ตอนที่ 1489 ลงทุนกับตัวเอง

Scholar’s Advanced Technological System ระบบปั้นอัจฉริยะ

[อีสต์เอเชียเอเนอร์จี้เจอปัญหาการแย่งชิงอำนาจภายใน เจ้าหน้าที่แล็บวิจัยแม่เหล็กไฟฟ้าลาออกกันถ้วนหน้า!]

[การปฏิรูปทางการวิจัย? หรือเป็นศึกแย่งชิงอำนาจกันแน่!]

[ภาพยนตร์สั้นความยาว 15 วินาทีบอกเล่าเรื่องในอดีตและปัจจุบันของอีสต์เอเชียเนอร์จี้จะมอบความจริงที่ซุกซ่อนอยู่ในประวัติศาสตร์ให้คุณได้รู้!]

หลังจากที่ถูกตำรวจพาตัวไปต่อหน้าต่อตาคนจำนวนมาก ไม่มีทางที่คนคนนั้นจะหลบพ้นสายตาคนอื่นไปได้

แล้วยิ่งคนคนนั้นมีตำแหน่งเป็นหัวหน้าของหน่วยวิจัยที่ใหญ่ที่สุดของอีสต์เอเชียเอเนอร์จี้ในกลุ่มเมืองสามเหลี่ยมปากแม่น้ำแยงซีเกียง ผู้อำนวยการหลิวซือไห่คนนั้น

ถึงแม้ว่านี่จะเป็นปัญหาภายในของอีสต์เอเชียเอเนอร์จี้ แต่ก็เห็นได้ชัดว่าไม่ได้มีแค่พนักงานของอีสต์เอเชียเอเนอร์จี้เพียงฝ่ายเดียวที่กำลังให้ความสนใจกับปัญหา

ในฐานะที่อีสต์เอเชียเอเนอร์จี้เป็นบริษัทให้พลังงานไฟฟ้าที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียและยังเป็นผู้โปรโมตระบบไฟฟ้าข้ามประเทศ บริษัทนี้มีตำแหน่งพิเศษอย่างมากทั้งในด้านเศรษฐกิจและด้านประวัติศาสตร์ โชคชะตาของบริษัทถูกผูกโยงอย่างแน่นแฟ้นกับคนในเขตพาน-เอเชียน

ในขณะที่ผู้อำนวยการหลิวซือไห่กำลังถูกตำรวจพาตัวไป แนวทางการปฏิรูปการวิจัยวิทยาศาสตร์ที่นำเสนอโดยนักวิชาการลู่ ประธานคนปัจจุบัน ก็โผล่ขึ้นมาทีละข้อๆ

เมื่อผู้คนเห็นว่าชื่อของโปรเจกต์วิจัยที่ลู่โจวประกาศเองว่าจะถูกระงับ พวกเขาก็ตกใจ

ไม่มีใครคิดว่าบริษัทจะเน่าเฟะได้ถึงขนาดนี้…

ในตึกของอีสต์เอเชียเอเนอร์จี้

พื้นที่นั่งชั้นบน

โมรินากะที่กำลังดื่มกาแฟมองจงจื้ออวี่ที่นั่งโซฟาอยู่ตรงข้ามเขา แล้วเขาก็พูดขึ้นมาว่า

“ช่วงนี้ราคาหุ้นของอีสต์เอเชียเอเนอร์จี้ดูจะร่วงลงมาหน่อยๆ นะ”

“แล้วมันไม่ดีเหรอ?” จงจื้ออวี่พูดด้วยรอยยิ้มจางๆ ว่า “สหการพาน-เอเชียนสามารถใช้โอกาสนี้เพิ่มจำนวนบริษัทโฮลดิ้ง[1]ของพวกเราได้”

โมรินากะถามด้วยท่าทางสบายๆ ว่า “คุณมั่นใจขนาดนั้นเลยเหรอ?”

จงจื้ออวี่ไม่ได้ให้คำตอบ เขาให้กลับไปแค่รอยยิ้มลึกลับ

โมรินากะจ้องรอยยิ้มนั้นแล้วคิดอยู่ครู่หนึ่ง เขาคิดอะไรบางอย่างได้ จึงถามออกมาอย่างคร่าวๆ ว่า “ฝั่งของคุณ…วางแผนจะทำอะไรไหม?”

“ไม่ต้องถามหรอก พวกเราไม่ได้จะทำอะไรอยู่แล้ว หรือต่อให้จะทำ พวกเราก็ไม่บอกคุณอยู่แล้ว” จงจื้ออวี่ยิ้มเล็กๆ เขาเลื่อนสายตาไปมองภาพปากแม่น้ำหวงผู่ข้างนอกหน้าต่างแล้วถามต่อ “คุณไม่คิดว่านี่จะเป็นโอกาสอันดีเหรอ?”

“โอกาสอันดีที่จะได้ขยายอำนาจของธนาคารเพื่อการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานแห่งเอเชียให้เข้าไปอยู่ในอีสต์เอเชียเอเนอร์จี้เหรอ?”

“ทั้งใช่และไม่ใช่” หลังจากเงียบไปเล็กน้อย จงจื้ออวี่ก็พูดต่ออย่างช้าๆ “สิ่งที่เราอยากจะรู้ก็คือนักวิชาการลู่มีความสามารถในการแก้ไขปัญหานี้ได้หรือเปล่า”

ความสามารถในการวิจัยไม่ได้เท่ากับความสามารถในด้านการบริหาร การตัดสินใจเลือกลู่โจวเป็นประธานนับว่าเป็นการตัดสินใจที่เสี่ยง

อันที่จริงเอไอไอบีก็ชั่งน้ำหนักข้อดีข้อเสียของเหตุการณ์ที่อาจจะเกิดขึ้นกับอีสต์เอเชียเอเนอร์จี้อยู่

จงจื้ออวี่เป็นผู้จัดการธนาคารเพื่อการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานแห่งเอเชียที่ถูกส่งไปทำงานในตำแหน่งผู้อำนวยการบริหารที่อีสต์เอเชียเอเนอร์จี้ เขาเป็นคนผลักดันให้ลู่โจวได้รับตำแหน่งประธาน และเขายังได้รับความอดดันจำนวนมากพอตัวจากเอไอไอบีเช่นกัน

ถึงแม้ว่าการลาออกเป็นหมู่คณะและการเปิดโปงที่ตามมาในเรื่องการคอร์รัปชันในงานวิจัยจะเป็นปัญหาใหญ่ของอีสต์เอเชียเอเนอร์จี้ แต่มันก็ยังเป็นหลักสำคัญของการคิดมุมกลับในสถานการณ์นี้

ถ้าปัญหานี้ไม่ได้ถูกแก้ไข พวกเขาก็จะไม่มีวันทำนิวเคลียร์ฟิวชั่นรุ่นที่สองขึ้นมาได้สำเร็จ

แต่ถ้าลู่โจวสามารถแก้ไขปัญหานี้ได้อย่างราบรื่นแล้วล่ะก็

มันจะกลายเป็นหลักฐานที่มีน้ำหนักมากที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัยว่าเขามีความสามารถด้านการจัดการที่ดี

คนอื่นมองว่าเรื่องนี้กำลังเป็นประเด็นร้อน

คนข้างในเอาแต่รายงานข่าวเรื่องความขัดแย้งส่วนตัวระหว่างนิสัยของนักวิชาการลู่กับอารมณ์ร้อนของผู้อำนวยการหลิวซือไห่ รวมไปถึงข้อเสียของหลิวซือไห่ในการจัดการแล็บวิจัยแม่เหล็กไฟฟ้าด้วย

แต่เอาจริงๆ ประเด็นนี้ก็เป็นเรื่องที่พูดยาก

คนจากสมัย 100 ปีก่อนกำลังมีเรื่องขัดแย้งกับคนที่เกิดปลายศตวรรษที่ 21…

ช่องว่างระหว่างอายุมันมากเกินไป

นิสัยของลู่โจวนับว่าเป็นประเด็นที่นักประวัติศาสตร์เอาไปทำเป็นโปรเจกต์วิจัยได้เลย

หลังจากได้ยินข่าว ผู้สื่อข่าวมากมายก็อยากมาสัมภาษณ์กับทั้งสองฝ่าย แต่ลู่โจวกำลังยุ่งอยู่กับการหาพนักงานใหม่มาเข้าทำงานจนไม่มีเวลาว่าง ส่วนหลิวซือไห่ก็ยังยุ่งอยู่ในคุก

ณ แมนชั่นแถวชานเมือง

เจ้าหน้าที่ที่อยู่ในชุดทางการยืนอยู่หน้าประตูรั้ว โดรนทำสวนลอยอยู่ข้างๆ เขา กรรไกรทำสวนที่แวววาวเริ่มส่องประกายระยิบระยับในแสงอาทิตย์

“เอ่อ โทษนะครับ คุณเป็นใครเหรอ?”

“ผมเป็นเจ้าหน้าที่จากธนาคารหัวเซี่ยครับ”

ชายที่บอกว่าตัวเองเป็นเจ้าหน้าที่ธนาคารมีรอยยิ้มของคนทำธุรกิจอยู่บนใบหน้า เขาพูดต่อด้วยถ้อยคำสุภาพว่า “สายการบินพาน-เอเชียนได้มอบหมายให้พวกเรารับหน้าที่ทำขั้นตอนต่อไปในการชดเชยเงินของคุณ สรุปง่ายๆ ก็คือ ผมมาที่นี่เพื่อมามอบเงินให้คุณครับ

ดังนั้นแล้ว…คุณช่วยย้ายโดรนทำสวนนี่ไปไกลๆ ผมหน่อยจะได้ไหม?”

ประตูเหล็กค่อยๆ เปิดออก และโดรนก็บินออกไปด้านข้างและค่อยๆ หายไปในที่สุด

เจ้าหน้าที่ธนาคารคนนั้นพยักหน้าให้กล้องควบคุมการเข้าออก ภายใต้การจับตามองของเสี่ยวไอ เจ้าหน้าที่คนนั้นเดินข้ามถนนอิฐที่อยู่ถัดจากห้องแล็บในสวนด้านหน้าเข้ามายังประตูของบ้านหลัก

ประตูเปิดออกอย่างรวดเร็ว และลู่โจวที่กำลังยืนอยู่หน้าทางเดินก็เชิญเขาเข้าไปในห้อง และบอกเสี่ยวไอให้ชงชาให้แขกที่มาใหม่ด้วย

“ขอโทษทีครับ พอดีไม่นานมานี้มีเรื่องไม่ดีเท่าไหร่เกิดขึ้น ผมก็เลยตัดสินใจอัปเกรดระบบความปลอดภัยของบ้านหลังนี้”

“ไม่เป็นไรครับ ความร่ำรวยก็เป็นความกดดันประเภทหนึ่งเหมือนกัน ถึงผมจะไม่เข้าใจเรื่องปัญหาของคุณ แต่ผมก็ยังอ่านข่าวนะครับ ผมเป็นเจ้าหน้าที่จากธนาคารหัวเซี่ย คุณเรียกผมว่าผู้จัดการหม่าก็ได้ หลักๆ แล้ว ผมมาที่นี่ในวันนี้เพราะสายการบินพาน-เอเชียนได้มอบหมายให้พวกเราจัดการทำเรื่องขั้นตอนที่เกี่ยวข้องกับเงินชดเชยให้คุณและมอบเงินล่วงหน้าเข้าไปในบัญชีของคุณ”

ในฐานะที่เป็นธนาคารพาณิชย์สเกลใหญ่ของสหการพาน-เอเชียน ลู่โจวเคยได้ยินชื่อธนาคารหัวเซี่ยมาก่อนแล้ว

ระหว่างการจี้เที่ยวบิน N-177 ที่เกิดขึ้นเมื่อก่อนหน้านี้ทำให้สายการบินพาน-เอเชียนเสนอจะจ่ายแต้มเครดิตให้เขา 10 ล้านแต้ม ในมุมมองหนึ่ง เงินนี้สามารถเอาไปใช้เป็นค่าชดเชยด้านความปวดหัวได้ หรือในอีกมุมหนึ่ง มันก็ยังเป็นรางวัลสำหรับวีรกรรมกล้าหาญที่เขาช่วยชีวิตผู้โดยสารนับร้อยคนจากทั้งไฟลต์บินนั้นได้

สายการบินพาน-เอเชียนจ่ายแต้มเขามาล่วงหน้าเป็นจำนวน 1 ล้านแต้มแล้ว และจะจ่ายอีก 9 ล้านแต้มที่เหลือในเวลาหนึ่งเดือน

ซึ่งถ้าธนาคารไม่มาหาเขาที่บ้าน ลู่โจวก็เกือบจะลืมเรื่องพวกนี้ไปหมดแล้ว

“แล้วผมต้องไปทำเรื่องอะไรอีกไหมครับกว่าจะได้เงินจำนวนนี้?”

ผู้จัดการหม่าตอบด้วยรอยยิ้มว่า “ไม่ต้องทำเลยครับ พวกเราจัดการดำเนินขั้นตอนทุกอย่างเสร็จให้คุณแล้ว ที่คุณต้องทำก็มีแค่คอนเฟิร์มใบเสร็จและเซ็นสัญญาตกลงรับค่าชดเชยนี้เท่านั้นเองครับ เงินส่วนที่เหลือจะถูกโอนเป็นเครดิตเข้าบัญชีของคุณ”

เครดิตจำนวน 9 ล้านแต้ม

ถึงจะไม่มาก แต่ก็นับว่าน่าประทับใจ

ลู่โจวมองจำนวนเลขศูนย์ที่อยู่บนบัญชีของเขา เขามีความคิดอยู่ในหัวแล้ว จึงหันไปมองเจ้าหน้าที่ธนาคารที่นั่งอยู่ตรงข้ามเขาแล้วถามว่า “ถ้าผมต้องการกู้ยืมเงิน ผมต้องทำเรื่องอะไรบ้างครับ?”

“กู้เงินเหรอ?” ผู้จัดการหม่าตกตะลึงไปเล็กน้อยและถามเขาอย่างจริงจังว่า “ผมขอถามได้ไหมว่า เงินกู้ที่คุณต้องการจะนำไปใช้ ตั้งใจจะเอาไปใช้ลงทุนหรือใช้จ่ายครับ?”

ลู่โจวขมวดคิ้วแล้วถามกลับว่า “มันแตกต่างกันด้วยเหรอครับ?”

“ต่อให้เป็น 100 ปีก่อนก็ยังแตกต่างกันครับ…” เจ้าหน้าที่ธนาคารมองดูลู่โจวที่ดูเหมือนจะไม่รู้เรื่องพวกนี้เลย เขาอธิบายเพิ่มว่า “ไม่ใช่แค่เรื่องจุดประสงค์ของเงินกู้อย่างเดียว แต่ยังรวมถึงจำนวนด้วย…สรุปสั้นๆ ก็คือ ไม่ว่าจะเป็นอัตราดอกเบี้ยหรือจำนวนเงินกู้ มันก็แตกต่างกันออกไปตามประเภทของการกู้ครับ”

“ถ้าอย่างนั้น…ผมเดาว่าที่ผมจะเอาไปใช้ก็นับเป็นการลงทุนประเภทหนึ่งน่ะนะ”

ผู้จัดการหม่าถามต่ออย่างอดทนว่า “คุณช่วยระบุให้ชัดเจนกว่านี้ได้ไหม? อย่างเรื่องอุตสาหกรรมที่คุณกำลังจะลงทุน และจำนวนที่คุณคาดว่าจะกู้”

“จำนวนที่ว่าคือแค่ประมาณหนึ่งถึงสองพันล้าน ส่วนเรื่องลงทุนที่ไหน…ผมจะลงทุนกับตัวเอง”

ดวงตาของผู้จัดการหม่าแทบจะถลนออกมาจากเบ้า

“เอ่อ…เงินมากกว่าหนึ่งพันล้านนับว่าเกินขอบเขตของพวกเราครับ ผมต้องรายงานเรื่องนี้ให้กับท่านประธาน ไม่ว่ามันจะทำได้หรือไม่ก็ตาม ผมจะกลับมาบอกผลลัพธ์กับคุณทีหลัง”

หลังจากพูดอย่างนั้นไป ผู้จัดการหม่าก็ทำท่าลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพูดเสริมอย่างนุ่มนวลว่า “ผมแค่ขอแนะนำนะ…ถ้าคุณไม่ได้พูดตลก คุณควรจะจริงจังขึ้นอีกนิดและคิดทบทวนเหตุผลเรื่องการกู้เงินเสียใหม่นะครับ”

ในขณะที่เจ้าหน้าที่ธนาคารลุกขึ้นยืนแล้วเดินออกไป ลู่โจวก็อึ้งไปเล็กน้อย

“เสี่ยวไอ”

“หืม?”

ลู่โจวพึมพำอย่างไม่เชื่อว่า

“ฉันยังไม่จริงจังพออีกเหรอ?”

“บางทีอาจจะเพราะนายท่านหล่อเกินไปก็ได้ ทำให้คนอื่นคิดว่านายท่านยังไม่จริงจังมากพอ! (///ω///)”

ไม่ต้องสงสัยเลย!

หลังจากได้ยินคำอธิบายที่มีเหตุผลของเสี่ยวไอ ลู่โจวก็พยักหน้าเห็นด้วย

นั่นก็ฟังดูสมเหตุสมผลดี

………………..

[1] บริษัทที่ไม่มีการดำเนินการทางธุรกิจแบบทั่วไป แต่เป็นบริษัทที่นำเงินไปลงทุนในกิจการอื่น (บริษัทลูก) อีกทีหนึ่ง