ตอนที่ 1932 ประกาศอย่างเป็นทางการ
เหมยเหมยไม่ชอบน้ำเสียงถามหยั่งเชิงของสีอันน่าเลย แม้ว่าเธอจะไม่ชอบก่อปัญหาแต่เธอก็ชอบดูความสนุก หนำซ้ำความกลัวเพียงหนึ่งเดียวคือกลัวแผ่นดินจะสงบ ปรารถนาให้ผู้อื่นโชคร้ายและยิ่งโชคร้ายเท่าไหร่เธอยิ่งชอบใจ
เฉกเช่นตอนนี้ถึงแม้สีอันน่าจะแสร้งทำทีเป็นห่วงใย แต่เหมยเหมยก็ยังเห็นถึงความดีใจที่โผล่ออกมาจากก้นบึ้งของใจเธอ คิด ๆดูแล้วไม่รู้ว่าตอนนี้เธอมีความสุขขนาดไหน!
“ฉันเพิ่งจะเลิกเรียนเองจะเอาเวลาไหนมาดูกระทู้ล่ะ? เธอลองพูดมาสิใครกันที่กำลังใส่ร้ายฉัน แล้วใส่ร้ายฉันเรื่องอะไร?” เหมยเหมยจงใจแสร้งทำทีไม่รู้เรื่อง ชักอยากจะเห็นแล้วสิว่าแม่สีอันน่านี่จะพูดอะไร
ถึงแม้ว่าจะเป็นไปได้น้อยมากที่สีอันน่าจะเป็นฮวาจิงหลิง แต่เหมยเหมยก็อยากจะลองหยั่งเชิงดูสักครั้งเพราะกลัวว่าเรื่องที่ไม่คาดคิดจะเป็นจริงมากกว่า!
สีอันน่ามีท่าทีลำบากใจพร้อมลอบด่าเหมยเหมยว่าเจ้าเล่ห์ ไม่มีเวลาไปอ่านกระทู้อะไรกันก็เห็นอยู่ทนโท่ว่าเมื่อกี้ ‘เปิ่นกงเจี่ยเต้า’ ปะทะตอบโต้กันอย่างดุเดือด ฟังดูก็รู้ว่าเป็นสำนวนของยัยเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนจอมน่ารังเกียจ พวกจ้าวเหมยสนิทกันจะตายแล้วจะไม่รู้เรื่องได้อย่างไร?
ช่างเสแสร้งเก่งจริง ๆเลย!
“ฉันก็ไมได้รู้อะไรแน่ชัดนักหรอก เธอลองดูเอาเองก็แล้วกัน!”
สีอันน่าปลิ้นปล้อนมาแต่ไหนแต่ไรอยู่แล้วจึงไม่มีทางเล่าเรื่องนี้ให้ฟังแน่นอน เธอโยนเรื่องกลับอย่างง่ายดาย พร้อมกับนั่งลงเล่นเกมเซียนกระบี่ต่อ
เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนก็ไปไหนไม่รู้ พอไม่อยู่ก็ขาดความครึกครื้นไม่น้อย กระทู้ดูเงียบเหงา น่าเบื่อชะมัดเล่นเกมดีกว่า เธอเล่นมาจนถึงด่านที่จ้าวหลิงเอ๋อร์ใกล้จะถูกเปิดเผยตัวตนแล้ว!
น่าตื่นเต้นจัง!
เหมยเหมยเปิดคอมลงทะเบียนเข้าเว็บไซต์มหาวิทยาลัย แล้วตรงเข้าไปที่หน้าเพจกระทู้ของมหาวิทยาลัย ฮวาจิงหลิงไม่อยู่แล้วกระทู้จึงเงียบลงมาก เหลืออยู่เพียงไม่กี่คนที่กำลังแสดงความคิดเห็น คนส่วนใหญ่ยังคุยเรื่องที่เหมยเหมยเป็นมือที่สามไม่จบไม่สิ้นสักที พอเธออ่านแล้วก็นึกโมโห
ใส่ความเธอขนาดนี้ ถ้าเธอยังทนไหวแล้วจะยังเป็นคนอีกเหรอ?
@ฮวาจิงหลิง “ในเมื่อเธอบอกว่าเจ้าเหมยอย่างฉันเป็นมือที่สาม ถ้างั้นก็เอาหลักฐานออกมาสิว่าฉันเป็นมือที่สามของใคร ทำลายครอบครัวใคร แซ่ไหนชื่ออะไร ขอให้เธอแสดงหลักฐานด้วย ไม่งั้นเธอก็รอพบกับทนายของฉันได้เลย!”
เมื่อชาติก่อนเหมยเหมยมักจะเล่นคอมพิวเตอร์อยู่ที่บ้าน ดังนั้นความเร็วของมือจึงไม่ได้ช้าไปกว่าเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนเลย เธอกดแอดฮวาจิงหลิงโดยตรง แต่คิด ๆดูแล้วก็ยังไม่สะใจพอจึงได้โพสต์กระทู้เดี่ยวไปอีกหนึ่งข้อความ
“ดิฉันคือจ้าวเหมย เป็นนักศึกษาสาขาศิลปะจีน คณะศิลปกรรมศาสตร์ ดิฉันคิดว่าตัวฉันเองก็เป็นคนมีน้ำใจต่อผู้อื่น ไม่เคยมีเรื่องบาดหมางกับใคร แต่บัดนี้กลับถูกใส่ร้ายป้ายสีว่าฉันเป็นมือที่สามอย่างไร้เหตุผล จำเอาไว้ด้วยว่าคนอย่างฉันเกลียดที่สุดคือสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่ามือที่สาม
ไม่ทราบว่าฉันไปทำอะไรให้เพื่อนร่วมชั้นที่ชื่อว่าฮวาจิงหลิงผู้นี้ต้องขุ่นเคืองใจตอนไหน ทำไมเธอถึงได้ใส่ร้ายฉันแบบนี้?
เดิมทีฉันไม่ชอบพูดเรื่องในบ้านแต่ตอนนี้ฉันกลับโดนรังแก ถ้าฉันไม่ยอมออกมาพูดก็เกรงว่าคนอื่น ๆจะเข้าใจผิดคิดว่าฉันเป็นมือที่สามและละอายใจจึงไม่กล้าออกมาพูด
วันนี้ฉันขอประกาศอย่างเป็นทางการว่าดิฉันจ้าวเหมยมีภูมิหลังครอบครัวที่ดี บิดาเป็นข้าราชการของรัฐ มารดาเป็นจิตรกรที่มีชื่อเสียงโด่งดังระดับประเทศและเป็นศาตราจารย์ของมหาวิทยาลัยแห่งนี้ด้วย ฉันได้รับการเลี้ยงดูที่ถูกครรลองคลองธรรมจากบิดามารดามาตั้งแต่ยังเล็ก แล้วจะไปเป็นมือที่สามของคนอื่นได้อย่างไร?
อีกอย่างจากความสามารถและหน้าตาของดิฉัน ผู้ชายประเภทไหนบ้างที่ฉันจะหาไม่ได้ สมองฉันคงไม่เพี้ยนถึงขนาดไปคว้าเอาของมือสองที่คนอื่นเคยใช้มาแล้วหรอกค่ะ!
ผู้ชายในรูปคือคู่หมั้นของฉัน พวกเราเป็นเพื่อนที่เติบโตมาด้วยกันตั้งแต่เด็กด้วยใจอันบริสุทธิ์ ความสัมพันธ์แน่นแฟ้น พอเรียนจบเราก็จะจัดงานแต่งงานกันทันที ส่วนชื่อและหน้าที่การงานของชายผู้นี้ฉันจะขอไม่เอ่ยถึงเพราะงานของคู่หมั้นฉันค่อนข้างพิเศษจึงต้องเก็บเป็นความลับ ดังนั้นโปรดอภัยที่ฉันไม่สามารถเปิดเผยต่อสาธารณะชนได้ค่ะ”
……………………………………………………………..
ตอนที่ 1933 ความจริงใจพบได้ในยามทุกข์ยาก
เหมยเหมยพิมพ์ข้อความย่อหน้าใหญ่ ๆโดยไม่ปรับแก้ไขและโพสต์ลงไปทันที
คิด ๆดูแล้วก็ยังไม่ค่อยพอใจจึงได้กดแอดฮวาจิงหลิงแล้วเอ่ยไปว่า “เธออย่าคิดว่าใช้ชื่อปลอมบนอินเทอร์เน็ตแล้วฉันจะหาตัวตนที่แท้จริงของเธอไม่ได้นะ คู่หมั้นของฉันทำงานสายอาชีพนี้อยู่ ถ้าเขาอยากจะหาเธอมันก็ง่ายนิดเดียว ถ้าเธอไม่ออกมาขอโทษฉันต่อสาธารณะ งั้นก็รอไปคุยกับทนายของฉันก็แล้วกัน!”
พอพูดสิ่งเหล่านี้จบไปเหมยเหมยถึงค่อยรู้สึกสบายใจขึ้นมาบ้าง เพียงไม่นานก็มีคนจำนวนมากเข้ามาคอมเมนต์ใต้โพสต์ของเธอ บ้างก็เป็นห่วง บ้างก็ดูเพื่อความสนุก บ้างก็เป็นสายเผือก…
ฉีฉีเก๋อเองก็ไม่อยู่เฉยเช่นกัน เธอเปิดคอมพิวเตอร์ของตัวเองแล้วก็เข้าไปที่หน้าเพจกระทู้ของมหาวิทยาลัย อันดับแรกเลยคือการกดแอดฮวาจิงหลิง
ฉ่าวหยวนเก๋อซางฮวา[1] “ฉันเป็นเพื่อนสนิทกับจ้าวเหมย คู่หมั้นของเธอฉันเองก็เคยเจอมาหลายครั้งแล้ว ทั้ง ๆที่พวกเขาเป็นคู่หมั่นกันแต่พอมาถึงปากเธอทำไมถึงกลายเป็นมือที่สามไปได้ล่ะ? เธอนี่มันน่าสะอิดสะเอียนเสียจริง!”
จากนั้นเธอก็รีบไปตอบกลับยังใต้โพสต์ของเหมยเหมย
“ฉันคือรูมเมทและเพื่อนของเหมยเหมย ชื่อว่าฉีฉีเก๋อ ฉันขอสาบานต่อฟ้าดินว่าจ้าวเหมยไม่มีทางเป็นมือที่สามอย่างแน่นอน เธอกับคู่หมั้นรักกันจริง ความสัมพันธ์ดีจนเพื่อนอย่างพวกฉันยังอิจฉา หากฉันพูดปดแม้แต่คำเดียวก็ขอให้ฉันถูกฟ้าผ่าจนตายไปเลย!”
พอเหมยเหมยเห็นคอมเมนต์ของฉีฉีเก๋อก็หลุดขำออกมาและรู้สึกอบอุ่นไปทั้งหัวใจ ถึงขนาดบอกชื่อจริงไปหมดเลย และยังให้คำมั่นสาบานอย่างหนักแน่นอีก ช่างเป็นผู้หญิงซื่อบื้อเสียเหลือเกิน!
แต่คอมเมนต์ของฉีฉีเก๋อกลับเป็นผลมาก แม้ว่าทุกคนจะเป็นนักศึกษาชั้นแนวหน้าที่มีการศึกษาสูงแต่ยังคงยำเกรงต่อผีสางเทวดา ถ้าไม่ถึงที่สุดจริง ๆคงไม่มีใครสาบานโดยไม่รู้ต้นสายปลายเหตุหรอก ฉีฉีเก๋อกล้าพูดออกมาแบบนี้ความน่าเชื่อถือจึงดูศักดิ์สิทธิ์มาก คนจำนวนมากจึงเชื่อเธอ
“ฉันก็คิดว่าดาวมหาวิทยาลัยไม่มีทางเป็นมือที่สามแน่นอน ก็เหมือนอย่างที่เธอพูดว่าเธอมีทั้งพรสวรรค์ ทั้งหน้าตาดี ทั้งมีความสามารถ ซ้ำยังเป็นครอบครัวชนชั้นสูง มีแต่คนสมองเพี้ยนเท่านั้นแหละที่จะไปเป็นมือที่สามได้!”
ในที่สุดก็มีคนฉลาดโผล่มาสักที ใต้คอมเมนต์ของฉีฉีเก๋อเริ่มมีคนเข้ามาแสดงความคิดเห็นไม่น้อย ทุกคนล้วนแสดงออกในแง่ที่ว่าไม่เชื่อว่าจ้าวเหมยจะเป็นมือที่สาม กระทั่งมีคนหยิบยกสวีจื่อเซวียนขึ้นมาเปรียบเทียบ
“เด็กผู้หญิงที่จะเป็นมือที่สามส่วนมากจะมาจากครอบครัวยากไร้ แถมยังลุ่มหลงในเกียรติยศอันจอมปลอม อย่างเช่นนักเรียนบางคนที่กระโดดตึกลงมาก่อนหน้านั้น คนที่มีภูมิหลังครอบครัวดีอย่างจ้าวเหมย หนำซ้ำยังเป็นนักเขียนที่มีชื่อเสียงอีก จุดเริ่มต้นของตัวเองก็สูงมากแล้ว ใจจริงคงไม่มีทางหลงผิดไปเป็นมือที่สามได้หรอก ต่อให้อีกฝ่ายเป็นเจ้าชายก็ไม่มีทางหลงผิด!”
นักศึกษาคนนี้มีชื่อว่าหวงซานหวงซง เหมยเหมยเห็นแวบเดียวก็รู้ทันทีว่าเป็นฉางชิงซง และก่อนหน้ามีอยู่คนหนึ่งชื่ออูกุยต้าเสีย ซึ่งเธอมั่นใจได้ว่าต้องเป็นอิงจวี้กังแน่นอนเพราะเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนเป็นคนตั้งชื่อบนอินเทอร์เน็ตว่าอูกุยต้าเสียให้
เหมยเหมยรู้สึกอบอุ่นใจเหลือเกิน ความจริงใจนั้นพบหาได้ในยามทุกข์ยาก ใครที่เป็นเพื่อนแท้ใครที่เป็นเพื่อนจอมปลอมจะดูออกก็ตอนเผชิญเรื่องทุกข์ยากนี่แหละ
คนอื่น ๆที่เป็นกลุ่มสายเผือกก็นับว่าไม่เลว แต่ที่น่าโมโหที่สุดคือพวกที่ชอบพูดตัดกำลังใจอย่างคนประเภทสีอันน่า
เหมยเหมยเห็นคอมเมนต์คนหนึ่งที่ใช้ชื่อว่าเจ้าหญิงอันน่านานแล้ว แม้ว่าจะไม่ได้พูดจาร้ายกาจอะไร แต่กลับพูดจาเสี้ยมคนในกลุ่มในทำนองเหมือนจะใช่แต่ความจริงก็ไม่ใช่ อย่างเช่นว่า
“โฮ้ นึกไม่ถึงเลยว่าดาวมหาวิทยาลัยจะเป็นคนแบบนี้ คนเราตัดสินกันที่หน้าตาไม่ได้จริง ๆ!” หรืออย่างเช่นว่า “เป็นมือที่สามนี่มันน่ากลัวจริง ๆ ถ้าหากว่านี่เป็นเรื่องจริงไม่เข้าใจเลยว่าดาวมหาวิทยาลัยจะทำแบบนั้นไปทำไมกัน!”
คำพูดที่ดูคลุมเครือเหมือนจะใช่แต่ความจริงนั้นไม่ใช่เหล่านี้ คนที่ชื่อเจ้าหญิงอันน่าพูดไว้เยอะมาก ดูผิวเผินเหมือนจะเป็นกลุ่มสายเผือกที่ไม่มีความผิดอะไร แต่ในความเป็นจริงกลับชอบเสี้ยมให้เกิดเรื่องวุ่นวาย โพสต์คำพูดก่อกวนในกระทู้จนเละเทะวุ่นวายไปหมด
…………………………………………………………….
[1] ชื่อของฉีฉีเก๋อ (บนอินเทอร์เน็ต)