ตอนที่ 1930 คนเบื้องหลังต้องเป็นคนคุ้นเคยแน่นอน
แม้เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนจะไม่ใช่สาวน้อยที่เกิดในเมืองหลวงแต่เธอก็ย้ายมาอยู่ที่นี่ตั้งแต่เล็ก ๆ ดังนั้นจึงกล้าพูดกล้าทำ มีวาจากิริยาทุกอย่างเหมือนสาวที่เกิดในเมืองปักกิ่ง ไม่ว่าอะไรก็กล้าพูดออกไปทั้งนั้น
ประโยคเดียวของเธอสร้างความตกใจแก่คนในเน็ตมากโขจนทุกอย่างเงียบไปสามวินาทีฮวาจิงหลิงถึงตั้งสติได้ก่อนจะด่ากลับ “เธอมันน่ารังเกียจ ปากนั่นเพิ่งใช้กินขี้มาสินะ!”
“โทษทีนะ ที่ไม่ได้มีรสนิยมกินขี้เหมือนเธอ เธอมันน่าขำจริง ๆหรือว่ามีแค่เธอที่ใส่ร้ายจ้าวเหมยได้คนอื่นจะว่าเธอไม่ได้งั้นสิ? เหอะ เป็นแค่ต้นกระเทียมก็อย่าคิดว่าตัวเองเป็นดอกสุ่ยเซียนไปเลย!”
เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนพิมพ์โต้ด้วยความรวดเร็ว มือทั้งสองรวดเร็วจนแทบไม่เห็นเงา เธอโต้กลับไปได้สามประโยคแต่ฮวาจิงหลิงกลับโต้ทันได้เพียงประโยคเดียวจนถูกเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนด่าไม่เหลือสภาพ
“ฉันว่าเธอก็แค่อิจฉาริษยา อิจฉาที่จ้าวเหมยสวยกว่าเธอ หุ่นดีกว่าเธอ มีความสามารถมากกว่าเธอ มีความสุขยิ่งกว่าเธอ เธอถึงได้กุข่าวใส่ร้ายจ้าวเหมยในโลกอินเตอร์เน็ตแบบนี้ ไม่กล้าแม้แต่จะเปิดเผยหน้าตาที่แท้จริง แน่จริงเธอก็โชว์หน้าตัวเองออกมาสิ อย่ามาทำเรื่องต่ำทรามลับหลังแบบนี้!”
“ฉันไม่ได้โง่ขนาดนั้นหรอกนะ คนที่เป็นปรปักษ์กับจ้าวเหมยจะมีสักกี่คนที่มีจุดจบที่ดี สวีจื่อเซวียนลาออก เจิ้งเสวี่ยซานก็ถูกไล่ออก พวกหล่อนล้วนเคยมีเรื่องกับจ้าวเหมยมาทั้งนั้นถึงได้มีจุดจบเหมือนกัน เหอะ เธออย่ามาบอกฉันเชียวว่านี่เป็นแค่เรื่องบังเอิญ!”
“เธอโดนลากระทืบสมองมาสินะ สวีจื่อเซวียนลาออกเพราะเธอยอมลดตัวไปเป็นมือที่สามเองถึงได้ยอมลาออกจากมหาลัย เจิ้งเสวี่ยซานถูกไล่ออกเพราะเธอติดโรคร้ายแรงมา เรื่องพวกนี้เกี่ยวอะไรกับจ้าวเหมย? หรือว่าอนาคตถ้าเธอเดิน ๆอยู่แล้วโดนรถชนตายก็เป็นเพราะจ้าวเหมยสาปแช่งเธองั้นเหรอ?”
……
เหมยเหมยแสร้งทำเป็นหาเพื่อน เธอไล่หาไปทีละคน ๆ ความจริงในยุคนี้มีเกมออนไลน์ไม่น้อยแล้ว ซึ่งเกมที่ผู้ชายชอบเล่นมากที่สุดก็คือเกมสตาร์คราฟต์ ส่วนเกมที่ผู้หญิงชอบเล่นมากที่สุดคือเกมกระบี่เซียน
ทว่าห้องคอมพิวเตอร์ของทางมหาวิทยาลัยไม่อนุญาตให้เล่นเกม อย่างมากก็ทำได้แค่เล่นเกมเด็ก ๆอย่างเกมกู้ระเบิดกับเกมไพ่เท่านั้น ฉะนั้นคนที่มาใช้บริการห้องคอมพิวเตอร์ล้วนเป็นนักศึกษาที่ไม่มีเงินซื้อคอมพิวเตอร์ส่วนตัวจึงมาใช้คอมพิวเตอร์ของทางมหาวิทยาลัย ขณะนี้มีคนมากมายกำลังเข้าส่องกระทู้ของมหาวิทยาลัยพอดี หากฮวาจิงหลิงอยู่ท่ามกลางคนเหล่านี้จริงคงเป็นเรื่องง่ายหากคิดจะตามหา
แต่พอตามหาครบรอบหนึ่งแล้วกลับไม่เจอผู้ต้องสงสัยว่าเป็นฮวาจิงหลิงเลย เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนยังคงตอบกลับกระทู้นั่นไม่หยุด ฮวาจิงหลิงเองก็ยังไม่หยุดตอบเช่นกัน แต่นักศึกษาในห้องคอมพิวเตอร์ล้วนเป็นพวกกลุ่มรออ่านเรื่องสนุก ๆไม่พบเห็นใครตอบกลับกระทู้สักคน
“ดูเหมือนว่าฮวาจิงหลิงคนนี้จะมีคอมพิวเตอร์เป็นคนตัวเอง” เหมยเหมยส่ายศีรษะน้อย ๆให้เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนที่ยังสู้รบปรบมือกับอีกฝ่ายไม่เลิก
“เธอรอฉันก่อนเถอะ ฉันไปปลดทุกข์ก่อน ไว้จะกลับมาด่าไอ้คนไร้สมองอย่างเธอใหม่!”
เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนพิมพ์ดังแกร๊ก ๆก่อนจะออฟไลน์ไป พร้อมถามว่า “แน่ใจนะว่าไม่อยู่ในห้องคอมพิวเตอร์นี้?”
“ไม่อยู่ ฉันไล่ดูทีละคนแล้ว” ฉีฉีเก๋อส่ายหน้า
หลังจากพวกเธอสามคนเดินออกจากห้องคอมพิวเตอร์ไปเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนถึงพูดขึ้นว่า “ก็ตามหาได้ไม่ยากหรอก นักศึกษาหญิงในมหาลัยของเรามีแค่ไม่กี่คนที่มีคอมพิวเตอร์ส่วนตัว เรื่องนี้ปล่อยให้เป็นหน้าที่ฉันเอง ภายในสามวันฉันจะขุดนังแพศยานั่นออกมาให้ได้”
“ทำไมเธอถึงรู้ว่าเป็นผู้หญิงล่ะ? บางทีอาจจะเป็นผู้ชายก็ได้” ฉีฉีเก๋อย้อนถาม
เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนตวัดฝ่ามือตบหลังศีรษะเธอทันที “ผู้ชายคนไหนจะตั้งชื่อตัวเองว่าฮวาจิงหลิงกัน? อีกอย่างเธอดูถ้อยคำร้ายกาจปนริษยาของหล่อนสิ แค่อ่านก็รู้แล้วว่าเป็นผู้หญิงที่จิตใจคับแคบและมั่นใจว่าต้องรู้จักเหมยเหมยร้อยเปอร์เซ็นต์ ฉันจะบอกเธอให้นะว่าตัวการเบื้องหลังต้องเป็นคนรู้จักร้อยละแปดถึงเก้าสิบแน่นอน ใครมันจะอยู่ว่าง ๆแล้วกุเรื่องใส่ร้ายคนแปลกหน้ากันล่ะ!”
………………………..
ตอนที่ 1931 สหายใต้หล้ามีมากล้น
เหมยเหมยพลันนึกขึ้นได้ เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนพูดมีเหตุผลมาก ร้อยละแปดสิบถึงเก้าสิบคนที่พูดใส่ร้ายเธอลับหลังต้องเป็นคนคุ้นเคยแน่นอน คนที่ไม่รู้จักไม่มีทางทำอะไรเธอลับหลังได้หรอก
ฮวาจิงหลิงนี่มันเป็นใครกันนะ?
มั่นใจได้เลยว่าเป็นนักศึกษาของมหาวิทยาลัยเมืองหลวงแน่นอน แต่ไหนแต่ไรมาเธออยู่ในรั้วมหาวิทยาลัยจนแทบไม่ออกไปไหน อย่างมากก็แค่เอ่ยทักทายพวกนักเรียนหญิงในชั้นเรียน หากพูดถึงความขัดแย้งละก็คงเหลือเพียงแค่สวีจื่อเซวียนกับเจิ้งเสวี่ยซานแล้วล่ะ
แต่ตอนนี้สวีจื่อเซวียนนอนอยู่โรงพยาบาลไม่อาจขยับกายไปไหนได้ ส่วนเจิ้งเสวี่ยซานนั้นเกรงว่าจะมีชีวิตรอดอยู่บนโลกใบนี้หรือไม่นั้นก็ไม่อาจรู้ได้ ดังนั้นสองคนนี้ตัดทิ้งไปได้เลย งั้นแล้วจะเหลือใครอีกล่ะ?
“หรือจะเป็นสีอันน่า? ฉันว่าเขาทำตัวประหลาด ๆขึ้นทุกวันนะ แถมยังมีคอมพิวเตอร์ส่วนตัวด้วย” ฉีฉีเก๋อว่า
เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนปฏิเสธทันที “คงไม่ใช่เธอแน่ ถึงแม้ยัยบ้าสีอันน่าจะดูไม่ใช่คนดีอะไรแต่เธอขี้ระแวงไปหน่อย ซ้ำยังรู้จักหาผลประโยชน์เพื่อเลี่ยงอันตรายด้วย ไม่กล้าพอที่จะแทงข้างหลังหรอก”
เหมยเหมยเห็นด้วยกับความคิดเหริ่นเชี่ยนเชี่ยน เมื่อก่อนเธอเอาแต่คิดว่าเจิ้งเสวี่ยซานปลิ้นปล้อนที่สุด แต่ดูจากตอนนี้แล้วคนที่กลับกลอกที่สุดน่าจะเป็นสีอันน่า
ยัยนี่เป็นกิ่งก่าเปลี่ยนสีมาตั้งแต่เกิดและดูเหมือนว่าจะสอดไปหมดทุกเรื่อง แต่อันที่จริงเธอก็เอาตัวรอดไปได้ทุกเมื่อ ไม่ว่าเรื่องใดก็รอดหมด
“งั้นมีใครอีกล่ะ? คงไม่ใช่ถังม่านลี่หรอกมั้ง เธอไม่มีคอมพิวเตอร์ส่วนตัวนี่นา” ฉีฉีเก๋อปวดหัวตุบ ๆ คิดไม่ตกเลยว่าใครน่าสงสัยมากที่สุด
เหมยเหมยเองก็คิดไม่ออกว่าเป็นใคร ขมวดคิ้วแน่น อารมณ์ไม่ดีสุด ๆเลย
จู่ ๆก็ถูกคนใส่ความในสิ่งที่เธอเกลียดที่สุดนั่นก็คือการเป็นมือที่สาม อารมณ์ดีได้สิแปลก ไม่รู้ว่าแอบโดนคนในมหาวิทยาลัยหัวเราะเยาะไปถึงไหนต่อไหนแล้วเนี่ย!
“ใจเย็น ๆ เรื่องนี้ปล่อยให้เป็นหน้าที่ฉันเอง ฉันจะต้องลากตัวยัยนั่นออกมาให้ได้!”
เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนมั่นใจเต็มเปี่ยม คนอย่างคุณหนูเหริ่นมิตรสหายใต้หล้ามีมากล้น ความเก่งกาจไม่ใช่แค่เรื่องโม้ ถึงช่วงเวลาสำคัญก็ต้องออกโรงแล้ว!
เธอให้เหมยเหมยและฉีฉีเก๋อแยกย้ายกลับบ้าน ไม่ต้องยุ่งเรื่องใดทั้งสิ้นแล้วนั่งรอข่าวดีจากเธอก็พอ
“ฉันกลับไปเล่นคอมพิวเตอร์ที่หอพักดีกว่า กลับไปตอนนี้ก็ไม่มีอะไรทำ ฉันจะคอยดูด้วยว่ายัยฮวาจิงหลิงนั่นจะพูดอะไรอีก” เหมยเหมยพูดลอดไรฟัน
เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนไม่ได้กลับหอพักแต่ไปหาผองเพื่อนด้วยอารมณ์ที่เปี่ยมล้น พูดตามตรงมนุษยสัมพันธ์ของเธอไม่เลวเลย ไม่ว่าจะคณะไหนปีไหนก็ล้วนมีเพื่อนของเธอทั้งนั้น แม้แต่วิทยาเขตนักเรียนต่างชาติคุณหนูเหริ่นก็ยังมีฝรั่งตาน้ำข้าวเป็นเพื่อนอยู่หลายคน ซึ่งก็ไม่รู้ด้วยว่าเธอไปรู้จักได้อย่างไร
เหมยเหมยและฉีฉีเก๋อกลับมาถึงหอพัก ถังม่านลี่กับสีอันน่าก็อยู่ด้วย สีอันน่ากำลังเล่นคอมพิวเตอร์อยู่ ช่วงนี้นักศึกษาสาวของมหาวิทยาลัยคลั่งไคล้การเล่นเกมเซียนกระบี่มาก สีอันน่าก็เช่นกันพอว่างหน่อยก็จะเล่นเกมเซียนกระบี่อยู่ในหอพัก และเพื่อการนี้เธอจึงได้ซื้อคอมรุ่น 486 มาโดยเฉพาะจนหมดเงินไปหลายพันหยวน
แต่ตอนนี้เธอคงจะไม่ได้เล่นเกมเพราะไม่ได้ยินเสียงดนตรีจากเกมเลย ดูจากสีหน้าแล้วเหมือนกำลังซุบซิบนินทาน่าจะกำลังส่องกระทู้ของมหาวิทยาลัยอยู่
ถังม่านลี่นั่งหวีผมอยู่หน้ากระจก แต่งตัวแต่งหน้าสวยดูเหมือนกำลังจะออกไปข้างนอก ทั้งสองคนเห็นเหมยเหมยเข้ามาก็มีท่าทีตกใจ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรก่อนจะเริ่มยุ่งกับธุระส่วนตัว
แต่ช่วงนี้ถังม่านลี่ดูเหมือนจะมีเรื่องอะไรในใจ รอยยิ้มบนใบหน้าหายไปมาก ยามอยู่ในหอพักก็พูดคุยน้อยลงแตกต่างไปจากตอนเปิดเทอมที่ชื่นชอบเรื่องซุบซิบนินทาอย่างสิ้นเชิง แม้จะดูสวยและมีเสน่ห์มากขึ้นแต่กลับกร้านโลกขึ้นมาไม่น้อย ไม่เหมือนแต่ก่อนที่ใสซื่อบริสุทธิ์
สุดท้ายสีอันน่าก็อดไม่ได้ถามหยั่งเชิงว่า “จ้าวเหมย เธอดูกระทู้ของมหาวิทยาลัยหรือยัง? มีคนที่ชื่อฮวาจิงหลิงกำลังใส่ร้ายป้ายสีเธออยู่นะ!”
………………………………………………………….