มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 1484

สบัดแขนเสื้อหนึ่งครั้ง ชี่จิ้งซัดกระหน่ำออกมา ประตูของห้องโถงใหญ่นี้ก็ระเบิดแตกกระจายทันที หลัวซิวพบว่าตรงกลางห้องโถงใหญ่มีค่ายกลขนาดใหญ่มีแสงกระพริบระยิบระยับ มีคลื่นปริภูมิดั้งเดิมที่ลึกซึ้งถึงขั้นสุดตลบไปทั่วทุกสารทิศ

“เป็นคลื่นกฎปริภูมิที่ลึกซึ้งยิ่งนัก!”

หลัวซิวย่างเท้าออกไป ไม่ต้องสงสัยเลย ค่ายกลขนาดใหญ่นี้ก็คือค่ายวาร์ฟล่องหนในเมืองฟ้าเยือกนั่นเอง

ค่ายกลขนาดใหญ่นี้สามารถทำให้มนุษย์ข้ามผ่านการขวางกั้นของห้วงดาราที่ไร้ขอบเขต อย่างน้อยก็สามารถประหยัดเวลาในการบินข้ามผ่านห้วงดาราไปได้สิบปี

หลัวซิวศึกษาเรียนรู้ร่องรอยค่ายกลของค่ายวาร์ฟล่องหนนี้อย่างใจจดใจจ่อ แต่ทว่าเขากลับค้นพบอย่างตะลึงว่าค่ายกลนี้เป็นหนึ่งเดียวกัน ไม่พบลายเส้นที่เรียงตัวกันบนค่ายกลนี้เลยแม้แต่น้อย มีเพียงสัญลักษณ์ที่มีความเร้นลับของกฎปริภูมิซ่อนอยู่กระพริบผ่านเป็นบางครั้ง

“แดนกฎปริภูมิดั้งเดิมขั้นที่ 6!”มีเสียงที่ฟังดูตื่นเต้นเล็กน้อยของหงเทียนดังมาจากหอกยุทธ์มังกรดำ

อดีตหงเทียนก็เคยเป็นราชาเทพที่ฝึกแดนกฎปริภูมิถึงขั้นที่ 4 เช่นกัน ส่วนแดนดั้งเดิมขั้น 6 นั้นตรงกับมกุฎเทพ พูดได้เลยว่าแดนมกุฎเทพเป็นแดนที่เขาใฝ่ฝันมาทั้งชีวิต

หลัวซิวก็รู้สึกตะลึงเล็กน้อยเช่นกัน ถึงอย่างไรแดนกฎปริภูมิดั้งเดิมของเขาก็อยู่เพียงขั้น 1 เท่านั้น เมื่อเปรียบเทียบกับขั้น 6 ก็ไม่มีค่าพอที่จะให้เปรียบเทียบกันเลย

เขาไม่มีความคิดที่จะศึกษาวิจัยกฎปริภูมิที่ซ่อนอยู่ในค่ายกลค่ายนี้ ยังไม่ต้องพูดถึงความลึกซึ้งของกฎดั้งเดิมขั้น 6 จากแดนในปัจจุบันของเขา ยังปรารถนาให้บรรลุถึงระดับนั้นไม่ได้ อีกทั้งเขาก็จำเป็นต้องออกจากที่นี่ก่อนราชาเทพจี้เฟิงจะกลับมาถึง

วิธีการปลดผนึกค่ายวาร์ฟล่องหนนั้นง่ายมาก หลัวซิวโบกมือเสกแก้วเทวจำนวนมากออกมาจากแหวนเก็บของ ก่อนจะรีบไปยืนอยู่ตรงกลางค่ายกล ถัดจากนั้นเขาก็ใช้มือทำท่าประสานอินร่ายวิชา ดึงดูดพลังที่อยู่ในแก้วเทวออกมาเติมเข้าไปในค่ายกล

รังสีที่แวววาวจับตากระพริบระยิบระยับขึ้น และค่อย ๆ ปกคลุมค่ายกลไว้ คลื่นกฏปริภูมิก็ยิ่งอยู่ยิ่งรุนแรงขึ้น

และในตอนนี้เอง ก็มีเงาดำสองหลายร่างบุกเข้ามาในห้องโถงใหญ่ที่เป็นสถานที่ตั้งของค่ายวาร์ฟล่องหน หลัวซิวเงยหน้าขึ้นมามอง มีความแปลกใจและความแจ่มแจ้งปรากฏบนใบหน้าเล็กน้อย

และคนเหล่านี้ก็คือปีศาจยักษ์ยู่หวูฉิวและปีศาจอีก 8 ตนที่เหลือนั่นเอง แผนที่ดาวในมือหลัวซิวนั้นได้มาจากยู่หวูฉิว ต่อมาพวกเขาปีศาจทั้งเก้าได้ออกเดินทางก่อนตัวเองสองปี ซึ่งพวกเขาน่าจะมาถึงเมืองฟ้าเยือกตั้งนานแล้ว

แม้ศักยภาพของปีศาจทั้งเก้าจะไม่อ่อน แต่ทว่าเมื่ออยู่ในพิภพกลางศักยภาพของพวกเขาก็ถือว่าค่อนข้างธรรมดา เมื่อเผชิญหน้ากับการขูดรีดจากกองกำลังทั้งหลายในเมืองฟ้าเยือก พวกเขาแค่เข้ามาในเมืองฟ้าเยือก สมบัติทรัพย์สินทั้งหมดบนตัวก็แทบจะถูกขูดรีบจนหมดตัวแล้ว

ตลอดช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้ พวกเขาใช้ชีวิตได้ย่ำแย่มาก ๆ กฎเกณฑ์การเอาชีวิตรอดในห้วงดาราที่โหดร้าย ทำให้พวกเขาสัมผัสได้ถึงความเล็กน้อยไร้กำลังของตน

เมื่อชื่อเสียงของหลัวซิวโด่งดังไปทั่วทั้งเมืองฟ้าเยือก ตอนแรกเริ่มพวกยู่หวูฉิวยังไม่เชื่อว่าจะเป็นหลัวซิวในโลกเสวียนเทียน เพราะถึงอย่างไรเรื่องการสังหารกึ่งราชาเทพนั้น แทบจะไม่มีความเกี่ยวข้องอะไรกับหลัวซิวในโลกเสวียนเทียนเลย

จนกระทั่งถึงวันนี้ หลัวซิวกลับมาอีกครั้งและใช้พลังสายฟ้าทลายค่ายกลใหญ่ในตำหนักหลักเมือง มากกว่านั้นคือภายใต้การสยบตำหนักหลักเมืองด้วยกำลังของตัวเขาเอง ทำให้นักยุทธ์ในตำหนักหลักเมืองต่างพากันหลบหนี ไม่กล้าอยู่ต่อ

และในเวลานี้เอง ยู่หวูฉิวก็กัดฟันตัดสินใจ พาน้องชายทั้งแปดของตัวเองมาตำหนักหลักเมือง เตรียมพร้อมที่จะเดิมพันดูสักตั้งว่าจะสามารถใช้โอกาสนี้ใช้ค่ายวาร์ฟล่องหนหนีออกจากที่นี่ได้หรือไม่

“หลัวซิว? ……นึกไม่ถึงเลยว่าจะใช่เจ้าจริง ๆ หรือ?”

ปีศาจเก้ามองเห็นหลัวซิวที่ยืนอยู่ตรงกลางค่ายกลในทันที วินาทีนี้เขาไม่ได้เปลี่ยนแปลงโฉมหน้าของตัวเองแต่อย่างใด ด้วยเหตุนี้ปีศาจเก้าและคนอื่น ๆ จึงจำหน้าเขาได้ในทันที

หลัวซิวอมยิ้ม“ดูเหมือนว่าชีวิตในช่วงนี้ของทุกท่านจะไม่ค่อยดีเท่าไหร่นะ”

เขาสามารถดูออกอยู่ว่าสภาพของปีศาจทั้งเก้าดูไม่ทะนงตัวเหมือนในอดีตอีกแล้ว สภาพของทุกคนล้วนดูตกระกําลําบากเล็กน้อย รวมไปถึงปีศาจยักษ์อย่างยู่หวูฉิวที่มีศักยภาพแข็งแกร่งที่สุดก็เป็นแบบเดียวกันเช่นกัน