ตอนที่ 1585 : โอวหยางหยิงเว่ย ทะลวงขั้น

เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god)

ตอนที่ 1585 : โอวหยางหยิงเว่ย ทะลวงขั้น

ดวงอาทิตย์สีแดงเลือดในท้องฟ้าบนโลกแห่งเซียนที่ถูกทอดทิ้ง มันส่องแสงสีแดงชั่วร้ายออกมาและทำให้ทั้งโลกเหมือนถูกย้อมด้วยเลือด ทุกอย่างในโลกนี้เป็นสีแดงซึ่งทำให้ดูชั่วร้ายและน่ากลัว

ที่ใจกลางโลกบนภูเขาโลกมีขั้นรับมอบมากมายเข้าไปยังอุโมงค์ไปยังอีกโลกกับพวกผู้อาวุโสกว่า อุโมงค์อีกด้านนั้นถูกกันไว้โดยโถงศักดิ์สิทธิ์สูงสุดของเมืองทหารรับจ้างและเหล่าขั้นรับมอบต่างก็กำลังจะทำให้โถงนั้นเสียพลังงานไปเร็วกว่าเดิม

โถงอันสง่าแห่งหนึ่งตั้งอยู่บนทางตะวันออกของภูเขาโลกห่างออกมาหลายล้านกิโลเมตร มันตั้งอยู่ราวกับสัตว์อสูรที่กำลังหลับใหลแผ่ความกดดันอันน่าอึดอัดออกมา มันเต็มไปด้วยพลังอันสูงส่งตั้งอยู่บนโลกราวกับไม่มีอะไรล่วงล้ำมันได้

ห้องโถงแห่งนี้คือโถงจิตวิญญาณลับที่มีเกียรติสูงที่สุดในโลกแห่งเซียนที่ถูกทอดทิ้ง ถ้าทั้งโลกแห่งเซียนที่ถูกทอดทิ้งอธิบายได้ว่าเป็นจักรวรรดิ งั้นที่นี่ก็คือเมืองหลวงหรือพระราชวัง

โถงจิตวิญญาณลับมี 3 ชั้น ชั้นแรกคือส่วนจัดพิธี ชั้นสองคือที่ที่เหล่าผู้พิทักษ์และผู้อาวุโสบ่มเพาะ ชั้นสองนั้นแบ่งเป็นส่วนนอกและส่วนใน

ชั้นสามนั้นพิเศษสุด มีแค่จิตวิญญาณราชันย์ที่เข้าไปได้และไม่มีผู้อาวุโสคนไหนรวมไปถึงโอวหยางหยิงเว่ยที่เคยขึ้นไปที่ชั้นสาม เพราะมันมีการจำกัดที่ทางเข้าของชั้นสามที่มีมาตั้งแต่โบราณ มันไม่ได้ให้ใครที่ต่ำกว่าขั้นแลกเปลี่ยนเข้าไปที่ชั้นสามได้

ตามกฎที่ส่งต่อมาตั้งแต่โบราณ คนที่จะกลายเป็นจิตวิญญาณราชันย์ได้ตราบใดที่พวกเขาขึ้นถึงขั้นแลกเปลี่ยน

ในส่วนลึกของชั้นสามคือรูปปั้นที่สูง 300 ม. ตาทั้งสองข้างของมันถูกทำลายและที่มุมตานั้นมันมีรอยฟันที่เกิดขึ้นจากกระบี่ มันเป็นไปได้ว่าจะเห็นประตูซึ่งส่องแสงสีรุ้งภายในหัวของรูปปั้นผ่านดวงตา ฉากภายในประตูนั้นเหมือนกับสวรรค์ มันเป็นโลกที่งดงามที่เต็มไปด้วยพลังงานดั้งเดิม

โลกนั้นไม่ได้ใหญ่โตนัก มันมีพื้นที่แค่ไม่กี่ร้อยตารางกิโลเมตร ไม่ใช่เท่ากับบางเมืองด้วยซ้ำแต่มีร่างหนึ่งที่นั่งอยู่ในใจกลางโลกอันงดงามที่เต็มไปด้วยพลังงานดั้งเดิมนี้ ปราณนางอันแหลมคมปรากฏขึ้นในพลังงานดั้งเดิมอยู่ตลอด เส้นพลังงานก่อตัวขึ้นจากพลังงานดั้งเดิมแต่พวกมันแข็งแกร่งกว่าหลังจากที่กลายเป็นปราณกระบี่

ร่างนั้นคือจิตวิญญาณราชันย์ กว่า 3 ปีมานี้เขาได้บ่มเพาะในโลกสวรรค์แห่งนี้

เขาไม่ได้ทะลวงผ่านหลังจากที่ผ่านมาถึง 3 ปีและยังคงอยู่ขั้นแลกเปลี่ยนช่วงกลางแต่เขานั้นเกือบเข้าถึงช่วงปลายแล้ว

“เจี้ยนเฉิน เจ้ามีความแข็งแกร่งของขั้นรับมอบในตอนแรกที่ข้าพบเจ้า ตอนที่ข้าพบเจ้าเป็นครั้งที่สอง เจ้าก็เอาชนะเฉียงซ่งได้ ครั้งหน้าจะเป็นตอนที่เราได้พบกันจริง ๆ ข้าหวังว่าเจ้าจะทำให้ข้าแปลกใจได้ในครั้งหน้าที่พบกัน” ตอนที่จิตวิญญาณราชันย์บ่มเพาะ เขานั้นกระตือรือร้นอย่างมากเพื่อที่จะสู้กับเจี้ยนเฉินในครั้งหน้าที่พบกัน เพราะเจี้ยนเฉินนั้นเป็นเพียงคนเดียวที่เขารู้ว่าเข้าใจเส้นทางแห่งกระบี่ได้

จิตวิญญาณราชันย์ไม่ได้โจมตีโถงศักดิ์สิทธิ์เพราะเขารู้ว่าเขาไม่อาจจะทำลายโถงนั้นได้รวดเร็วนัก เขาอยากใช้เวลาในการบ่มเพาเพื่อจะทำลายมันในการโจมตีเพียงครั้งเดียว เขาไม่อยากจะเสียพลังงานดั้งเดิมไปอย่างไร้ค่าหรือเข้าสู่การต่อสู้ยืดเยื้อกับคนต่างโลก

ในเวลาเดียวกันเฉียงซ่งและโอวหยางหยิงเว่ยก็ได้เข้าเก็บตัวบ่มเพาะที่ชั้นล่าง โอวหยางหยิงเว่ยนั้นยังคงอยู่ที่ขั้นย้อนกลับช่วงปลายมาหลายพันปีแล้ว ดังนั้นหลังจากที่บ่มเพาะกว่า 3 ปี ความแข็งแกร่งของเขาก็เพิ่มขึ้นถึงจุดสูงสุดของขั้นย้อนกลับช่วงปลาย เขาห่างจากขั้นแลกเปลี่ยนเพียงก้าวเดียว

จนกระทั่งผ่านไปอีก 6 ปี เส้นพลังงานก็ปะทุขึ้นมาจากจุดที่โอวหยางหยิงเว่ยบ่มเพาะ พลังงานอันมหาศาลได้รแออกมาครอบคลุมไปทั่วทั้งชั้นสองแทบจะทันทีจนเกิดเป็นพายุพลังงาน พลังงานนั้นอยู่แค่เพียงชั้นสอง มันไม่ได้ไปที่ชั้นแรกหรือชั้นสาม ดังนั้นจิตวิญญาณราชันย์จึงไม่อาจจะรับรู้อะไรได้

ผู้พิทักษ์และผู้อาวุโสคนอื่น ๆ ต่างก็พากันตื่นตัว ภายใต้พลังอันน่ากลัวนี้ทุกคนต่างก็รู้สึกหายใจไม่ออก พวกเขาเหมือนรู้สึกถึงความกดดันมหาศาลที่กดทับอวัยวะภายในราวกับมีภูเขาอยู่ที่หลัง พวกเขารู้สึกว่าร่างกายของพวกเขานั้นหนักจนไม่อาจจะเคลื่อนไหวได้

” ผู้อาวุโสโอวหยาง ! ผู้อาวุโสโอวหยางตัดผ่านแล้ว ! ” ขั้นย้อนกลับคนหนึ่งตะโกนขึ้นมา เสียงของเขาเต็มไปด้วยความยินดี

“ไม่ เจ้าไม่ควรเรียกเขาว่าผู้อาวุโสโอวหยางอีกแล้ว เขาคือจิตวิญญาณราชันย์ เขาเป็นจิตวิญญาณราชันย์โอวหยาง ! ” ขั้นย้อนกลับอีกคนพูดขึ้นมา เขาเองก็ยินดีเช่นกัน

ทั้งสองคนอยู่เคียงข้างกายโอวหยางหยิงเว่ย ดังนั้นพวกเขาจึงดีใจกันอย่างมาก แต่ผู้อาวุโสที่อยู่ข้างกายเฉียงซ่งกลับต่างก็แสดงสีหน้าเคร่งขรึมออกมา

เฉียงซ่งนั้นตื่นขึ้นจากการบ่มเพาะ เขามองไปยังจุดที่โอวหยางหยิงเว่ยบ่มเพาะผ่านประตูหิน สายตาของเขาดูจริงจัง เขากำหมัดแน่นแต่ไม่ได้พูดอะไรออกมา เขายังคงบ่มเพาะต่อไป แม้ว่าเฉียงซ่งจะอ่อนแอกว่าโอวหยางหยิงเว่ย แต่เขาก็เป็นขั้นย้อนกลับช่วงปลายด้วย แม้ว่าเขาจะอ่อนแอกว่าแต่มันก็มีขีดจำกัด เฉียงซ่งยังไม่ทะลวงผ่านหลังจากที่บ่มเพาะมา 9 ปี แต่เขาก็มาถึงจุดสูงสุดของขั้นย้อนกลับและห่างจากขั้นแลกเปลี่ยนเพียงก้าวเดียว เมื่อโอวหยางหยิงเว่ยได้นำหน้าไปก่อน เขาก็ต้องไปถึงขั้นแลกเปลี่ยนให้ได้ในเวลาที่สั้นที่สุดเท่าที่จะทำได้

” ยินดีด้วย ผู้อาวุโสโอวหยางสำหรับการขึ้นเป็นขั้นแลกเปลี่ยน จากวันนี้โถงจิตวิญญาณลับก็มีจิตวิญญาณราชันย์คนที่สอง” ผู้อาวุโสฝั่งโอวหยางหยิงเว่ยพร้อมกับผู้พิทักษ์หลายคนได้เข้ามาแสดงความยินดี

ชุดสีขาวของโอวหยางหยิงเว่ยลอยไปตามอากาศ เขาค่อยก้าวออกมาจากจุดที่เขาบ่มเพาะ ใบหน้าคล้ายผู้หญิงของเขาเต็มไปด้วยความดีใจ แต่เขาก็คิ้วขมวดทันทีที่ได้ยินที่ผู้อาวุโสคนอื่นเรียกเขา เขาได้พูดขึ้นมาว่า ” เรียกข้าว่าผู้อาวุโสก็พอ ข้าจะเป็นผู้อาวุโสต่อไปมิใช่จิตวิญญาณราชันย์” ทันทีที่เขาคิดถึงพลังของจิตวิญญาณราชันย์ในตอนนี้ซึ่งอยู่ขอบเขตเทพ เขาก็อดไม่ได้ที่จะตัวสั่น หากจิตวิญญาณราชันย์ตอนนี้เป็นเพียงจิตวิญญาณราชันย์ทั่วไป แม้ว่าจิตวิญญาณราชันย์ตอนนี้จะเป็นขั้นแลกเปลี่ยนช่วงปลาย แต่ถึงแม้โอวหยางหยิงเว่ยจะตัดผ่านเป็นขั้นแลกเปลี่ยน แต่เขาก็ยังต้องทำตามคำสั่งของจิตวิญญาณราชันย์ เขาเป็นจิตวิญญาณราชันย์ได้ แต่เขาไม่กล้าที่จะรับตำแหน่งนั้น

โอวหยางหยิงเว่ยหยิ่งทะนงเมื่อเป็นเรื่องความแข็งแกร่ง แต่เขาแสดงท่าทีหยิ่งทะนงนี้ต่อผู้พิทักษ์และผู้อาวุโสของโลกแห่งเซียนที่ถูกทอดทิ้ง แม้ว่าเขาจะยิ่งใหญ่เหมือนกับมังกร แต่เขาก็ต้องขดตัวเมื่ออยู่ภายใต้พลังของจิตวิญญาณราชันย์ในตอนนี้

ผู้พิทักษ์และผู้อาวุโสต่างก็อึ้งกับสิ่งที่โอวหยางหยิงเว่ยพูดออกมา พวกเขามองหน้ากันก่อนจะรับปากว่าจะเรียกเขาว่าผู้อาวุโสต่อไป จิตวิญญาณราชันย์ตอนนี้แข็งแกร่งอย่างมาก แม้ว่าจะมีขั้นแลกเปลี่ยนกำเนิดขึ้นมาใหม่แต่เขาก็ไม่กล้าที่จะไปเทียบกับจิตวิญญาณราชันย์ในตอนนี้

นี่คือความต่างของพลังกับจิตวิญญาณราชันย์ในตอนนี้

แม้ว่าจิตวิญญาณราชันย์จะไม่เคยบังคับให้พวกเขาทำอะไร แต่พวกเขาก็รู้ว่าเขาไม่ใช่คนเมตตา ดังนั้นไม่ใช่แค่จิตวิญญาณราชันย์ตอนนี้จะทำให้พวกผู้พิทักษ์และผู้อาวุโสไม่กล้าทำผิดกฎ แต่พวกนั้นก็ยังกลัวและเคารพต่อจิตวิญญาณราชันย์

“สถานการณ์อีกโลกเป็นยังไง ? โถงศักดิ์สิทธิ์ที่โดนกันไว้ตรงทางเข้าถูกผลักออกไปรึยัง ? ” โอวหยางหยิงเว่ย ถามขึ้นมาด้วยน้ำเสียงคาดคั้นต้องการคำตอบ

“ผู้อาวุโสโอวหยาง เราไม่ได้หยุดโจมตีที่นั่นตลอด 9 ปีที่ผ่านมา แต่การโจมตีของเรานั้นยากจะส่งผลได้ เราไม่ได้ก้าวหน้าเลยและอุโมงค์ก็ยังโดนกันไว้อยู่” ผู้อาวุโสคนหนึ่งตอบกลับ น้ำเสียงของเขาต่างจากเดิมอย่างมาก

โอวหยางหยิงเว่ยปฏิเสธตำแหน่งจิตวิญญาณราชันย์คนที่สองเพราะความกลัวจิตวิญญาณราชันย์คนแรก แต่ โอวหยางหยิงเว่ยนั้นมีฐานะเทียบเท่ากับจิตวิญญาณราชันย์ในใจของจอมยุทธขอบเขตดั้งเดิมคนอื่น ๆ

ใบหน้าของโอวหยางหยิงเว่ยเย็นชาขึ้นมาทันที เขาพูดด้วยน้ำเสียงเล็กแหลม “ฮึ่ม 9 ปี แต่พวกเจ้ากลับไม่อาจผ่านโถงนั้นไปได้ พวกเจ้ามันขยะ ! ” เพราะแบบนั้นโอวหยางหยิงเว่ยจึงได้เดินจากไปพร้อมกับสะบัดแขนเสื้อ

ผู้พิทักษ์และผู้อาวุโสที่ชั้นสองมีสีหน้าบิดเบี้ยวหลังจากที่โอวหยางหยิงเว่ยออกไป แม้ว่าโอวหยางหยิงเว่ยจะแข็งแกร่งกว่าพวกเขา แต่พวกเขาก็ยังเป็นจอมยุทธขอบเขตดั้งเดิม แต่โอวหยางหยิงเว่ยกลับไม่ได้เคารพพวกเขาและเรียกพวกเขาว่าขยะ พวกเขาต่างก็รับความจริงนี้ไม่ได้

แม้แต่จิตวิญญาณราชันย์ตอนนี้ก็ไม่เคยดูถูกพวกเขาเช่นนี้ตลอดหลายปีที่ผ่านมา

“ฮึ่ม ผู้อาวุโสโอวหยางนี่ช่างหยิ่งผยอง เขาเพิ่งขึ้นเป็นขั้นแลกเปลี่ยนแต่กลับดูถูกเรา” เจิงจิงหยวนฮึดฮัดขึ้นมาอย่างเย็นชา

“ไม่นาน ผู้อาวุโสเฉียงจะตัดผ่านเป็นขั้นแลกเปลี่ยน” กงซีหมิงพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงทุ้ม เขาไม่พอใจโอวหยางหยิงเว่ย เขากับเจิงจิงหยวนเป็นคนของเฉียงซ่ง

ผู้พิทักษ์คนอื่นต่างก็ไม่พอใจแต่ก็ไม่กล้าจะแสดงท่าทีไม่พอใจนี้ออกมาเหมือนกับสองคนนี้ พวกเขาแค่ฝังความรู้สึกนี้ไว้ในใจของพวกเขา

ร่างหนึ่งพุ่งขึ้นไปยังยอดเขาของภูเขาโลกด้วยความเร็วดั่งสายฟ้า ไม่ใช่แค่ภูเขาที่ใหญ่และยาว แต่มันยังได้ชื่อว่าเสาค้ำจุนสวรรค์ พวกมันเป็นที่ที่อันตรายในโลก แม้แต่ขั้นรับมอบก็ต้องระวังตัวตอนที่ขึ้นไปบนภูเขา

แต่ร่างหนึ่งได้พุ่งขึ้นไปยังยอดสูงสุดโดยไม่เกรงกลัวเลยแม้แต่น้อย สายฟ้าได้ผ่าลงมาพร้อมกับรอยแตกมิติอันน่ากลัวได้ปรากฏขึ้นแต่พวกมันกลับไม่อาจทำให้ร่างนั้นช้าลงได้เลย พวกมันจะถูกหลบไม่ก็โดนกำจัดไปโดยแสงจากกระบี่ของเขา

ไม่ต้องแปลกใจ ร่างนี้คือโอวหยางหยิงเว่ย

โอวหยางหยิงเว่ยเป็นคนที่หยิ่งผยองและมักจะต้องการความเคารพ แต่หลังจากเหตุการณ์สองครั้งที่ทวีปเทียนหยวน เขาก็โดนไล่กลับมาที่โลกแห่งเซียนที่ถูกทอดทิ้งด้วยสภาพน่าอับอาย ถ้าทวีปเทียนหยวนมีพลังที่มากกว่าที่เขาสามารถรับมือได้ เขาก็ไม่สนใจอะไรมากนัก แต่ไม่มีใครในทวีปเทียนหยวนที่มีพลังที่ทำให้เขาสนใจได้ ถึงจะเป็นแบบนั้นแต่ทวีปเทียนหยวนก็จัดการไล่ผู้พิทักษ์และผู้อาวุโสหลายคนของโลกแห่งเซียนที่ถูกทอดทิ้งกลับมาได้ โอวหยางหยิงเว่ยรับความจริงข้อนี้ไม่ได้ ดังนั้นเขาจึงเริ่มเกลียดคนจากต่างโลก เขาต้องการกำจัดพวกนั้นทั้งหมดเพื่อที่จะระบายความโกรธของตัวเอง

ผลก็คือโอวหยางหยิงเว่ยได้รีบมุ่งหน้าไปที่นั่นทันทีที่ตัดผ่านขั้น

” ฮึ่ม ข้าอยากเห็นว่าเจ้าจะทนได้นานแค่ไหนกัน” ใบหน้าของโอวหยางหยิงเว่ยเย็นชา เขายืนอยู่ที่ทางเข้าอุโมงค์ สายตาเขาเต็มไปด้วยความอาฆาต เขาไม่คิดจะปกปิดมันพร้อมกับก้าวเข้าไปอุโมงค์โดยไม่ลังเล