ณ สถาบันวิศวกรรม มหาวิทยาลัยจินหลิง
นักศึกษาสี่คนที่เพิ่งเลิกเรียนรีบจ้ำอ้าวออกไปจากห้องเรียนพร้อมกับทุกคน พวกเขากำลังพูดถึงเรื่องเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นในรั้วมหาวิทยาลัยในขณะกำลังเดินไปโรงอาหาร
“ฉันดูในคอมมูนิตี้โลกเสมือนตอนที่เรียนอยู่เมื่อกี้แล้วก็เจอคนในกลุ่มสนทนาของนักศึกษาว่าอีสต์เอเชียเอเนอร์จี้กำลังจะมาจัดจ๊อบแฟร์[1]ที่มหาวิทยาลัยเราอย่างนั้นเหรอ? มีใครได้ยินเรื่องพวกนี้มามั่งไหม?”
“จ๊อบแฟร์ของอีสต์เอเชียเอเนอร์จี้น่ะนะ?” เด็กหนุ่มร่างสูงที่กำลังเดินเข้ามาตรงกลางบทสนทนาถึงกับผงะ เขาพูดด้วยน้ำเสียงไม่เชื่อว่า “ถามจริง? ไม่ใช่ว่าพวกเขาเพิ่งมาไปเหรอ?”
“ไม่รู้เหมือนกัน บางทีพวกเขาอาจจะขาดคนอีกแล้วก็ได้”
“มีแบบฟอร์มลงสมัครให้ฉันไหมนะ? แล้วขั้นตอนการสมัครเข้าทำงานเป็นยังไงมั่ง? เหมือนครั้งที่แล้วหรือเปล่า?”
“ฉันก็ไม่รู้” นักศึกษาที่เปิดการสนทนาเมื่อครู่ส่ายหัวแล้วพูดต่อ “แต่ได้ยินมาว่าครั้งนี้จะแบ่งออกเป็นสองส่วนล่ะ มีส่วนสอบข้อเขียนกับสอบสัมภาษณ์”
“เจ๋งเป้ง! ฉันว่าจะลองไปทำขำๆ แล้วกัน ถ้าฉันเข้าได้นะ เดี๋ยวจะเลี้ยงข้าวเลย”
“ฮ่าฮ่า งั้นไปด้วยกันเลย เดี๋ยวฉันลงชื่อด้วย”
เมื่อได้ฟังบทสนทนาที่แสนตื่นเต้นของรูมเมตข้างๆ เด็กหนุ่มที่สวมแว่นก็เหลือบตามองเพื่อนทั้งสามคน แล้วเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงไม่สนใจไยดีว่า “พวกนายไปกันเลยก็แล้วกัน ฉันต้องเรียนเพื่อสอบเข้าเรียนต่อปริญญาโท ไม่มีเวลาหรอก”
เด็กหนุ่มร่างสูงคิดว่าเขาได้ยินเด็กชายอัจฉริยะคนนี้ผิดไป เขาถามอย่างกระตือรือร้นว่า “นี่เป็นโอกาสดีที่จะไปทำงานที่อีสต์เอเชียเอเนอร์จี้นะ นายไม่ลองจริงเหรอ?”
ใครที่อยู่สถาบันวิศวกรรมแล้วไม่อยากไปทำงานที่อีสต์เอเชียเอเนอร์จี้บ้าง?
ไม่อย่างงั้นจะมาเรียนคณะนี้ทำไม?
นักศึกษาคนอื่นที่อยู่ใกล้ๆ ก็เห็นด้วยแล้วผงกหัวไปตามๆ กัน
“ใช่แล้ว นายเป็นคนที่เก่งที่สุดในหอของเรานะพวก! อีสต์เอเชียเอเนอร์จี้ดีกว่าเรียนปริญญาโทไม่ใช่หรือไง?”
เด็กหนุ่มที่สวมแว่นยิ้มบางๆ แล้วบอกว่า
“ฉันว่าไม่นะ”
เด็กหนุ่มที่เป็นคนรายงานข่าวเมื่อครู่ขมวดคิ้วแล้วถามว่า “นายมีข้อมูลเบื้องลึกอะไรเหรอ?”
“ก็ไม่ใช่ข้อมูลเบื้องลึกอะไร แค่ได้ยินว่าคนที่ไปฝึกงานที่นั่นครึ่งปีบอกว่าที่นั่นมันไม่ได้ดีอย่างที่พวกเราคิดไว้น่ะสิ บริษัทก็ใหญ่ผลตอบแทนก็ดี แต่ข้างในแล็บน่ะ ไม่มีบรรยากาศความเป็นวิชาการเลยน่ะสิ ไม่มีเค้าความเป็นวิศวกรรมเลย นอกจากการเขียนรายงานที่ไม่มีวันหมด การประชุมที่ไม่มีวันจบวันสิ้น คนที่ทำงานที่นั่นสักสองสามปีก็จะกลายเป็นพวกไร้ประโยชน์หลังจากที่พวกเขาลาออกนั่นแหละ!”
เด็กหนุ่มร่างสูงตกตะลึง เขาเอ่ย “มันไม่ได้แย่ขนาดนั้น ใช่ไหม?”
เด็กหนุ่มสวมแว่นส่ายหัว เขาไม่อยากจะอธิบายอะไรเพิ่มเติมแล้ว
“เดี๋ยวนายเข้าไปทำงานที่นั่นได้ก็รู้เอง อ้อใช่ ฉันยังได้ยินมาว่าคอนเนกชันสำคัญกว่าการตั้งใจทำงานด้วย พวกเขาไม่อ่านงานวิจัยหรือดูคุณภาพของงานเลย นายจะต้องก้มหน้าทำงานงกๆ ไป ฉันไม่อยากไปทำงานที่นั่นหรอก”
“แต่ฉันได้ยินมาว่านักวิชาการลู่เหมือนจะเป็นประธานของบอร์ดผู้บริหารอยู่นะตอนนี้ แล้วเขาก็จัดการไล่คนออกไปเยอะเลย! ครั้งนี้มันน่าจะต่างกันนะ”
“นักวิชาการลู่น่ะเหรอ? ฮ่าฮ่า มีนักวิชาการลู่แล้วมันช่วยอะไรล่ะ?” เด็กหนุ่มสวมแว่นส่ายหัวแล้วถอนหายใจเบาๆ “อีสต์เอเชียเอเนอร์จี้ในตอนนี้ไม่ใช่อีสต์เอเชียเอเนอร์จี้ที่เขารู้จักอีกต่อไปแล้ว”
การเสื่อมถอยของบริษัทเริ่มตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะ?
ไม่มีใครรู้
บริษัทพลังงานไฟฟ้ายักษ์ใหญ่ที่ทุกคนใฝ่ฝันอยากจะเข้าไปทำงานไม่ได้สวยงามอย่างที่พวกเขาเคยคาดคิดไว้
ถึงแม้ในความรู้สึกของคนส่วนใหญ่ อีสต์เอเชียเอเนอร์จี้จะยังเป็นความภาคภูมิใจของพวกเขา แต่กับชื่อเสียงในวงมหาวิทยาลัยแล้ว และยิ่งกับนักศึกษาที่ไปฝึกงานที่นั่น อีสต์เอเชียเอเนอร์จี้ไม่ได้เป็นตัวเลือกข้อแรกของพวกเขาอีกต่อไป
แต่บางทีอาจจะยังมีร่องรอยของความคาดหวังหลงเหลืออยู่ในใจพวกเขาบ้าง ร่องรอยที่ยังคงไม่ถูกทำลายไป หรือบางทีอาจจะเป็นเพราะการกลับมาของนักวิชาการลู่จะช่วยเปลี่ยนแปลงอะไรบ้างก็ได้
คนส่วนใหญ่ก็ไม่ได้คาดหวังอะไรมาก แต่พวกเขาก็ยังลงชื่อสอบข้อเขียนของจ๊อบแฟร์อยู่ดี
ไม่ใช้แค่นักศึกษาจากมหาวิทยาลัยจินหลิง
ไม่ใช่แค่มหาวิทยาลัยในกลุ่มเมืองสามเหลี่ยมปากแม่น้ำแยงซีเกียง
หลังจากได้ยินว่านักวิชาการลู่จะเป็นคนจัดงานจ๊อบแฟร์ด้วยตนเอง ก็มีความเคลื่อนไหวทันทีในกลุ่มวงการมหาวิทยาลัยพาน-เอเชียนทั้งหมด เพราะไม่ได้มีการห้ามเรื่องว่าต้องเป็นมหาวิทยาลัยนี้เท่านั้นจึงจะสอบข้อเขียนได้ ทำให้มหาวิทยาลัยในพาน-เอเชียนทั้งหมดและมหาวิทยาลัยที่ทำวิจัยฟิวชั่นที่ควบคุมได้ต่างสนใจให้การรับสมัครคนครั้งนี้
หนึ่งสัปดาห์ก่อนงานจ๊อบแฟร์จะเริ่ม ตั๋วรถไฟแม็กเลฟจากกลุ่มเมืองปักกิ่ง-เทียนจิน-เหอเป่ยและกลุ่มเมืองสามเหลี่ยมปากแม่น้ำจูเจียงก็ขายจนหมด แม้แต่โรงแรมในพื้นที่ใกล้เคียงก็จองกันจนเต็ม
สิ่งที่เกิดขึ้นไม่ใช่แค่เพราะนักวิชาการลู่เพียงอย่างเดียว
คนหลายคนได้ยินข่าวว่า ก่อนจะเริ่มงานจ๊อบแฟร์ ลู่โจวไม่ได้ทำแค่ไล่ผู้อำนวยการหลิวที่เป็นหัวหน้าของแล็บวิจัยแม่เหล็กไฟฟ้าออก แต่เขายังไล่คนออกถึง 2,000 คน
ถึงนี่จะฟังดูเหมือนเรื่องตลกที่ไม่น่าเป็นได้ แต่ความจริงก็คือตอนนี้แล็บวิจัยแม่เหล็กไฟฟ้าทั้งแล็บแทบจะกลายเป็นแล็บเปล่าๆ กลวงโบ๋เมื่อเทียบกับสมัยก่อน
และตำแหน่งที่ว่างอยู่พวกนั้นก็น่าดึงดูดเสียเหลือเกิน
…
ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมานี้ หากไม่นับว่าไปคลาสเตรียมความพร้อมที่มหาวิทยาลัยแล้ว ลู่โจวก็แทบจะอยู่ที่บ้านและไม่ได้ไปไหนเลย
ในมุมหนึ่งก็คือการออกไปข้างนอกบ้านของเขามีความเสี่ยงอยู่ และในอีกมุมหนึ่งก็คือเขากำลังยุ่งกับเรื่องจ๊อบแฟร์
เพื่อที่จะป้องกันไม่ให้แล็บวิจัยแม่เหล็กไฟฟ้าใหม่เอี่ยมนี้กลายเป็นภาพประวัติศาสตร์อันเลวร้ายซ้ำรอยอีกรอบ เขาจึงตั้งใจจะรับหน้าที่จัดงานจ๊อบแฟร์ด้วยตัวคนเดียว โดยไม่ให้แล็บอื่นเข้ามายุ่งเกี่ยว
เพราะสุดท้ายแล้วความโกลาหลที่เกิดขึ้นในแผนกการวิจัยและการพัฒนาของอีสต์เอเชียเอเนอร์จี้ก็เป็นมากกว่าแค่ปัญหาในแล็บวิจัยแม่เหล็กไฟฟ้า แต่มันเป็นความดื้อรั้นอันน่ารำคาญที่เกิดขึ้นในทุกสถาบันวิจัย
เขาตั้งใจจะใช้แล็บวิจัยแม่เหล็กไฟฟ้าที่ถือกำเนิดขึ้นใหม่นี้เป็นจุดเปลี่ยน จะเป็นการปฏิรูปศูนย์วิจัยวิทยาศาสตร์หน่วยใหม่ จากนั้นก็โปรโมตแนวทางนี้ให้ศูนย์วิจัยอื่นทำตามหลังจากประสบความสำเร็จจากแล็บแม่เหล็กไฟฟ้า
นอกจากจ๊อบแฟร์แล้วก็ยังมีโปรเจกต์วิจัยของฟิวชั่นที่ควบคุมได้รุ่นที่สองอีกด้วย
ในฐานะผู้จัดการทั่วไปของโปรเจกต์ เขาต้องทำแผนวิจัยโดยเฉพาะของแต่ละหน่วยวิจัย หรืออย่างน้อยที่สุด เขาก็ต้องระบุอย่างชัดเจนว่าหน่วยงานไหนต้องทำอะไร และพวกเขาจะรับบทเป็นฝ่ายไหนในโปรเจกต์นี้
คนพวกนี้ไม่ใช่พวกตั้งใจทำงานตามเป้าหมายเลย
ถ้าลู่โจวไม่ได้บอกทิศทางการทำงานมากพอล่ะก็ ไม่มีใครรู้เลยว่าโปรเจกต์นี้จะใช้เวลานานเท่าไร
อย่างไรก็ตามในขณะที่ลู่โจวกำลังยุ่งมากๆ เขาก็ได้รับสายที่ไม่คาดคิด
เป็นสายจากซงหยางเหว่ย
เขาเป็นผู้อำนวยการคณะกรรมการวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของบอร์ดผู้บริหารคนก่อนที่ลู่โจวจะเข้ามารับตำแหน่งแทน เขายังเป็นหนึ่งในผู้ถือหุ้นของอีสต์เอเชียเอเนอร์จี้และประธานของกลุ่มทุนหยางเหว่ย และยังเป็นพ่อตาของหลิวซือไห่อีกด้วย
วินาทีที่เขารับสายนั้น ลู่โจวก็เดาได้แล้วว่าผู้ชายคนนี้มาเพื่อช่วยลูกเขยของเขา
ดูเหมืองซงหยางเหว่ยจะคิดว่าลู่โจวจะไม่ขัดขืนอะไร เสียงที่ดังมาจากปลายสายเลยดูไม่เหมือนคำขอเลยสักนิดเดียว
แต่มันกลับฟังดูเหมือนคำขู่แทน
“ขอเตือนเลยนะ ถอนการฟ้องหลิวซือไห่เดี๋ยวนี้!”
ลู่โจวทัก “นี่วันนี้คุณกินยามาผิดขวดหรือไงเนี่ย?”
“ผมไม่ได้พูดเล่น” ซงหยางเหว่ยที่อยู่ปลายสายกล่าว น้ำเสียงของเขามีร่องรอยของความบูดบึ้งปนอยู่ “ถ้าคุณยังเดินหน้าทำต่อ ผมจะเริ่มขายชอร์ต[2]อีสต์เอเชียเอเนอร์จี้! อยากวิจัยฟิวชั่นที่ควบคุมได้รุ่นที่สองเหรอ? เหอะๆ คอยดูไว้เลย พอมูลค่าในตลาดของอีสต์เอเชียเอเนอร์จี้หายไปสักแสนล้านแล้วล่ะก็ ดูสิว่าพวกผู้บริหารในบอร์ดจะยังอยู่ข้างคุณไหม!”
หลังจากนั้นเขาก็ไม่ให้โอกาสลู่โจวพูดโต้ตอบเลย เขากดวางสายทันที
ในขณะที่ลู่โจวมองอินเตอร์เฟซวิดีโอคอลที่ว่างเปล่าบนหน้าจอโฮโลแกรม เขาก็ชะงักไปเล็กน้อย แล้วเขาก็อดหัวเราะออกมาไม่ได้
น่าสนใจดีนี่นา
ทำไมทุกคนถึงต้องพยายามหยุดฉันไม่ให้ทำวิจัยวิทยาศาสตร์กันนะ?
นี่ฉันดูเหมือนคนที่จะยอมก้มหัวให้อำนาจมืดนักหรือไง?
ลู่โจวส่ายหัว เขาปิดหน้าต่างวิดีโอคอล หันหลังกลับ แล้วเลิกสนใจคำขู่ของซงหยางเหว่ย
ขู่ว่าจะขายชอร์ตหุ้นเหรอ?
ก็มาดิครับ
………………..
[1] ศูนย์รวมบริษัทที่มาออกงานเพื่อหาคนเข้าทำงาน
[2] การยืมหุ้นมาขายเพื่อลงทุนในทิศทางขาลง หรือก็คือการเพิ่มช่องทางให้นักลงทุนสามารถทำกำไรในช่วงที่ตลาดหุ้นเป็นขาลง (Short sale)