ตอนที่ 1582 : ความลับของขนสัตว์อสูร (1)

เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god)

ตอนที่ 1582 : ความลับของขนสัตว์อสูร (1)

เถี่ยต้ายื่นขนสัตว์อสูรในมือออกไปและมองไปยังคนตรงหน้า ขนสัตว์อสูรใหญ่ขึ้นอย่างเห็นได้ชัดหลังจากที่นำมารวมกัน สีหน้าของเถี่ยต้าดูแปลกใจและเต็มไปด้วยความสงสัย เขาค่อนข้างสับสน

มันราวกับว่าความลับในขนสัตว์อสูรทำให้เถี่ยต้าแปลกใจและมีหลายด้านที่เขาไม่อาจจะเข้าใจได้

จอมยุทธขอบเขตดั้งเดิมมองไปที่ขนสัตว์อสูร แม้ว่าพวกเขาจะเห็นความลับที่ซ่อนอยู่ภายในตที่อาจจะโดดเด่นเพราะสีหน้าของ เถี่ยต้า แต่ไม่มีสักคนที่เข้าไปรับขนนั้นมา

“มีความลับอะไรซ่อนอยู่ภายใน ? มาให้ข้าดูหน่อย” สุดท้ายเสี่ยวหลิงก็เป็นคนแรกที่ขยับ นางทำตัวเหมือนเด็กอย่างเช่นเคย ชัดแล้วว่านางไม่อาจจะปิดความสงสัยของตัวเองได้ แววตาอันสดใสของนางเต็มไปด้วยความสนใจและสงสัย นางคว้าเอาขนสัตว์อสูรจากมือของเถี่ยต้า นางใช้มือเล็ก ๆ ของนางแกะมันออกและพบว่าไม่มีอะไรอย่างอื่นอกจากขนสีขาว ทั้งหมดที่นางรู้สึกได้มีเพียงขนที่นุ่มเท่านั้น

เสี่ยวหลิงหยุดก่อนที่จะตรวจสอบขนนั้นใกล้ ๆ สีหน้านางเต็มไปด้วยความสงสัย นางเหมือนจะคิดถึงบางอย่าง ตาของนางเป็นประกายขึ้นมาและพูดขึ้น “ข้าเข้าใจแล้ว ข้าเห็นความลับด้วยการใช้วิญญาณของข้า ฮิฮิ” เสี่ยวหลิง หัวเราะออกมาและส่งวิญญาณเข้าไปในขนสัตว์อสูร

ทุกคนต่างก็หันไปสนใจเสี่ยวหลิง ความลับในขนสัตว์อสูรนี้ถึงกับทำให้เถี่ยต้าตกตะลึงและสับสน ดังนั้นทุกคนจึงอยากจะรู้ความลับของมันแต่ไม่มีใครอยากลงมือก่อน

แต่แค่ไม่กี่วินาทีหลังจากที่เสี่ยวหลิงส่งวิญญาณเข้าไป สีหน้าของนางกลับเปลี่ยนไปและนางก็อดไม่ได้ที่จะตัวสั่น ตาของนางดูเหม่อลอยและมีน้ำตาเอ่อล้นออกมาจากดวงตา นางเหมือนกับเศร้าอย่างมาก

” ฮือ…นายท่าน นายท่าน ท่านอยู่ไหนกัน….อย่าทิ้งข้า ข้าคิดถึงท่านมาก…นายท่าน ท่านอยู่ไหน…”

น่าแปลกใจที่อยู่ ๆ เสี่ยวหลิง ก็เริ่มร้องไห้หลังจากที่ส่งวิญญาณเข้าไป นางเศร้าอย่างมากพร้อมกับน้ำตาที่ไหลออกมาราวกับน้ำพุ ตอนที่น้ำตาไหลอาบแก้ม พวกมันก็หยดไปถึงพื้นกระจายกลายเป็นหยดเล็ก ๆ

น้ำตาของเสี่ยวหลิงยังคงไหลต่อไม่มีท่าทีจะหยุด นางเหมือนจะเปลี่ยนเป็นเด็กสาวที่เพิ่งจะถูกทิ้ง นางเศร้าอย่างมาก นางเหมือนไม่อาจจะทำอะไรได้เลย

เทียนเจี้ยน, เทพเจ้าแห่งท้องทะเล, ฮุสตัน, หยางลี่, เฟิงเซียวเทียน, กุยไฮ่ยี่เต่า, เถี่ยต้า และคนอื่น ๆ ต่างก็มองหน้ากัน ทุกคนต่างก็พูดอะไรไม่ออก แต่ทุกคนพากันสงสารกับการที่เสี่ยวหลิงร้องไห้ ทุกคนต่างก็รู้สึกเป็นห่วงนาง

ในเวลาเดียวกันทุกคนก็เริ่มสงสัยว่ามีความลับอะไรซ่อนอยู่ภายในมากกว่าเดิม

“พี่เสี่ยวหลิง ไม่ต้องร้องไห้ไป เจ้ายังมีข้า ข้าคือน้องชายของเจ้า เสี่ยวจิน” เสี่ยวจินพูดขึ้นพร้อมจับมือเสี่ยวหลิง แม้ว่าจะผ่านมา 3 ปีแล้ว แต่เสี่ยวจินไม่ได้เปลี่ยนไปเลยแม้แต่น้อย เขายังดูเหมือนเดิมเด็กชายที่อายุ 3-4 ปี เขาดูใสซื่อและน่ารัก

ตอนที่เสี่ยวจินพูดขึ้นมา เขาก็จับเอาขนในมือเสี่ยวหลิงมา เขาไม่ได้สนใจความลับที่ซ่อนอยู่ภายในและโยนมันไปใส่มือของฮุสตัน สำหรับเสี่ยวจินแล้ว เสี่ยวหลิงเริ่มร้องไห้เพราะขนสัตว์อสูรนี่ ชัดเจนแล้วว่าเขาจะไม่ยอมให้มันอยู่กับเสี่ยวหลิงอีกต่อไป

เสือขาวในร่างมนุษย์เองเหมือนจะจำพ่อที่เขาไม่เคยเจอได้ ตอนที่เขาเห็นว่าเสี่ยวหลิงนั้นเศร้า ความเศร้าที่ไม่อาจจะอธิบายได้ปรากฏขึ้นมาบนใบหน้าเขา เขายืนนิ่งเงียบไม่พูดอะไรออกมา

กว่า 3 ปีที่ผ่านมาเสือขาวยังคงเงียบอยู่เสมอ เขายากที่จะพูดอะไรออกมาซึ่งทำให้เขาดูเหมือนเย็นชา ใบหน้าของเขายังคงเป็นดังเดิมดูเยาว์วัยดังเช่นแต่ก่อนพร้อมกับผมสีขาวราวหิมะ แต่ใบหน้าที่เยาว์วัยนั้นกลับหายไป มันถูกแทนที่ด้วยสีหน้าเย็นชาที่ไม่เหมาะกับอายุของเขา เขาดูราวกับวีรบุรุษที่ผ่านสงครามมามากมาย

ตอนที่ฮุสตันรับขนสัตว์อสูรมา ทุกคนต่างก็หันมามองที่เขา

ฮุสตันคิดถึงสิ่งที่ต้องทำก่อนจะโยนขนนั้นไปในอากาศ เขายกมันไว้ในอากาศด้วยพลังที่มองไม่เห็นเพื่อที่ไม่ให้มันตกลงมาที่พื้น

“เพราะทุกคนสนใจความลับที่ซ่อนอยู่ด้านใน ทำไมเราไม่ดูมันด้วยกัน ? ” ฮุสตันพูดกับทุกคน นอกจาก เถี่ยต้า, เสี่ยวจินและเสี่ยวหลิงแล้ว ทุกคนต่างก็ส่งวิญญาณเข้าไปในขนสัตว์ แม้แต่เทียนเจี้ยนก็ไม่ยกเว้น เขาส่งวิญญาณเข้าไปด้านในเพื่อที่จะตรวจสอบความลึกลับที่ซ่อนอยู่ภายใน

มันเหมือนกับโลกที่ต่างกันภายในนั้น ตอนที่วิญญาณของทุกคนเข้าไปในขน พวกเขาก็เห็นมิติภายนอกที่กว้างขวาง ดวงดาวอัดแน่นกันแทบทุกนิ้วพร้อมกับส่องแสงเป็นประกายออกมา

ทุกคนอึ้งเมื่อเห็นมัน ไม่มีสักคนที่คิดว่ามันจะมีโลกที่ซ่อนอยู่ภายในขนสัตว์อสูรนี้ โลกที่ไม่ได้ใหญ่แต่สิ่งที่ทำให้พวกเขาตะลึงคือพวกเขารับรู้ได้ถึงกฎที่สมบูรณ์ในทะเลดวงดาว กฎเหล่านี้ไม่ได้มีอยู่ในโลกที่พวกเขาจากมา

ในเวลาเดียวกันหลังจากที่ตรวจสอบดี ๆ แล้วพวกเขาก็รู้ว่ากฎนั้นสมบูรณ์แบบ แต่ต่างจากกฎภายนอกราวกับว่าพวกมันขาดบางอย่างไป ผลก็คือจักรวาลที่พวกเขายืนอยู่เหมือนไม่สมบูรณ์อีกต่อไป

“การสังหารควบคุมชีวิต มันควบคุมทุกชีวิตและอยู่ในชะตาของทุกชีวิต เส้นทางของข้าคือเส้นทางแห่งการสังหาร…”

ตอนนั้นเองมีเสียงหนึ่งดังขึ้นมาในหัวของทุกคนเหมือนกับระฆัง ตอนที่เสียงนั้นดังขึ้นมา ทะเลดวงดาวก็เหมือนจะสั่นไหว ดวงดาวนับไม่ถ้วนเริ่มเปล่งแสงและดับไป พวกมันราวกับมีชีวิต

ตอนนั้นมีชายชุดขาวปรากฏขึ้นมาตรงหน้าทุกคน ชุดและผมที่ยาวของเขาสะบัดเบา ๆ เขาหันหลังให้กับทุกคนปิดบังใบหน้า ร่างกายของเขาเต็มไปด้วยพลังแปลกประหลาดแห่งเส้นทางซึ่งทำให้เขาดูเหมือนจะหลอมรวมกับโลกราวกับว่าโลกรึบางทีในอีกความหมายคือโลกนั้นเกิดขึ้นมาเพราะเขา

” ใครกัน ? นั่นใช่พยัคฆ์ปีกเทวะรึไม่ ? ” จอมยุทธขอบเขตดั้งเดิมต่างก็พากันตกตะลึง พลังของพวกเขานั้นโดนยับยั้งในโลกที่ทั้งดูเหมือนจริงและอยู่ในจินตนาการ พวกเขาเหมือนกลับกลายเป็นเพียงคนธรรมดาทั่วไป