ตอนที่ 1968 สรุปได้คำเดียวว่าซับซ้อนไง
หลังทานเกี๊ยวหอมกรุ่นทั้งครอบครัวแล้วก็นั่งดูรายการปีใหม่ด้วยกันท่ามกลางบรรยากาศสนุกสนาน เหยียนหมิงซุ่นส่งสายตาให้จ้าวอิงหัวแวบหนึ่งก่อนที่พวกเขาสามคนจะไปที่ห้องหนังสือ ทิ้งไว้เพียงสองแม่ลูกเหมยเหมยในห้องนั่งเล่น
“โอหยางซานซานนั่นอย่างไรกันแน่? ทำไมฉันรู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้ดูแปลก ๆ!” จ้าวอิงหัวถามขึ้นอย่างอดไม่ได้
แม้เขาจะใช้เวลากับการสัมมนางานต่างแดนเป็นส่วนมากแต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในเมืองหลวงเขารู้ทุกอย่าง โดยเฉพาะการแก่งแย่งชิงดีทั้งที่แจ้งและที่ลับระหว่างลูกสาวตนกับคุณนายเฮ่อเหลียนนั้น ยิ่งทำให้จ้าวอิงหัวต้องคอยติดตามข่าวอยู่เสมอ
จ้าวเสวียหลินเองก็เช่นกัน สัญชาตญาณของเขาบอกเขาว่าคุณนายเฮ่อเหลียนคนนี้มีความแค้นต่อน้องสาวตนอย่างมาก ซึ่งจุดนี้ไม่เหมือนโอหยางซานซานคนที่เขาเคยรู้จัก
“เธอเป็นคนฆ่าโอหยางสยงจริงเหรอ? โอหยางซานซานมีความสามารถนี้ตั้งแต่เมื่อไร?” จ้าวเสวียหลินสงสัย
เหยียนหมิงซุ่นทำท่าให้พวกเขานั่งลงก่อนจะเริ่มเล่าความจริงอย่างไม่รีบร้อน ทำเอาสองพ่อลูกคู่นี้ตกใจจนสีหน้าเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง
“แบบนี้ก็เข้าใจได้ละ มิน่าฉันถึงรู้สึกว่าโอหยางซานซานคนนี้แปลกไป เฮ่อเหลียนเช่อร้ายกาจนักที่ใช้แผนตัวตายตัวแทนแบบนี้!”
จ้าวอิงหัวกลับกังวลอีกเรื่องมากกว่า “เหมยเหมยจะมีอันตรายไหม?”
“ไม่มีหรอก ผมไม่มีวันให้ใครมาทำร้ายเหมยเหมยแน่นอน แต่พวกคุณต้องระวังตัวหน่อย ตอนนี้อู่เยวี่ยกำลังจนตรอก และเป็นคนใจโหดเหี้ยม ไม่แน่อาจจะลงมือกับพวกคุณได้” เหยียนหมิงซุ่นเตือน
จ้าวเสวียหลินแค่นหัวเราะทีหนึ่ง “ขอแค่เธอกล้ามา ฉันจะส่งเธอไปหาเหอปี้อวิ๋นที่นรกทันที!”
จ้าวอิงหัวเองก็ไม่เก็บมาคิดมาก เขากลับนึกถึงอีกเรื่องหนึ่งแทน “นายคิดจะให้อู่เยวี่ยคลอดลูกอย่างราบรื่นจริงเหรอ?”
“ขอแค่เธอคลอดออกมาได้ ผมไม่ถึงขนาดต้องลงมือทำร้ายเด็กทารกคนหนึ่งเองหรอก แต่…” เหยียนหมิงซุ่นเผยยิ้มประหลาดในฉับพลัน อารมณ์ค้างคานี้ทำเอาจ้าวอิงหัวใจคันยุบยิบเอ่ยปากเร่งให้เขารีบพูดให้จบ
“อย่าพูดครึ่ง ๆกลาง ๆได้ไหม แต่อะไร?”
จู่ ๆจ้าวเสวียหลินก็ตบกบาลตัวเอง “ประวัติของเฮ่อเหลียนเช่อพ่อลืมไปแล้วเหรอ เด็กเวรอย่างเฮ่อเหลียนเช่อจะมีลูกปกติได้อย่างไร? ไม่ต้องให้เราลงมือทำอะไรพระเจ้าก็คงไม่ปล่อยไปหรอก”
จ้าวอิงหัวก็นึกเรื่องนี้ขึ้นได้ อย่างว่าแหละอย่าหาว่าพวกเขาจิตใจเหี้ยมโหดที่ไปสาปแช่งเด็กที่ยังไม่ลืมตาดูโลกเลย ใครใช้ให้คนบ้านนี้โรคจิตกันขนาดนี้ล่ะ หากมีเด็กโรคจิตตัวน้อยออกมาสร้างความปั่นป่วนแก่โลกนี้ก็สู้อย่าเกิดมาเลยดีกว่า!
เหยียนหมิงซุ่นพูดเสียงเรียบ “เด็กไม่ใช่ลูกของเฮ่อเหลียนเช่อ เขาใช้อสุจิของหนิงเฉินเซวียน”
อะไรนะ?
จ้าวอิงหัวกับจ้าวเสวียหลินตาค้างพร้อมกัน ดีใจเก้อไปสิ
“แต่…เด็กคนนี้ก็มีความเป็นไปได้สูงว่าจะผิดปกติ” เหยียนหมิงซุ่นกล่าว สายตาฉายแววรังเกียจวูบหนึ่ง
เรื่องนี้เขาเพิ่งตามสืบได้ในช่วงระยะนี้เอง ความรู้สึกตอนรับรู้น่ารังเกียจยิ่งกว่าแมลงวันเข้าปากเสียอีก และในขณะนั้นเองที่เขาเกิดเห็นใจคู่อริอย่างเฮ่อเหลียนเช่อเป็นครั้งแรก
เกิดในครอบครัวโรคจิตแบบนั้นแล้วเติบโตมาได้อย่างนั้นนับว่าเป็นเรื่องเหลือเชื่อมากแล้ว!
“หนิงเฉินเซวียนก็เกิดจากคนสายเลือดเดียวกัน พ่อของเขากับแม่ของเขามีความสัมพันธ์เป็นแม่ลูกกัน ส่วนแม่ของเฮ่อเหลียนเช่อหนิงเฉินซีความจริงแล้วเป็นพี่น้องคนละแม่กับหนิงเฉินเซวียน แม่ของหนิงเฉินซีเป็นพี่สาวของพ่อหนิงเฉินเซวียน ส่วนคุณยายของหนิงเฉินซีความจริงเป็นแม่ของหนิงเฉินเซวียน ฉะนั้นหนิงเฉินเซวียนเป็นทั้งพี่ชายของหนิงเฉินซีและเป็นคุณลุงของเขาเช่นกัน!”
เหยียนหมิงซุ่นพูดยาวเป็นพรวนวกวนไปมาจนจ้าวอิงหัวกับจ้าวเสวียหลินมึน ตาหมุนกลอกเป็นวงกลม
“รอเดี๋ยว แกพูดช้าๆ อะไรคุณยายพี่สาวคุณลุง? นี่มันความสัมพันธ์อะไรเนี่ย? ทำไมฉันยิ่งฟังยิ่งสับสนล่ะ!” จ้าวอิงหัวถามด้วยความมึนงง ส่วนจ้าวเสวียหลินที่อยู่ข้าง ๆก็ทำหน้างุนงง
พี่สาวพี่ชายคุณลุงคุณยายอะไรนั่น สรุปได้คำเดียวก็คือ ‘ซับซ้อน’ ไง!
……………………….
ตอนที่ 1969 ตระกูลโรคจิต
เหยียนหมิงซุ่นมองสองพ่อลูกคู่นี้อย่างนึกรังเกียจ มิน่าภรรยาของเขาถึงไม่ฉลาดดูยีนที่ถูกถ่ายทอดนี้สิ หากมีระดับสติปัญญาที่สูงสิแปลก!
เขาเองก็คร้านจะพูดใหม่เลยหยิบกระดาษปากกามาวาดแผนผังต้นไม้ แบบนี้จะได้เข้าใจแจ่มแจ้งในทีเดียว จ้าวเสวียหลินเป็นคนที่เข้าใจก่อนคนแรกเลยอ้าปากค้างมองรูปแผนผังอย่างไม่เชื่อสายตาตนเอง
“พระเจ้า คนตระกูลนี้ป่วยเป็นโรคประสาทเหรอ? ทำไมถึงไม่ไปหาภรรยาจากข้างนอกนะ?”
จ้าวอิงหัวเองก็เข้าใจเลยรู้สึกสะอิดสะเอียนใจขึ้นมาชั่วขณะ ลำพังเขาแค่เห็นแผนผังนี่ก็รู้สึกแย่มากแล้ว คนตระกูลหนิงใช้ชีวิตอยู่บนโลกใบนี้ได้อย่างไรกัน?
ไม่รู้สึกละอายใจสักนิดเลยหรือ?
แม่กับลูก พี่สาวกับน้องชาย ลุงกับหลาน แล้วก็แม่ลูกที่มีสามีคนเดียวกัน…
แบบนี้ยิ่งกว่าสัตว์เดรัจฉานเสียอีก!
จ้าวอิงหัวถอนหายใจยาวแล้วพูดเสียงสลดใจ “เฮ่อเหลียนเช่อ…ไม่ง่ายเลยจริง ๆ!”
จ้าวเสวียหลินกับเหยียนหมิงซุ่นทั้งหวั่นใจทั้งเศร้าใจในเวลาเดียวกัน ลูกหลานจากตระกูลที่มีความสัมพันธ์ยุ่งเหยิงแบบนี้แต่ยังมีลูกหลานที่เติบโตมาได้อย่างเฮ่อเหลียนเช่อก็ถือว่าเป็นดั่งดอกบัวสีขาวที่ผุดขึ้นกลางโคลนตมแล้วจริง ๆ!
“คนอื่น ๆของตระกูลหนิงก็เป็นแบบนี้เหรอ?” จ้าวอิงหัวถามด้วยความแปลกใจ
เหยียนหมิงซุ่นพยักหน้าแต่ก็ส่ายศีรษะตอบ “ช่วงร้อยปีที่ผ่านมาตระกูลหนิงมีขนบธรรมเนียมแบบนี้ แต่งงานกับแวดวงญาติสนิท ตระกูลหนิงมีชื่อเสียงในพื้นที่มากแต่ตระกูลหนิงไม่ค่อยติดต่อสัมพันธ์กับคนนอกเท่าไร คนในพื้นที่ก็ไม่ค่อยรู้เรื่องครอบครัวพวกเขา แต่ก็ใช่ว่าทุกคนในตระกูลหนิงจะยอมทำตามกฎของบรรพบุรุษ ถ้าขัดขืนไม่เป็นผลก็หนีออกจากบ้านไป”
เขาเว้นช่วงแล้วพูดต่อ “พอนานวันเข้าคนอื่น ๆในตระกูลหนิงก็เริ่มไม่ทำตามกฎธรรมเนียมที่บรรพบุรุษกำหนดไว้ เริ่มไปหาภรรยาจากข้างนอกแล้วมีครอบครัวเหมือนคนปกติ แต่มีแค่หนิงเฉินเซวียนคนเดียวที่โรคจิตขึ้นเรื่อย ๆเพราะแต่งงานกับญาติสนิททำให้เด็กที่เกิดมาส่วนมากตายหมด มีน้อยคนนักที่จะอยู่รอด ฉะนั้นสุดท้ายการแต่งงานด้วยกันของแม่ลูก พ่อลูกหรือพี่น้องกันเองก็กลายเป็นเรื่องปกติไป”
“อุ๊บ…”
จ้าวเสวียหลินทนไม่ไหวแล้วจริง ๆเลยวิ่งไปล้างหน้าล้างตาที่ห้องน้ำ
โลกอันกว้างใหญ่มีสิ่งน่าประหลาดใจมากมาย แต่ตระกูลที่โรคจิตจนน่าเหลือเชื่อแบบนี้เขาเพิ่งเคยพบเคยเห็นเป็นครั้งแรก!
จ้าวอิงหัวกรอกน้ำแก้วใหญ่เข้าปากถึงรู้สึกสบายขึ้นบ้าง ก่อนถามต่อ “ทำไมบรรพบุรุษตระกูลหนิงถึงตั้งกฎแบบนี้ขึ้นล่ะ? อย่างไรเสียก็ต้องมีสาเหตุสินะ!”
“แน่นอน!”
เหยียนหมิงซุ่นพยักหน้าเห็นด้วยแล้วเริ่มบอกเล่าเหตุผล “ต้นตระกูลหนิงมีสายเลือดเชื้อพระวงศ์ ได้ข่าวว่าในยุคสมัยที่รุ่งเรืองถูกแบ่งพื้นที่ให้อย่างกว้างขวาง แต่ภายหลังก็เสื่อมคลายอำนาจลงเป็นแค่มหาเศรษฐีในพื้นที่ คนตระกูลหนิงอยากกลับมาผงาดรุ่งเรืองเหมือนในอดีตอีกถึงได้ให้ความสำคัญกับสายเลือดของลูกหลานอย่างมาก”
จ้าวเสวียหลินพูดแทรก “คนตระกูลหนิงคิดว่าผู้หญิงตระกูลอื่นไม่คู่ควรที่จะมีลูกของตระกูลพวกเขา เพราะจะส่งผลกระทบต่อสายเลือดบริสุทธิ์อันสูงส่งของพวกเขาสินะ?”
“ใช่ คนตระกูลหนิงคิดแบบนี้ พวกเขาคิดว่ามีเพียงผู้หญิงของตระกูลหนิงเท่านั้นที่จะมีสิทธิ์เลี้ยงดูลูกหลานตระกูลเชื้อพระวงศ์”
จ้าวอิงหัวใจเต้นตุบตับแล้วถามด้วยความตกใจ “หรือว่าคนตระกูลหนิงอยากเป็นฮ่องเต้อีกครั้ง?”
จ้าวเสวียหลินสะดุ้งเด้งตัวลุกขึ้น “ไม่ใช่หรอกมั้ง นี่มันยุคไหนแล้วยังมีคนคิดจะเป็นฮ่องเต้อีกเหรอ?”
“ทำไมถึงจะเป็นไปไม่ได้ล่ะ? หรือนายคิดว่าที่หนิงเฉินเซวียนรวบรวมคนมีความสามารถมากมายตลอดหลายปีนี้เพียงเพื่อต่อกรกับพ่อบุญธรรมฉันเล่น ๆเหรอ?” เหยียนหมิงซุ่นหัวเราะประชด
หนิงเฉินเซวียนต้องเตรียมชุดฮ่องเต้ที่เป็นพวกของใช้ไว้สำหรับขึ้นครองราชย์ไว้แล้วแน่ๆ ตอนนี้เขาขาดเพียงผู้สืบทอดเท่านั้น!
“บ้าไปแล้ว…บ้าไปแล้ว…บ้ากันหมดแล้ว!” จ้าวอิงหัวส่ายศีรษะอย่างไม่เชื่อหูราวกับได้ฟังเรื่องเล่าในตำนาน แต่นี่กลับเป็นความจริง
จ้าวเสวียหลินพูดขึ้นอย่างร้อนใจ “แล้วเราจะรออะไรอีก รีบจับตัวเจ้าบ้านี่ซะสิ!”
……………………..