ตอนที่ 2665 กำราบยอดคน

Unrivaled Medicine God – จอมเทพโอสถ

“เป็นเช่นนี้จนได้! ท่านเจ้าหอใหญ่ที่เป็นถึงนักหลอมโอสถสวรรค์ระดับสี่นั้นกลับไม่อาจจะหลอมโอสถสวรรค์ระดับหนึ่งให้ถึงระดับเก้าขั้นสุดสมบูรณ์ได้! หากเป็นก่อนหน้ามันคงไม่มีใครคิดติดใจสงสัยอะไรเพราะอย่างไรเสียมันก็เป็นสิ่งที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนแต่ตอนนี้เย่หยวนกลับทำมันได้จริง มันคงเป็นความอับอายยิ่งใหญ่ของเจ้าหอทั้งสองแล้ว!” ชุยถงนั้นได้แต่ต้องส่ายหัวออกมา

หากไม่มีอะไรให้เทียบมันก็ย่อมจะไม่มีทางด้อยไปได้

จ้าวซุนและอู้จี้อันนั้นมาเพื่อดูระดับแท้แต่สุดท้ายนอกจากว่าจะไม่ได้เห็นระดับแท้แล้วพวกเขายังไม่อาจจะหลอมโอสถสวรรค์ระดับหนึ่งให้ถึงระดับเก้าขั้นสุดสมบูรณ์ได้เสียด้วยซ้ำ

มันช่างน่าอับอาย

“เจ้าหอทั้งสองท่านคิดว่าอย่างไร?” เย่หยวนถามขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม

จ้าวซุนหันมามองเย่หยวนด้วยรอยยิ้มแห้งๆ “ดูท่าสหายเต๋าเย่คงไม่คิดให้เราได้เห็นระดับแท้แน่แล้ว!”

เย่หยวนที่ได้ยินก็ส่ายหัวออกมา “เปล่า! เจ้าหอทั้งสองท่านเข้าใจผิดกันไปใหญ่แล้ว! มันมิใช่ว่าเย่ผู้นี้คิดทำให้พวกท่านลำบากจนต้องถอยหนีแต่การจะหลอมให้ได้ถึงระดับแท้นั้นก่อนอื่นมันจะต้องหลอมให้ได้ถึงระดับเก้าขั้นสุดสมบูรณ์ก่อน หากคนผู้นั้นยังไม่อาจก้าวขึ้นมาถึงระดับนี้ได้แล้วต่อให้ข้าจะแสดงการหลอมระดับแท้ออกมาเป็นหมื่นครั้งพวกท่านเองก็คงไม่อาจจะเข้าใจมันได้แม้แต่น้อยเช่นกัน!”

คำพูดนี้มันทำให้คนทั้งหลายแทบหัวใจหยุดเต้นลง

ที่แท้แล้วการจะขึ้นไปถึงระดับแท้ได้นั้นมันต้องผ่านระดับเก้าขั้นสุดสมบูรณ์ไปให้ได้ก่อน!

จ้าวซุนนั้นอ้าปากค้างขึ้นมาอย่างตกตะลึง “หากเป็นก่อนหน้านั้นเจ้าหอผู้นี้ย่อมจะคิดว่าสหายเต๋าเย่ล้อเล่นแล้ว แต่หลังจากได้ลองพยายามดูด้วยตัวเองข้าถึงได้รู้ว่าการจะขึ้นไปถึงระดับเก้าขั้นสุดสมบูรณ์นั้นมันยากเย็นแค่ไหน!”

เย่หยวนยิ้มตอบกลับไป “หากระดับแท้มันหลอมได้ง่ายๆ ปานนั้นมันก็คงไม่สูญหายไปจากแดนสวรรค์ใต้หรอก แท้จริงแล้วต่อให้จะขึ้นมาถึงระดับเก้าขั้นสุดสมบูรณ์ได้แต่มันก็ยังอยู่ห่างจากระดับแท้ไปอีกมากโข! การก้าวผ่านระดับนี้ไปนั้นมันไม่ได้ยากน้อยไปกว่าการบรรลุชั้นบรรยากาศสวรรค์จักรพรรดิเซียนเลย”

สีหน้าของพวกจ้าวซุนนั้นเปลี่ยนสีไปทันที

เพราะสิ่งที่เย่หยวนยกขึ้นมาเปรียบนั้นมันคือชั้นบรรยากาศสวรรค์จักรพรรดิเซียน มิใช่แค่จักรพรรดิหยก!

จากชั้นบรรยากาศสวรรค์เลิศล้ำขึ้นไปยังชั้นบรรยากาศสวรรค์จักรพรรดิหยกนั้นมันก็เป็นสิ่งที่ยากล้ำยิ่งแล้ว

ไม่เช่นนั้นแล้วยอดอัจฉริยะอย่างเจียงหลี่มีหรือที่จะติดค้างอยู่ตรงจุดนี้มานานแสนนาน?

ส่วนชั้นบรรยากาศสวรรค์จักรพรรดิเซียนนั้นยิ่งไม่ต้องพูดถึง

ไม่ต้องพูดถึงแค่แดนสวรรค์ใต้นี้ ต่อให้มองหาทั้งทวีปพิรุณใสนั้นมันจะมียอดฝีมือชั้นบรรยากาศสวรรค์จักรพรรดิเซียนอยู่แค่กี่คนกัน?

ความยากเย็นของมันนั้นทำให้ขนหัวลุก!

แต่ว่าคนทั้งหลายนั้นก็แทบจะไม่อยากเชื่อเรื่องที่ได้ยิน

หากมันยากปานนั้นแล้วเจ้าบรรลุขึ้นไปได้อย่างไร?

เย่หยวนนั้นย่อมจะมองสายตาของคนทั้งหลายออกแต่เขานั้นไม่คิดสนใจ

หลังจากบรรลุขึ้นระดับเก้าขั้นสุดสมบูรณ์ขึ้นมาได้แล้วคนทั้งหลายก็จะได้รู้เองว่าระดับแท้มันยากเย็นเพียงใด

หากเย่หยวนไม่ได้เจอยอดคู่ปรับลับฝีมืออย่างชางหยงหนิงนั้นแล้ว เขาก็ไม่รู้ว่าต้องใช้เวลาอีกกี่ปีต่อกี่ปีถึงจะก้าวขึ้นระดับนี้มาได้

แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้นเย่หยวนก็ยังต้องใช้เวลาประลองดุเดือดอยู่เป็นเดือนๆ กว่าที่จะหลอมระดับแท้ออกมาได้

ด้วยพรสวรรค์ของเย่หยวนนั้นเรื่องเช่นนี้มันย่อมจะแทบไม่มีทางเกิดขึ้นได้เลย

“สหายเต๋าเย่ เจ้าหอผู้นี้อยากจะเชิญเจ้าไปเป็นเจ้าหอสามแห่งหอโอสถสวรรค์ใต้ของเรา! ในหอโอสถสวรรค์ใต้นั้นเจ้าจะมีตำแหน่งไม่ด้อยไปกว่าข้าหรือจี้อัน เจ้าคิดอย่างไรกับข้อเสนอนี้?” จ้าวซุนถามออกมา

คำพูดที่ถูกกล่าวออกมานี้มันทำให้คนทั้งหลายแทบสิ้นสติลง

นี่มันคือการให้เกียรติเย่หยวนอย่างยิ่งยวด

แม้ว่าพวกเขานั้นจะรู้ดีว่าเย่หยวนนั้นเป็นสัตว์ประหลาดแค่ไหนแต่จะอย่างไรเขาก็มีพลังแค่ชั้นบรรยากาศสวรรค์เลิศใหญ่

การเอาคนที่มีพลังแค่นั้นไปรับตำแหน่งเจ้าหอสามนั้นมันย่อมจะเรียกได้ว่าเป็นการยกตัวตนของเขาขึ้นเทียบเคียงกับเจ้าเมืองหลวงสวรรค์ใต้นั้น!

เย่หยวนยิ้มตอบกลับไป “ในเมื่อท่านเจ้าหอใหญ่เชิญแล้วเย่ผู้นี้ก็คงไม่อาจจะกล้าปฏิเสธได้”

เมื่อจ้าวซุนได้ยินเช่นนั้นเขาก็ต้องยิ้มกว้างออกมาทันที!

ข่าวที่ว่าหอโอสถสวรรค์ใต้กำลังจะมีเจ้าหอคนใหม่นั้นมันย่อมจะแพร่กระจายไปทั่วทั้งแดนสวรรค์ใต้อย่างรวดเร็ว

เพื่อที่จะต้นต้อนรับเย่หยวนเข้ามานั้นจ้าวซุนได้วางแผนการจัดการแต่งตั้งใหญ่โตและประกาศออกไปต่อทั้งแดนสวรรค์ใต้นี้

ความยิ่งใหญ่ระดับนั้นมันมีเกิดขึ้นครั้งล่าสุดตอนที่อู้จี้อันบรรลุขึ้นมาเป็นนักหลอมโอสถสวรรค์ระดับสี่ขั้นสุด

เวลานี้ทั้งเมืองสวรรค์ใต้จึงมีแต่ความแตกต่างไปทุกหนแห่ง

แต่ว่าหลังจากเย่หยวนมาถึงเมืองสวรรค์ใต้นั้นเขากลับไม่ได้ออกไปปรากฏตัวมากมาย

มันมิใช่ว่าเย่หยวนตั้งใจไม่ออกหน้าพบปะผู้คนแต่แท้จริงแล้วมันเป็นเพราะว่าจ้าวซุนและอู้จี้อันดึงตัวเขาไว้ตลอดเวลาเพื่อถามข้อแนะนำ

แม้ว่าเย่หยวนนั้นจะมีพลังบ่มเพาะที่ต่ำแต่ความรู้และสายตาของเขานั้นมันกลับกว้างไกลกว่าคนทั้งสองไปมาก

กอปรกับความเข้าใจต่อวิชาโอสถที่เขาได้มาจากการประลองกับชางหยงหนิงนั้นมันยิ่งทำให้เขาแยกแยะจุดเด่นจุดด้อยของวิชาการโอสถได้ง่ายดายมากขึ้น

แท้จริงแล้วเย่หยวนก็ได้เห็นถึงจุดเด่นจุดด้อยที่อาจจะเสริมปรับได้ตั้งแต่การท้าทายกันในเมืองสงบทักษิณแล้ว

เย่หยวนนั้นไม่คิดปิดบังใดๆ และบอกวิธีการบ่มเพาะตามฉบับของเขาออกไปให้คนทั้งสองได้ลองทำพร้อมกันนั้นก็จะช่วยตอบคำถามที่พวกเขามีในระหว่างการหลอมโอสถไปด้วย

ในเวลาแค่ครึ่งเดือนนี้คนทั้งสองกลับได้รู้สึกเหมือนเกิดใหม่

และยิ่งสัมผัสได้เช่นนี้พวกเขาก็ยิ่งเข้าใจว่าการบรรลุระดับเก้าขั้นสุดสมบูรณ์นั้นมันเป็นงานช้างที่สุดแสนใหญ่โตไม่อาจจะทำให้สำเร็จได้ในเวลาสั้นๆ

ก่อนอื่นพวกเขานั้นต้องปรับรากฐานของตัวเองขึ้นมาใหม่

อย่างที่สองนั้นคือพวกเขาต้องดึงจุดแข็งและกลบจุดอ่อนของตนลง

หลังจากทำเช่นนั้นได้แล้วพวกเขาจึงจะสามารถหลอมได้ถึงระดับเก้าขั้นสุดสมบูรณ์!

จ้าวซุนและอู้จี้อันนั้นมีรากฐานวิชาการโอสถที่แข็งแรงไม่น้อย

การที่พวกเขาก้าวขึ้นมาถึงระดับนี้ได้มันย่อมจะมิใช่ความบังเอิญใดๆ

แต่เทียบกับเย่หยวนหรือชางหยงหนิงแล้วนั้นมันย่อมจะแตกต่างกันมาจนเกินเทียบ

ภายใต้การชี้นำของเย่หยวนนั้นคนทั้งสองก็แทบจะเรียกได้ว่าพัฒนาฝีมือขึ้นในทุกๆ วัน

“ข้าไม่นึกเลยว่าความแตกต่างเล็กน้อยในระดับเก้าขั้นสุดกับสมบูรณ์นั้นมันกลับจะห่างชั้นกันราวฟ้าดินเช่นนี้! เจ้าหอผู้นี้อยู่มาจนแก่เฒ่าปานนี้ ข้าล่ะเสียดายเวลาชีวิตเสียจริง!” จ้าวซุนนั้นกล่าวขึ้นมาด้วยอารมณ์หนักหน่วงในหัวใจ

เย่หยวนยิ้มตอบกลับไป “วิชาการโอสถเรานั้นมันเป็นสิ่งที่เหนื่อยยากและกว้างใหญ่ เหมือนดั่งการสร้างตึกระฟ้าที่หากสร้างรากฐานมันไม่แน่นหนาแล้วตึกนั้นมันก็คงไม่อาจจะตั้งตระหง่านได้ยาวนานนัก!”

จ้าวซุนพยักหน้ารับ “สหายเต๋าเย่นั้นกล่าวได้ถูกต้องยิ่งนัก! หลายวันมานี้แม้ว่าเจ้าหอคนนี้จะเอาแต่ศึกษาโอสถสวรรค์ระดับหนึ่งและสองแต่ข้านั้นกลับรู้สึกว่าเวลาหลอมโอสถสวรรค์ระดับสี่แล้วคุณภาพมันกลับเพิ่มสูงขึ้น เป็นตอนนี้เองที่ข้าได้เข้าใจว่าตอนที่ข้าฝึกฝนวิชาบ่มเพาะมานั้นมันกลับมีสิ่งที่ข้ามองข้ามไปมากมายนัก! สหายเต๋าเย่ หากมิใช่เพราะว่าเจ้ายังมีพลังบ่มเพาะต่ำเช่นนี้แล้วเจ้าหอผู้นี้คงได้ทำให้ทั้งสวรรค์ใต้ต้องแตกตื่นแน่ ตำแหน่งเจ้าหอใหญ่นี้ข้าอยากจะมอบมันให้แก่เจ้าเสียเหลือเกิน!”

เพราะแท้จริงแล้วในใจของจ้าวซุนนั้นเขานับถือเย่หยวนเป็นอาจารย์ไปแล้วครึ่งใจ

เพียงแค่ว่าด้วยพลังบ่มเพาะและที่มาของเย่หยวน มันทำให้เขาไม่อาจจะมอบตำแหน่งใหญ่นี้ให้ได้

แต่จะอย่างไรเขานั้นก็สุภาพต่อเย่หยวนขึ้นมาก

นักหลอมโอสถสวรรค์ส่วนมากนั้นมีแต่คนบ้าที่คลั่งในวิชาความรู้อย่างมาก

และเย่หยวนนั้นก็ได้แสดงออกมาแล้วว่าวิชาความรู้ของเขานั้นมันเหนือล้ำกว่าเจ้าหอทั้งสองไปลิบลับ

แต่เวลานี้มันกลับมีเรื่องไม่ค่อยดีเกิดขึ้นมาในเมืองสวรรค์ใต้ด้วยเช่นกัน

เมืองสวรรค์ใต้นั้นมันเป็นเมืองหลวงของแดนสวรรค์ใต้กินพื้นที่กว้างใหญ่มียอดฝีมือภายใต้อำนาจมากมาย แน่นอนว่ามันย่อมจะเกิดการแบ่งพรรคแบ่งพวกแย่งชิงอำนาจกันเป็นเรื่องธรรมดา

เวลานี้ในเรือนลับหลังหนึ่งในเมืองสวรรค์ใต้นั้นมันได้มีเหล่ายอดคนมากมายมาประชุมกันพร้อมหน้า

“ผู้นำตระกูลหมิน เดิมทีแล้วตำแหน่งเจ้าหอสามนั้นมันควรจะเป็นของท่านแท้ๆ แต่สุดท้ายกลับไปตกอยู่ในมือเด็กน้อยพลังชั้นบรรยากาศสวรรค์เลิศใหญ่คนหนึ่ง มันเดินขึ้นมาเหยียบหัวตระกูลหมินท่านหน้าด้านๆ เลยทีเดียว” รองเจ้าเมืองเถี่ยซินกล่าวขึ้นมา

หมินหนานชานนั้นเป็นผู้นำตระกูลหมิน หนึ่งในสามตระกูลการโอสถใหญ่ของเมืองสวรรค์ใต้

เมืองสวรรค์ใต้นั้นมันมีสามตระกูลการโอสถที่แข่งขันกันมาตลอดว่าใครเก่งกาจกว่าใคร

การปรากฏขึ้นของเจ้าหอสามนั้นทำให้สถานการณ์ภายในของเมืองสวรรค์ใต้เปลี่ยนแปลงไปทันที แน่นอนว่าเหล่าผู้นำตระกูลใหญ่ทั้งหลายย่อมจะต้องหันมาจับตามอง

หมินหนานชานนั้นหันไปมองเถี่ยซินด้วยรอยยิ้ม “รองเจ้าเมืองเถี่ยซิน เจ้าเรียกพวกเรามาวันนี้มันก็เพื่อจะระบายความคับแค้นของตัวเจ้า! คิดว่าพวกเราทั้งหลายนั้นโง่เง่าจนมองเหตุผลตื้นๆ นี้ไม่ออกเชียวหรือ?”

แต่เถี่ยซินยิ้มกว้างตอบกลับไป “แต่พวกเจ้าก็มากันทั้งๆ ที่รู้มิใช่หรือ? เอาล่ะ ตอนนี้จะอย่างไรเราก็มีเป้าหมายเดียวกัน เราจะปล่อยให้เจ้าเด็กคนนั้นมันขึ้นครองตำแหน่งเจ้าหอสามไม่ได้!”