มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 1493

ถึงแม้ไม่ใช่ข่าวดีอะไร แต่มันกลับเป็นสิ่งที่หลัวซิวต้องการทราบพอดี

และในเวลานี้เอง สีหน้าเขาก็เปลี่ยนไปกะทันหัน สายตามองไปทางสุดขอบฟ้าอันไกลโพ้น สัมผัสได้ถึงชี่มารอันเข้มข้นกำลังบินตรงเข้ามาทางนี้ด้วยความเร็วที่น่าทึ่ง

“โฮก!”

เสียงตะคอกคำรามดังสนั่นไปทั่วทั้งแผ่นฟ้า อสูรเสือที่มีปีกคู่ด้านหลัง ลำตัวยาว 30 กว่าเมตรตัวหนึ่งกำลังบินตรงเข้ามาอย่างรวดเร็ว บนหลังของอสูรเสือ มีนักยุทธ์ในชุดขาวคนหนึ่งกำลังถือกระบี่เล่มหนึ่งอยู่ในมือ

ความเร็วของเสือบินรวดเร็วมาก ๆ ไม่นานนักก็มาถึงเหนือนภาบริเวณหุบเขาทิพย์แล้ว นักยุทธ์ชุดขาวผู้นั้นเป็นชายหนุ่มที่ใบหน้าหล่อเหลา มีความเย็นเยือกและเคร่งขรึมปนอยู่บนใบหน้าเล็กน้อย

เมื่อเห็นการปรากฏตัวของคนดังกล่าว หลัวซิวสังเกตเห็นได้อย่างชัดเจนเลยว่าร่างกายของนายท่านตระกูลสวีสั่นเทา ใบหน้าขาวซีดถึงขีดสุด

“องค์ชายเสวียนซิง? ……พรรคกระบี่ขนนกนั่นเป็นกองกำลังที่อยู่ใต้บังคับบัญชาขององค์ชายเสวียนซิงจริงหรือ?”นายท่านตระกูลสวีพูดพึมพำคนเดียว

“คนดังกล่าวมีความเกี่ยวข้องกับพรรคกระบี่ขนนกหรือ?”หลัวซิวถามออกมาทันทีโดยไม่ต้องคิด

นายท่านตระกูลสวีพยักหน้า แล้วพูดด้วยใบหน้าที่ขาวซีด: “คนดังกล่าวมีนามว่าหลี่เสวียนซิง เป็นศิษย์ใจกล้าของสำนักเทียนเจี้ยน ผู้คนเรียกเขาว่าองค์ชายเสวียนซิง ผลการฝึกตนเพิ่งบรรลุถึงแดนเทพมารขั้นสูงเมื่อไม่นานมานี้”

กองกำลังระดับราชาเทพอย่างสำนักเทียนเจี้ยนและสำนักวัชรยักษ์นั้น มีศิษย์นอกสำนักมากจนนับไม่ถ้วน ศิษย์ในสำนักก็มีไม่น้อยเช่นกัน ทว่าจำนวนศิษย์ใจกลางต้องมีไม่มากอย่างแน่นอน

ศิษย์ใจกลางทุกคนล้วนเป็นอัจฉริยะที่ทางสำนักทุ่มกำลังบ่มเพาะ โดยเฉพาะหลังจากที่บรรลุถึงแดนเทพมารขั้นสูงเป็นต้นไป โดยส่วนใหญ่ก็ถือว่าประสบความสำเร็จแล้ว ขอเพียงระมัดระวังหน่อย ก็สามารถเดินทางไปทั่วทุกมุมโลกานี้ได้ อนาคตมีโอกาสฝึกตนจนบรรลุเป็นเทพฟ้าไม่น้อย

“อดีตข้าก็เคยได้ยินมาเช่นกันว่าพรรคกระบี่ขนนกเป็นกองกำลังที่อยู่ใต้บังคับบัญชาขององค์ชายเสวียนซิง แต่กลับไม่สามารถยืนยันข้อจริงเท็จของเรื่องนี้ได้ วินาทีนี้องค์ชายเสวียนซิงย่างกรายมาถึงที่นี่ เห็นได้ชัดเจนเลยว่ามันเป็นเช่นนั้นจริง ๆ ……”

จิตใจของนายท่านตระกูลสวีกลัวสุดขีด เขาไม่มีความคิดที่จะพึ่งพาหลัวซิวเลยด้วยซ้ำ ถึงแม้ศักยภาพของคนดังกล่าวจะแข็งแกร่งมาก ๆ เช่นกัน แต่เขากลับไม่นึกว่าคนดังกล่าวจะสามารถต่อกรกับองค์ชายเสวียนซิงได้

องค์ชายเสวียนซิงผู้นี้เป็นศิษย์ใจกลางของสำนักเทียนเจี้ยน รวมไปถึงมีผลการฝึกตนระดับเทพมารชั้นสูง ศักยภาพสามารถเคียงบ่าเคียงไหล่กับผู้แข็งแกร่งเทพฟ้าขั้นปฐมภูมิ!

องค์ชายเสวียนซิงบรรลุถึงระดับนี้แล้วแต่ยังสามารถท้าประลองผู้ที่มีแดนอยู่เหนือตัวเองได้อีก มากกว่านั้นคือเขาสามารถท้าประลองผู้ที่มีแดนเหนือตนหนึ่งแดนใหญ่ได้ด้วย และนี่ถึงจะเป็นลักษณะเฉพาะตัวของอัจฉริยะวิถียุทธ์ต่างหาก เรื่องทั้งหมดนี้แสดงให้เห็นล่วงหน้าว่าคนดังกล่าวมีศักยภาพมากล้นที่สามารถฝึกตนจนบรรลุถึงแดนราชาเทพได้!

นายท่านตระกูลสวีก็เคยได้ยินมาตั้งนานแล้วว่าทันทีที่องค์ชายเสวียนซิงผู้นี้บรรลุถึงแดนเทพฟ้า เขาก็จะกลายเป็นศิษย์สนิทของสำนักเทียนเจี้ยน ซึ่งฐานะตำแหน่งของเขาจะอยู่สูงกว่าศิษย์ใจกลาง เป็นรองเพียงเทพบุตรเท่านั้น!

“พรรคกระบี่ขนนกเป็นคนของท่านชายอย่างข้า ได้ยินมาว่ามียอดฝีมือคนหนึ่งในตระกูลสวีสังหารพวกเขาไปแล้วอย่างนั้นหรือ ออกมาพบหน้ากันหน่อยได้หรือไม่?”

องค์ชายเสวียนซิงยืนอยู่บนหลังเสือบิน มองลงมาหุบเขาทิพย์ที่อยู่ด้านล่างอย่างหยิ่งผยอง เขารู้สึกดื่มด่ำกับแววตาอันเคารพยำเกรงของผู้คนในตระกูลสวีที่มองขึ้นมามาก ๆ

“เจ้าจะพบข้าเพราะเรื่องอันใด?”

หลัวซิวหกระเหินเดินฟ้า ลอยขึ้นกลางนภา จ้องมององค์ชายเสวียนซิงที่กำลังยืนอยู่บนเสือบินด้วยสีหน้าที่เรียบนิ่ง

ดวงตาคู่นั้นขององค์ชายเสวียนซิงกำลังกวาดตามองหลัวซิวตั้งแต่หัวจรดเท้า ก่อนจะกระตุกยิ้มมุมปากอย่างเย็นเยือก“ผลการฝึกตนเทพมารขั้น 3 สามารถสังหารฮู๋ฉุนหยูที่เป็นเทพมารขั้น 5 พอมีความสามารถอยู่บ้างจริง ๆ”

น้ำเสียงขององค์ชายเสวียนซิงทะนงองอาจมาก ก่อนเขาจะพูดอย่างเรียบนิ่งว่า: “ถึงแม้ว่าพรรคกระบี่ขนนกจะเป็นเพียงหมาตัวหนึ่งที่ท่านชายอย่างข้าเลี้ยงไว้แก้เบื่อ แต่จะตีหมาทั้งทีก็ต้องดูก่อนว่าเจ้าของเป็นผู้ใด ในเมื่อเจ้าสังหารคนในพรรคกระบี่ขนนก เช่นนั้นเจ้าก็ส่งวิญญาณดั้งเดิมของเจ้าออกมาหนึ่งส่วน แล้วท่านชายอย่างข้าจะยกโทษฐานต้องตายของเจ้า”

ส่งวิญญาณดั้งเดิมออกไปหนึ่งส่วน นั่นก็หมายความว่านำความเป็นความตายของตัวเองฝากไว้ในกำมือของฝ่ายตรงข้าม คนส่วนมากที่ไม่เข้าใจเกี่ยวกับวิชาห้ามค่ายกล ล้วนจะใช้วิธีการที่เรียบง่ายที่สุดเช่นนี้มาควบคุมความเป็นความตายของนักยุทธ์อื่น ๆ เพื่อสั่งการให้คนเหล่านั้นปฏิบัติตามคำสั่งของตน

เมื่อได้ยินเช่นนี้ หลัวซิวก็หลุดหัวเราะออกมาทันที เขาทำเรื่องเช่นนี้อยู่บ่อยครั้ง วิญญาณดั้งเดิมที่ถูกเขายึดกุมนั้นก็มีผู้แข็งแกร่งเทพฟ้าหกคนแล้ว แต่ทว่าบุคคลที่อยู่ตรงหน้ากลับเป็นเพียงเทพมารขั้นสูง ถึงกับจะให้เขาส่งวิญญาณดั้งเดิมส่วนหนึ่งออกมาอย่างนั้นหรือ?