ตอนที่ 1457 หัวหน้านักวิทยาศาสตร์พาน-เอเชีย

Scholar’s Advanced Technological System ระบบปั้นอัจฉริยะ

เวลาห้าทุ่ม

แขกเริ่มทยอยกลับคนแล้วคนเล่าขณะที่งานเลี้ยงดำเนินมาถึงจุดสิ้นสุดในบรรยากาศที่หรูหราโอ่อ่า

ลู่โจววางแผนจะนั่งแท็กซี่กลับบ้าน แต่เพียงแค่หลังจากที่เขากลับไปที่ห้องพักผ่อนแล้วเปลี่ยนชุดเป็นเสื้อผ้าปกติ บริกรของโรงแรมก็มาเคาะประตูห้องพักและส่งสารเชิญจากผู้อำนวยการหลี่กวงหยามายังเขาอย่างสุภาพ โดยถามว่าเขาพอจะมีเวลาว่างไปพูดคุยกับหลี่กวงหยาสักสิบนาทีไหม

เพราะเขาไม่ได้มีแผนจะทำอย่างอื่น ลู่โจวจึงตอบรับคำเชิญไป เขาเดินตามก้าวของบริกรไปที่ห้องถัดไปและเห็นประธานหลี่กวงหยาคอยอยู่ที่นั่น

“คุณคิดว่าไงครับ?”

“คุณกำลังพูดถึงงานเลี้ยงเหรอครับ?”

“ใช่ครับ เรากังวลมากว่าคุณจะสามารถปรับตัวให้เข้ากับการใช้ชีวิตหลัง 100 ปีได้หรือเปล่า” หลี่กวงหยาพูดอย่างสุภาพว่า “ถ้าคุณรู้สึกไม่สบาย บอกเราได้เลยนะครับ”

“สังคมนี้ใจกว้างกว่าที่ผมคิดไว้ ผมกังวลเล็กน้อยว่าผมคงจะไม่มีที่ยืน แต่หลังจากได้อยู่ไปสักพัก ผมก็ได้ตระหนักว่าผมกำลังกังวลมากเกินไป” ลู่โจวยิ้มแล้วกล่าวต่อไปว่า “สิ่งที่ผมต้องพูดก็คือว่าผมเกรงว่ามันจะหรูหราเกินไป มันไม่จำเป็นเลยจริงๆ”

“ถ้าไม่มีงานนี้เราก็ไม่สามารถที่จะแสดงความเคารพที่มีต่อคุณได้ หวังว่าคุณจะเข้าใจนะครับ” หลี่กวงหยาพูดต่อพร้อมกับยิ้ม “จะว่าไปแล้ว นักวิชาการลู่มีแผนอะไรในอนาคตไหมครับ?”

“อนาคต…”

ลู่โจวใช้เวลาครุ่นคิดถึงประเด็นนี้เล็กน้อย

เขานิ่งไปชั่วครู่แล้วพูดว่า

“คำถามนี้ยังเร็วเกินไปที่จะตอบ ก่อนที่จะวางแผนสำหรับอนาคตผมตั้งใจจะพยายามปรับตัวเข้ากับปัจจุบันก่อน แล้วค่อยพิจารณาว่าจะทำอะไรให้ดีขึ้นได้บ้างในอนาคต”

หลี่กวงหยาพูดว่า “นี่น่าจะเป็นเรื่องง่ายสำหรับคุณ ผมเชื่อว่าด้วยสติปัญญาของคุณคงจะใช้เวลาไม่นานในการปรับตัวเข้ากับสังคมสมัยใหม่ได้”

“ไม่ว่ามันจะง่ายยังไงมันก็ยังต้องใช้เวลา และสำหรับอนาคตผมก็ไม่อยากจะด่วนตัดสินใจเร็วเกินไป” ลู่โจวพูดต่อพร้อมกับยิ้มระหว่างที่มองประธานหลี่กวงหยา “นอกจากนั้นผมยังอยากใช้เวลาในการเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ เหล่านี้ให้มากขึ้น สำหรับผมผมไม่ได้รู้สึกแบบนี้มานานแล้ว”

นับตั้งแต่เริ่มอาชีพวิชาการในพรินซ์ตัน เขาก็ปฏิบัติตัวเป็นผู้สร้างองค์ความรู้มาตลอด ไม่ได้เป็นผู้ศึกษาองค์ความรู้เลย

ถ้ามีสิ่งใดที่มีค่าเพียงพอกับความสุขในยุคที่ไม่คุ้นชินนี้ มันก็คือองค์ความรู้ที่เกิดขึ้นในช่วงร้อยปีที่ผ่านมาที่รอให้เขาไปซึมซับ

“จริงๆ แล้วที่มาคุยกันวันนี้เรามีข้อเสนอ แต่ผมไม่รู้ว่าคุณจะยินดีพิจารณามันหรือไม่”

“ข้อเสนออะไร?”

ประธานหลี่กวงหยาพูดด้วยน้ำเสียงที่จริงใจและเคร่งขรึม “ถ้าคุณยินดี เราหวังว่าคุณจะรับตำแหน่งหัวหน้าที่ปรึกษาด้านวิทยาศาสตร์ของสหการพาน-เอเชียน!”

“หัวหน้าที่ปรึกษาด้านวิทยาศาสตร์?”

เมื่อได้ยินชื่อตำแหน่งนี้ ลู่โจวก็ชะงักไปสักพัก เขาถามขึ้นด้วยความตะลึงงันว่า “คุณคิดว่ามันเหมาะสมจริงๆ เหรอที่จะให้โบราณวัตถุอายุร้อยปีรับตำแหน่งนี้?”

“คุณถ่อมตัวเกินไปแล้ว!” ประธานหลี่กวงหยาพูดต่อไปด้วยท่าทีที่จริงจังว่า “ผมได้ปรึกษาทีมของผมเกี่ยวกับเรื่องนี้แล้ว คุณน่าจะเป็นคนที่เหมาะสมที่สุดสำหรับตำแหน่งนี้!”

“ผมจะลองคิดดูหลังจากที่ผมปรับตัวเข้ากับสังคมนี้ได้แล้ว…”

เมื่อได้เห็นว่าประธานหลี่กวงหยามีสีหน้าที่ผิดหวังเล็กน้อย ลู่โจวก็ถอนหายใจแล้วพูดต่อว่า “มันไม่ใช่ว่าผมหวงความรู้ของผมเองหรอกนะครับ แต่ผมจำเป็นต้องศึกษาให้มากขึ้นก่อนที่จะชี้นำคนอื่นๆ ได้ ลองคิดดูในอีกมุมหนึ่ง ถ้านักวิชาการจากยุคนี้ต้องการคำชี้แนะจากวัตถุโบราณ พวกเขาทำความสำเร็จอะไรไว้เมื่อ 100 ปีที่แล้ว?”

ในท้ายที่สุดลู่โจวก็ยังไม่ได้ตกลงยอมรับตำแหน่งนี้

หลี่กวงหยาจมดิ่งอยู่ในภวังค์ความคิด

กำไลมือที่เขาสวมอยู่ที่ข้อมือซ้ายสั่นเบาๆ

เมื่อเขาเปิดข้อมือเสื้อขึ้นเล็กน้อย ลำแสงโฮโลแกรมสีฟ้าอ่อนก็ฉายภาพออกมาตรงหน้าเขา ใบหน้าของเลขาธิการอู๋ชูฮวาปรากฏขึ้นมาด้านหน้าเขา เธอพุ่งเข้าประเด็นเลย

“เป็นไง?”

“มีความคลาดเคลื่อนเล็กน้อย แต่มันยังอยู่ในระดับที่ยอมรับได้”

รอยยิ้มขี้เล่นปรากฏขึ้นที่มุมปากระหว่างเลขาธิการอู๋ชูฮวาพูดต่อไปว่า “ดูเหมือนว่าคนคนนั้นจะปฏิเสธคุณ”

“ใช่…” หลี่กวงหยาพูดอย่างไตร่ตรอง “พวกคนเมื่อร้อยปีที่แล้วนี่เขาถ่อมตัวกันมากใช่ไหม? ผมคิดว่าเขาจะหยิ่งกว่านี้เสียอีก”

นี่เป็นสิ่งที่ค่อนข้างแตกต่างจากบันทึกในหนังสือประวัติศาสตร์

มุมมองกระแสหลักส่วนใหญ่ที่นักประวัติศาสตร์มีต่อนักวิชาการลู่ก็คือเขาเป็นคนมั่นใจในตัวเองมาก เป็นคนหยิ่งทะนงด้วยซ้ำ คนหยิ่งยโสผู้นี้ ในแง่หนึ่งเกิดจากความสำเร็จของเขาในการวิจัยด้านวิทยาศาสตร์ และในอีกแง่หนึ่งมันเกิดจากความเป็นวัยหนุ่มของเขาเอง

อย่างไรก็ตามตอนที่ลู่โจวเองยืนอยู่ตรงหน้าเขา หลี่กวงหยาก็ตระหนักแล้วว่าอาจจะมีความคลาดเคลื่อนนิดหน่อยระหว่างงานวิจัยทางประวัติศาสตร์กับความเป็นจริง

แม้ว่าลูกตาที่ลึกของเขาจะไม่สามารถมองเห็นความคิดที่แท้จริงของเขาได้อย่างเต็มที่ แต่สิ่งหนึ่งที่แน่ใจก็คือไม่มีความทะนงตนอยู่ในดวงตาของลู่โจวเลยแม้แต่นิดเดียว

“แล้วคุณจะทำยังไงต่อ?”

“ผมบอกว่าถึงจะมีความคลาดเคลื่อนเล็กน้อย มันก็ยังอยู่ในระดับที่ยอมรับได้”

หลี่กวงหยาลุกขึ้นจากเก้าอี้ เขาเดินไปที่หน้าต่างแล้วยกนิ้วชี้ขึ้นเพื่อเปิดม่าน

ฮาร์ทออฟเอเชียที่ตั้งอยู่บนแนวชายฝั่งเหมือนกับคบไฟที่กำลังลุกไหม้ ส่องแสงสว่างให้ดวงตาของเขา ส่องแสงสว่างในค่ำคืนอันมืดมิดทั่วทั้งชายหาด แล้วยังส่องแสงสว่างให้กับความปรารถนาของชาวพาน-เอเชียนเพื่อความยิ่งใหญ่อีกครั้งด้วย

พวกเขาตกลงไปในหลุมพรางแห่งความรุ่งเรืองมานานเกินไป

โลกแห่งวัตถุที่มั่งคั่งถึงขีดสุด รวมทั้งโลกแห่งจิตวิญญาณอาจทำให้ผู้คนสูญเสียความปรารถนาของตัวเองเพื่อความก้าวหน้าไปโดยไม่ได้ตั้งใจอยู่เสมอ

แต่เขาต่างออกไป

เขาเป็นคนทะเยอทะยานคนหนึ่ง

ต่างจากเพื่อนร่วมชาติของเขาผู้ซึ่งแทบจะกลายเป็นสัตว์กินพืช ประสบการณ์ในวัยเด็กของเขาบนดาวอังคารทำให้เขาเข้าใจว่าคนที่ไม่มีความหวังก็เป็นแค่ซอมบี้ที่เดินได้ คุณค่าของพวกเขาต่อสังคมนั้นอาจจะน้อยกว่าหุ่นยนต์ตัวหนึ่งด้วยซ้ำ

ไม่ว่าจะเพื่อความรุ่งโรจน์ของพาน-เอเชีย หรือเพื่อเห็นแก่ประวัติศาสตร์…

อย่างน้อยในช่วงระยะเวลาที่เขาดำรงตำแหน่งเป็นประธานคณะกรรมการบริหาร เขาก็อยากจะสร้างความสำเร็จอันยิ่งใหญ่สักครั้งหนึ่ง!

ได้ปักธงพาน-เอเชียนบนพื้นของดวงจันทร์ไททันและยูโรปาหรือไม่ก็เปิดเส้นทางเหล็กจากพื้นผิวไปยังวงโคจรพ้องคาบโลก!

หรือทำได้ทั้งสองอย่างในเวลาเดียวกัน!

แต่ก่อนอื่น เขาต้องจุดไฟปรารถนาขึ้นในใจของผู้คนอีกครั้งและโน้มน้าวใจพวกเขาโดยปราศจากข้อสงสัยว่าเขาเกิดมาเพื่อสิ่งนี้

แนวคิดเชิงปรัชญาอันเป็นนามธรรมนี้เรียกว่า ‘โชคชะตา’

เขามองดูฮาร์ทออฟเอเชียอันสง่างามที่อยู่ด้านนอกหน้าต่าง รวมทั้งแสงโฮโลแกรมและเงาที่เต้นระบำอยู่บนแนวชายฝั่งแล้วเขาก็ยิ้มออกมานิดๆ และพูดต่อไปว่า “คืนนี้คงจะมีคนมากมายที่นอนไม่หลับเพราะความตื่นเต้น”

ซึ่งแน่นอนว่านั่นรวมถึงตัวเขาเองด้วย

ลู่โจวกลับมาถึงอพาร์ทเมนท์ด้วยรถของสหการพาน-เอเชียน

ประตูเปิดออกต่อหน้าลู่โจว

“เจ้านาย วันนี้สนุกไหมที่งานเลี้ยง?”

ลู่โจวมองดูเสี่ยวไอซึ่งกระโดดไปรอบๆ ตรงหน้าเขา เขากำลังอารมณ์ดี ดังนั้นเขาจึงยิ้มแล้วพูดว่า “สนุกมาก แต่ก็น่าเหนื่อยอยู่”

“เสี่ยวไอเห็นมันบนโทรทัศน์! ฮ่าฮ่า เจ้านายหล่อเหมือนเคยเลย (///ω///)”

ลู่โจวยิ้มอย่างอายๆ

แม้เขาจะรู้ว่านี่เป็นเรื่องจริง แต่มันก็ยังรู้สึกเขินที่มาได้ยินมาจากปากคนอื่น

เสี่ยวไอยังแสดงรอยยิ้มที่มีความสุขออกมาบนใบหน้า

“อืม แล้วเจ้านายอารมณ์ดีขึ้นไหม? (///ω///)”

ลู่โจวชะงักไปครู่หนึ่ง จากนั้นเขาก็ยิ้มแล้วยื่นมือออกไปแตะหัวของเธอ

“ดีขึ้นสิ ขอบคุณนะ…

“ฉันรู้สึกดีขึ้นมาก”

น้ำสำหรับอาบพร้อมแล้ว

หลังจากลู่โจวอาบน้ำ เขาก็สวมชุดนอนแล้วหยิบขวดนมออกมาจากตู้เย็น แล้วเขาก็กลับมาที่โซฟาในห้องนั่งเล่นและนั่งลง

ก่อนหน้านี้เขาได้ทำการติดต่อมหาวิทยาลัยจินหลิง และหลังจากได้รับสายของเขา จู่ๆ ฝ่ายอื่นก็แจ้งมาว่าพวกเขาได้เตรียมคลาสเตรียมความพร้อมและห้องทำงานไว้ให้เขาแล้ว เขาสามารถจะไปที่ชั้นเรียนพรุ่งนี้ได้เลย

สำหรับตำแหน่งศาสตราจารย์ซึ่งไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปในศตวรรษนี้ หมดคำถามแล้วว่าตำแหน่งนี้จะสามารถกู้คืนกลับมาได้หรือไม่ ตราบใดที่เขาต้องการเขาสามารถที่จะเปิดคอร์สของเขาเองในมหาวิทยาลัยเมื่อใดก็ได้และได้รับเงินเดือนตามมาตรฐานเงินเดือนในปัจจุบัน

อันที่จริงความคิดของลู่โจวเรียบง่ายมาก

เงินเดือนไม่ใช่สิ่งสำคัญ ในทางตรงกันข้าม เขาให้ความสนใจกับทรัพยากรทางวิชาการของมหาวิทยาลัยจินหลิงมากกว่า

ในฐานะมหาวิทยาลัยระดับสุดยอดของโลกในยุคนี้ เขาไม่เพียงแต่จะได้รับข้อมูลที่ล้ำสมัยที่สุดในโลกวิชาการ แต่เขายังสามารถติดต่อสื่อสารกับคนที่มีความรู้มากที่สุดในโลกได้อีกด้วย

และนี่ก็ยังจะช่วยให้เขาติดต่อกับสาขาการวิจัยที่ก้าวหน้าที่สุดในยุคนี้ได้เร็วขึ้นและก้าวตามรอยเท้าของเด็กรุ่นเยาว์กว่าเหล่านี้ได้ทัน

แน่นอนว่าเขายังมีสิ่งหนึ่งที่ต้องจัดการก่อนเรื่องนั้น

ลู่โจวมองไปยังเอกสารที่อยู่ในกล่อง หลังจากไตร่ตรองอยู่สักพัก เขาก็ดึงนามบัตรอิเล็กทรอนิกส์ของทนายเฉินออกมาแล้วกดโทรไป

หลังจากโทรศัพท์ดังอยู่สามครั้ง มันก็โทรติดอย่างรวดเร็ว

ภาพคนที่ดูคุ้นเคยปรากฏออกมาในลำแสงโฮโลแกรม

ลู่โจวมองดูทนายความที่ชื่อเฉินเทียนลู่ เขาพูดเข้าประเด็นเลยทันที

“ขอโทษนะครับที่โทรมาดึกมาก ผมมีเรื่องอยากจะปรึกษาคุณ ผมไม่แน่ใจว่าคุณจะสะดวกไหม?”

“สะดวกครับ ไม่มีปัญหา! เป็นเกียรติของผมที่ได้รับใช้คุณ!” ทนายเฉินยิ้มแล้วพูดอย่างจริงจัง “ขอโทษนะครับว่าแต่มีเรื่องอะไร?”

“ผมมีหนังสือรับรองหุ้นอยู่ อย่างเช่น อีสต์เอเชียเอเนอร์จี้ อีสต์เอเชียคอมมิวนิเคชั่น อีสต์เอเชียเฮฟวีอินดัสตรีส์ และอื่นๆ อีก…”

ลู่โจวพลิกเอกสารในมือ เขามองมาที่ทนายเฉินซึ่งกำลังตกตะลึง แล้วพูดต่อไปว่า “ผมไม่รู้อะไรมากนักเกี่ยวกับกฎหมายของโลกใบนี้ แต่สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่ผมซื้อเอาไว้จริงๆ และได้รับการรับรองจากธนาคารแห่งประเทศจีน จริงๆ ผมแค่อยากจะถามว่า… ผมจะใช้หนังสือรับรองพวกนี้ยังไง?”