ปัง!
พอกระบองเหล็กในมือฟาดลงอย่างแรง ศีรษะของศัตรูคนสุดท้ายที่อยู่ตรงหน้าระเบิดออกราวกับแตงโม เลือดสาดกระเซ็นออก
ร่างไร้วิญญาณก็ล้มลงพื้นไปด้วย
เลือดสีแดงสดสะท้อนในดวงตาของเล่อมู่จิ้น เขาเลียมุมปาก กลับรู้สึกหมดความสนใจเล็กน้อย
เล่อมู่จิ้น
ลูกหลานเผ่าเหยี่ยวมารเหินซึ่งเป็นหนึ่งในสิบเผ่าพันธุ์ใหญ่ของดินแดนโบราณมารโลหิต บุคคลแห่งยุคที่เหยียบย่างขอบเขตมกุฎระดับอมตะเคราะห์ด่านเก้า
เขามีผมยาวสีเขียวอ่อน รูปร่างผอมเพรียวสูงโปร่ง ใบหน้างดงามอ่อนโยน ดูเหมือนไม่มีพิษภัย ความจริงอุปนิสัยดุดันอย่างที่สุด
“พวกแกะอ้วนดินแดนรกร้างโบราณอ่อนแอเกินไปแล้ว…”
เล่อมู่จิ้นถอนหายใจเบาๆ
ตรงหน้าเขา พื้นที่ในระยะพันจั้งถูกเลือดแดงสดย้อมไปหมดแล้ว มีเป็นร้อยศพนอนขวางอยู่ในนั้น ทุกศพไม่ว่าชายหรือหญิงล้วนถูกกระแทกศีรษะจนแหลกละเอียดอย่างโหดร้ายทารุณ
ไม่ไกลนักหญิงชุดแดงเผ่าเหยี่ยวมารเหินคนหนึ่งพูดอย่างเคารพ “คุณชาย ไม่ใช่เพราะพวกเขาอ่อนแอเกินไป พลังต่อสู้ของท่านแข็งแกร่งเกินไปต่างหาก”
เล่อมู่จิ้นยิ้มเยาะ “จึงดูน่าเบื่อมากมิใช่หรือ เพิ่งมาถึงสมรภูมิเก้าดินแดนวันแรกเท่านั้น เดิมคิดว่าจะเจอคู่ต่อสู้ที่เก่งกาจ ไม่คิดว่ากลับเจอคนไร้ประโยชน์ฝูงหนึ่ง”
หญิงชุดแดงพูดอย่างเคารพ “นี่พิสูจน์ได้เพียงว่า ตลอดเวลาที่ผ่านมาดินแดนรกร้างโบราณเสื่อมโทรมลงเรื่อยๆ”
หยุดไปครู่หนึ่งนางพูดต่อว่า “คุณชาย หากไม่เหนือความคาดหมาย บุคคลผู้เก่งกาจในดินแดนโบราณมารโลหิตของเรา ล้วนมุ่งหน้าไปรวมตัวกันที่ ‘เมืองอารักษ์มรรค’ แล้ว พวกเรา… จะเร่งทำเวลามุ่งหน้าไปที่เมืองอารักษ์มรรคหรือไม่”
เล่อมู่จิ้นแค่นเสียงอย่างเย็นเยียบ “ข้าไม่อยากไปรับคำสั่งของเซวี่ยชิงอีนั่น”
เซวี่ยชิงอี!
ถูกมองว่าเป็นบุคคลมกุฎอันดับหนึ่งบนมรรคาอมตะแห่งดินแดนโบราณมารโลหิต ผู้นำแห่งยุคระดับตำนานคนหนึ่ง มาจากสำนักมารฟ้าประทาน
ในขณะเดียวกัน เซวี่ยชิงอีก็ยังเป็นหนึ่งใน ‘แปดยอดนภาคราม’ ด้วย!
แปดยอดนภาคราม เป็นตัวแทนของผู้กล้าแห่งยุคแปดคนที่แข็งแกร่งที่สุดในแปดดินแดน ทุกคนล้วนเป็นบุคคลขอบเขตมกุฎที่แข็งแกร่งที่สุดในดินแดนต่างๆ
จากเรื่องนี้สามารถรู้ได้ว่าเซวี่ยชิงอีเป็นผู้แข็งแกร่งที่เก่งกาจเพียงใด
ครั้งนี้หญิงชุดแดงเงียบไปครู่หนึ่งอย่างไม่เป็นเคยมาก่อน แล้วจึงพูดว่า “คุณชาย ในสมรภูมิเก้าดินแดนแห่งนี้ แปดยอดนภาครามก็เหมือนผู้นำของทุกแดน แม้เป็นมกุฎอริยะก็ต้องฟังคำสั่งของพวกเขา”
“ไม่ว่าท่านจะยินยอมหรือไม่ ก็จำต้องยอมรับว่าในโลกมารโลหิตแห่งนี้ ค่ายทัพดินแดนโบราณมารโลหิตของเราล้วนต้องคล้อยตามเซวี่ยชิงอี”
เพี๊ยะ!
เพิ่งจะสิ้นเสียงหญิงชุดแดงก็ถูกตบกกหูอย่างแรงคราหนึ่ง เล่อมู่จิ้นพูดพร้อมสีหน้ามืดทะมึน “คิดว่าข้าไม่รู้หรือ ถึงยังต้องให้เจ้ามาเตือน”
หญิงชุดแดงเงียบ
เล่อมู่จิ้นสูดหายใจเข้าลึกๆ กำลังจะพูดอะไร
ฟึ่บ!
ตอนนี้เอง รุ้งเทพสีทองสายหนึ่งพลันกวาดผ่านท้องฟ้า
เล่อมู่จิ้นชะงัก จากนั้นพลันยิ้มพูด “นี่เป็นถึงโลกมารโลหิต เป็นอาณาเขตของดินแดนโบราณมารโลหิต เผ่างูมารทองคำกลับส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือ ไม่กลัวขายหน้าหรือ หากเสอหลินบุตรเทพของพวกเขารู้จะต้องโกรธจนคลั่งแน่”
หญิงชุดแดงไม่นิ่งเงียบอีกต่อไป วิเคราะห์ว่า “สัญญาณขอความช่วยเหลือส่งมาจากพื้นที่ที่ป่าหลอมจิตตั้งอยู่ ดูเหมือนว่าผู้แข็งแกร่งเผ่างูมารทองคำจะเจอคู่ต่อสู้ที่รับมือยากยิ่ง หรืออาจจะเป็นอันตราย แต่เหล่านี้ล้วนไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับคุณชาย”
“ไม่ จะไม่เกี่ยวข้องได้อย่างไร”
เล่อมู่จิ้นพูดเอื่อยเฉื่อย “ในสมรภูมิเก้าดินแดนแห่งนี้ ถึงอย่างไรพวกเราก็เป็นค่ายทัพเดียวกัน ในเมื่อเป็นเช่นนี้ สหายเผ่างูมารทองคำประสบความลำบาก เมื่อถูกข้าเห็นแล้ว ข้าจะไม่ช่วยได้อย่างไร”
“ไป ตามข้าไปดูสักหน่อย”
ว่าแล้วเขาพลันเคลื่อนตัวห่างออกไป
หญิงชุดแดงถอนหายใจในใจ นางรู้ว่าเล่อมู่จิ้นเพียงแค่หาข้ออ้าง ไม่อยากมุ่งหน้าไปเมืองอารักษ์มรรคทันทีก็เท่านั้น
……
ป่าหลอมจิต
ใต้ต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่งหลินสวินที่นั่งขัดสมาธิอยู่ในผนึกลายมรรคกำลังทำสมาธิ พลางจ้องดาบหักที่อยู่ตรงหน้า
แหล่งสมบัติหลอมจิตที่รวบรวมได้ก่อนหน้านี้ล้วนถูกเขาเทใสดาบหักทุกหยด ทำให้ตอนนี้ดาบหักกำลังเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างหนึ่ง
พื้นผิวดั่งหิมะของดาบหักที่งดงามราวกับภาพมายา กำลังมีลายมรรคคดเคี้ยวราวกับไส้เดือนมากมายแพร่กระจายออกมาอย่างต่อเนื่อง
นี่คือ ‘ค่ายกลลายมรรค’ กระบวนที่สาม!
นี่ยังไม่เคยปรากฏอย่างสมบูรณ์ ตอนนี้ก็ปรากฏเพียงครึ่งเดียวเท่านั้น สามารถมองเห็นได้รางๆ ว่าลายมรรคที่หนาแน่นเหล่านั้นกำลังก่อร่างตัวอักษรโบราณตัวหนึ่ง
พื้นผิวของดาบหักเคยปรากฏค่ายกลลายมรรคสองกระบวน ทำให้หลินสวินได้รับพลังมรดก ‘ปฐม’ และ ‘ยอด’ สองอย่าง
และตอนนี้ ในที่สุดค่ายกลลายมรรคกระบวนที่สามก็จะปรากฏออกมาจากผิวน้ำแล้ว!
‘ก็ไม่รู้ว่ามรดกอย่างที่สามนี้จะมีความมหัศจรรย์แค่ไหน…’
ยามนี้ในใจหลินสวินเองก็อดเกิดความคาดหวังไม่ได้
เพียงแต่ค่ายกลลายมรรคเพิ่งจะก่อตัวถึงครึ่งหนึ่ง การเปลี่ยนแปลงของดาบหักก็สิ้นสุดลงแล้ว นี่ทำให้หลินสวินหมดคำพูด
“ดูเหมือนจะต้องรวบรวมแหล่งสมบัติหลอมจิตอีกแล้ว…”
หลินสวินถอนหายใจเบาๆ
ทว่าในใจเขากลับยิ่งคาดหวังว่ามรดกอย่างที่สามของดาบหักจะเป็นอย่างไร
สวบ!
เสียงทะลวงอากาศที่แผ่วเบาอย่างที่สุดระลอกหนึ่งดังขึ้นไกลๆ ทำให้หลินสวินซึ่งซ่อนตัวอยู่ในกระบวนผนึกลายมรรคตกใจได้สติ
“เป็นสัญญาณขอความช่วยเหลือจากเสอเจิ้นแห่งเผ่างูมารทองคำ อิงจากที่เขาพูด พกวเขาทั้งกลุ่มล้วนถูกชายหนุ่มคนหนึ่งจากดินแดนรกร้างโบราณสังหารทั้งหมดแล้ว!”
“ไม่หรอกมั้ง หรืออริยะแห่งดินแดนรกร้างโบราณถูกเคลื่อนย้ายเข้ามาโลกมารโลหิตตอนที่เข้าสู่สมรภูมิเก้าดินแดน”
“ไม่ใช่อริยะ ตามการคาดเดาของเสอเจิ้น อีกฝ่ายน่าจะเป็นบุคคลขอบเขตมกุฎคนหนึ่ง เชี่ยวชาญการปกปิดร่องรอยอย่างที่สุด”
เสียงพูดคุยระลอกหนึ่งค่อยๆ ใกล้เข้ามา
นั่นเป็นผู้แข็งแกร่งกลุ่มหนึ่ง รูปลักษณ์ล้วนไม่เหมือนกัน มีทั้งชายและหญิง เห็นได้ชัดว่ามาจากเผ่าที่แตกต่างกัน กลิ่นอายแข็งแกร่งอย่างที่สุด
แวบเดียวหลินสวินก็ดูออก ว่าคนเหล่านั้นแม้ระดับล้วนด้อยกว่าตนไม่น้อย แต่เป็นบุคคลขอบเขตมกุฎทั้งหมด!
นี่ทำให้หลินสวินลอบถอนใจ เมื่อเทียบกับอีกแปดดินแดน รากฐานพลังของดินแดนรกร้างโบราณแย่เกินไปจริงๆ เสียเปรียบแต่ไหนแต่ไร
“ทุกคนระวังหน่อย ในเมื่อเจ้าหมอนั่นเชี่ยวชาญการปกปิดร่องรอยและอยู่ในป่าหลอมจิตที่แปลกประหลาดเกินคาดเดาแห่งนี้ อยากจะเล่นงานหมอนั่นไม่ง่ายแน่”
“ไม่เป็นไร คนที่มาเสริมทัพครั้งนี้ไม่ได้มีแค่พวกเรา ต่อให้เป็นอริยะดินแดนรกร้างโบราณก็ต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย!”
“ใช่ นี่คืออาณาเขตโลกมารโลหิตของพวกเรา จะปล่อยให้พวกขยะดินแดนรกร้างโบราณเหิมเกริมได้อย่างไร”
ตอนที่ผู้แข็งแกร่งเหล่านั้นคุยกันได้เคลื่อนผ่านพื้นที่ที่หลินสวินซ่อนตัวอยู่ ตั้งแต่ต้นจนจบล้วนไม่สังเกตว่าเป้าหมายที่พวกเขาตามหาได้เฉียดไหล่พวกเขาไปแล้ว
‘ยุ่งยากขึ้นมาบ้างแล้ว’
หลินสวินขมวดคิ้ว
เขาคิดไม่ถึงว่าผู้แข็งแกร่งเผ่างูมารทองคำดันส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือ เรียกกำลังเสริมภายนอกมามากมาย
สำหรับหลินสวิน วิธีที่ฉลาดที่สุดในตอนนี้คือออกจากป่าหลอมจิตให้เร็วที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย ปลีกตัวออกจากพื้นที่ที่มีไอสังหารรอบด้านแห่งนี้
แต่สุดท้ายหลินสวินก็ไม่ได้ทำเช่นนั้น
ที่นี่คือโลกมารโลหิต เป็นอาณาเขตที่ดินแดนโบราณมารโลหิตครอบครอง ต่อให้รีบออกจากป่าหลอมจิตแห่งนี้ แต่ขอเพียงถูกพบร่องรอยก็จะทำให้เกิดปัญหานับไม่ถ้วน
สู้อยู่ในป่าหลอมจิตแห่งนี้ต่อยังดีกว่า ที่นี่อาจจะอันตรายและแปลกประหลาด แต่ในเวลาเดียวกันกลับมอบโอกาสมากมายในการซ่อนตัวและหลบหนี
ขณะเดียวกันจากสภาพแวดล้อมที่ซับซ้อนและพิสดารของที่นี่ อาศัยวิธีปกปิดร่องรอยของตนก็อาจสามารถสังหารศัตรูได้มากที่สุด!
สวบ!
เมื่อความคิดเหล่านี้ผุดขึ้นในหัวหลินสวิน เขาก็เริ่มเคลื่อนไหวทันที ตามกลุ่มผู้แข็งแกร่งที่ผ่านมาเมื่อครู่นี้ไปเงียบๆ
มีไอซวนหนีปกปิด ทั้งตัวเขาราวกับโปร่งแสง กลิ่นอายถูกปกปิดทั้งหมด
“ได้ยินว่าแม้แต่น้องสาวของบุตรเทพเสอหลินแห่งเผ่างูมารทองคำยังถูกผู้แข็งแกร่งดินแดนรกร้างโบราณนั่นสังหาร หากเสอหลินรู้เข้าก็ไม่รู้ว่าจะคิดอย่างไร”
ผู้แข็งแกร่งเหล่านั้นยังคงยิ้มพูดคุย
พวกเขามีกันสิบกว่าคน รวมกลุ่มกันเคลื่อนไหว จึงไม่เป็นห่วงอันตรายอะไร
ในจิตใต้สำนึก พวกเขาเองก็ไม่คิดว่าศัตรูจะโง่เขลาถึงขนาดกระโดดออกมาสู้กับพวกเขาให้รู้แพ้ชนะในตอนนี้
“เสอหลินจะคิดอย่างไรข้าไม่รู้ ข้ารู้เพียงว่าเจ้าคนดินแดนรกร้างโบราณนั่นจะต้องตายอนาถ”
ชายหนุ่มคนหนึ่งหัวเราะเบาๆ
“งั้นหรือ”
ทันใดนั้นจู่ๆ เงาร่างของหลินสวินก็ปรากฏ ดวงตาดำเย็นเยียบ จ้องชายหนุ่มคนนั้น
“เจ้า…” ในใจชายหนุ่มสั่นสะท้าน ยังไม่ทันพูดเอ่ยปากศีรษะของเขาก็ถูกดาบหักที่ขาวสว่างราวกับหิมะตัดขาด
คนอื่นๆ ต่างตกใจจนลงมือตามจิตใต้สำนึก การตอบสนองของแต่ละคนไม่ได้ช้า เห็นได้ชัดว่าผ่านการเข่นฆ่ามานาน ไม่ตื่นตระหนกยามเผชิญอันตราย
น่าเสียดายที่พวกเขาเจอหลินสวินเข้า
พร้อมกับเสียงครวญใสเสียงหนึ่ง ดาบหักโฉบกลางอากาศ ตัดไปมาในที่นั้น พริบไหวอย่างต่อเนื่อง สำแดงนัยเร้นลับและอานุภาพของหกกระบวนเฉือนวัฏจักรฟ้า
พรวดๆๆ!
ชั่วขณะเดียวก็เห็นเลือดสาดกระเซ็นในที่นั้น ชิ้นส่วนร่างกายปลิวกระเด็น แม้แต่สมบัติบางส่วนยังถูกดาบหักโจมตีจนระเบิดเป็นชิ้นๆ
ส่วนหลินสวินเงาร่างเดินอยู่ในลาน เหมือนเดินเล่นสบายใจ
เพียงสิบลมหายใจเท่านั้น
เลือดนองเต็มพื้น ไม่มีใครรอดอีก!
มีเพียงบนป้ายคำสั่งรกร้างโบราณของหลินสวินที่ผลงานรบเพิ่มขึ้นไม่หยุด
หลินสวินกวาดทรัพย์หลักศึกอย่างคล่องแคล่วรอบหนึ่งก็ทะยานออกไป เงาร่างหายไปอย่างไร้ร่องรอย
ไม่นานพื้นที่แห่งนี้มีเสียงทะลวงอากาศดังขึ้นจากสี่ด้านแปดทิศเป็นระลอก ผู้แข็งแกร่งไม่รู้เท่าไหร่ตกใจกับการต่อสู้เมื่อครู่นี้ กำลังเร่งมาทางนี้
ตอนที่เห็นร่องรอยต่อสู้นองเลือดบนพื้น ผู้แข็งแกร่งหลายคนอดผวาไม่ได้
“นี่คือพวกร้ายกาจ!”
สุดท้ายผู้แข็งแกร่งทุกคนที่มาถึงที่นี่ต่างได้ข้อสรุปเดียวกัน
ในเวลาเดียวกันหลินสวินซ่อนตัวอยู่ในมุมมืดซึ่งอยู่ไม่ไกลนัก สงบใจสังเกตการณ์ สายตาเย็นเยียบ สีหน้านิ่งสงบไร้อารมณ์
เพียงแต่ในใจกลับหนักอึ้งเล็กน้อย
เมื่อครู่นี้ตอนที่สังหารผู้แข็งแกร่งดินแดนโบราณมารโลหิตเหล่านั้น เป็นเพียงแค่การหยั่งเชิงของเขา อยากจะดูว่าในป่าหลอมจิตแห่งนี้มีศัตรูรวมตัวอยู่เท่าไหร่กันแน่
ตอนนี้ดูเหมือนว่าสถานการณ์จะอันตรายกว่าที่เขาจินตนาการเล็กน้อย!
‘ยังดีที่ตอนนี้มีอริยะปรากฏเพียงสี่คน ศัตรูคนอื่นๆ แม้จำนวนจะมาก แต่อย่างมากก็เป็นเพียงแค่บุคคลขอบเขตมกุฎระดับอมตะเคราะห์ด่านเก้า…’
หลินสวินคำนวณเงียบๆ ในใจ
หากสถานการณ์เช่นนี้ดำเนินต่อไป ศัตรูมีแต่จะมากขึ้นเรื่อยๆ ถึงขั้นมีความเป็นไปได้สูงมากที่จะดึงดูดให้มกุฎอริยะออกโจมตี
อีกอย่างหลินสวินเองก็ไม่อาจอยู่ในป่าหลอมจิตแห่งนี้ไปทั้งชีวิต
‘รวบรวมแหล่งสมบัติหลอมจิตก่อน รอถึงตอนที่รวมแหล่งสมบัติหลอมจิตจนเพียงพอจะทำให้มรดกที่สามของดาบหักปรากฏก็จะไปจากที่นี่!’
ใคร่ครวญครู่หนึ่งหลินสวินพลันตัดสินใจ
เพียงแต่ตอนที่เขาเพิ่งคิดจะเคลื่อนไหว จู่ๆ ก็สังเกตเห็นว่า บนพุ่มหญ้าที่อยู่ไม่ไกลนักมีผึ้งสีดำขนาดราวนิ้วโป้งตัวหนึ่งเกาะอยู่ เปลือกนอกดำสนิท มืดมนไร้แสง ราวกับก้อนหินสีดำที่ไม่ดึงดูดสายตาก้อนหนึ่ง!
แต่ชั่วขณะนี้นัยน์ตาหลินสวินกลับหดรัดทันที
………….