เมื่อเขาออกมาจากห้องลับนั้นสีหน้าของเก่อหลิงก็เปลี่ยนไปอย่างชัดเจน ดวงตาของเขานั้นเจิดจ้ามีประกายความหวัง
เขานั้นไม่นึกฝันว่าการหลอมโอสถมันกลับยังทำเช่นนี้ได้! สำหรับเขาที่ฝึกฝนขึ้นมาด้วยตัวเองแล้วคำสอนไม่กี่คำของเย่หยวนนั้นมันเหมือนเป็นการชี้นำสู่โลกใบใหม่
เวลานี้เขารู้สึกซาบซึ้งในคุณของเย่หยวนอย่างมาก “เฒ่าเก่อ ยังจะขึ้นไปอีกหรือ? ข้ารู้ว่าเจ้านั้นเก่งกาจแต่หากแพ้ต่อไปเช่นนี้แล้วใบหน้าเฒ่าๆ ของเจ้ามันจะไม่มีใครมองเอา!” เมื่อซัวเฟิงได้เห็นว่าเก่อหลิงลงสนามมาอีกครั้งเขาก็อดกล่าวเย้ยขึ้นมาไม่ได้
เก่อหลิงที่ได้ยินก็ต้องตอบกลับไปด้วยใบหน้าดำมืด “ใครจะชนะหรือแพ้นั้นยังไม่แน่หรอก!”
ซัวเฟิงนั้นไม่คิดสนใจและตอบกลับไปด้วยรอยยิ้ม “หึๆ ต้องให้เด็กรุ่นหลังมาสอนสั่ง เจ้ามันช่างไม่มีศักดิ์ศรีของคนรุ่นก่อนเลยจริงๆ! เจ้าคงไม่คิดว่านั่งฟังมันสอนมาไม่ถึงชั่วโมงนี้ก็จะเอาชนะข้าขึ้นมาได้ใช่หรือไม่?”
เก่อหลิงนั้นหัวเราะตอบกลับไป “เรื่องนั้นจะรู้ได้ก็เมื่อลองสู้กันดู!”
ซังเฟิงนั้นหัวเราะลั่นขึ้นมา “ดูท่าเจ้าจะเอามันเป็นจริงเป็นจัง! ให้เด็กมันมาสอนเช่นนี้หากเจ้ายังแพ้พ่ายอีกวันหน้าเจ้าคงไม่อาจจะออกจากเมืองสงบทักษิณไปได้แล้ว!”
เก่อหลิงนั้นรู้ดีว่าเขาไม่อาจจะเถียงชนะคนเช่นนี้ได้จึงแค่หัวเราะตอบกลับไป
การประลองโอสถในรอบนี้เริ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
เวลานี้เหล่านักหลอมโอสถสวรรค์มากฝีมือจากเมืองทั้งเก้าต่างขึ้นสนามมาพร้อมกัน!
สายตาของทุกผู้คนนั้นต่างจ้องมองไปที่เก่อหลิง
เหล่านักหลอมโอสถสวรรค์ทั้งหลายในที่นี่ไม่มีใครอ่อนแอ
เพียงแค่ว่าพวกเขาไม่อาจจะมองเห็นถึงความเปลี่ยนแปลงใดๆ ในการหลอมของเก่อหลิงได้เลย มันเหมือนกับว่าเขานั้นแค่หลอมไปตามปกติ
ค่อยๆ หลอมไปตามปกติเช่นนี้มันย่อมจะไม่มีทางเอาชนะได้
“หึๆ น่าขันเสียจริง! นักหลอมโอสถสวรรค์ระดับสามนั้นกลับต้องให้เด็กรุ่นหลังมาสั่งสอน แต่สุดท้ายกลับไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไป!”
“ดูท่าครั้งนี้เมืองสงบทักษิณนั้นจะได้กลายเป็นตัวตลกของคนทั้งเก้าเมืองแล้ว หลังจากคนทั้งหลายกลับไปมันคงได้มีเรื่องหัวเราะไปอีกทั้งปี”
“ท่านเจ้าเมืองซูยี่คิดอะไรอยู่กันถึงปล่อยให้เด็กคนนี้มันมาปั่นหัวเล่นเช่นนี้!”
…
หลายต่อหลายคนนั้นเริ่มกล่าวขึ้นมาอย่างไม่อาจห้าม
แน่นอนว่ามันย่อมจะไม่มีใครคิดว่าเก่อหลิงจะเอาชนะได้
เมื่อได้ยินคำของคนทั้งหลายซูยี่ก็ต้องแสดงสีหน้าไม่พอใจขึ้นมา
เพราะก่อนหน้านี้เขานั้นถูกคำของเย่หยวนหลอกให้เชื่อ คิดไปว่าเย่หยวนนั้นเก่งกาจมีฝีมือจริง
แต่ดูท่าตอนนี้แล้วเขาคงแค่หลอกลวงคน!
แต่เจ้าหมอนี่มันกลับยังนั่งนิ่งไม่คิดหนีไปไหน
“อาจารย์เจียงหลี่ มันมีอะไรแตกต่างไปหรือไม่?” ซุนหยุนจิงนั้นเชื่อคำของเจียงหลี่มากกว่าเสียงของใครๆ
และคำพูดของเจียงหลี่นี่เองที่มันทำให้ซุนหยุนชิงยิ่งกล้าหาญมากขึ้น
เจียงหลี่มองดูเก่อหลิงอยู่นานกว่าที่จะตอบกลับมาพร้อมส่ายหัว “มันไม่มีความแตกต่างใดๆ ข้าก็บอกไปแล้วว่านิสัยนั้นมันเปลี่ยนกันยาก มันจะมาเปลี่ยนด้วยคำพูดไม่กี่คำได้อย่างไร? ศึกนี้เก่อหลิงก็คงต้องพ่ายแพ้ไปอีกครั้ง!”
เมื่อซุนหยุนชิงได้ยินเช่นนั้นเขาก็โล่งอกขึ้นมาทันที
เจียงหลี่นั้นคือไพ่ตายของเขา ซุนหยุนชิงนั้นย่อมจะเชื่อในสายตาของเขาอย่างมาก
แม้แต่เขายังบอกว่ามันไม่ได้ผล แน่นอนว่ามันย่อมจะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงแล้ว
“ซูยี่ น้องชายท่านนี้มีความสามารถเปลี่ยนหินให้เป็นทองได้เสียจริง ข้าแทบจำตัวเก่อหลิงไม่ได้ทีเดียว! ฮ่าๆๆ…” ซุนหยุนจิงนั้นกล่าวขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน
แท้จริงแล้วเมืองทั้งเก้านั้นมันก็เหมือนเป็นหนึ่งเดียวกันที่ช่วยเหลือกันต่อต้านภูติแท้เผ่าทะเลทั้งหลายแต่เบื้องหลังพวกเขาก็ยังมีความรู้สึกเป็นคู่แข่งของกันและกัน
เจ้าเมืองทั้งเก้านั้นต่างจะแข่งขันกันในเรื่องต่างๆ เสมอ
และนี่มันก็คือสภาพที่เมืองสวรรค์ใต้ต้องการจะเห็น งานชุมนุมโอสถสวรรค์เก้าเมืองนั้นมันคืองานที่จัดขึ้นเพื่อโอ้อวดฝีมือต่อกันอยู่แล้ว ตัวซุนหยุนจิงย่อมจะไม่คิดปล่อยให้มันผ่านไปเฉยๆ ซูยี่นั้นหันมาหาเย่หยวนด้วยใบหน้าดำมืด เขานั้นไม่มีอารมณ์จะไปสนใจคำถากถางของซุนหยุนจิงมากมายนัก “เด็กน้อย เจ้าคิดจะอธิบายมันอย่างไร? เพราะว่าเจ้านี้มันได้ทำให้เมืองสงบทักษิณเราและเฒ่าคนนี้กลายเป็นตัวตลกของคนทั้งหล้าแล้ว!”
เย่หยวนนั้นยังคงมองดูเก่อหลิงต่อไปและตอบกลับมาอย่างไม่คิดจะหันมามอง “เจ้าก็ดูไปก่อนสิ ผลมันออกมาหรือยังเล่า?”
ซูยี่นั้นผงะไปทันทีที่ได้ยิน เขานั้นได้แต่ต้องกัดฟันแน่น
เจ้าเด็กคนนี้มันช่างโอหังอย่างไร้ที่สิ้นสุด!
ไม่ไกลออกไปนั้นซูเป่ยหยุนเองก็ได้แต่ทำหน้าเหยเก
เพราะนางนั้นได้รู้แล้วว่าการพาเย่หยวนมานี้มันเป็นความผิดพลาด
เวลานี้นางที่ขึ้นหลังเสือมาแล้วย่อมไม่อาจจะลงไปได้ง่ายๆ
แต่พลังฝีมือที่เย่หยวนแสดงออกมาบนท้องทะเลนั้นยังทำให้นางคิดรั้นไม่ยอมแพ้ง่ายๆ
หวงห่าวหยานนั้นสัมผัสได้ถึงท่าทางนั้นของซูเป่ยหยุนจนต้องกัดฟันกล่าวขึ้นมาต่อเย่หยวน “ผู้อาวุโสเย่ ข้าและเป่ยหยุนนั้นนับถือท่านอย่างมาก! แต่ท่านทำเช่นนี้มันจะไม่ถูกต้องหรือไม่?”
เย่หยวนที่ได้ยินก็แทบหลุดหัวเราะออกมาแต่ยังคงสีหน้าเรียบเฉยไว้พร้อมกล่าวถามกลับไป “มันไม่เหมาะสมอย่างไรเล่า?”
หวงห่าวหยานนั้นกล่าวขึ้น “เป่ยหยุนนั้นแค่คิดอยากจะสายสัมพันธ์เป็นมิตรกับผู้อาวุโสท่าน แต่ท่านนั้นกลับทำให้เมืองสงบทักษิณเรากลายเป็นตัวตลกเช่นนี้! มันดูไม่เหมาะสม!”
ดูท่าหวงห่าวหยานและซูเป่ยหยุนคงได้พูดคุยถึงเรื่องนี้กันแล้วทำให้สายสัมพันธ์ของคนทั้งสองกลับมาแน่นแฟ้นอีกครั้ง
แต่การที่เย่หยวนทำเช่นนี้พวกเขาก็ยังไม่อาจจะรับมันได้
เย่หยวนตอบกลับไป “จะเป็นตัวตลกหรือเป็นคนที่หัวเราะเย้ยคนอื่นนั้นเจ้าก็ดูไปก่อนเถอะ!”
ท่ามกลางเสียหัวเราะนั้นในที่สุดการหลอมโอสถมันก็มาถึงจุดสิ้นสุด
เวลานี้โอสถสวรรค์ทั้งเก้าเม็ดได้ถูกวางลงตรงหน้าเหล่ากรรมการ
นักหลอมโอสถสวรรค์ระดับสี่สามคนเริ่มตรวจสอบและประกาศคุณภาพของโอสถสวรรค์ทั้งเก้า
“หยวนอี้แห่งเมืองพรเทพ โอสถกระบวยสวรรค์สายฟ้าเพลิงระดับห้าขั้นกลาง!”
“จ้าวเล่ยแห่งเมืองข้าวนิรันดร์ โอสถดินกำมะถันอัคคีระดับห้าขั้นกลาง!”
…
ชุยถงนั้นค่อยๆ ประกาศผลออกมาทีละคนๆ อย่างไม่มีอะไรน่าแปลกประหลาด
เขานั้นคือนักหลอมโอสถสวรรค์ระดับสี่จากเมืองสวรรค์ใต้และมีตำแหน่งสูงล้ำ
กำลังของเหล่านักหลอมโอสถสวรรค์ระดับสามทั้งหลายนี้ไม่ได้ทิ้งห่างกันมาก
รอบนี้คงเรียกได้ว่าใครมือขึ้นกว่าก็คือผู้ชนะไป
ส่วนเรื่องของซุนหยุนจิงกับเย่หยวนนั้นเขาย่อมจะเห็นถึงมันแต่ก็ไม่ได้สนใจมากมาย
เพราะในสายตาของเขานั้นเย่หยวนก็คงเป็นแค่คนขี้โม้คนหนึ่ง
นักยุทธชั้นบรรยากาศสวรรค์เลิศใหญ่ ต่อให้จะเป็นนักหลอมโอสถสวรรค์ได้มันก็คงเป็นได้แค่นักหลอมโอสถสวรรค์ระดับสอง มีหรือที่จะมาสั่งสอนอะไรนักหลอมโอสถสวรรค์ระดับสามได้?
แต่เพราะเรื่องราวนี้เขาจึงสงสัยเช่นกันว่าเก่อหลิงจะหลอมโอสถเช่นใดออกมากันแน่
ครั้งนี้เก่อหลิงเป็นคนที่หลอมเป็นคนสุดท้ายเขาจึงจะเป็นคนสุดท้ายที่ถูกประเมิน
“ซัวเฟิงแห่งเมืองน้ำพอง โอสถอุกกาบาตมรกตอรุณระดับหกขั้นต่ำ!” ชุยถงกล่าวขึ้น
พูดจบเขาก็เอาโอสถสวรรค์ของเก่อหลิงมาวางบนศิลามารดาก่อเมฆา
แต่จู่ๆ ดวงตาของเขามันก็ต้องเบิกกว้างขึ้นมาอย่างตกตะลึง
ระดับหกขั้นกลาง!
“มัน…มันกลับขึ้นไปถึงระดับหกขั้นกลางได้! นี่มัน…เป็นไปได้อย่างไรกัน?” ชุยถงนั้นสูดหายใจเข้าลึกอย่างตกตะลึง
ก่อนหน้านี้เก่อหลิงนั้นไม่เคยจะหลอมได้ถึงระดับหกมาก่อน!
อย่างที่ดีที่สุดของเขามันก็แค่ระดับห้าขั้นสูงเท่านั้น!
แต่ครั้งนี้เขากลับบรรลุขึ้นมาหลายขั้นจนถึงระดับหกขั้นกลาง!
กรรมการอีกสองคนเองก็ต้องผงะไปตามๆ กัน!
“นี่มัน…คงเป็นเรื่องบังเอิญใช่หรือไม่?” นักหลอมโอสถสวรรค์ระดับสี่อีกคนกล่าวขึ้นมา
ชุยถงนั้นสูดหายใจลึกก่อนจะพยักหน้ารับ “มันต้องบังเอิญแน่! หากสั่งสอนเล็กๆ น้อยแค่นี้มันก็สามารถพัฒนาได้มากมายปานนี้แล้วเราจะไม่เป็นแค่ตัวตลกหรือ?! ต่อให้เราทั้งหลายยังทำไม่ได้แล้วนักหลอมโอสถสวรรค์ระดับสองคนหนึ่งจะทำได้หรือ?”
จากนั้นเขาก็ร้องประกาศลั่นขึ้นมา “เก่อหลิงแห่งเมืองสงบทักษิณ โอสถปรีดีหกรอบระดับหกขั้นกลาง!”
เมื่อคำพูดนี้ถูกกล่าวขึ้นมามันย่อมจะเกิดเสียงโห่ร้องขึ้นมาทันที!
“หะ? ชนะจริง?”
“มันเป็นไปได้อย่างไรกัน? แค่สั่งสอนเล็กๆ น้อยแค่นี้มันก็สามารถบรรลุขึ้นระดับได้หรือ? นี่มันโกงชัดๆ เลยนี่หว่า?”
“เจ้าเด็กคนนี้มันเป็นใครกันแน่ถึงกลับสามารถแปลงหินให้กลายเป็นทองเช่นนี้ได้?”
…
เหล่าคนทั้งหลายที่ได้ยินคำประกาศนี้ต่างรู้สึกเช่นเดียวกันสิ้น ไม่อยากจะเชื่อ!
นักหลอมโอสถสวรรค์ระดับสองคนหนึ่งกลับใช้เวลาแค่ไม่ถึงชั่วโมงสอนนักหลอมโอสถสวรรค์ระดับสาม
และสุดท้ายเขากลับเอาชนะได้จริง!
นี่ล้อกันเล่นใช่ไหม?