มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 1495

เมื่อเห็นว่าหลัวซิวเก็บร่างหลี่เสวียนซิงเข้าไปในสมบัติชิ้นหนึ่ง สีหน้าท่าทางของนายท่านตระกูลสวีที่อยู่ด้านล่างดูตื่นเต้นดีใจและกระวนกระวายเล็กน้อย

สิ่งที่เขารู้สึกตื่นเต้นดีใจคือผู้แข็งแกร่งที่ความเป็นมาลึกลับผู้นี้ เก่งกาจกว่าที่ตนจินตนาการเอาไว้มาก ๆ แม้กระทั่งหลี่เสวียนซิงที่มีศักยภาพเทียบเท่ากับเทพฟ้าขั้นปฐมภูมิยังไร้แรงต่อต้าน เมื่อตกอยู่ในกำมือของคนดังกล่าว

และสิ่งที่เขารู้สึกกระวนกระวายก็คือภูมิหลังของหลี่เสวียนซิง ทันทีที่เกิดเรื่องขึ้นกับศิษย์ใจกลางเชกเช่นเขา ทางสำนักเทียนเจี้ยนสามารถสืบสาวมาถึงตระกูลสวีของพวกเขาได้อย่างง่ายดายเลย

โชคดีที่เขาไม่ได้สังหารหลี่เสวียนซิงโดยตรง มิเช่นนั้นละก็ เรื่องนี้ต้องนำพาหายนะที่ทำให้ตระกูลสวีล่มสลายได้อย่างแน่นอน

เงาร่างของหลัวซิวลอยอยู่กลางนภา เขามองลงมาทางผู้คนในตระกูลสวีที่อยู่ในหุบเขาทิพย์ พลางเอ่ยปากพูดอย่างเรียบนิ่ง: “วินาทีนี้จบเรื่องทุกอย่างแล้ว และข้าก็ควรจากไปแล้วเช่นกัน ถือซะว่าสิ่งนี้เป็นค่าตอบแทนที่ตระกูลสวีเจ้าช่วยข้าสืบเสาะข่าวคราว”

เขายกมือขึ้นมาโบกทีหนึ่ง ธงค่ายที่มีขนาดเท่าฝ่ามือหนึ่งผืนก็ร่วงหล่นลงจากฟ้า

นายท่านตระกูลสวีรีบยื่นมือไปรับ เสี้ยววินาทีที่ฝ่ามือและธงค่ายสัมผัสกัน ข่าวคราวหนึ่งก็โหดซัดเข้าไปในสมองเขา

“ค่ายกลเทพระดับ 3?”มือทั้งสองข้างของนายท่านตระกูลสวีสั่นเทาเล็กน้อย ข่าวคราวที่พรั่งพรูเข้าไปในสมองเขาได้กล่าวไว้ว่า ค่ายกลเทพระดับ 3 นี้สามารถโจมตีและป้องกันได้ในเวลาเดียวกัน พลังโจมตีเทียบทัดกับเทพมารขั้นสูง ด้านการป้องกันก็สามารถต้านทานการโจมตีจากเทพมารขั้นสูงได้เช่นกัน!

เมื่อมีค่ายกลนี้แล้ว ตระกูลสวีของพวกเขาก็จะสามารถปักหลักอยู่ในหุบเขาทิพย์แห่งนี้ได้อย่างไร้ความกังวล ถึงแม้อายุไขของเขาจะสูญสิ้นและดับสลายตายหายไปจากโลกนี้ ตระกูลสวีไม่มีผู้แข็งแกร่งเทพมารคอยคุ้มกันรักษา เพียงอาศัยธงค่ายผืนนี้ ก็สามารถรับประกันการถ่ายทอดสืบสานของตระกูลสวีต่อไปได้อย่างหายห่วง!

เมื่อเขาแหงนหน้ามองขึ้นฟ้า หลัวซิวก็หายไปแล้ว จึงทำให้นายท่านตระกูลสวีถอนหายใจในใจ

……

วันนี้มีระลอกคลื่นหนึ่งปรากฏในดาราจักรวาลนอกโลกาดาราอุดร จากนั้นก็มีแสงแห่งวาร์ปสาดส่องออกมาจากระลอกคลื่น ร่วงลงบนแผ่นดินใหญ่ที่อยู่ด้านล่าง

ระยะเวลาห่างกันประมาณสี่วัน จี้เฟิงและมู่หมิงราชาเทพทั้งสองก็อาศัยค่ายวาร์ฟล่องหน ย่างกรายมาถึงโลกาดาราอุดรแล้วเช่นกัน!

หลัวซิวออกจากตระกูลสวีในหุบเขาทิพย์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว จู่ ๆ วิกฤตการณ์ลาง ๆ ที่เขาสัมผัสได้ในตอนแรกก็เข้มข้นขึ้นมากะทันหันในแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

“จี้เฟิงมาแล้ว……”หลัวซิวรู้สึกหวาดกลัวอย่างอดไม่ได้

“ถึงแม้ข้าจะผนึกรวมดาราชีวีดวงที่สองขึ้นมาได้แล้ว แต่ก็ยังไม่เพียงพอต่อการปะทะกับผู้แข็งแกร่งราชาเทพอยู่ดี นอกเสียจากว่าข้าจะฝึกบทแรกของเคล็ดแสงดาวเทียนเต้าถึงระดับบริบูรณ์ ผนึกรวมดาราชีวีได้ทั้งหมด 18 ดวง!”

ความรู้สึกกดดันในแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อนทำให้หลัวซิวขมวดคิ้วแน่นมาก ๆ เทพฟ้าและราชาเทพเป็นการก้าวข้ามเขตแดนที่ยิ่งใหญ่มาก ๆ ถึงแม้จะผนึกรวมดาราชีวีได้ทั้งหมด 18 ดวง เขาก็ไม่มั่นใจอย่างเต็มร้อยเช่นกันว่าจะสามารถต่อกรกับราชาเทพได้

ครั้นเมื่ออยู่ในสถานผนึกดารามรณะ เขาอาศัยพลังแห่งดาวมรณะนับร้อยดวง เมื่อประมือกับจี้เฟิงแล้ว เขาก็ยังเป็นฝ่ายเสียเปรียบอยู่ดี ทำให้เห็นว่าทั้งสองก็ยังแตกต่างกันอยู่เล็กน้อย

เขาหยิบม้วนหยกออกมาหนึ่งชิ้น ส่งข้อมูลข่าวที่เกี่ยวข้องกับค่ายวาร์ฟล่องหนไปให้ปีศาจทั้งเก้า ในขณะเดียวกันเขาก็นำเรื่องที่ตนคาดการณ์ว่าจี้เฟิงย่างกรายมาถึงโลกาดาราอุดรแล้ว แจ้งให้ปีศาจทั้งเก้าทราบในทีเดียว

“ค่ายวาร์ฟล่องหนถูกยึดกุมโดยกองกำลังใหญ่ทั้งหลายในโลกาดาราอุดร การที่จะใช้อำนาจบุกเข้าไปนั้นเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอน สิ่งเดียวที่ทำได้มีเพียงรอคอยโอกาส!”

“และระหว่างที่ข้ารอคอยโอกาสนั้น ยังต้องคอยหลบหนีการไล่ล่าจากจี้เฟิงด้วย บัดนี้ต้องไปหาสถานที่ที่ปลอดภัยแห่งหนึ่ง เพื่อยกระดับผลการฝึกตนและศักยภาพของตน ถึงจะมีกำลังสามารถเอาตัวรอดได้มากยิ่งขึ้น”

ความคิดต่าง ๆ กระพริบผ่านขึ้นมาในสมอง หลัวซิวรีบบินหนีจากไปอย่างรวดเร็ว จากนั้นเขาก็ได้เปิดถ้ำบนภูเขาที่รกร้างแห่งหนึ่ง จัดวางค่ายกลเพื่ออำพรางพลังออร่าของตน