เซียวไห่เฉารู้สึกเพียงแต่ว่าตนเองราวกับถูกทุ่มโจมตีอย่างต่อเนื่อง

เขาเอ่ยอย่างปากอ้าตาค้าง “เย่เฉินเจ้ายาจกนั่นไปเอารถแพงขนาดนั้นมาได้ยังไง อีกอย่างคันเดียวยังพอทำเนา เขาถึงกับมีตั้งสองคัน!”

เซียวฉางเฉียนเองก็มีสีหน้าย่ำแย่มาก “เย่เฉินคนนี้คงจะออกไปหลอกคนเอาอีกแล้วสิ! ฉันไม่เข้าใจแล้วนะ เจ้าพวกคนรวยในจินหลิงนี่สมองเป็นอะไรกันหมด ทำไมแต่ละคนไปเชื่อเจ้ายาจกเย่เฉินนี่กันขนาดนั้น!”

เซียวไห่หลงเองก็จิตใจย่ำแย่สุดกู่ เอ่ยอย่างขุ่นเคือง “ฉันก็อยากรู้! แม่มันสิ รอเจ้าบ้าเย่เฉินนี่ล่มจมมาตลอด แต่ตอนนี้เขากลับยังมีชีวิตอย่างดี”

เซียวเวยเวยเบ้าตาแดง เอ่ยอย่างน้อยเนื้อต่ำใจ “ถ้าไม่ใช่เพราะเย่เฉิน ฉันกับพี่เหวินเฟยก็คงได้แต่งงานกันไปนานแล้ว บ้านเราก็คงไม่ย่ำแย่กันขนาดนี้ อีกอย่างแม่ก็คงไม่ถึงกับถูกส่งไปเหมืองถ่านหินดำรับโทษมากมายขนาดนั้น”

เซียวฉางเฉียนเอ่ยอย่างเคืองขุ่น “อย่าพูดถึงหญิงต่ำช้านั่น!”

ขณะนั้นเอง นายหญิงใหญ่เซียวมองเย่เฉินและเซียวชูหรันขับรถที่มีรูปร่างประหลาดออกมาถึงด้านหน้า จึงก้าวไปด้านข้างห้องคนขับ มองเย่เฉินที่นั่งอยู่ด้านในรถ เอ่ยด้วยใบหน้ายโสโอหัง “ฉันยังคิดอยู่ว่าบ้านพวกเธอซื้อรถหรูขนาดไหนกันเชียว ก็แค่รถสับปะรังเคนี่น่ะเหรอ หน้าตาต่างอะไรกันกับฟอร์ดมอนดิโอ เมื่อก่อนหัวหน้าหน่วยรักษาความปลอดภัยของบริษัทเซียวซื่อก็ขับรถรุ่นนี้ ก็แค่สองแสนหยวนไม่ใช่รึไง”

เพราะว่าแอสตันมาร์ตินถูกบริษัทฟอร์ดเข้าซื้อแล้ว ดังนั้นตัวรถมอนดิโอที่บริษัทฟอร์ดจำหน่ายในหลายปีมานี้ ต่างก็ใช้หน้าฉลามตามแบบฉบับของแอสตันมาร์ตินตามไปด้วย

ดังนั้นฟอร์ดมอนดิโอจึงถูกคนเรียกติดตลกกันว่าแอสตันมอนดิโอ

อีกทั้งปริมาณจำหน่ายของฟอร์ดมอนดิโอก็ไม่เลวเลย สามารถเห็นได้ทั่วไปตามถนน

แต่ว่าแอสตันมาร์ตินเป็นรุ่นชั้นยอดของรถสปอร์ต ความจริงแล้วไม่ค่อยให้คนทั่วไปเห็นกันบ่อยนัก ดังนั้นนานวันเข้า คนส่วนใหญ่กลับคุ้นเคยกับฟอร์ดมอนดิโอมากกว่า กระทั่งยังมีคนเป็นเช่นนายหญิงใหญ่เซียว เข้าใจผิดเห็นแอสตันมาร์ตินเป็นมอนดิโอเข้า

เย่เฉินเมื่อได้ยินเธอกล่าวเช่นนี้ ก็ขี้เกียจถือสาเอาความ จึงเอ่ยกับเธอว่า “อย่ามัวสนเลยว่ารถมีราคาสองแสนหยวนหรือกี่แสนหยวน ตอนนี้คุณขวางประตูบ้านผมอยู่ รีบย้ายรถออกไป ผมจะออก”

หม่าหลันที่อยู่บนดาดฟ้าตึกมองนายหญิงใหญ่เซียว เอ่ยหัวร่ออย่างเหยียดหยามดูถูก “ยายแก่นี่ช่างความรู้ตื้นเขินจริง ๆ นี่เรียกว่าฟอร์ดมอนดิโอที่ไหน นี่คือแอสตันมาร์ตินต่างหาก แม้แต่เรื่องนี้ก็ยังไม่รู้ ยังมีหน้าออกมาอวดโอ่”

นายหญิงใหญ่เซียวเงยหน้ามองหม่าหลัน เอ่ยอย่างกรุ่นโกรธ “แอสตันบ้าบออะไร หลายปีมานี้ฉันเองก็ผ่านคลื่นลมใหญ่มามากมาย มีรถอะไรบ้างที่ฉันไม่เคยเห็น ฉันไม่เชื่อหรอกว่ารถเล็ก ๆ แค่นี้จะแพงกว่าเบนท์ลีย์ของฉัน”

ปกติเซียวไห่หลงแม้จะชอบอวดโอ่เป็นที่สุด แต่ตอนนี้เขาก็รู้ดี ว่าฝืนอวดโอ่แบบนี้ไม่เพียงแต่จะไม่มีความหมายอะไร ยังหาเรื่องขายหน้าให้ตัวเองอีกด้วยซ้ำ

ด้วยเหตุนี้เขาจึงรีบผลักประตูลงจากรถ ประคองนายหญิงใหญ่ เอ่ยเสียงเบาว่า “คุณย่าครับ พวกเรารีบกลับบ้านกันเถอะ”

“กลับบ้านเรอะ กลับบ้านอะไรกัน” นายหญิงใหญ่เซียวแค่นเสียงเย็นเอ่ย “วันนี้เป็นวันหวนฟื้นกิจการอันดีของบริษัทเซียวซื่อเรา เป็นวันพลิกฟื้นอันดีของตระกูลเซียวเรา ฉันจะให้คนบ้านนี้ได้เห็นชัดตา อย่าได้คิดว่าตอนนี้ตัวเองได้อยู่คฤหาสน์ Tomson Riviera หลังหนึ่งตัวเองก็กลายเป็นคนเหนือคนได้แล้ว เทียบกับพวกเรา พวกเขายังห่างชั้นกันไกล! ตอนนี้พวกเราขับเบนท์ลีย์กันแล้ว ส่วนพวกเขาน่ะเหรอ แม้แต่บีเอ็มก็ยังไม่มีขับ จนต้องมาขับรถเล็กสับปะรังเคนี่แล้ว ยังมีแค่สองเบาะเสียด้วย พอเอาไปใช้ทำอะไรได้กันเชียว”

เซียวไห่หลงอับอายไปชั่วขณะ เอ่ย “คุณย่า รถคันนั้นของพวกเขาแพงกว่ารถเรามากนัก! นี่เป็นรถซูเปอร์คาร์ มูลค่าหลายสิบล้านหยวนเลยนะครับ!”

“ว่าไงนะ” นายหญิงใหญ่เซียวสั่นไปทั้งตัว โพล่งเอ่ยว่า “ก็แค่คันเล็ก ๆ นี่ ราคาหลายสิบล้านเลยเหรอ ทำจากทองรึยังไง”

เซียวไห่หลงอับอายจนหน้าร้อน ทางหนึ่งลากผู้เป็นย่าเดินไปที่รถ ทางหนึ่งเอ่ยเสียงเบา “ไม่ใช่แค่รถคันที่เขาขับที่มีราคาหลายสิบล้านหยวน คันที่จอดอยู่ในลานบ้านอีกคันก็หลายสิบล้านหยวนเหมือนกัน สองคนนี้รวมมูลค่ากันก็เกือบร้อยล้านหยวนแล้ว”