ตอนที่ 3060

War sovereign Soaring The Heavens

“ไอ้เจ้าต้วนหลิงเทียนนั่น…มันเป็นผู้ใดในใต้หล้ากันแน่!? ไฉนมันถึงมีอุปกรณ์อมตะจอมราชันสิ้นเปลืองติดตัวได้!?”

 

ทั้งเจิ้งหงอี้กับหวังหงตกตะลึงกับเรื่องดังกล่าวจริงๆ

 

“เจิ้งหงอี้…เจ้าว่าต้วนหลิงเทียนนั่น มันจะเป็นจอมราชันอมตะกลับชาติมาเกิดรึเปล่า แล้วอุปกรณ์อมตะจอมราชันสิ้นเปลืองที่ว่า…ก็เป็นของที่มันเอาไปซ่อนไว้ตั้งแต่ชาติที่แล้ว”

 

หวังหงส่งบอกเจิ้งหงอี้ถึงข้อสันนิษฐานของนาง ขณะเดียวกันก็อยากรับทราบความคิดเห็นของเจิ้งหงอี้

 

“อาจเป็นได้”

 

เจิ้งหงอี้คิดว่าเรื่องนี้มีความเป็นไปได้สูงทีเดียว!

 

“น่าเสียดายที่พลังฝึกปรือของพวกเราอ่อนด้อยเกินไป…หาไม่แล้วตราบใดที่เราฆ่ามันได้ ทุกสิ่งทุกอย่างที่มันมีก็จะกลายเป็นของพวกเรา!”

 

หวังหงกล่าว

 

“ข้าคงไม่มีโอกาสได้ของมันแน่นอน แต่หวังหง…สำหรับเจ้ายังมีโอกาส!”

 

เจิ้งหงอี้กล่าว

 

“ข้า? มีโอกาสหรือ?”

 

หวังหงตกใจ

 

“ตราบใดที่อาวุโสใหญ่เต็มใจลงมือฆ่าต้วนหลิงเทียนนั่น ทุกสิ่งทุกอย่างที่มันมีก็ต้องตกอยู่ในมือผู้อาวุโสใหญ่ ถึงตอนนั้นเจ้าที่เป็นแก้วตาดวงใจของผู้อาวุโสใหญ่ ยังกลัวจะไม่ได้สมบัติต้วนหลิงเทียนอีกหรือ?”

 

เสียงของเจิ้งหงอี้เต็มไปด้วยการชี้นำยวนยั่ว…

 

 

ต้วนหลิงเทียนกลับมาถึงลานฝึกบนเกาะส่วนตัวเล็กๆได้ไม่นาน เขาก็ได้รับข้อความจากซุนเหลียงเผิงประมุขนิกาอมตะเป้าผู่

 

“ต้วนหลิงเทียนแม้ครั้งนี้นักฆ่าขององค์กรกะโหลกเลือดจะลงมือพลาดไป…แต่ตามกฏขององค์กรมือสังหารกะโหลกเลือดแล้ว พวกมันไม่เพียงแต่จะลดค่าจ้างลงครึ่งหนึ่ง แต่พวกมันยังจะส่งนักฆ่าคนใหม่มาปฏิบัติภารกิจลอบสังหารเจ้าต่อ!”

 

“ดังนั้นวันหน้าเป็นการดีเสียกว่าที่เจ้าจักไม่ออกไปจากนิกายอมตะเป้าผู่…และหากเจ้ามีเรื่องจำเป็นต้องออกไปไหนจริงๆ ก็ต้องแจ้งข้าก่อน ข้าจักได้ส่งคนไปติดตามคุ้มครองเจ้าได้”

 

กล่าวถึงกลางประโยคน้ำเสียงของซุนเหลียงเผิงก็ฟังดูเคร่งขรึม เห็นได้ชัดว่ามันหวั่นใจ กลัวนักฆ่ากะโหลกเลือดจะล่อต้วนหลิงเทียนออกไปฆ่าอีกรอบ

 

“ขอบคุณประมุข”

 

แม้ต้วนหลิงเทียนเองก็รู้ดีว่าองค์กรกะโหลกเลือดไม่มีทางเลิกราไปในลักษณะนี้ และต้องส่งนักฆ่าคนใหม่มา แต่ก็ยังคงขอบคุณซุนเหลียงเผิงที่กล่าวเตือน

 

ตอนที่เขาไปหอตำรา ไม่เพียงเขาจะได้รู้ข้อมูลคร่าวๆขององค์กรมือสังหารกะโหลกเลือดเท่านั้น เขายังรู้กฏและขั้นตอนการปฏิบัติงานของพวกมันด้วย

 

‘หลังฆ่านักฆ่ากะโหลกเลือดนั่นไป พลังของข้าก็พร่องไปบางส่วน…ตอนนี้ระดับพลังที่เหลืออยู่ในร่างข้า เทียบได้กับขอบเขตราชาอมตะ 10 ทิศเท่านั้น’

 

‘อย่างไรก็ตาม แม้ระดับพลังข้าจะเทียบได้กับราชาอมตะ 10 ทิศ แต่ข้าเข้าใจความลึกซึ้งของกฏน้อยเกินไป…ต่อให้นักฆ่าหน้าใหม่ที่จะมาถึงเป็นแค่ราชาอมตะ 5 องค์ประกอบ แต่ถ้ามันเข้าใจความลึกซึ้งแห่งกฏพอๆกับนักฆ่าขอบเขตราชาอมตะ 1 ต้นกำเนิดนั่น ถ้าไม่ใช้กระบี่หลิงหลง 7 เปลี่ยน ข้าก็คงสู้มันไม่ได้’

 

ต้วนหลิงเทียนลอบกล่าวในใจ

 

ความลึกซึ้งของกฏนั้น ส่งผลต่อพลังความแข็งแกร่งไม่ใช่เล่นๆเลยทีเดียว กระทั่งทำให้สามารถสู่ข้ามขั้นพลังได้หลายขั้นไม่ยาก

 

‘ข้าต้องรีบทำความเข้าใจความลึกซึ้งลุกโหมของกฏแห่งไฟให้ได้โดยเร็วที่สุด…ด้วยความลึกซึ้ง 2ประการ อย่างน้อยๆด้วยพลังที่ข้ามีอยู่ตอนนี้ ขอเพียงองค์กรมือสังหารกะโหลกเลือดไม่ส่งนักฆ่าที่ทรงพลังมากมาจริงๆ อย่างน้อยข้าก็พอจะป้องกันตัวได้’

 

พอคิดถึงจุดนี้ ต้วนหลิงเทียนก็เริ่มทำความเข้าใจความลึกซึ้งลุกโหมของกฏแห่งไฟโดยมีเพลิงเทพโกลาหลช่วยเหลือทันที ยังตั้งใจถึงที่สุด ทำให้ความเข้าใจเขาก้าวหน้าไปเร็วมาก

 

ในขณะที่ต้วนหลิงเทียนทุ่มจิตสมาธิทำความเข้าใจความลึกซึ้งของกฏแห่งไฟอยู่นั้น

 

ฟุ่บ!

 

ณ บริเวณชายขอบเขตปกครองของคฤหาสน์เฉวียนโยว ปรากฏร่างในชุดคลุมลมดำหนึ่งเหินทะยานตัดฟ้ามาด้วยความเร็วสูงล้ำ

 

ร่างสีดำพุ่งทะลวงกลีบเมฆมาไม่ทันไร ก็ล่วงล้ำเข้ามาในอาณาเขตของคฤหาสน์เฉวียนโยวเรียบร้อย

 

“ไม่ทราบจริงๆว่าทางองค์กรคิดอะไรอยู่กันแน่…ถึงขั้นต้องส่งข้ามาลงมือด้วยตัวเองแบบนี้ นี่จะไม่ระวังเกินเหตุไปหน่อยรึไง?”

 

“กับอีแค่ผู้ที่ถือครองด่านพลังราชาอมตะ 10 ทิศเข้าใจความลึกซึ้งของกฏแห่งดิน 2 ประการ…ขอแค่สุ่มเลือกนักฆ่าราชาอมตะ 4 รูปมาสักคน ก็สมควรฆ่ามันได้ง่ายๆ!”

 

ร่างสีดำเมื่อเหินเข้าเขตของคฤหาสน์เฉวียนโยวมาแล้ว มันก็เหินร่างข้ามฟ้ามุ่งหน้าไปยังทิศทางที่ตั้งนิกายอมตะเป้าผู่ด้วยความเร็วสูง

 

และฟังจากเสียงพึมพำขณะมันเดินทาง ตัวตนของมันก็ถูกเปิดเผยให้ทราบ

 

นักฆ่าจากองค์กรกะโหลกเลือด!

 

นักฆ่าจากองค์กรกะโหลกเลือดนั้น ไม่ต้องกล่าวถึงขอบเขตราชาอมตะ 4 รูปเลย แม้จะเป็นนักฆ่าขอบเขตราชาอมตะ 3 ศักดิ์ แต่ความลึกซึ้งที่เข้าใจ ก็เหนือล้ำสุดที่ราชาอมตะขั้นเดียวกันในเขตคฤหาสน์เฉวียนโยวจะทาบติด

 

เรียกว่าสำหรับราชาอมตะ 10 ทิศที่เข้าใจความลึกซึ้งของกฏแค่ 2 ประการ…ไม่ใช่เรื่องยากที่นักฆ่าขอบเขตราชาอมตะ 4 รูปจะฆ่าให้ตาย! กระทั่งนักฆ่าขอบเขตราชาอมตะ 3 ศักดิ์ก็สามารถรับมือได้!

 

“เป้าหมายบัดซบที่ลำบากให้ข้าต้องถ่อมาไกลถึงสถานที่บ้านนอกหลังเขานี่…หากเจ้าไม่เข้าใจความลึกซึงถึง 4 ประการ เจ้าได้ตายแน่!”

 

ฟังจากเสียงบ่นขณะเดินทางของร่างในชุดคลุมลมดำที่เหินตัดฟ้ามาว่องไวแล้ว เห็นได้ชัดว่ามันมีความมั่นใจในตัวเองสูงลิบ

 

ตอนนี้ต้วนหลิงเทียนก็ไม่ได้รู้เลย

 

ว่าเพื่อที่จะฆ่าเขาให้ตาย คราวนี้องค์กรมือสังหารกะโหลกเลือดได้ส่งนักฆ่าขอบเขตราชาอมตะ 6ผสานมา!

 

นักฆ่าระดับราชาอมตะ 6 ผสานขององค์กรกะโหลกเลือดนั้น พลังฝีมือของมันไม่ได้ด้อยไปกว่าผู้นำขุมกำลังระดับ 7 ทั่วๆไปเลย!

 

ด้วยเหตุนี้มันจึงบ่นมาตลอดทางด้วยความไม่พอใจ ที่ทางองค์กรมอบภารกิจให้มันลงมือ เพราะมันรู้สึกว่าเรื่องนี้ช่างเป็นการลงแรงเกินเหตุนัก!

 

หนึ่งเดือนต่อมา

 

ในหุบเขาอันเป็นสถานที่พักอาศัยของเหล่าศิษย์ฝ่ายในนิกายอมตะเป้าผู่ ปรากฏร่างชายหนุ่มเดินออกมาจากบ้านลานของศิษย์ฝ่ายในหลังหนึ่ง

 

และทันทีที่มันก้าวออกมาจากบ้าน ศิษย์ฝ่ายในที่สังเกตเห็นมัน ก็เร่งทักทายมันด้วยน้ำเสียงเคารพทันที

 

“ศิษย์พี่เจิ้ง!”

 

“ศิษย์พี่เจิ้ง!”

 

 

ศิษย์ฝ่ายในที่พึ่งเดินออกมาจากบ้านไม่ใช่ใครที่ไหน มันก็คือ เจิ้งหงอี้ ศิษย์สายตรงลำดับที่ 3 ของประมุขนิกายอมตะเป้าผู่นั่นเอง

 

‘แค่เดือนเดียวนักฆ่าคนใหม่ของกะโหลกเลือดก็เดินทางมาถึงแล้วงั้นหรือ…ดูเหมือนจะเร็วกว่านักฆ่าคนก่อนหลายเดือนทีเดียว’

 

‘ท่าทางด่านพลังฝึกปรือของนักฆ่าคนใหม่ที่ทางกะโหลกเลือดส่งมา จะร้ายกาจกว่าคนเก่ามาก’

 

‘แต่ก็สมควรเป็นเช่นนี้…เพราะสุดท้ายข้าก็ได้แจ้งเฉินหลีไปแล้ว ว่าต้วนหลิงเทียนได้ใช้อุปกรณ์อมตะจอมราชันสิ้นเปลืองฆ่านักฆ่าราชาอมตะ 1 ต้นกำเนิด ไม่ใช่ยันต์อมตะใดๆ ทำให้ระดับพลังของมันที่หลงเหลือในร่างต้องอยู่ในขอบเขตราชาอมตะขั้นสูงๆแน่ เผลอๆจะเป็นขั้น 10 ด้วยซ้ำ!’

 

‘อย่างไรก็ตาม เป็นไปไม่ได้เลยที่ทางกะโหลกเลือดจะส่งนักฆ่าขอบเขตราชาอมตะ 10 ทิศมา…เพราะอย่างไรเสียพลังที่ต้วนหลิงเทียนถือครองอยู่ตอนนี้ใช้ไปส่วนก็หายไปอีกส่วน แม้จะทรงพลังทัดเทียมกับราชาอมตะ 10 ทิศ แต่ความลึกซึ้งที่มันเข้าใจก็นับว่าอ่อนด้อยนัก แค่ 2 ประการเท่านั้น แถมหนึ่งในนั้นก็คือความหมายแห่งกฏอีกด้วย…’

 

‘คิดจะฆ่ามัน ขอเพียงองค์กรกะโหลกโลหิตส่งนักฆ่าขอบเขตราชาอมตะ 4 รูปมาก็น่าจะพอ…เพราะท้ายที่สุดแล้วต่อให้เป็นแค่นักฆ่าระดับราชาอมตะ 4รูป แต่ความลึกซึ้งที่เข้าใจก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าอาจารย์ข้าผู้เป็นประมุขนิกายอมตะเป้าผู่แห่งนี้ด้วยซ้ำ’

 

‘และการที่มันใช้เวลาแค่เดือนเดียวก็เดินทางมาถึงที่นี่ได้…อย่างน้อยๆนักฆ่าคนใหม่ที่องค์กรกะโหลกเลือดส่งมาก็ต้องเป็นนักฆ่าขอบเขตราชาอมตะ 3 ศักดิ์ขึ้นไปแน่นอน’

 

ในขณะออกจากหุบเขาที่พัก สองตาเจิ้งหงอี้ก็ทอประกายวูบวาบด้วยความตื่นเต้นไม่หยุด และก่อนจะออกจากหุบเขาไป มันยังไม่ลืมจะหันไปมองเกาะลอยเกาะหนึ่งบนฟ้าเหนือหุบเขา มุมปากเริ่มปรากฏรอยยิ้มอันเยียบเย็นออกมา

 

‘ต้วนหลิงเทียน เจ้ายังเหลือเวลาหายใจได้อีกไม่นานนักหรอก…เว้นเสียแต่เจ้าจักเป็นเต่าหัวหดหลบอยู่ในนิกาย หาไม่แล้วขอเพียงเจ้ากล้าออกนอกนิกายเมื่อไหร่ เจ้าได้ตายอนาถแน่!’

 

เจิ้งหงอี้ลอบหัวเราะเยาะในใจ

 

เกาะลอยที่เจิ้งหงอี้มองอยู่ แน่นอนว่าเป็นเกาะส่วนตัวอันมีบ้านลานที่ต้วนหลิงเทียนอาศัยอยู่นั่นเอง

 

ที่ไฉนมันเดินทางออกจากที่พักศิษย์ฝ่ายในแบบนี้ ก็เพราะเฉินหลีได้แจ้งมาว่า นักฆ่าคนใหม่ขององค์กรกะโหลกเลือดได้มาถึงแล้ว เจิ้งหงอี้ก็เลือกจะออกไปพบอีกฝ่าตามลำพังโดยไม่ได้แจ้งหวังหงแต่อย่างไร

 

และก็เป็นเช่นเดียวกับครั้งก่อน เฉินหลีได้แจ้งเจิ้งหงอี้มาว่าอีกฝ่ารอคอยอยู่ที่ไหน จะได้ไปแลกลูกแก้ววิญญาณเพื่อใช้ติดต่อคอยประสานในนอก

 

คราวที่แล้วที่มันพาหวังหงไปด้วย เนื่องเพราะนางคิดจะจ่ายมัดจำครึ่งหนึ่ง

 

ครั้งนี้เมื่อไม่ต้องจ่ายอะไรเพิ่ม เจิ้งหงอี้ย่อมไม่คิดจะแจ้งหวังหงเป็นธรรมดา

 

“ผู้อาวุโส”

 

ภายในหุบเขาอันห่างไกลทั้งไร้แสงตะวันส่องถึง เจิ้งหงอี้ที่มุ่งหน้าฝ่าความมืดมาถึงจุดหนึ่ง ก็ประสานมือคารวะทักทายนักฆ่าผู้มาใหม่ขององค์กรกะโหลกเลือด แม้ที่ทางจะมืดแต่เจิ้งหงอี้ก็ยังเห็นได้ชัดเจนว่าอีกฝ่ายเป็นชายวัยกลายคนที่มีรูปร่างสมส่วนคนหนึ่ง

 

ชายวัยกลางคนผู้นี้ก็สวมใส่ชุดคลุมลมดำ บริเวณอกปักสัญลักษณ์กะโหลกไขว้ขององค์กรกะโหลกเลือดเอาไว้ตามปกติ อย่างไรก็ตามแววตาของอีกฝ่ายช่างเย็นชาเหลือเกิน เจิ้งหงอี้พอสบกับสายตาเย็นชาของอีกฝ่าย หนังศีรษะของมันพลันบังเกิดอาการชาด้านทันที

 

“หลังจากนี้ข้าจะพยายามหาวิธีล่อเป้าหมายออกมา…แน่นอนว่าหากตัวเจ้ามีวิธีล่อเป้าหมายให้ออกมาได้ องค์กรกะโหลกเลือดเราย่อมไม่คิดเอาเปรียบเจ้า และจักมอบโอสถ ‘จวินจี่’ ให้เจ้า 10 ขวด”

 

ชายวัยกลางคนเหลือบมองเจิ้งหงอี้ พลางเอ่ยออกเสียงเรียบ

 

ถึงแม้ด้วยพลังฝีมือของมัน ทั้งนิกายอมตะเป้าผู่สมควรมีซุนเหลียงเผิงคนเดียวเท่านั้นที่พอจะประมือกับมันได้ไหว และไม่มีทางที่อีกฝ่ายจะฆ่ามันได้แน่

 

เรียกว่าต่อให้มันบุกเข้าไปเข่นฆ่าต้วนหลิงเทียนคานิกายอมตะเป้าผู่อย่างอุกอาจ มันก็สมควรมีพลังมากพอจะเข้าไปและถอนตัวกลับออกมาได้ไม่ยากเย็น!

 

หากทว่ามันไม่กล้าทำแบบนั้น

 

เพราะถึงแม้นิกายอมตะเป้าผู่ที่เป็นขุมกำลังระดับ 7จะไม่ได้อยู่ในสายตาของมัน แต่อย่างไรก็มีสัมพันธ์กับคฤหาสน์เฉวียนโยว หากมันบุกเข้าไปฆ่าคนอย่างอุกอาจจริง ย่อมไม่ต่างอะไรจากไม่เห็นคฤหาสน์เฉวียนโยวอยู่ในสายตา

 

ถึงตอนนั้นต่อให้มันเลือกจะปกปิดตัวเอง ไม่เผยตัวว่าเป็นนักฆ่าจากองค์กรกะโหลกเลือด และฆ่าต้วนหลิงเทียนได้จริงๆ แต่เกรงว่าคงยากจะหนีออกนอกเขตคฤหาสน์เฉวียนโยวพ้น

 

เพราะ 3 นิกาย 2 ตระกูลที่เกี่ยวข้องกับคฤหาสน์เฉวียนโยวโดยตรง ล้วนแล้วแต่มีค่ายกลที่ทางคฤหาสน์เฉวียนโยวส่งปรมาจารย์ค่ายกลอมตะมาจัดตั้งไว้เป็นพิเศษ เรียกว่าทันทีที่มันเข้าไปด้านใน 3นิกาย 2 ตระกูล ตัวมันก็จะถูกค่ายกลตีตราประทับบางอย่างเอาไว้ และยากจะลบได้ออกในเวลาอันสั้น

 

ด้ายตราประทับที่ว่า ทำให้คฤหาสน์เฉวียนโยวสามารถตามรอยมาถึงมันได้โดยง่าย

 

ถึงตอนนั้นคฤหาสน์เฉวียนโยวไม่พ้นต้องส่งตัวตนระดับบผู้ตรวจการออกมาไล่ล่าสังหารมัน ทันทีที่ถูกอีกฝ่ายพบตัว เกรงว่ามันคงหนีไม่พ้นความตาย!

 

ดังนั้นมันทำได้แค่เฝ้ารอให้ต้วนหลิงเทียนออกจากนิกายอมตะเป้าผู่ เพื่อให้ดำเนินการสังหารโดยสะดวก

 

“โอสถจวินจี่ 10 ขวด!?”

 

ได้ยินวาจาดังกล่าวของชายวัยกลางคน สองตาเจิ้งหงอี้ก็ทอประกายสว่างจ้าทันที

 

โอสถจวินจี่นั้น เป็นโอสถอมตะที่ผู้ฝึกตนขอบเขตขุนนางอมตะใช้บ่มเพาะพลัง และก็มีคุณสมบัติคล้ายๆโอสถหลัวเทียนที่ตัวตนขอบเขตยอดเซียนอมตะนิยมใช้ หากแต่มันมีมูลค่าเหนือกว่าโอสถหลัวเทียนมาก และเป็นโอสถอมตะระดับขุนนาง

 

ต่อให้ตัวมันจะเป็นศิษย์สายตรงลำดับที่ 3 ของประมุขนิกายอมตะเป้าผู่ แต่มันจะได้รับโอสถจวินจี่ก็ต่อเมื่อใกล้ทะลวงด่านพลังแล้วเท่านั้น

 

แต่ตอนนี้มันกลับมีโอกาสได้รับโอสถจวินจี่ถึง 10ขวด!

 

ในระนาบเทวโลก โอสถขวดหนึ่งนั้นปกติแล้วจะบรรจุเม็ดยาเอาไว้ 10 เม็ด ซึ่งนี่เป็นมาตรฐานสากล

 

จึงกล่าวได้ว่าโอสถจวินจี่ 10 ขวด ก็หมายถึงโอสถจวินจี่ 100 เม็ด!

 

หลังจากแลกลูกแก้ววิญญาณเพื่อใช้ติดต่อกับชายวัยกลางคนแล้ว เจิ้งหงอี้ก็เร่งรุดกลับนิกายอมตะเป้าผู่ทันที

 

ระหว่างเดินทางกลับนิกายยอมตะเป้าผู่ เรียกว่าในใจของเจิ้งหงอี้เต็มไปด้วยความตื่นเต้นอันยยากระงับ เพราะโอสถจวินจี่ 10 ขวดช่างเป็นอะไรที่ยั่วยวนใจของมันเหลือเกิน!

 

‘ทำอย่างไร ข้าถึงจะล่อเจ้าต้วนหลิงเทียนนั่นให้มันออกจากนิกายได้…’