นฟ้าพลางคำรามเสียงยาว กระตุ้นพลังอมตะของเทพสงครามไร้เทียมทาน พลังออร่าเพิ่มขึ้นและปล่อยหมัดออกไปเช่นกัน

หมัดของเขาและดวงดาวพุ่งชนกัน ทุกอย่างเหมือนจะดูเล็กนิดเดียว แต่กลับมีพลังที่สามารถทำลายพังพินาศทุกสิ่งอย่างให้ย่อยยับได้ง่ายดายแฝงซ่อนอยู่ ยิงทะลวงดวงดาว แสงหมัดดุจกระบี่ ทิ่มแทงเข้าไปทางชายหนุ่มชุดคลุมยาวดารา

ชายหนุ่มชุดคลุมยาวดารายื่นมือออกมาจับ กระบี่ศุภรดาราเล่มหนึ่งปรากฏ ก่อนที่เขาจะใช้กระบี่ฟันแสงหมัดจนแตกสลาย

“นัดเดียวนิพพาน!”

หลัวซิวไม่ได้เรียกหอกออกมา แต่กลับใช้นิ้วมือหนึ่งนิ้วเป็นหอก แทงออกไปสังหาร

ยกระดับกฎความตายให้ถึงขีดสุด ร่างกายของเขาเหมือนกลายเป็นแสงหอก ดุจมังกรอสูรสีดำตัวหนึ่งคำรามอย่างยิ่งใหญ่

“ตู้มม!”

กระบี่ศุภรดาราพังทลายไปอีกครั้ง ชายหนุ่มชุดคลุมยาวดาราก้าวถอยหลังกลับไปรัว ๆ มีคราบเลือดไหลออกมาตรงมุมปาก ดวงตาทั้งสองข้างที่ไร้ความรู้สึกใด ๆ กำลังเปล่งแสง เหมือนดั่งดวงดาวที่แวววาวจับจาสองดวง

“น่าสนใจดีแฮะ……”

ชายหนุ่มชุดคลุมยาวดารากระตุกยิ้มมุมปากเล็กน้อย พลังออร่ารอบกายเพิ่มขึ้นอีกครั้ง บรรลุถึงเทพฟ้าขั้น 9 ซึ่งห่างจากเจ้านภาเพียงรำไร

“เทพฟ้าขั้น 9 ก็ทำอะไรข้าไม่ได้!”

หลัวซิวหัวเราะเสียงดังลั่น จิตใจเร่าร้อนฮึกเหิม ปล่อยฝ่ามือออกไป วงล้อชีวิตแห่งเหล่าเทวเทพปรากฏ

เสียงตู้มดังขึ้น ชายหนุ่มชุดคลุมยาวดารากระเด็นลอยออกไป แขนทั้งสองข้างระเบิดแตกเป็นหมอกเลือดพร้อมกัน ไม่ใช่คู่ต่อสู้เลยด้วยซ้ำ ถูกหลัวซิวข่มในทุก ๆ ด้าน

เลือดเนื้อของชายหนุ่มชุดคลุมยาวดารากำเนิดใหม่อีกครั้ง ฟื้นฟูกลับมาเป็นเหมือนช่วงเริ่มต้นอย่างรวดเร็ว

ครั้งนี้พลังออร่าที่อยู่บนตัวเขาไม่ได้เพิ่มขึ้นอีกแล้ว และไม่ได้ลงมือโจมตีต่อเช่นกัน แต่เป็นการจ้องเขม็งมาทางหลัวซิวพลางผงกหัวเบา ๆ“บททดสอบสามด่านแรกทดสอบปัญญา ปัญญายิ่งสูง ก็ยิ่งสามารถข้ามแดนสังหารศัตรูที่อยู่แดนสูงกว่าได้ และเจ้าผ่านด่านแล้ว”

เสียงของเขาแตกต่างจากเมื่อครู่นี้ ครั้งนี้น้ำเสียงของชายหนุ่มชุดคลุมยาวดาราเปี่ยมล้นด้วยความรู้สึกของผู้ที่ผ่านพ้นกาลเวลามาอย่างยาวนาน ดุจชายชราไม้ใกล้ฝั่ง