มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 1496

“โลกาดาราอุดรกว้างใหญ่เช่นนี้ มาตรแม้นว่าจี้เฟิงจะเป็นผู้แข็งแกร่งระดับราชาเทพ หากจะตามหาข้าในฟ้าดินที่กว้างใหญ่อย่างไม่มีที่สิ้นสุดนี้ ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายแน่นอน”

ในถ้ำที่ธรรมดาเรียบง่ายแห่งหนึ่ง หลัวซิวนำเศษใจแห่งศุภรออกมาเพื่อเปิดโลกาศุภร จากนั้นเขาก็รีบนำแก้วเทวชั้นกลางจำนวนมากออกมาจากแหวนเก็บของ ทำให้ร่างกายของเขาถูกแสงอันสว่างไสวที่เปล่งประกายออกมาจากแก้วเทวปกปิดโดยสิ้นเชิง

ครั้นเมื่ออยู่ในหุบเขาทิพย์ตระกูลสวี เขาก็เคยทำการทดลองมาก่อนแล้ว ในขณะที่เคล็ดแสงดาวเทียนเต้าผนึกรวมดวงดาราชีวีที่สองขึ้นมาอยู่นั้น เขาสูญเสียแก้วเทวชั้นกลางไปทั้งหมดสองล้านชิ้น เมื่อเปรียบเทียบจำนวนนี้กับหนึ่งหมื่นล้านชิ้นแล้ว ก็ไม่ถือว่าเป็นจำนวนที่เยอะเท่าไหร่นัก

จากการคาดสถานการณ์ของหลัวซิว ถึงแม้ยิ่งถึงช่วงหลัง ๆ พลังที่ต้องใช้ในการผนึกรวมดาราชีวีหนึ่งดวงนั้นก็จะยิ่งมาก จากจำนวนแก้วเทวชั้นกลางทั้งหมดหนึ่งหมื่นล้านชิ้น ก็เพียงพอที่จะทำให้เขาผนึกรวมดาราชีวีทั้ง 18 ดวงออกมาได้แล้ว

ตรงหว่างคิ้วมีแสงเรืองสองดวงกระพริบระยิบระยับ หลังจากแสงเรืองทั้งสองร่วงลงบนพื้น ก็กลายเป็นร่างกลวัฏสงสารทั้งสอง การฝึกตนปิดขังในครั้งนี้ของร่างแท้เขาก็ยังคงเน้นฝึกเคล็ดแสงดาวเทียนเต้าเป็นหลักเช่นเคย ส่วนภารกิจของร่างกลวัฏสงสารทั้งสองนั้น คือตระหนักรู้ในสี่กฎใหญ่อย่างการเวียนว่ายตายเกิดและห้วงเวลา

ร่างกลวัฏสงสารที่หนึ่งตระหนักรู้ในกฎห้วงเวลา ร่างกลวัฏสงสารที่สองตระหนักรู้กฎการเวียนว่ายตายเกิด เมื่อเปรียบเทียบทั้งสองร่างด้วยกันแล้ว ร่างที่มีผังแห่งความเป็นตายดั้งเดิมทั้งเก้ารูปจะตระหนักรู้และพัฒนากฎการเวียนว่ายตายเกิดได้ง่ายกว่าเล็กน้อย อย่างไรก็ตามความเร้นลับของกฎชั้นยอดนั้นลึกซึ้งจนไม่อาจคาดเดาได้ ต่อให้ระดับความยากจะลดลงไปแล้ว แต่ระดับความยากในการตระหนักรู้ก็ยากกว่าการตระหนักรู้ในกฎธรรมดาทั่วไปหลายเท่าตัวมาก

เวลาผ่านพ้นไปโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว พลังที่มากมายมหาศาลไหลทะลักเข้าไปในร่างกายเขา ถึงแม้พลังจำนวนมากจะถูกร่างแท้ดูดซับกลั่นแปรไปแล้ว เมื่อร่างกลวัฏสงสารทั้งสองอยู่ภายใต้สภาพแวดล้อมเช่นนี้ ผลประโยชน์ที่ทั้งสองร่างได้รับก็มีไม่น้อยเช่นกัน

ถึงอย่างไรแก้วเทวชั้นกลางก็เป็นทรัพยากรที่ผู้แข็งแกร่งระดับราชาเทพใช้มาฝึกตน พลังที่แฝงซ่อนอยู่ภายใน ไม่ว่าจะเป็นด้านคุณภาพหรือปริมาณ ล้วนพอดูมากเลยทีเดียว

มีค่ายกลคอยตัดขาดพลังออร่าทั้งหมดจากโลกภายนอก หลัวซิวค่อย ๆ ลืมเรื่องทุกอย่างไป ดื่มด่ำอยู่กับการยกระดับผลการฝึกตน รวมไปถึงการตระหนักรู้ในกฎ

หลังจากผ่านไปหนึ่งเดือน ดาราชีวีดวงที่สามก็ปรากฏขึ้นมาในจุดตันเถียนชี่ไห่โดยสอดคล้องกับความต้องการของหลัวซิว หลังผ่านไปสองเดือน ดาราชีวีดวงที่สี่ก็ผนึกรวมกันจนสำเร็จ……

จนกระทั่งหลังจากดาราชีวีดวงที่หกผนึกรวมกันสำเร็จโดยสิ้นเชิงแล้ว ระยะเวลาที่หลัวซิวใช้สอยไปนั้น โดยส่วนใหญ่ความคืบหน้าในการผนึกรวมดาราชีวีของเขาอยู่ที่หนึ่งดวงต่อหนึ่งเดือน

จนถึงวินาทีนี้ ผลการฝึกตนของเขาจากเทพมารขั้น 3 ได้บรรลุถึงขีดจำกัดแล้ว ต่อไปสิ่งที่ต้องทำก็คือทะลุสู่เทพมารช่วงกลาง บรรลุจากขั้น 3 ขึ้นไปถึงขั้น 4 ผนึกรวมดาราชีวีดวงที่เจ็ดขึ้นมา!

อย่างไรก็ตามหลัวซิวกลับมองข้ามจุดที่ค่อนข้างสำคัญจุดหนึ่งไป ในขณะที่ผลการฝึกตนของเขากำลังมุ่งจากเทพมารขั้น 3 ไปสู่เทพมารขั้น 4 อยู่นั้น มีเมฆครึ้มจำนวนมากรวมตัวกันอยู่เหนือนภาสถานที่ฝึกตนปิดขังของเขา เสียงฟ้าร้องดังก้องกังวาน สายฟ้าผ่าสลับไปมา ทัณฑ์สายฟ้าพิโรธปรากฏอีกครั้ง!

ในการฝึกยุทธ์นั้น จะเริ่มบังเกิดทัณฑ์สายฟ้าพิโรธก็ต่อเมื่อบรรลุสู่มหาจักรพรรดิยุทธ์ เพราะตั้งแต่มหาจักรพรรดิยุทธ์เป็นต้นไป การบรรลุในทุกแดนใหญ่ อายุไขจะเกิดการเปลี่ยนแปลงจากหน้ามือเป็นหลังมือ อายุไขที่เพิ่มขึ้นนั้นเยอะมาก ๆ

ซึ่งการกระทำเช่นนี้ถือเป็นการต่อต้านสวรรค์เปลี่ยนแปลงโชคชะตา เป็นสิ่งที่กฎฟ้าดินไม่อาจให้อภัยได้ ด้วยเหตุนี้ถึงมีทัณฑ์สายฟ้าพิโรธคงอยู่

ในนักยุทธ์อัจฉริยะผู้ไร้เทียมทานจำนวนมาก มีคนส่วนมากดับสลายสูญสิ้นไปจากโลกนี้เพราะทัณฑ์สายฟ้าพิโรธ เนื่องจากบรรลุล้มเหลวจึงส่งผลให้จิตวิญญาณดับสลายเป็นฝุ่นผง

มีเพียงอัจฉริยะจนถึงผู้เก่งกาจดุจปีศาจส่วนน้อยเท่านั้น ถึงมีทัณฑ์สายฟ้าพิโรธบังเกิดขณะบรรลุในแดนเล็ก

และหลัวซิวก็ถือเป็นคนประเภทนี้อย่างไร้ข้อสงสัย

จากขั้นปฐมภูมิถึงช่วงกลาง จากช่วงกลางถึงช่วงปลาย เป็นการก้าวข้ามที่สำคัญมาก ๆ ในแดนเล็ก การที่ทัณฑ์สายฟ้าพิโรธบังเกิดบัดนี้ เป็นเพราะทันทีที่หลัวซิวบรรลุสำเร็จ ศักยภาพของเขาก็จะเพิ่มพูนขึ้นเยอะมาก!

ทัณฑ์สายฟ้าพิโรธกำลังรวมตัวกันอย่างค่อยเป็นค่อยไป ทำให้ดึงดูดความสนใจของผู้แข็งแกร่งจำนวนมากในบริเวณแสงดาวมูน หลังจากหลัวซิวออกจากหุบเขาทิพย์ตระกูลสวีแล้ว เขาไม่ได้หนีไปที่ใดไกลมากนัก ยังคงอยู่ในบริเวณเขตพื้นที่แสงดาวมูน