ตอนที่ 1581 : เถี่ยต้าปรากฏตัว

เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god)

ตอนที่ 1581 : เถี่ยต้าปรากฏตัว

ส่วนตะวันออกสุดของทวีปแห่งความสูญเปล่าเป็นของเอลฟ์ ห่างมาจากป่าแสนกิโลเมตรนั้นเป็นสุสานขนาดใหญ่

สุสานแห่งนี้เป็นสีขาวสร้างขึ้นมาจากเหล็กแก่นอาทิตย์ นี่คือแร่เพียงอย่างเดียวที่มีในทวีป มันเกิดขึ้นมาจากหินธรรมดาในสภาพแวดล้อมที่แห้งแล้ง ดูดซับพลังจากดวงอาทิตย์มาหลายปี มันมีค่าอย่างมากในทวีปแห่งความสูญเปล่า ค่าของมันมีค่ามากกว่าเหล็กผสมทังสเตนในทวีปเทียนหยวน

เหล็กนี้แข็งมากซึ่งทำให้มันมีไม่อาจทำลายได้หากไม่มีพลังเทียบเท่ากับเซียนผู้คุมกฎในทวีปนี้ โลหะคือทรัพยากรที่มีแค่ตระกูลหรือองค์กรใหญ่ใช้เพราะมันไม่ใช่แค่ใช้ทำอาวุธคุณภาพสูงได้ แต่มันยังมีเศษเสี้ยวของพลังจากดวงอาทิตย์ ด้วยทักษะลับบางอย่างคนเราสามารถกลั่นเอาพลังจากดวงอาทิตย์ที่ซ่อนอยู่ภายในใช้เพื่อการบ่มเพาะได้

แต่แม้แต่ในหมู่องค์กรที่มีอำนาจในทวีปแห่งความสูญเปล่า มันก็ไม่ได้มีเหล็กนี้มากนัก แต่สุสานขนาดใหญ่นี้ใช้เหล็กนี้สร้างซึ่งดูเหมือนว่าจะทำขึ้นมาจากชิ้นเดียว มันไม่มีรอยแตกหรือรอยเชื่อมต่อเลยแม้แต่น้อย

มันเป็นไปไม่ได้ที่จะทำลายเหล็กแก่นอาทิตย์โดยไม่มีพลังเทียบเท่ากับเซียนผู้คุมกฎ แต่สุสานแห่งนี้ดูเหมือนจะสร้างขึ้นจากเหล็กเพียงชิ้นเดียว หากไม่นับค่าของสุสาน แค่การสร้างมันก็เป็นเรื่องที่ยากแล้ว

ร่องรอยบนสุสานได้แสดงว่ามันตั้งอยู่มานาน แม้ว่าสุสานแห่งนี้จะดูสะอาดโดยไม่มีฝุ่นเลยแม้แต่น้อยแต่มันก็ยังไม่อาจจะปกปิดรอยที่ถูกทิ้งไว้เพราะกาลเวลาได้

สุสานตั้งอยู่ที่นี่มานาน ไม่ใช่แค่ไม่มีใครกล้าขโมยมันไป แต่มันยังได้รับการบูชาจากทุกเผ่าในทวีปแห่งความสูญเปล่า เซียนราชาหลายคนบูชามันทำให้สุสานแห่งนี้กลายเป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์ที่ไม่มีใครกล้ารุกล้ำ

นี่คือสุสานของเอ่อหยิน แม้ว่าเขาจะตายเพราะการต่อสู้เมื่อหลายปีก่อนแต่เขาก็ยังอยู่ในใจของคนในตระกูลของเขา

ในเวลาเดียวกันนี่ก็คือที่ซึ่งเอ่อหยินโดนผนึกไว้ ผนึกอันทรงพลังอยู่ภายใต้สุสานแห่งนี้

หลายคนเคยมาที่สุสานของเอ่อหยิน พวกเขาจะมาคุกเข่าภาวนารวมถึงทำความสะอาดที่นี่และวันนี้ก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น คนกว่าหมื่นคนมาภาวนาตรงหน้าสุสานแห่งนี้

แต่ตอนนั้นพื้นดินกลับสั่นไหวขึ้นมาเบา ๆ พื้นดินขยับราวกับทวีปทั้งหมดสั่นไหว แม้แต่สุสานเองก็เริ่มสั่นไหว ในเวลาเดียวกันก็มีพลังอันน่ากลัวแผ่ออกมาจากส่วนลึกของสุสาน

พลังนี้ทำให้พื้นดินสั่นไหว ตอนนั้นทั้งทวีปโดนพลังนี้ห่อหุ้มเอาไว้ ลมและเมฆเริ่มหมุนวนในท้องฟ้า ชั้นเมฆหนา ๆ เหนือทวีปสลายไปอย่างรวดเร็ว

พลังอันน่ากลัวนี้ไม่นานก็แผ่ออกไปเกินกว่าทวีปแห่งความสูญเปล่า ไม่นานมันก็กลืนกินทวีปเทียนหยวน, ทวีปสัตว์เทวะ, อาณาจักรทะเลและทวีปอาร์คติก จนทำให้ทุกคนที่รู้สึกถึงมันต้องตกตะลึง

จอมยุทธขอบเขตดั้งเดิมหลายคนในห้องโถงศักดิ์สิทธิ์ต่างก็มองไปยังทางทวีปแห่งความสูญเปล่าก่อนจะพากันดีใจขึ้นมา

“เถี่ยต้า เขาทะลวงผ่านแล้ว” เฟิงเซียวเทียน พูดขึ้นมาพร้อมกับยิ้ม

“วิเศษ เราแข็งแกร่งขึ้นอีกครั้งแล้ว” เทพเจ้าแห่งท้องทะเลพูดขึ้น ในที่สุดเถี่ยต้าก็ออกจากการเก็บตัวหลังจากผ่านไป 3 ปีซึ่งทำให้จอมยุทธขอบเขตดั้งเดิมหลายคนที่คุ้มกันห้องโถงอยู่นั้นโล่งใจ

ประตูมิติเปิดออกนอกสุสานทีละอัน ๆ เซียนราชาและเซียนจักรพรรดิรีบไปที่นั่นให้เร็วที่สุด ไม่ใช่แค่สามคนจากร้อยเผ่าพันธุ์ แต่ยังมีสัตว์อสูรและเซียนราชากับเซียนจักรพรรดิมนุษย์มาด้วย

ในอดีตนั้นคนนอกจะต้องเจอขัดขวางจากพวกร้อยเผ่าพันธุ์หากพวกเขามาที่นี่ แต่ตอนนี้พวกเขาเป็นหนึ่งเดียวกันแล้วซึ่งทำให้มองข้ามเรื่องอาณาเขตไป ผลก็คือร้อยเผ่าพันธุ์นั้นยินดีต้อนรับการมาถึงของมนุษย์และสัตว์อสูร

“มันคือเทพเจ้าสงคราม เทพเจ้าสงครามออกจากการเก็บตัวแล้ว…”

จอมยุทธจากร้อยเผ่าพันธุ์ต่างก็โห่ร้องออกมาตอนที่ไปรวมตัวกันรอบสุสาน เสียงของพวกเขาเต็มไปด้วยความยินดี มันเป็นไปได้ที่จะบอกว่าแค่เพียงมองก็พบว่าความแข็งแกร่งของเทพเจ้าสงครามนั้นเพิ่มขึ้น ร้อยเผ่าพันุ์มองว่าเทพเจ้าสงครามคือผู้นำของพวกเขา ดังนั้นพวกเขาจึงตื่นเต้นเมื่อรู้ว่าความแข็งแกร่งของเถี่ยต้านั้นเพิ่มขึ้น

“ในที่สุดเทพเจ้าสงครามก็ปรากฏตัวหลังจากที่หายไปถึง 3 ปี…”

“กว่า 3 ปีมานี้เทพเจ้าสงครามต้องได้รับการสืบทอดในสุสานแน่ ข้าสงสัยว่าความแข็งแกร่งของเทพเจ้าสงครามจะอยู่ระดับไหนหลังจากที่ปรากฏตัวขึ้นมา ข้าสงสัยว่าเขาจะก้าวข้ามราชันมนุษย์ได้รึไม่….”

“ราชันมนุษย์ได้หายตัวไป 3 ปีเช่นกัน และมันก็ไม่มีข่าวเกี่ยวกับเขาเลย ถ้าความแข็งแกร่งของราชันมนุษย์ไม่เพิ่มขึ้นเลยในตลอด 3 ปี เขาก็ไม่ใช่คู่ปรับของเทพเจ้าสงคราม…”

“เทพเจ้าสงครามและพยัคฆ์ปีกเทวะนั้นแค้นเคืองกัน ความแข็งแกร่งของเทพเจ้าสงครามเพิ่มขึ้นอีก แต่พยัคฆ์ปีกเทวะเพิ่งจะทะลวงผ่านขึ้นไปขอบเขตดั้งเดิมหลังจากที่ได้รับการสืบทอดในหอคอยสัตว์เทวะและอยู่ในโถงศักดิ์สิทธิ์มาตลอด 3 ปี ความแข็งแกร่งของพยัคฆ์ปีกเทวะไม่ได้เพิ่มขึ้นเลยแม้แต่น้อย ดังนั้นเขาอาจจะไม่ใช่คู่ปรับของเทพเจ้าสงคราม….”

หลายความคิดโผล่มาในหัวมนุษย์และสัตว์อสูร ไม่ต้องเดาเลยว่าการที่เทพเจ้าสงครามแข็งแกร่งขึ้นมาได้เพิ่มสถานะของร้อยเผ่าพันธุ์ขึ้นมาอย่างมาก

ตอนนั้นพลังอันน่ากลัวที่ทำให้โลกสั่นไหวจู่ ๆ ก็หายไป แสงสีทองปรากฏขึ้นมาตรงหน้าสุสาน มันลอยอยู่บนฟ้าราวกับดวงอาทิตย์ขนาดเล็กส่องแสงให้กับสิ่งรอบตัวด้วยแสงที่เจิดจ้า ในแสงนั้นมีร่างหนึ่งและไม่แปลกใจเลยว่าร่างนั้นเป็นของเถี่ยต้า

” ยินดีต้อนรับเทพเจ้าสงครามจากการเก็บตัว ! ”

ทุกคนจากร้อยเผ่าพันธุ์ต่างก็พากันคุกเข่าแล้วตะโกนออกมา เสียงของพวกเขาเต็มไปด้วยความตื่นเต้นและดีใจ

มนุษย์และสัตว์อสูรนั้นไม่ได้คุกเข่า แต่มองไปที่เถี่ยต้าด้วยสายตาสุภาพและโค้งให้

“ไม่จำเป็นต้องทำเอิกเกริก ข้าจะไปยังโถงในเมืองทหารรับจ้างทันที ข้าขอตัวก่อน” เถี่ยต้าพูดด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวลทุ้มลึก หลังจากนั้นเขาก็ใช้ความลึกลับแห่งสงครามตัดผ่านมิติ เขาเดินทางมุ่งหน้าไปยังโถงศักดิ์สิทธิ์ทันที

แสงสีทองบนตัวเถี่ยต้าได้ห่อหุ้มโถงศักดิ์สิทธิ์เอาไว้ เถี่ยต้ายืนถือขนของสัตว์อสูรแล้วยืนนิ่ง ผิวหนังของเขาส่องประกายออกมาราสวกับทองและมันก็มีประกายเหล็กเหมือนกับสมบัติที่ผิวของเขาด้วย

เทียนเจี้ยน, เสือขาว, เสี่ยวหลิง, เสี่ยวจิน, เทพเจ้าแห่งท้องทะเล, หยางลี่และคนอื่น ๆ ต่างก็หันไปสนใจเถี่ยต้า และตรวจสอบอีกฝ่ายดู แต่ไม่มีสักคนที่รู้ถึงระดับบ่มเพาะของเถี่ยต้าได้

“เถี่ยต้า เจ้าขึ้นถึงขั้นรับมอบหรือขั้นย้อนกลับ ? ” เทพเจ้าแห่งท้องทะเลถามขึ้นมา

เถี่ยต้าเกาหัวและพูดขึ้นมา “ข้าไม่รู้ว่าไปถึงขั้นไหน วิธีการบ่มเพาะของข้าต่างจากของพวกเจ้าทุกคนแต่ข้ารู้สึกว่าข้าไม่ต้องกลัวโอวหยางหยิงเว่ยอีกต่อไป ใช่สิ ขนสัตว์อสูรที่ข้ามีตอนนี้สร้างขึ้นจากการรวมของทั้ง 18 ชิ้น หลังจากที่รวมมันเข้าด้วยกัน ข้าถึงได้พบความลับในขนสัตว์อสูร”