บทที่ 1974 ถานซูฟางบาดเจ็บสาหัส + ตอนที่ 1975 ช่วยชีวิตเอาไว้ไม่ได้

ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น

ตอนที่ 1974 ถานซูฟางบาดเจ็บสาหัส

ความจริงคือเหยียนหมิงซุ่นยังพูดไม่หมด อาการของถานซูฟางไม่ดีเอาเสียเลย โอกาสที่จะช่วยชีวิตกลับมาได้นั้นน้อยมาก ด้วยเหตุนี้เขาจึงต้องรีบไปที่นั่นก็เพราะอยากลองใช้ยาวิเศษดู

ไม่ว่าจะอย่างไรแค่รักษาชีวิตของถานซูฟางเอาไว้ได้ก็พอแล้ว

เหยียนหมิงซุ่นรู้สึกกลุ้มใจมากเพราะมันไม่ง่ายเลยกว่าเขาจะยอมตัดสินใจ แต่ตอนนี้กลับเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น ถ้าถานซูฟางตายไปจริง ๆ เขาไม่รู้เลยว่าเหยียนหมิงต๋าจะเป็นเช่นไร?

เหตุการณ์ครั้งนี้เขาจะต้องตรวจสอบให้ชัดเจนว่ามันเป็นเพราะความโชคร้ายหรือมีคนคอยบงการอยู่เบื้องหลังกันแน่!

“พี่คะ ฉันไปกับพี่ด้วยนะ!”

เหมยเหมยเองก็ลุกออกจากเตียงพร้อมเปลี่ยนเสื้อผ้า เธอไม่วางใจเหยียนหมิงซุ่น

ต่อให้เหยียนหมิงซุ่นจะเข้มแข็งมากแค่ไหน เก่งกาจสักแค่ไหน แต่ถึงอย่างไรเขาก็เป็นคนที่มีเลือดเนื้อเชื้อไข ตอนนี้อารมณ์และจิตใจของเขาคงย่ำแย่อย่างถึงที่สุด เธอจะต้องคอยอยู่เป็นเพื่อนเขา

“เธอเป็นเด็กดีรออยู่ที่บ้าน พี่ไปไม่นานก็กลับ” เหยียนหมิงซุ่นไม่เต็มใจเลย

ชายแดนไม่ค่อยสงบนักเขาไม่อยากให้เหมยเหมยไปเผชิญอันตราย แต่เขาดูถูกฝีมือการรบเร้าและกวนใจของผู้หญิงเกินไปหน่อย เขาโดนเหมยเหมยทั้งออดอ้อนออเซาะ ทั้งเล่นแง่แม่งอนใส่ ทั้งเอาอกเอาใจ…

เหยียนหมิงซุ่นอยู่ในสภาวะกลัดกลุ้มจึงจำใจต้องพาติดสอยห้อยตามไปด้วยอย่างระอา

“พอไปถึงที่นั่นห้ามออกห่างจากพี่เกินระยะสามเมตรเด็ดขา ได้ยินไหม?” เหยียนหมิงซุ่นกำชับ เหมยเหมยก็พยักหน้ารับอย่างเชื่อฟัง

เหยียนหมิงซุ่นขับเครื่องบินไปที่ชายแดนด้วยตัวเองเพราะมันเร็วที่สุดแล้ว ตลอดการเดินทางเหมยเหมยกังวลเป็นอย่างมาก ประสานมือขอพรอยู่ตลอด แม้ว่าถานซูฟางจะกลายเป็นผักไปแล้วก็ตาม ถึงอย่างไรก็ดีกว่าการที่เธอตายจากไปหลายร้อยเท่า

ต่อให้ช่วยชีวิตกลับมาไม่ได้แต่ขอยื้อเวลาไว้อีกสักปีหรือครึ่งปี เพื่อให้เหยียนหมิงซุ่นและเหยียนหมิงต๋าสองพี่น้องได้มีเวลาปรับความเข้าใจกัน

“ไม่เรียกเหยียนหมิงต๋ามาด้วยเหรอ?” เหมยเหมยไม่เห็นเหยียนหมิงต๋า เธอรู้สึกเช่นนั้นจริง ๆว่าควรจะเรียกเขามาด้วย

หากว่าช่วยถานซูฟางกลับมาไม่ได้จริง ๆ อย่างน้อยก็ให้พวกเขาสองแม่ลูกได้เจอหน้ากันเป็นครั้งสุดท้ายเพื่อไม่ให้หลงเหลือความเสียใจทิ้งไว้

เหยียนหมิงซุ่นเม้มปากแน่น “ใกล้ถึงแล้ว”

ในเมื่อเหมยเหมยคิดได้เขาเองก็คิดได้ หลังจากที่ได้รับสายจากลูกน้องเขาก็โทรหาเหยียนหมิงต๋าทันทีให้เขารีบมาที่จุดเตรียมพร้อมของสนามบินรบโดยเร็วที่สุด

“พี่ใหญ่ เกิดอะไรขึ้นกับแม่ผมเหรอ?” เหยียนหมิงต๋าโผเข้ามาอย่างรวดเร็วราวกับลูกธนู

เหมยเหมยรีบแย่งตอบพยายามใช้คำพูดอ้อมค้อมที่สุด “ตอนที่คนของพี่หมิงซุ่นไปรับแม่ของนาย ระหว่างทางถูกศัตรูลอบโจมตีลูกน้องของพี่หมิงซุ่นบาดเจ็บสาหัสและตาย…”

เหยียนหมิงต๋าหน้าเปลี่ยนสีทันที พูดขัดเธอว่า “แม่ของผมเป็นอย่างไรบ้าง?”

“บาดเจ็บสาหัสกำลังช่วยชีวิตอยู่ รีบขึ้นเครื่องบินเถอะ” เหยียนหมิงซุ่นเข้าไปนั่งในห้องนักบินด้วยท่าทีสงบ

เหยียนหมิงต๋ารีบขึ้นเครื่องบินด้วยท่าทีร้อนรน เหมยเหมยเองก็ขึ้นตามมาด้วยความรู้สึกที่แย่ไม่ต่างกัน

พระเจ้าโปรดช่วยคุ้มครอง ขอให้ถานซูฟางอย่าตายเลย!

สี่ชั่วโมงให้หลังพวกเขาก็มาถึงชายแดนพร้อมกับมีคนมารับพวกเขาไปที่โรงพยาบาลเขตทหาร

“เล่าเหตุการณ์มาให้ละเอียด ที่นั่นเป็นโซนปลอดภัยไม่ใช่เหรอ? แล้วศัตรูมาจากไหน? จับตัวได้หรือยัง?” เหยียนหมิงซุ่นสอบถามผู้ใต้บังคับบัญชาเสียงนิ่ง เหยียนหมิงต๋าเองก็ทำหูตั้งเช่นเดียวกัน

เมื่อกี้ตอนอยู่บนเครื่องบินเขาถามถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้นกับถานซูฟางก็แอบสงสัยอยู่เหมือนกัน เมื่อก่อนเขาเองก็เคยมาปฏิบัติภารกิจที่ชายแดนจึงเข้าใจสถานการณ์ของที่นี่เป็นอย่างดี สถานที่ที่ถานซูฟางเกิดเหตุเป็นโซนปลอดภัย ตามหลักแล้วไม่ควรจะมีพวกศัตรูโผล่มา

แต่กลับถูกลอบโจมตี มันเป็นสิ่งที่น่าเหลือเชื่อมากจริง ๆ

ผู้ใต้บังคับบัญชาตอบกลับ “ศัตรูถูกฝ่ายเรายิงตายไม่เหลือผู้รอดชีวิตสักคน ดูจากเครื่องแต่งกายและสีผิวของพวกมัน น่าจะเป็นกองโจรท้องถิ่นของประเทศ F ครับ เหตุใดถึงเข้ามาอยู่ในโซนปลอดภัยได้พวกเรากำลังตรวจสอบอยู่ครับ”

เหยียนหมิงต๋าถามออกไปอย่างทนไม่ไหวว่า “แม่ของผมเป็นไงบ้าง?”

ผู้ใต้บังคับบัญชามองเขาอย่างลำบากใจ พูดอ้ำ ๆอึ้ง ๆว่า “กำลังช่วยชีวิตอยู่ครับ”

ความเป็นจริงอาการบาดเจ็บของถานซูฟางนั้นสาหัสมาก ตามหลักการทั่วไปแล้วคงไม่อาจมีชีวิตรอดได้แต่เขาเองก็ไม่กล้าพูดออกไป

…………………………………………………………………

 ตอนที่ 1975 ช่วยชีวิตเอาไว้ไม่ได้

เหยียนหมิงซุ่นเห็นท่าทีของผู้ใต้บังคับบัญชาก็รู้เลยว่าในคำพูดของเขานั้นมีความหมายที่สื่อออกมาไม่หมด ดูเหมือนว่าอาการของถานซูฟางจะไม่ดีเอาเสียเลย

“ขับเร็วกว่านี้หน่อย!” เหยียนหมิงซุ่นเอ่ยเสียงนิ่ง

หวังว่าจะยังทันการนะ!

ไม่นานพวกเขาก็มาถึงโรงพยาบาลทหาร ถานซูฟางยังคงถูกทำการช่วยชีวิตอยู่ในห้องผ่าตัด ผู้ใต้บังคับบัญชาอีกสองนายที่บาดเจ็บสาหัสก็ได้ถูกทำการช่วยชีวิตเอาไว้อยู่

เหยียนหมิงซุ่นล้วงยาวิเศษออกมายื่นให้หมอที่ทำการช่วยชีวิต ดังนั้นเหตุผลที่เขารีบมาที่นี่ไม่ใช่เพราะถานซูฟาง เพราะสิ่งที่สำคัญมากกว่านั้นคือผู้ใต้บังคับบัญชาของเขา

ถานซูฟางสิบคนก็เทียบกับชีวิตของผู้ใต้บังคับบัญชาของเขาเพียงหนึ่งคนไม่ได้ เพียงแต่ตอนนี้ยังไม่ใช่เวลาที่ถานซูฟางจะตาย

เหมยเหมยและคนอื่น ๆรออยู่หน้าห้องผ่าตัด เวลาผ่านไปอย่างเชื่องช้าราวกับหอยทากพร้อมกับความทุกข์ทรมาน

เหยียนหมิงต๋าเดินวกไปวนมาตรงระเบียงทางเดิน ทุก ๆห้านาทีจะเดินไปดูสถานการณ์หน้าห้องผ่าตัด เหยียนหมิงซุ่นไม่ได้สนใจเขาแต่กลับพิงพนักเก้าอี้พักสายตา

ประตูเปิดออกมา

หนึ่งในผู้บาดเจ็บสาหัสถูกเข็นออกมา โชคดีที่ช่วยชีวิตเอาไว้ได้แล้ว

ผ่านไปอีกครึ่งชั่วโมงผู้บาดเจ็บสาหัสอีกหนึ่งรายก็ถูกเข็นออกมา และเป็นข่าวดีเช่นเดียวกัน เหลือเพียงถานซูฟางที่ยังกำลังช่วยชีวิตอยู่

ในใจของเหมยเหมยพลันจุดประกายความหวัง บางทีวันนี้มัจจุราชคงหยุดงาน!

เพียงแต่…

“ขอโทษครับ แต่พวกเราพยายามอย่างเต็มที่แล้ว” คุณหมอมีท่าทีนิ่งสงบ ความเป็นความตายเป็นเรื่องปกติมากสำหรับพวกเขา

เหยียนหมิงต๋ามีท่าทีเปลี่ยนไปมากพุ่งพรวดเข้าไปในห้องผ่าตัด ถานซูฟางได้ถูกคลุมโปงด้วยผ้าขาวไปแล้ว

“แม่…”

เสียงร้องไห้อย่างเจ็บปวดของเหยียนหมิงต๋าดังลอยออกมา เขาโผเข้าหาร่างไร้วิญญาณของถานซูฟางพลางร้องห่มร้องไห้อย่างหนัก บรรยากาศอบอวลไปด้วยความเศร้าโศกเสียใจ

เหมยเหมยทอดถอนหายใจ เหตุการณ์แบบนี้มันช่าง…

ทำไมถึงตายได้ล่ะ?

เหยียนหมิงซุ่นตบไหล่เธอ “ไม่ต้องกังวลไปหรอกนะ!”

เกิดเรื่องมาถึงขั้นนี้แล้วก็ต้องเตรียมตั้งรับกับเรื่องที่เลวร้ายที่สุด

ก่อนจะทำอะไรเขามักจะเตรียมตั้งรับกับสิ่งที่เลวร้ายที่สุดไว้เสมอ ดังนั้นตอนนี้เขาจึงดูสงบ ซ้ำยังดูโล่งใจเสียด้วยซ้ำเพราะผู้ใต้บังคับบัญชาทั้งสองนายของเขาถูกช่วยชีวิตไว้ได้แล้ว

ถานซูฟางไม่ควรค่าแก่การเสียสละของผู้ใต้บังคับบัญชาที่เขาฝึกฝนมาอย่างหนัก แม้แต่คนเดียวก็ทำให้เขาต้องเสียใจไปอีกนาน

“มอบคุณงามความดีให้กับทหารที่เสียสละหนึ่งขั้น พร้อมกับประกาศว่าเป็นผู้ยอมสละชีพเพื่อหน้าที่นำเงินจำนวน 200,000 หยวนจากกองทุนของฉันมอบให้กับครอบครัวเขาด้วย” เหยียนหมิงซุ่นกำชับ

นี่คือกฎเกณฑ์ที่เขาตั้งเอาไว้ ตราบใดที่เป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของเขาก็ไม่มีอะไรให้ต้องเป็นกังวล ต่อให้ต้องสละชีพ พ่อแม่ภรรยาและลูกของเขาเหยียนหมิงซุ่นจะช่วยดูแลจนถึงที่สุด ไม่ปล่อยให้ครอบครัวของผู้พลีชีพต้องพบกับความลำบากแน่นอน

“ครับ!” ผู้ใต้บังคับบัญชาตอบรับ พลันรู้สึกอบอุ่นหัวใจ

นี่เป็นเหตุผลที่ว่าทำไมพวกเขาถึงได้จงรักภักดีต่อเหยียนหมิงซุ่น

ศพของถานซูฟางถูกเผาที่นั่น เหยียนหมิงต๋าเองยังคงเซื่องซึมจมอยู่กับอาการโศกเศร้าอยู่ตลอด จนถึงช่วงเวลาที่ต้องกลับเขาก็ยังคงไร้ชีวิตชีวา แถมไม่สนใจใครทั้งนั้นเอาแต่กอดเถ้ากระดูกของถานซูฟางไว้

เหยียนหมิงซุ่นก็ไม่ได้สนใจเขา ปล่อยให้เขาก้าวเดินออกมาเอง

“พี่ใหญ่ ผมอยากอยู่ที่นี่ต่อ” ก่อนขึ้นเครื่องบินเหยียนหมิงต๋าเอ่ยขึ้นกะทันหัน

เหยียนหมิงซุ่นมุ่นคิ้ว พอมองปราดเดียวก็รู้ถึงจุดประสงค์ของเขาทันทีจึงเอ่ยค้านว่า “ไม่ได้ นายยังมีภารกิจอื่นรออยู่ พอหมดวันหยุดนายต้องกลับกอง(ทัพ)”

เรื่องนี้ต้องมีเงื่อนงำแน่ ศัตรูติดอาวุธไม่กี่คนที่ถูกสังหารเขาได้ไปดูศพแล้ว เขารู้สึกว่ามีบางอย่างไม่ชอบมาพากล เสียดายที่ไม่มีใครรอดชีวิตไม่งั้นเขาคงสามารถสอบปากคำได้

คนไม่กี่คนที่เขาสงสัยกลับไม่ใช่พวกศัตรูติดอาวุธแต่ตอนนี้เขายังไม่มีหลักฐานมัดตัวดังนั้นไม่อาจพูดอะไรได้ หากสืบหาความจริงได้เขาจะบอกเหยียนหมิงต๋าอย่างชัดเจน

“เรื่องนี้พี่จะให้คำอธิบายกับนายเอง”

เหยียนหมิงซุ่นมองน้องชายของตนด้วยท่าทีเคร่งขรึม น้ำเสียงหนักแน่นและทรงพลัง

……………………………………………………………………..