ตอนที่ 1584 : ข้อสรุปอันน่ากลัว

เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god)

ตอนที่ 1584 : ข้อสรุปอันน่ากลัว

“ย้อนกลับไปตอนที่พยัคฆ์ปีกเทวะได้แบ่งขนนี้ออกเป็น 18 ชิ้นส่วน เขาทำมันเพราะเขารับรู้ได้ถึงจุดประสงค์ของ โมเทียนหยุน และรู้ว่าโมเทียนหยุนต้องการทิ้งเป้าหมายของตัวเองไว้ในขนนี้งั้นรึ ? หรือเพราะความแข็งแกร่งของโมเทียนหยุนนั้นสูงกว่าพยัคฆ์ปีกเทวะ หรือพยัคฆ์ปีกเทวะไม่อาจจะหยุดโมเทียนหยุนได้และต้องแบ่งขนนี้เป็น 18 ชิ้นส่วนเพื่อหยุดโมเทียนหยุนจากการใช้ขนนี้ ? ” กุยไฮ่ยี่เต่าคาดเดา

หยางลี่คิดตามก่อนจะส่ายหน้า “ถ้าพยัคฆ์ปีกเทวะต้องการจะหยุดโมเทียนหยุนจากการใช้ขนของเขาเพื่อทิ้งการสืบทอดเอาไว้ เขาก็เอาขนส่วนหนึ่งไปกับตัวหรือซ่อนมันไว้ในมิติด้านนอกได้หลังจากที่แบ่งมันเป็น 18 ชิ้นส่วน มันไม่จำเป็นที่เขาจะต้องทิ้งมันไว้ทั้งหมด ยี่เต่า คำอธิบายของเจ้าฟังดูไม่เข้าท่า”

“ย้อนกลับไปตอนนั้น ทั้งโมเทียนหยุนและพยัคฆ์ปีกเทวะต่างก็ทำให้ข้ารู้สึกอึดอัด แต่หลังจากที่โมเทียนหยุนพบอุโมงค์ไปยังโลกเซียนที่ถูกทอดทิ้ง เขาก็ท่องไปในโลกนั้นด้วยตัวเขาเองและฆ่าจอมยุทธขอบเขตดั้งเดิมทั้งหมดที่นั่น เขายังวางผนึกอันแข็งแก่งคงอยู่นับล้านปีที่แม้แต่ขั้นแลกเปลี่ยนก็ไม่อาจจะทำลายได้ไว้ ถ้าพลังของจิตวิญญาณราชันย์ไม่ขึ้นถึงขอบเขตเทพ ผนึกนั้นก็คงยังอยู่จนถึงตอนนี้ ทั้งหมดนี้บ่งบอกได้ถึงพลังของโมเทียนหยุน ดังนั้นเราจึงไม่อาจจะตัดความเป็นไปได้ที่ว่าโมเทียนหยุนได้ทิ้งการสืบทอดเอาไว้ที่ขนสัตว์นี้โดยที่พยัคฆ์ปีกเทวะไม่รู้ทิ้งไปได้” เทพเจ้าแห่งท้องทะเลพูดขึ้นมา ในฐานะคนที่เกิดขึ้นมาจากยุคเดียวกับโมเทียนหยุนและพยัคฆ์ปีกเทวะ นางรู้เรื่องราวมากมายที่เกิดขึ้นในอดีต ไม่มีใครอื่นที่รู้เรื่องเหล่านี้เนื่องจากพวกเขาต่างก็มาจากยุคอื่นหากตัดเสี่ยวหลิงออกไป

แม้แต่เสี่ยวหลิงก็ไม่รู้เรื่องราวมากมายที่เกิดขึ้นตอนนั้นเนื่องจากนางยังไม่พัฒนาการรับรู้ของตัวเอง บางเรื่องนั้นเกิดขึ้นก่อนที่นางจะมีตัวตน

ทุกคนต่างก็สับสน มีแค่เสือขาวที่ยังคงเงียบแต่เขาไม่ได้ใจเย็นแบบที่เห็นภายนอก เขายังเด็กแต่ก็ผ่านประสบการณ์มามากมายกับเจี้ยนเฉิน ตลอดหลายปีมานี้ ดังนั้นเขาจึงมีจิตใจที่เติบใหญ่ หลังจากที่พบความลับในขนสัตว์อสูร เขาก็ได้ข้อสรุปที่น่าเหลือเชื่อ ข้อสรุปนี้ทำให้เขาตะลึงและทำให้เขายากที่จะเชื่อมากกว่าเดิม

เขาไม่ได้สนใจตอนที่การสืบทอดของโมเทียหยุนปรากฏขึ้นในขนของจักรพรรดิพยัคฆ์ศักดิ์สิทธิ์ ที่เขาคิดคือ โมเทียนหยุนนั้นเข้าใจเส้นทางแห่งการสังหารได้ยังไง นี่เป็นเส้นทางแห่งการสังหารที่จักรพรรดิพยัคฆ์ศักดิ์สิทธิ์เข้าใจเช่นกัน

“ผู้อาวุโส ในช่วงโบราณใครปรากฏตัวขึ้นมาก่อน ? เป็นสัตว์เทวะหรือว่าโมเทียนหยุน ? และท่านรู้รึไม่ว่ามีบันทึกเกี่ยวกับการพัฒนาของพวกเขาหรือไม่ ? ” พยัคฆ์ขาวสนใจเรื่องนี้และถามเทพเจ้าแห่งท้องทะเลขึ้นมาทันที

เทพเจ้าแห่งท้องทะเลเงียบไป นางเหมือนจะนึกย้อนถึงอดีต ยุคนั้นผ่านมานานแล้วกว่าล้านปีได้ นางได้พูดขึ้นมาว่า “ในช่วงโบราณ ทวีปเทียนหยวนนั้นแต่เดิมแล้วเป็นของมนุษย์และสัตว์อสูร หลังจากที่พยัคฆ์ปีกเทวะปรากฏตัวขึ้นมา มันก็นำสัตว์อสูรทั้งหมดโจมตีร้อยเผ่าพันธุ์และยึดครองทวีปสัตว์เทวะในตอนนี้ ร้อยเผ่าพันธุ์นั้นไม่อาจจะปกป้องบ้านเกิดได้หลังจากที่โดนโจมตีหลายครั้ง ดังนั้นพวกเขาจึงโจมตีทวีปเทียนหยวน พวกเขาต้องการยึดอาณาเขตของทวีปเทียนหยวน มนุษย์ที่แข็งแกร่งในยุคนั้นเป็นแค่เซียนจักรพรรดิขั้นสูงและไม่มีใครก้าวข้ามเซียนจักรพรรดิได้ แม้แต่ตระกูลผู้พิทักษ์ก็ยังโดนจัดการจนได้รับความเสียหายอย่างมาก ตอนที่ร้อยเผ่าพันธุ์กำลังจะยึดทวีปเทียนหยวน โมเทียนหยุนก็ปรากฏตัวขึ้นมา เขามีพลังที่เหนือกว่าเซียนจักรพรรดิ ทันทีที่ปรากฏตัวเขาก็เอาชนะเอ่อหยินได้ เขาไล่ร้อยเผ่าพันธุ์ออกจากทวีปเทียนหยวน เขาปกป้องมนุษย์เอาไว้ โมเทียนหยุนปรากฏตัวขึ้นมาจากไหนไม่รู้ มันไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับเขาในทวีปเทียนหยวนมาก่อนที่เขาจะปรากฏตัว เมื่อเวลาผ่านไปก็มีหลายคนจดจำโมเทียนหยุนในฐานะจอมยุทธผู้ยิ่งใหญ่ซึ่งซ่อนตัวเองจากผู้คนและเขาก็ไม่เคยเปิดเผยตัวเองเลย” ดวงตาของเทพเจ้าแห่งท้องทะเลมีแสงประกายแปลกโผล่มา นางเหมือนจะพบการเกี่ยวโยงที่สำคัญและพูดต่อ “สำหรับพยัคฆ์ปีกเทวะ เขาปรากฏตัวขึ้นมาก่อนโมเทียนหยุน แต่มันไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับเขาในทวีปเทียนหยวนเช่นกัน เขาปรากฏตัวออกมาเหมือนกับโมเทียนหยุน เขามีพลังเหนือกว่าเซียนจักรพรรดิทันทีที่ปรากฏตัวขึ้นมาเช่นกัน”

ตาของ หยางลี่, เฟิงเซียวเทียน, กุยไฮ่ยี่เต่า, เทียนเจี้ยน และฮุสตัน เป็นประกายขึ้นมา ตอนนั้นพวกเขาต่างก็คิดถึงบางสิ่งที่น่าเหลือเชื่อ

“ข้าคิดว่าทั้งสองคนไม่ได้เป็นคนจากโลกนี้ พวกเขาเหมือนกับเจ้าทั้งสามคน พวกเขามาจากโลกเบื้องบนและสนิทกัน โดยพื้นฐานแล้วพวกเขาปรากฏตัวและหายไปพร้อมกัน ข้าสงสัยและเดาจากร่องรอยต่าง ๆ ที่พวกเขาทิ้งไว้ว่าพวกเขาคือคนคนเดียวกัน” เทพเจ้าแห่งท้องทะเลพูดขึ้น ตอนที่นางพูดประโยคสุดท้าย มันก็เหมือนกับฟ้าผ่าใส่ทุกคน พวกเขาต่างก็พากันอึ้ง

แม้ว่าทุกคนจะคิดเรื่องที่คล้ายกันไว้แต่พวกเขาก็ยังรู้สึกตกใจตอนที่นางพูดข้อสรุปที่ผ่านการทำความเข้าใจนับล้านปีมา

“ฮือ…นายท่านของข้าจะเป็นเสือได้ยังไง ? นายท่านของข้าเป็นมนุษย์ เขาเป็นมนุษย์…” เสี่ยวหลิงเช็ดน้ำตาแล้วยืดอกพูดขึ้น นางไม่คิดจะยอมรับข้อสรุปเช่นนี้

แต่ไม่มีใครสนใจนางเลยแม้แต่น้อย พวกเขาต่างก็พากันขบคิด

หลังจากนั้นสักพัก เทียนเจี้ยนก็ถอนหายใจออกมาก่อนจะพูดขึ้น “ข้าตรวจสอบบันทึกโบราณในอดีตแล้ว แม้ว่าเราจะเข้าถึงรายละเอียดในเรื่องยุคนั้นได้ไม่มาก แต่ข้าก็พอเข้าใจคร่าว ๆ ว่ากันว่าเจ้าเมืองและพยัคฆ์ปีกเทวะไม่เคยพบกันและมีข้อตกลงระหว่างทวีปเทียนหยวนกับทวีปสัตว์เทวะซึ่งบอกว่าพวกเขาจะไม่รุกล้ำอาณาเขตกัน สัตว์อสูรได้รับคำสั่งจากพยัคฆ์ปีกเทวะและมนุษย์ได้รับคำสั่งจากโมเทียนหยุน”

เรื่องนี้ส่งผลต่อความคิดของทุกคน ถ้าพวกเขาประกาศความลับว่าโมเทียนหยุนและพยัคฆ์ปีกเทวะอาจจะเป็นคนคนเดียวกัน บางทีคงไม่มีใครในโลกที่เชื่อพวกเขา

แต่ไม่มีสักคนที่คิดจะประกาศข้อสรุปนี้ออกมา พวกเขาแค่เดาว่าโมเทียนหยุนและพยัคฆ์ปีกเทวะอาจจะเป็นคนเดียวกันจากร่องรอยต่าง ๆ ที่ถูกทิ้งไว้ ตราบใดที่ยังไม่พิสูจน์ข้อสรุปนี้ พวกเขาก็จะถือว่าเป็นเพียงการคาดเดา

“มาทำความเข้าใจเส้นทางแห่งการสังหารของโมเทียนหยุนด้วยกัน หากเราเข้าใจมันได้ เราจะเปิดประตูไปยังขอบเขตเทพได้เร็วกว่าเดิม” ฮุสตันมองไปยังขนสัตว์อสูรที่ลอยอยู่และพูดขึ้นมาด้วยความรู้สึกที่ซับซ้อน

“ฮือ…นี่คือเส้นทางของนายท่านของข้า นายท่านบอกว่าในอดีตตั้งแต่ที่ข้าเป็นเพียงจิตวิญญาณธรรมชาติ ข้าต้องหาเส้นทางของตัวเองเพื่อทำความเข้าใจและก่อนที่ข้าจะทำความเข้าใจเส้นทางที่ข้าพบได้สมบูรณ์ มันดีที่สุดที่จะไม่ทำความเข้าใจเส้นทางอื่น ไม่งั้นแล้วมันจะสยบเส้นทางที่ข้าควรทำความเข้าใจ น้องเสี่ยวจินไม่อาจจะทำความเข้าใจมันได้เช่นกัน” เสี่ยวหลิงสะอื้น ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยความเศร้า เมื่อเห็นนายท่านที่จากไปของนางในขนสัตว์อสูรก็ทำให้ความคิดถึงนายท่านที่อยู่ในหัวใจนางกลับมาอีกครั้ง

เทพเจ้าแห่งท้องทะเลสีหน้าหม่นลง นางถอนหายใจออกมาและพูดด้วยความเสียดาย “ข้าไม่อาจทำความเข้าใจเส้นทางแห่งการสังหารของโมเทียนหยุนได้เช่นกัน เพราะข้าเองก็เป็นเหมือนกับเสี่ยวจินและเสี่ยวหลิง ข้าเป็นจิตวิญญาณธรรมชาติ ข้าเกิดขึ้นมาในทะเลอันกว้างใหญ่ ตอนที่ข้ายังก่อตัวก็เกิดความแห้งแล้งขึ้นมาและข้าก็ล้มเหลวให้กับมัน ข้าเกือบจะสลายไปแต่ข้าไม่ได้ตาย ข้ารอดมาได้เพราะโชค แต่ข้าเป็นเพียงแค่กึ่งจิตวิญญาณในตอนนี้ ข้าไม่อาจจะเป็นจิตที่สมบูรณ์ได้แล้ว”

ทุกคนต่างก็มองไปที่เทพเจ้าแห่งท้องทะเล ไม่มีสักคนที่คิดว่านางเป็นเหมือนกับเสี่ยวจินและเสี่ยวหลิงซึ่งเป็นจิตวิญญาณที่กำเนิดขึ้นโดยโลก