การปฏิรูปการให้ทุนวิจัยสร้างความตื่นตระหนกให้กับคนในอีสต์เอเชียเอเนอร์จี้
โปรเจกต์วิจัยครึ่งหนึ่งถูกระงับ มีกฎการให้ทุนที่เข้มงวดขึ้น…
ถึงที่ว่ามานี้จะยังไม่ได้มีการดำเนินการ แต่ทุกคนก็กังวลว่ามันจะล้มเหลวในที่สุด
แต่ถ้าพูดรวมๆ แล้ว ทุกคนก็ค่อนข้างจะโอเคกับมัน
ยิ่งกับนักวิจัยที่ทำงานอย่างขยันขันแข็งมาตลอดแล้วนั้น การเปลี่ยนแปลงของลู่โจวอาจจะดูยุ่งยากไปหน่อยหรือเรียกได้ว่าทำให้ลำบากเลยด้วยซ้ำ แต่คนก็ยังค่อนข้างชอบอยู่ดี
เอาตรงๆ เลยก็คือ พวกเขาทนกับผู้นำที่เล่นเส้นเล่นสายแถมยังไม่มีความสามารถอะไรเลยมานานแล้ว พวกผู้นำที่เอาแต่ใช้พลังในมือทำเรื่องตามใจชอบ
ส่วนเรื่องที่คนที่ทำงานกินเงินเดือนไปวันๆ จะพอใจกับการปฏิรูปองค์กรของเขาหรือไม่นั้น…
ลู่โจวก็ไม่สนอยู่ดี
ในความคิดของเขานั้น อีสต์เอเชียเอเนอร์จี้คือยักษ์ใหญ่ที่กำลังจะตายเพื่อจะรักษาโรคที่รุมเร้า บริษัทนี้ก็ต้องเจอยาแรงๆ
การเก็บกวาดพวกหนอนแมลงเป็นเพียงแค่ขั้นตอนแรกเท่านั้น
ขั้นตอนที่สองคือการกวาดล้างพวกคนที่สนใจแค่เงินเดือนอย่างเดียว
ไม่ใช่ว่าลู่โจวใจร้ายหรอกนะ ถ้าเป็นตำแหน่งอื่น เขาก็ไม่ว่าอะไรหรอกที่จะมีคนรวยแต่ไม่ยอมทำงานบางคนในองค์กร แต่ในฐานะนักวิชาการแล้ว เขาไม่มีความอดทนใดๆ กับการที่นักวิจัยมีนิสัยแบบนี้อยู่
เขารู้ดีว่าการอุทิศชีวิตทั้งชีวิตให้กับการวิจัยแต่กลับไม่ได้รับความสนใจอะไรกลับมามันเป็นอย่างไร และเขาก็รู้ดีว่าการถูกขโมยความสำเร็จทางวิชาการไปมันแย่แค่ไหน
ตราบใดที่เขายังดำรงตำแหน่งประธานอยู่ เขาจะไม่มีวันให้ความอยุติธรรมรูปแบบนั้นเกิดขึ้นใต้จมูกเขาเป็นอันขาด
อีกอย่างเขาก็ไม่คิดว่าพวกคนห่วยแตกพวกนั้นจะสามารถช่วยเขาสร้างฟิวชั่นที่ควบคุมได้รุ่นที่สองได้อยู่แล้ว
ถ้าพวกเขาไม่อยากทำงานหนัก ก็กลับไปนอนเล่นอยู่บ้านไป
…
หลังจากประชุมเสร็จ ลู่โจวที่จัดแจงงานของแผนกอื่นเสร็จแล้ว ก็เข้าไปวิจัยเทคโนโลยีฟิวชั่นที่ควบคุมได้รุ่นที่สองในทันที
ถึงเขาจะยังไม่เข้าใจกฎของยุคนี้โดยสมบูรณ์ แต่การทำวิจัยวิทยาศาสตร์ในยุคไหนๆ ก็เหมือนกันตลอด
ต้องเลือกทิศทางการวิจัยทั่วไป จากนั้นก็ผ่านขั้นตอนการลองผิดลองถูก หาวิธีที่ใช้งานได้ จากมุมมองของเขาที่เป็นหัวหน้านักออกแบบแล้วสิ่งที่เขาจำเป็นต้องทำคือการกำหนดขอบเขตของโปรเจกต์วิจัยสเกลใหญ่ทั้งหมด เลือกวิธีทางเทคนิคหลายวิธีที่มีความเป็นไปได้สูงว่าจะประสบความสำเร็จ จากนั้นก็สร้างทิศทางแบบแผนให้ผู้นำทางวิชาการในวงการอื่นๆ เขาต้องทำทุกอย่างที่เป็นไปได้เพื่อลดจำนวนการลองผิดลองถูกและการเสียเวลา
ปัญหาสามอย่างที่เทคโนโลยีฟิวชั่นที่ควบคุมได้รุ่นที่สองกำลังเจอนั้นก็เป็นปัญหาแบบเดียวกับที่ฟิวชั่นที่ควบคุมได้รุ่นแรกเจอมาไม่มีผิด
ความแตกต่างอยู่ตรงที่ระดับความยากมันแตกต่างกัน
กลุ่มดิวเทอเรียมและฮีเลียม 3 ที่กระจัดกระจายอยู่นั้นมีขนาดเล็กกว่าดิวเทอเรียม-ทริเทียม กลุ่มดิวเทอเรียมและฮีเลียม 3 มีขนาด 0.8b ที่ 300 กิโลอิเล็กตรอนโวลต์ ซึ่งมีขนาดเล็กกว่าดิวเทอเรียม-ทริเทียม ดังนั้นจึงต้องมีตัวมอบพลังงานมากกว่าเดิมและปฏิกิริยาฟิวชั่นจะรุนแรงกว่าเดิม
เครื่องปฏิกรณ์ฟิวชั่นแบบเดิมก็สามารถทำปฏิกิริยาดีที (ดิวเทอเรียม-ทริเทียม) ขึ้นมาได้ด้วยอุณหภูมิเพียง 100 ล้านองศา
แต่หากมีใครต้องการจะสร้างปฏิกิริยาฟิวชั่นระหว่างดิวเทอเรียมกับฮีเลียมแล้วอยากให้ปฏิกิริยายังอยู่ในสถานะมั่นคงแล้วล่ะก็ อุณหภูมิที่ต้องการจะอยู่ที่สองถึงสามพันล้านองศา
อุณหภูมิเป็นแค่ปัจจัยเดียวเท่านั้น
ยังมีปัจจัยเรื่องความหนาและข้อจำกัดด้านเวลาอีก ซึ่งสามสิ่งนี้ล้วนเป็นสิ่งที่จำเป็นทั้งสิ้น
ตามงานวิจัยอ้างอิงที่ลู่โจวศึกษามา จนถึงตอนนี้ ปัญหาหลักที่ฟิวชั่นที่ควบคุมได้รุ่นที่สองกำลังเจออยู่นั้นคือเรื่องอุณหภูมิของปฏิกิริยา
โดยเฉพาะเรื่องวิธีการกักและบีบอัดพลาสมาอุณหภูมิสูงในพื้นที่ที่มีขนาดเล็กมาก
ระดับความแข็งแกร่งสนามแม่เหล็กที่ต้องใช้ในการทำปฏิกิริยานี้ให้สมบูรณ์อยู่ในระดับที่สูงจนน่ากลัว
อย่างไรก็ตามแม้จะมีปัญหามากมายหลายอย่าง ลู่โจวก็ไม่รู้สึกว่าสิ่งนี้จะเป็นปัญหาที่แก้ไขไม่ได้
ตอนที่เขาออกแบบแก่นเครื่องปฏิกรณ์ฟิวชั่นที่ควบคุมได้รุ่นแรก เขาก็เจอปัญหารูปแบบเดียวกัน และสถานการณ์ตอนนั้นก็ไม่ได้ดีไปกว่าตอนนี้เท่าไรเลย เทคโนโลยีสำคัญมากมาย รวมถึงวัสดุศาสตร์เชิงคำนวณ ก็ยังอยู่ในระยะเพิ่งเริ่มก่อตั้ง บางอย่างยังอยู่ในระยะของการเป็นแนวคิดเฉยๆ ด้วยซ้ำ
แต่ในยุคนั้น เขาก็ยังสามารถรวบรวมวิศวกรและนักวิชาการผู้เก่งกาจมาเป็นกลุ่มและสร้างปาฏิหาริย์ในวงการวิทยาศาสตร์ของประวัติศาสตร์มนุษยชาติขึ้นมาได้
ในเมื่อในอดีตเขายังทำได้ เขาก็มีเหตุผลที่จะเชื่อว่า ในอนาคตที่มีเทคโนโลยีและวิทยาศาสตร์ที่ก้าวหน้ากว่าเดิม เขาจะยังสามารถทำปาฏิหาริย์นั้นให้เกิดขึ้นอีกครั้งได้!
ณ ออฟฟิศของประธาน
ถังอวิ๋นเกอเดินทางมาที่ตึก ในมือถือรายงานมาด้วย เขากำลังยืนอยู่หน้าโต๊ะด้วยสีหน้ากังวลใจ ในขณะที่เขามองชายผู้ยิ่งใหญ่ซึ่งมาจากเมื่อหนึ่งร้อยปีก่อน หัวใจของเขาก็เต็มไปด้วยความกระวนกระวายและความอยากรู้อยากเห็น
เมื่อเช้าเขาได้รับอีเมลจากนักวิชาการลู่
ในอีเมลนั้นนักวิชาการลู่เชิญเขามาที่ตึกเพราะต้องการจะสนทนากับเขาเรื่องโปรเจกต์นิวเคลียร์ฟิวชั่นที่ควบคุมได้รุ่นที่สอง
พูดตรงๆ แล้ว ถังอวิ๋นเกอไม่ได้ศึกษาฟิวชั่นที่ควบคุมได้รุ่นที่สองมาก่อน บทบาทของเขาเป็นเพียงแค่นักวิจัยอาวุโสในห้องแล็บวิจัยแม่เหล็กไฟฟ้าเท่านั้น งานปกติของเขาจะเป็นพวกการจัดประชุม การวิจัย และการออกแบบเครื่องเก็บสนามแม่เหล็กไฟฟ้าในเครื่องปฏิกรณ์ของอีสต์เอเชียเอเนอร์จี้
เขาไม่เข้าใจจริงๆ ว่าทำไมนักวิชาการลู่ถึงอยากพบเจอกับคนที่ไร้ตัวตนแบบเขา
แต่ในขณะที่เขากำลังลังเลว่าจะกล่าวทักทายอีกฝ่ายดีหรือไม่ ลู่โจวที่นั่งอยู่หลังโต๊ะก็พูดขึ้นมาอย่างกระชับว่า
“นั่งก่อนสิครับ”
“ขอบคุณครับ”
ลู่โจวมองถังอวิ๋นเกอที่นั่งอยู่ที่โซฟา เขาเข้าประเด็นตรงๆ
“ผมอ่านงานวิจัยของคุณแล้ว ในขอบเขตงานวิจัยแม่เหล็กไฟฟ้านั้น คุณได้เสนอแนวคิดและไอเดียที่น่าสนใจมากมายขึ้นมา ผมประทับใจเรื่องพวกนั้นหลายอย่าง”
หลังจากได้รับคำชมจากนักวิชาการลู่ ถังอวิ๋นเกอก็อดรู้สึกภูมิใจเล็กๆ ขึ้นมาไม่ได้ แต่เขาก็ยังพูดออกมาอย่างถ่อมตนว่า “คุณก็พูดเกินไปครับ ผลวิจัยไม่ได้มาจากผมคนเดียวเสียหน่อย”
“ไม่ว่ามันจะมาจากใครก็ตาม มันไม่ได้มาจากหลิวซือไห่แน่นอน”
ลู่โจวเว้นจังหวะไปครู่หนึ่งก่อนจะพูดต่อ “จากผลการคำนวณของผมแล้ว ผมต้องใช้สนามแม่เหล็กที่สามารถสร้าง 10,000 เทสลาได้ในพื้นที่เล็กๆ เพื่อกักเก็บพลาสมาอุณหภูมิสูงในแก่นเครื่องปฏิกรณ์”
“มันสามารถทำได้ไหม?”
“แทบจะ…เป็นไปไม่ได้เลยครับ” ถังอวิ๋นเกอพูดด้วยสีหน้าอายๆ “ด้วยเงินสำรองทางเทคนิคของอีสต์เอเชียเอเนอร์จี้ในปัจจุบัน พวกเราสามารถสร้างแม่เหล็กไฟฟ้าที่แข็งแกร่งที่สุดจากสนามแม่เหล็กได้เพียง 5,000 เทสลาครับ เวลาที่คงสถานะอยู่ได้จะเป็นเวลาน้อยกว่า 50 มิลลิวินาที และมันไม่สามารถใช้เพื่อให้พลังงานกับแก่นได้ด้วยครับ ส่วนเรื่องตัวเลข 10,000 เทสลา ผมว่ามันตลกเกินไปนะครับ”
10,000 เทสลาอะไรกัน?
ถ้าพูดให้เห็นภาพก็คือ เครื่องเอ็มอาร์ไอในโรงพยาบาลทั่วไปจะมีค่าพลัง 3 เทสลา และพลัง 13 เทสลาก็เพียงพอต่อการทำให้กบลอยในอากาศได้
คนส่วนใหญ่นึกภาพไม่ออกด้วยซ้ำว่าตัวเลข 10,000 เทสลา จะเป็นสนามพลังงานที่น่ากลัวมากแค่ไหน
ลู่โจวเลิกคิ้วเล็กๆ ก่อนจะถามว่า “ไม่มีหวังเลยเหรอ?”
หลังจากสบตากับลู่โจว ถังอวิ๋นเกอเตรียมจะให้คำตอบยืนยันเขา
มันไม่มีหวังเลยจริงๆ น่ะเหรอ?
ก็ไม่เชิง
แต่อีสต์เอเชียเอเนอร์จี้นั้น…
ไม่มีหวังแล้ว
หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ถังอวิ๋นเกอก็สูดลมหายใจเข้าลึก กัดฟัน แล้วพูดออกมาว่า
“ไม่ใช่ว่าไม่มีหวังเลยหรอกครับ…แต่สถานการณ์ปัจจุบันของแล็บวิจัยแม่เหล็กไฟฟ้ากำลังอยู่ในสถานะร่อแร่มาก!”
“โอ้?” ลู่โจวเลิกคิ้วใส่เขา แล้วถามว่า “เหมือนคุณมีอะไรอยากจะเล่านะ”
ถังอวิ๋นเกอยิ้มบิดเบี้ยว เขากำลังจะเล่าเรื่องปัญหาในแล็บวิจัยแม่เหล็กไฟฟ้าให้ลู่โจวฟัง
แต่ทันใดนั้นเอง เสียงฝีเท้าที่รีบเร่งก็ดังมาจากหน้าออฟฟิศประธาน
มีเสียงเคาะสองครั้งที่หน้าประตู แล้วบานประตูก็เปิดออก
เลขานุการของออฟฟิศลู่โจวปรากฏตัวขึ้นที่หน้าประตูด้วยท่าทางกระวนกระวาย
“ลู่ นักวิชาการลู่ครับ ท่าไม่ดีแล้ว!”
ลู่โจวมองเลขานุการที่ยืนอยู่หน้าประตูออฟฟิศ เขาขมวดคิ้วเล็กๆ
“เกิดอะไรขึ้น?”
เลขานุการมีสีหน้ากระวนกระวาย เขาแทบจะหายใจไม่ทัน เขาพูดอย่างร้อนอกร้อนใจว่า “แล็บวิจัยแม่เหล็กไฟฟ้าครับ!”
“พวกเขากำลังหยุดงานประท้วง!”