ตอนที่ 1456 คุณติดค้างเต้นรำกับฉันอยู่

Scholar’s Advanced Technological System ระบบปั้นอัจฉริยะ

ประวัติศาสตร์ดูเหมือนจะเล่นตลกกับทุกคน

ความจริงที่ถูกปิดผนึกไว้ในโลงศพถูกโค่นล้มและเขียนขึ้นใหม่อีกครั้ง ณ จุดหนึ่งของเวลาที่ไม่มีใครคาดคิด ชายผู้ยิ่งใหญ่ผู้ซึ่งควรจะถูกฝังอยู่ในแม่น้ำสายยาวแห่งประวัติศาสตร์และได้รับการจดจำโดยคนในยุคอนาคต กลับมายืนอยู่ข้างพวกเขาแบบไม่ได้คาดคิด

เหมือนกับเขาถูกพระเจ้าหรือสิ่งมีชีวิตที่ยิ่งใหญ่บางอย่างยืมตัวไปสักพัก และตอนนี้เขาก็กลับมาอีกครั้ง

ไม่ว่าจะมีนักประวัติศาสตร์ผมร่วงไปเพราะข่าวนี้มากเท่าไร ในที่สุดการเดินทางซึ่งเริ่มต้นขึ้นเมื่อศตวรรษที่แล้วนี้ก็มาถึงตอนจบในศตวรรษที่ 22

ยิ่งกว่านั้นยังเป็นตอนจบอย่างมีความสุขด้วย

ขณะที่การเฉลิมฉลองของ ‘การฟื้นคืนชีพ’ ของชายผู้ยิ่งใหญ่จากเมื่อศตวรรษก่อนดำเนินไป สื่อใหญ่ๆ จากทั่วโลกก็ได้ถ่ายทอดสดงานเลี้ยงครั้งนี้ด้วย

สำหรับคนรุ่นเก่ากว่า วันนี้เป็นวันที่หาได้ยากยิ่งอย่างไม่ต้องสงสัย

โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับคนสูงวัยเหล่านั้นซึ่งบรรพบุรุษของพวกเขามีความผูกพันกับนักวิชาการลู่

เมื่อพวกเขาเห็นหน้าของนักวิชาการลู่ปรากฏอยู่บนหน้าจอโฮโลแกรม พวกเขาก็รู้สึกตื่นเต้นมากราวกับพวกเขากำลังเสพยาเสพติด พวกเขากระโดดโลดเต้นและส่งเสียงโห่ร้องยินดี

ณ อพาร์ทเมนท์แห่งหนึ่งในเซี่ยงไฮ้ กลุ่มเมืองสามเหลี่ยมปากแม่น้ำแยงซีเกียง

ระหว่างที่นั่งอยู่บนโซฟาที่บ้านของลูกชาย หลัวซิงเสวี่ยกำลังดูผู้ชายที่อ่อนกว่าลูกชายของเขาบนโทรทัศน์โฮโลแกรม เขาอายุประมาณ 60 ถึง 70 ปีแล้ว แต่ความตื่นเต้นบนใบหน้าของเขาไม่ได้หายไปเลยนับตั้งแต่งานเลี้ยงเริ่มขึ้น เขาพูดโม้ให้หลานชายของเขาที่อยู่ข้างๆ ฟังว่า

“ปู่ของปู่ ปู่ทวดของหลานน่ะเป็นเพื่อนของนักวิชาการลู่ และพวกเขาทั้งคู่ก็เรียนจบจากมหาวิทยาลัยจินหลิง!”

“ย้อนกลับไปตอนนั้น ตอนที่ ILHCRC ก่อตั้งขึ้นในครั้งแรก สาขาฟิสิกส์ของเรายังไม่เฟื่องฟูเท่ากับในตอนนี้ นักฟิสิกส์ต่างชาติที่มาจากทั่วโลกทุกคนต่างหยิ่งทะนงมากเท่าที่คนคนหนึ่งจะหยิ่งได้เลย ต่อมานักวิชาการลู่ก็ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นประธานคณะกรรมการบริหาร และเรื่องนี้ก็ตามมาด้วยการกำเนิดขึ้นของทฤษฎีไฮเปอร์สเปซ ทฤษฎีมิติที่สูงกว่า และเครื่องชนอนุภาคแฮดรอนบนดวงจันทร์! ไม่มีใครสงสัยในสถานะของ ILHCRC ในฐานะศูนย์ฟิสิกส์ระดับโลกอีกต่อไป!”

“แต่เรื่องนี้มันเกี่ยวอะไรกับปู่เหรอครับ?”

“เรื่องนี้… แน่นอนว่ามีสิ่งที่เกี่ยวกับปู่” หลัวซิงเสวี่ยหัวเราะอย่างขัดเขิน เขาคาดไม่ถึงว่าหลานชายตัวน้อยจะถามคำถามนี้ เขากระแอมแล้วพูดว่า “มีคำโบราณเขาว่าไว้ไม่ใช่เหรอ? การเอาชนะโลกนั้นง่าย แต่การรักษาไว้นั้นยาก”

“ในฐานะที่เป็นประธานคนที่สองของ ILHCRC นักวิชาการหลัวปู่ทวดของหลานสามารถจะอยู่รอดได้ในสภาพแวดล้อมที่อันตรายและดูแลความสัมพันธ์ระหว่าง ILHCRC กับสถาบันวิจัยใหญ่ๆ ทั่วโลกได้ มันไม่ใช่สิ่งที่ใครจะทำได้นะ!”

เด็กน้อยพยักหน้าราวกับว่าเขาเข้าใจ

ตัวหนังสือวิ่งผ่านไปบนโทรทัศน์โฮโลแกรม แสดงถึงชื่อเสียงเกียรติยศต่างๆ ของชายคนนี้ สีหน้าอยากรู้อยากเห็นปรากฏขึ้นมาบนใบหน้าของเขา และเขาอดที่จะถามต่อไปไม่ได้ว่า “ปู่ครับ ถ้างั้นช่วยเล่าเรื่องเกี่ยวกับนักวิชาการลู่กับปู่ของปู่ที่ทำวิจัยทฤษฎีไฮเปอร์สเปซด้วยกันให้ฟังหน่อยได้ไหม?”

“เรื่องนั้นเป็นสิ่งที่น่าตื่นเต้นมากในตอนนั้น! โดยเฉพาะตอนที่ปฏิกิริยาไฟฟ้าแก่เพิ่งจะออกมา วงการฟิสิกส์ทั้งวงการต้องสั่นคลอนเพราะทฤษฎีนั่น…”

มีร่องรอยแห่งความคิดถึงอดีตในแววตาของชายสูงวัย

แม้ว่าเขาจะไม่ได้สัมผัสประสบการณ์ในยุคที่โกลาหลด้วยตนเอง แต่เขาก็ได้ยินอดีตอันน่าตื่นเต้นนั้นมาจากปู่ของเขา

“แต่นั่นเป็นเรื่องที่นานมาแล้ว นานมากๆ…”

“จริงๆ มันก็ไม่ได้ตลกอย่างที่คุณคิด”

หลังจากการแสดงในงานเลี้ยงจบลง แขกในงานก็ย้ายไปที่โรงแรมที่อยู่ข้าง ‘ฮาร์ทออฟเอเชีย’ และเริ่มการเฉลิมฉลองในครึ่งที่สอง

ฟลอร์เต้นรำในล็อบบี้ชั้นหนึ่งคลาคล่ำไปด้วยชายและหญิงในชุดแบบจีน โต๊ะยาวที่อยู่ถัดจากฟลอร์เต้นรำเต็มไปด้วยแชมเปญและอาหาร อากาศที่นี่ถูกเติมเต็มด้วยบรรยากาศที่ผ่อนคลายและมีความสุข

ในฐานะพระเอกของงานเลี้ยง ลู่โจวได้กลายเป็นจุดสนใจของทุกคนในวินาทีที่เขาก้าวเข้าไปในห้องจัดเลี้ยงแห่งนี้

ผู้ที่ยืนอยู่ข้างเขาในขณะนั้นคือท่านทูตสเวลล์จากสหพันธ์อเมริกาเหนือ

เหมือนกับคนอื่นๆ ที่มาพูดคุยกับเขา เกือบทุกคนที่เข้ามาคุยกับเขาก็จะพูดคุยถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อร้อยปีที่แล้ว

อย่างเช่นท่านทูตสเวลล์ที่ถามเขาเกี่ยวกับเรื่องทฤษฎีไฮเปอร์สเปซ

เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ลู่โจวก็รู้สึกคิดถึงความหลังขึ้นมาทีเดียว

แม้ว่าเวลาจะผ่านมานานหลายปีมากแล้ว แต่ก็ยังรู้สึกเหมือนว่ามันเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวานอยู่ตลอด

“มันเป็นเรื่องบังเอิญน่ะครับ ผมไปเห็นกระดาษแผ่นหนึ่งตอนที่ผมกำลังศึกษาเรื่องทฤษฎีไฮเปอร์สเปซ ผมจำได้ว่ามันเรียกว่า ‘การวิจัยเรื่องสมการคลื่นความโน้มถ่วงของอนุภาคซี’ ผมเกิดแรงบันดาลใจเกี่ยวกับความโค้งของกาลอวกาศ จากนั้นผมก็พยายามทำการวิจัยมัน และในที่สุดผมก็ได้พบคุณสมบัติบางอย่างที่ประหลาดของอนุภาคซีในเรื่องความโค้งของกาลอวกาศ”

ท่านทูตสเวลล์มองดูลู่โจว เขากำลังถือแชมเปญไว้ในมือ แล้วเขาก็แสดงสีหน้าประหลาดใจออกมา

“แค่นี้เหรอครับ?”

ลู่โจวพยักหน้า

“แค่นั้นแหละครับ”

“ผมคิดว่าจะมีเรื่องราวที่พิเศษในตอนนั้น”

“ผมเกรงว่าจะทำให้คุณผิดหวัง มันเป็นสิ่งที่น่าเบื่อในการวิจัยปัญหาที่ลึกซึ้ง” ลู่โจวยิ้มนิดๆ ขณะมองไปที่ท่านทูตสเวลล์ เขาพูดว่า “แต่ในตอนที่เกิดแรงบันดาลใจขึ้นมาและในวินาทีที่ได้ก้าวข้ามเส้นชัย ผมรู้สึกพอใจมาก”

“ฮ่าฮ่า สำหรับพวกเราที่เป็นคนธรรมดา ผมเกรงว่าผมจะไม่เคยได้รับประสบการณ์ความพึงพอใจแบบที่คุณได้พูดถึงเลย” ท่านทูตสเวลล์ยิ้มแล้วกล่าวต่อไปว่า “อย่างไรก็ตามจากมุมมองของคนธรรมดา ผมรู้สึกอยู่เสมอว่าทฤษฎีไฮเปอร์สเปซเป็นทฤษฎีที่มีเสน่ห์ การยืดกาลและอวกาศให้ตรงนี่ฟังดูน่าหลงใหลมาก”

“ผมเข้าใจความหลงใหลนั้นได้ครับ” ลู่โจวพูดไปอย่างติดตลกว่า “อันที่จริงตอนที่ผมเพิ่งจะคิดทฤษฎีนี้เสร็จ ผมกำลังสงสัยว่ามันจะถูกนำมาใช้สำหรับการเดินทางระหว่างดวงดาวตอนร้อยปีให้หลังไหม หรืออย่างน้อยก็ในการสื่อสารระยะไกล แต่ผมคิดผิด”

“ใช่ครับ ทุนในการผลิตอนุภาคซีมันสูงเกินไป นับประสาอะไรกับการเก็บรักษามันไว้ในสภาวะที่เสถียรและปั่นป่วน” ท่านทูตสเวลล์ถอนหายใจเบาๆ และหลังจากที่จิบแชมเปญ เขาก็พูดต่อไปว่า “จริงๆ แล้ว มีคนมากมายพยายามทำสิ่งนี้เมื่อศตวรรษก่อน แต่ในท้ายที่สุดพวกเขาก็ต้องล้มเหลวไปในขั้นตอนการศึกษาความเป็นไปได้ทางเทคนิคเนื่องจากปัญหาเรื่องทุน”

“ทุนเป็นปัญหาใหญ่จริงๆ ครับ” ลู่โจวพยักหน้าแล้วพูดพร้อมกับยิ้ม “อย่างไรก็ตาม มุมมองของผมก็ยังค่อนข้างมองไปในทางที่ดี เพียงเพราะมันไม่สำเร็จในตอนนี้ก็ไม่ได้หมายความว่ามันจะไม่สำเร็จในอนาคต หลายๆ สิ่งที่อยู่ในขั้นของการจินตนาการ ตอนนี้มันก็พร้อมแล้วสำหรับการทดลอง”

ใบหน้าของท่านทูตสเวลล์เปลี่ยนไปเล็กน้อย

“นั่นหมายถึงว่ายังมีหวังเหรอครับ?”

ลู่โจวส่ายหัว

“พูดยากครับ มันไม่ได้ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของผม”

ขณะที่ทั้งสองกำลังพูดคุยกัน มีกลุ่มคนรวมตัวเพิ่มจำนวนขึ้นอย่างรวดเร็วไม่ไกลนัก

ลู่โจวเงยหน้าขึ้นแล้วมองไป ณ ที่ตรงนั้น เห็นเพียงแต่หญิงสูงวัยที่เดินตรงมาหาเขาขณะที่ถูกรายล้อมด้วยกลุ่มคน

เมื่อสายตาเขาจับจ้องไปที่ใบหน้าของหญิงสูงวัย เขาก็อึ้งไปเล็กน้อย

เขารู้สึกเสมอว่าเสน่ห์ที่อยู่ระหว่างคิ้วของเธอดูคุ้นตานิดๆ แต่เขาจำไม่ได้ว่าเคยเห็นเธอที่ไหน

เธอยิ้มออกมาระหว่างที่พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่หวนรำลึกถึงอดีต “ไม่ได้เจอกันนานเลยนะคะ”

“คุณคือ…”

ในตอนนั้น ชื่อหนึ่งก็ผุดขึ้นมาจากความทรงจำของเขาในทันที ดวงตาของเขาเบิกกว้าง

“เจ้าหญิงลิเลีย?!”

ขณะที่ลู่โจวมองดูหญิงสูงวัยที่อยู่ตรงหน้าเขาด้วยความประหลาดใจ เขาก็ถึงกับพูดไม่ออก

หลังจากนั้นไม่กี่วินาที เขาก็พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่สับสนงุนงงว่า

“ไม่ได้เจอกันนานเลยครับ ผมไม่คิดว่า… คุณจะเปลี่ยนไปมาก”

ในตอนเขาเจอเธอครั้งแรก เธอยังเป็นเด็กหญิงตัวน้อยที่สูงแค่เข่าของเขา แต่ตอนนี้เธอเป็นคุณยายแล้ว

ลู่โจวอดที่จะรู้สึกสะเทือนใจไม่ได้

“มันไม่ใช่ว่าฉันเปลี่ยนไปหรอกค่ะ คุณต่างหากที่ไม่เปลี่ยนไปเลยจากเมื่อร้อยปีก่อน”

เมื่อเทียบกับความเศร้าของลู่โจวแล้ว เจ้าหญิงลิเลียเองก็ค่อนข้างใจกว้างทีเดียว

เมื่อได้มองคนที่ยืนอยู่ตรงหน้า ความรู้สึกคิดถึงอดีตก็ปรากฏขึ้นในแววตาของเธอ เธอยิ้มและพูดว่า “คุณยังจำได้ไหม? ในห้องโถงสีน้ำเงินที่สตอกโฮล์ม ฉันยังอายุไม่ถึง 7 ขวบ ฉันรวบรวมความกล้าเพื่อจะขอคุณเต้นรำ แต่คุณบอกให้ฉันรอจนฉันโตกว่านั้น”

“จำได้สิครับ” ดวงตาของลู่โจวยังเปรอะเปื้อนไปด้วยความทรงจำ นึกถึงวันนั้นเมื่อหลายปีก่อน ลู่โจวพูดด้วยน้ำเสียงที่เศร้าว่า “นั่นเป็นวันที่สำคัญที่สุดในชีวิตของผมเลย ผมจะจดจำมันไว้ตลอดไป”

บนชายฝั่งทะเลสาบเมลาเรน เขาจูบคนรักของเขาเป็นครั้งแรก

แม้ว่าเธอจะไม่ได้มียศศักดิ์ที่เลิศหรู แต่เธอก็คือเจ้าหญิงตัวจริงในสายตาของเขา

จากตอนนั้นมันก็ผ่านมาเป็นเวลาร้อยปีแล้ว

ถ้ามีสิ่งที่เขาไม่สามารถจะปล่อยไปได้ มันก็คงจะเป็นความทรงจำเกี่ยวกับเธอ…

“ถ้าอย่างนั้นคุณก็ควรจะจำได้ว่าคุณยังติดค้างเต้นรำกับฉันอยู่”

หลังจากฟื้นคืนมาจากความทรงจำอันล้ำลึก ลู่โจวก็มองดูเจ้าหญิงลิเลียด้วยรอยยิ้ม เขาอึ้งไปชั่วขณะ แต่ไม่นานเขาก็ยิ้มออกมา

“ขอโทษทีครับ ผมมัวแต่คิดอะไรเพลินไป… ขอโทษที่ทำให้คุณต้องรอ”

เธอยิ้มอย่างอ่อนโยนแล้วยื่นมือออกมา

“ไม่เป็นไรค่ะ”

เสียงเพลงแผ่วเบาดังคลอไปบนฟลอร์เต้นรำ

คู่เต้นรำพิเศษคู่นี้ดึงดูดความสนใจจากผู้ชมได้ในทันที

เมื่อเพลงเต้นรำจบลง เสียงปรบมือก็ดังไปรอบฟลอร์เต้นรำ

ในมุมหนึ่งของระเบียงชั้นสอง บอดี้การ์ดมากมายในชุดสูทอย่างเป็นทางการยืนอยู่ในบริเวณใกล้เคียง

ประธานหลี่กวงหยายืนอยู่ตรงจุดศูนย์กลางของพื้นที่เปิดโล่ง มองลงไปที่ห้องฟลอร์เต้นรำบนชั้นหนึ่ง เขากำลังมองไปที่ลำแสงโฮโลแกรมที่ฉายออกมาจากข้อมือของเขาขณะที่พูดโทรศัพท์กับเลขาธิการอู๋ชูฮวาซึ่งอยู่ที่ต่างประเทศ

“นี่เป็นความคิดของคุณใช่ไหมที่เชิญราชวงศ์สวีเดนมา?”

“ทำนองนั้น ผมเห็นเจ้าหญิงลิเลียกล่าวถึงเขาในบันทึกความทรงจำ แต่ผมคาดไม่ถึงว่ามันจะเป็นเรื่องจริง”

อู๋ชูฮวาไม่ได้ตอบอะไร สีหน้าของเธอเฉยเมยระหว่างที่เธอรอให้เขาพูดต่อไป

“เรามีมิตรภาพที่ดีกับกลุ่มพันธมิตรทะเลเหนือ เราน่าจะสามารถเอาชนะในการสนับสนุนที่การประชุมสหประชาชาติได้สัก 70%-75%” หลี่กวงหยาพูดด้วยเสียงที่ผ่อนคลาย “ไม่ต้องสงสัยเลยว่านี่เป็นการชนะอย่างขาดลอย”

อู๋ชูฮวาพูดอย่างเคร่งขรึมว่า “อย่าลืมว่าการต่อต้านไม่ได้มาจากสหประชาชาติเพียงอย่างเดียว แต่ยังมาจากภายในสหการพาน-เอเชียนด้วย และนี่ก็เป็นส่วนที่ยากที่สุด”

“ผมกำลังวางแผนการแก้ไขปัญหานี้”

หลี่กวงหยามองไปที่ฟลอร์เต้นรำ ดวงตาของเขาจับจ้องไปที่ชายหนุ่มระหว่างที่ยิ้มออกมา

“แต่เท่าที่ผมเห็น เรื่องนี้ไม่น่าจะเป็นปัญหา”