ตอนที่ 2666 ร่วมมือคัดค้าน

Unrivaled Medicine God – จอมเทพโอสถ

“หึๆ รองเจ้าเมืองเถี่ยซินคงกล่าวล้อเล่นแล้ว! นั่นมันคือโอสถสวรรค์ระดับแท้ ข้าได้ยินมาว่าเจี่ยงหลี่นั้นกินโอสถสวรรค์ระดับสองลงไปแต่สุดท้ายกลับสามารถบรรลุขึ้นมาชั้นบรรยากาศสวรรค์จักรพรรดิหยกได้! ข่าวนี้มันย่อมจะไม่มีทางปลอมไปได้แล้วใช่หรือไม่?” หมินหนานชานกล่าวขึ้นมา

เถี่ยซินนั้นพยักหน้ารับกลับไป “ก็จริง! เพียงแค่ว่าพวกเจ้านั้นจะได้ส่วนแบ่งอะไรจากโอสถสวรรค์ระดับแท้นี้ด้วยหรือไม่?”

เมื่อคำพูดเหล่านั้นถูกกล่าวขึ้นมาสีหน้าของผู้นำตระกูลทั้งสามก็เปลี่ยนสีไปทันที

ตระกูลทั้งสามนี้จะเรียกว่าเป็นตระกูลเสาหลักของเมืองสวรรค์ใต้ในเวลานี้ก็คงไม่ผิดนัก

จะอย่างไรเสียพวกเขาทั้งสามนั้นเองก็เป็นถึงนักหลอมโอสถสวรรค์ระดับสี่เช่นกัน ต่างแค่ว่าพวกเขานั้นยังมีฝีมือไม่ถึงระดับของเจ้าหอทั้งสองคน

แต่ตัวจ้าวซุนนั้นเองก็ต้องพึ่งพาสามตระกูลใหญ่ไม่น้อย

และสิ่งที่เถี่ยซินกล่าวขึ้นมานั้นมันย่อมจะเป็นสิ่งที่พวกเขากังวลมากที่สุด

“หลังจากที่เจ้าหอใหญ่และเจ้าหอรองกลับมาถึงนั้นพวกเขาก็เอาแต่เก็บตัวกันมาตลอด ด้วยกำลังฝีมือของพวกเขานั้นการบรรลุขึ้นสู่ระดับแท้มันย่อมจะมิใช่เรื่องยากเย็นแล้ว เมื่อเวลานั้นมันมาถึงด้วยพลังของโอสถสวรรค์ระดับแท้ตำแหน่งของเจ้าหอทั้งสองย่อมจะต้องพัฒนาสูงล้ำ ถึงเวลานั้นพวกเขาจะยังมาสนใจตระกูลใหญ่ทั้งสามหรือ?” เถี่ยซินนั้นกล่าวขึ้นมาด้วยเสียงเยาะเย้ย

ระดับแท้นั้นมันเป็นระดับที่สูงกว่าพวกเขาจะรับมือไหว!

การที่เจียงหลี่บรรลุขึ้นมาได้นั้นทำให้ทุกผู้คนต่างตกตะลึง

ปัญหาคือสิ่งที่ทำให้เขาบรรลุขึ้นมากลับเป็นแค่โอสถสวรรค์ระดับสอง

มันเป็นอะไรที่เหลือจะเชื่อได้ง่ายๆ!

คำพูดของเถี่ยซินนั้นทำให้เหล่าผู้นำตระกูลใหญ่ทั้งสามต้องคิดหนัก

มันมิใช่ว่าพวกเขานั้นมองไม่เห็นถึงจุดนี้ เพียงแค่ว่าพวกเขาไม่ค่อยจะอยากเชื่อสักเท่าไหร่

เพราะอย่างไรเสียพวกเขาทั้งสามก็ยังมีอำนาจอยู่มากในหอโสถสวรรค์ใต้

แต่อย่างที่เถี่ยซินกล่าวขึ้นมา หากเจ้าหอทั้งสองนั้นสามารถบรรลุหลอมโอสถสวรรค์ระดับแท้ขึ้นมาได้แล้วการจะควบคุมเมืองสวรรค์ใต้มันคงมิใช่เรื่องยากเย็นอีก ถึงเวลานั้นพวกเขาทั้งหลายจะยังมีค่าใด?

หมินหนานชานนั้นสูดหายใจเข้าลึก “รองเจ้าเมืองเถี่ยซิน แล้วท่านจะเสนอว่าเราควรทำอย่างไรเล่า?”

เถี่ยซินนั้นยิ้มกว้างขึ้นมาทันที

ในวันนี้หอโอสถสวรรค์ใต้นั้นมันมีงานใหญ่โตเกิดขึ้นมา

เหล่าหัวเมืองรอบๆ นั้นต่างส่งยอดคนมายังเมืองสวรรค์ใต้เพื่อเข้ามาร่วมเป็นสักขีพยานในงานนี้ด้วย

ในแดนสวรรค์ใต้นี้ตำแหน่งของหอโอสถสวรรค์ใต้นั้นมันยิ่งใหญ่จนเหนือหัวทุกผู้คนไป

เพราะว่าพลังของนักหลอมโอสถสวรรค์นั้นมันยิ่งใหญ่ล้ำ

แน่นอนว่ามันย่อมจะมีหลายต่อหลายคนที่มาเพื่อดูชมโอสถสวรรค์ระดับแท้

“ฮ่าๆ ยินดีกับอาจารย์เย่ด้วยที่ได้กลายเป็นเจ้าหอสามของหอโอสถสวรรค์ใต้! เมืองน้ำพองของข้าเป็นเกียรติอย่างยิ่ง!” เมื่อซุนหยุนจิงได้เห็นเย่หยวนเขาก็รีบพุ่งตัวเข้ามากล่าวทักทายทันที

ข้างๆ กันนั้นซูยี่ก็ได้กล่าวขึ้นมาด้วยใบหน้าไม่ค่อยพอใจ “การที่อาจารย์เย่ได้ขึ้นเป็นเจ้าหอสามนั้นมันเกี่ยวอะไรกับเมืองน้ำพองเจ้ากัน? อาจารย์ท่านนั้นเมืองสงบทักษิณเราเป็นคนชักชวนมา หากจะพูดถึงว่าใครควรรู้สึกเป็นเกียรติมันก็ต้องเป็นเมืองสงบทักษิณเรา!”

ซุนหยุนจิงนั้นไม่คิดสนใจตอบโต้ใดๆ เขาแค่หัวเราะกลับ “ฮ่าๆ เจ้าเมืองผู้นี้ได้เคารพนับถืออาจารย์เย่หลังจากจบศึก!”

ซูยี่นั้นได้แต่ต้องกัดฟันแน่นขึ้นมาแต่ก่อนที่จะทันได้เถียงอะไรออกมาอีกครั้งเขาก็ต้องถูกเย่หยวนขัดไว้ก่อน “เอาล่ะ เจ้าเมืองทั้งสอง เย่ผู้นี้รับทราบถึงน้ำใจของพวกท่านแล้ว”

เย่หยวนนั้นกล่าวรับไปแล้ว ถึงเวลานี้ซูยี่ก็ไม่อาจจะเถียงใดๆ ได้อีก

ไม่ไกลไปนั้นหวงห่าวหยานและซูเป่ยหยุนเองก็เข้ามากล่าวทักทายเช่นกัน

เวลานี้คนที่คิดเข้ามาทักทายเย่หยวนนั้นมันมีมากมายมหาศาลอย่างที่เย่หยวนไม่มีเวลาจะพูดคุยกับคนทั้งหลายได้จึงต้องบอกให้พวกเขาไปนั่งพักรอก่อน

“ผู้นำตระกูลหมิน หมินหนานชานมาถึงแล้ว!”

“ผู้นำตระกูลซ่ง ซ่งเทียนหยางมาถึงแล้ว!”

“ผู้นำตระกูลหยุน หยุนปั่วหยู่มาถึงแล้ว!”

หลังจากได้ยินเสียงประกาศนั้นคนทั้งหลายก็ต้องหันหน้าไปมองเป็นตาเดียว

แม้แต่จ้าวซุนและอู้จี้อันเองก็ยังต้องหันมาสนใจ

เพราะมันมีอะไรไม่ชอบมาพากล

“ปกติแล้วผู้นำทั้งสามตระกูลนั้นไม่ลงรอยขัดแย้งกันอยู่เสมอๆ ทำไมวันนี้พวกเขาทั้งสามจึงมาถึงพร้อมกันเล่า?”

“ผู้นำตระกูลหมินนั้นเดิมทีพยายามอย่างหนักเพื่อจะขึ้นมาเป็นเจ้าหอสามแต่สุดท้ายแล้วความหวังของเขากลับพังทลาย!”

“ผู้มาถึงนี้คงไม่ได้มีเจตนาดีแน่! มันมีเรื่องสนุกๆ ให้ดูแล้ว!”

เหล่าคนที่ได้มาร่วมงานในวันนี้ต่างเป็นคนใหญ่คนโตของแดนสวรรค์ใต้ทั้งสิ้น

เรียกได้ว่าผู้มาร่วมงานส่วนมากเป็นถึงยอดฝีมือชั้นบรรยากาศสวรรค์จักรพรรดิหยก

พวกเขาแต่ละคนนั้นต่างเจ้าเล่ห์มากกล มีหรือที่จะมองไม่ออกว่าการมาถึงพร้อมๆ กันของสามขุมอำนาจแห่งหอโอสถสวรรค์ใต้นี้มันจะไม่มีอะไรเบื้องหลัง?

ด้วยการปรากฏตัวขึ้นของเย่หยวนนี้ ตระกูลใหญ่ทั้งสามย่อมจะไม่อยู่เฉย

หากพวกเขานั้นไม่ตอบโต้ใดๆ กลับไปมันจะเป็นตัวพวกเขาเองที่ต้องฉิบหาย!

“หมินหนานชานขอคารวะเจ้าหอใหญ่และเจ้าหอรอง!”

“ซ่งเทียนหยางขอคารวะเจ้าหอทั้งสอง!”

“หยุนปั่วหยู่ขอคารวะเจ้าหอทั้งสองเช่นกัน!”

คนทั้งสามนั้นเดินเข้ามากล่าวทักทายพร้อมยกมือขึ้นคารวะเจ้าหอทั้งสองแต่กลับไม่คิดหันมาสนใจเย่หยวนแม้แต่น้อย

จ้าวซุนนั้นขมวดคิ้วแน่นขึ้นมาแต่ก็ไม่อาจจะด่าว่าใดๆ ได้

แต่ก่อนที่เขาจะทันได้หันไปกล่าวแนะนำเย่หยวนคนทั้งสามก็เดินจากไปเสียแล้ว

เหล่าผู้คนต่างหันมามองภาพนี้กันอย่างตกตะลึง มันช่างเป็นการประกาศศึกที่ดุดันนัก!

งานใหญ่โตในวันนี้มันถูกจัดขึ้นมาเพื่อเจ้าหอสามอย่างเย่หยวนนั้นแต่สุดท้ายแล้วพวกเขาทั้งสามกลับไม่คิดจะหันมาสนใจเจ้าหอสามผู้เป็นดาวเด่นของงานเลย

จ้าวซุนนั้นได้แต่ต้องยิ้มแห้งๆ กล่าวขึ้นมา “เย่หยวน ข้าจะไปสั่งสอนพวกมันทั้งหลายให้ภายหลังเอง!”

เย่หยวนยิ้มตอบกลับไป “แค่เรื่องเล็กน้อย ท่านเจ้าหอใหญ่ไม่ต้องสนใจหรอก”

จ้าวซุนนั้นต้องผงะไปทันทีที่ได้ยินเพราะเขานั้นกลับเห็นชัดกับตาว่าเย่หยวนไม่คิดติดใจอะไรจริงๆ

ท่าทางและสีหน้าเช่นนี้มันไม่มีทางปลอมแปลงได้

เย่หยวนนั้นมากพรสวรรค์มีความสำเร็จใหญ่โตตั้งแต่อายุยังน้อย แต่เขานั้นกลับมีท่าทางนิ่งสงบได้มันช่างน่ากลัวนัก!

สำหรับยอดอัจฉริยะแล้วมันย่อมจะไม่แปลกหากพวกเขาจะมีท่าทีเย่อหยิ่งไม่เห็นหัวใคร การดูถูกต่อหน้าเช่นนี้คนหนุ่มเลือดร้อนที่ไหนมันจะทนได้?

แต่เย่หยวนนั้นกลับทนรับไว้!

หลังจากได้พูดคุยกันไปพักใหญ่สุดท้ายงานฉลองก็เริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการ

จ้าวซุนนั้นยกแก้วเหล้าขึ้นสูงก่อนจะประกาศลั่นออกมา “วันนี้จ้าวผู้นี้ขอแนะนำให้ทุกท่านได้รู้จักยอดอัจฉริยะหนุ่ม! แม้ว่าเขานั้นจะเพิ่งมาถึงแต่เขาก็ได้ทำประโยชน์มหาศาลให้แก่เมืองสวรรค์ใต้เราแล้ว! หลังจากได้เห็นเขานี้จ้าวผู้นี้ถึงได้รู้ตัวว่าตัวเองช่างเป็นแค่กบน้อยในกะลาเสียจริง! พวกท่านไม่ต้องสงสัยว่าจะมีอะไรเบื้องหลัง มันมิใช่ว่าจ้าวผู้นี้คิดจะเล่นแผนการใดๆ หากเขาคนนี้เป็นนักหลอมโอสถสวรรค์ระดับสี่แล้วตำแหน่งเจ้าหอใหญ่นี้เองข้าก็คงพร้อมยอมมอบมันให้เขาอย่างเต็มใจ!”

“มันเป็นเรื่องน่ายินดีนักที่สหายเต๋าเย่ไม่คิดปฏิเสธและเข้ามารับตำแหน่งเจ้าหอของหอโอสถสวรรค์ใต้เรา! จากวันนี้ไปเขานั้นคือเจ้าหอสามแห่ง…”

“ท่านเจ้าหอใหญ่!”

ในเวลานั้นเองที่หมินหยานชานได้กล่าวขึ้นมาขัดคำของจ้าวซุนไว้

แน่นอนว่าการทำเช่นนี้มันย่อมทำให้เขากลายเป็นเป้าสนใจ

จ้าวซุนนั้นขมวดคิ้วแน่นขึ้นมา “หมินหนานชาน เจ้าคิดจะทำอะไรกันแน่?”

หมินหนานชานนั้นกล่าวตอบไป “หมินผู้นี้คิดว่าการตัดสินใจของเจ้าหอทั้งสองมันเร่งรีบเกินไป!”

“โอหัง! เจ้ามีสิทธิใดเข้ามาขวางการตัดสินใจของเจ้าหอผู้นี้ได้?” จ้าวซุนนั้นร้องลั่นขึ้น

แต่หมินหนานชานนั้นกลับไม่คิดกลัวและตอบกลับไป “เด็กคนนี้มันจะอย่างไรก็เป็นแค่นักหลอมโอสถสวรรค์ระดับสอง เขานั้นมีสิทธิใดขึ้นมานั่งบนตำแหน่งเจ้าหอสามกัน? หากแม้แต่เด็กคนนี้ยังขึ้นมาเป็นเจ้าหอสามได้แล้วเราเหล่านักหลอมโอสถสวรรค์ระดับสี่ทั้งหลายนั้นจะยังเอาหน้าไปไว้ที่ไหน?”

จ้าวซุนนั้นยิ้มตอบกลับไป “เพราะว่าเขานั้นหลอมโอสถสวรรค์ระดับแท้ได้!”

หมินหนานชานนั้นเองก็ยิ้มตอบกลับไป “ท่านเจ้าหอใหญ่ พวกเราทั้งหลายนั้นมันยังไม่มีใครเคยได้เห็นโอสถสวรรค์ระดับแท้ด้วยซ้ำ! ท่านบอกว่าเขานั้นสร้างคุณให้แก่แดนสวรรค์ใต้มากมาย เรื่องนั้นข้าย่อมไม่เถียง แต่จะอย่างไรแดนสวรรค์ใต้นี้มันก็ส่วนแดนสวรรค์ใต้ หอโอสถสวรรค์ใต้มันก็ส่วนหอโอสถสวรรค์ใต้ เขานั้นสร้างคุณให้แก่แดนสวรรค์ใต้แต่มันเกี่ยวอะไรกับการขึ้นมาเป็นเจ้าหอสามกันเล่า?”

“ใช่แล้ว! เจ้าหอใหญ่ ตระกูลซ่งเราเองก็คิดว่าเรื่องนี้มันไม่เหมาะไม่ควรเช่นกัน!” ในเวลานั้นเองที่ซ่งเทียนหยางได้กล่าวขึ้นมาสนับสนุนหมินหนานชาน

หยุนปั่วหยู่เองก็ไม่รอช้า “ท่านเจ้าหอใหญ่ พวกเราสามตระกูลใหญ่นั้นได้ช่วยเหลือสนับสนุนหอโอสถสวรรค์ใต้ไว้มากมายแค่ไหน? เวลานี้ท่านกลับคิดจะให้นักหลอมโอสถสวรรค์ระดับสองคนหนึ่งก้าวขึ้นมาเหยียบหัวเราหรือ?”

จ้าวซุนนั้นได้แต่ต้องทำให้เหยเก

เขานั้นไม่นึกไม่ฝันเช่นกันว่าตระกูลใหญ่ทั้งสามนั้นกลับจะแสดงท่าทีต่อต้านออกมาพร้อมๆ กันเช่นนี้

ที่สำคัญไปกว่านั้นด้วยการนำของสามตระกูลใหญ่ เหล่าตระกูลน้อยต่างๆ เองก็เริ่มแสดงความไม่พอใจออกมาเช่นกันจนสุดท้ายแล้วพวกเขานั้นรู้สึกเหมือนดั่งคนที่ขึ้นหลังเสือแล้วไม่อาจจะลงได้ง่ายๆ

ในฝูงชนนั้นเถี่ยซินได้ยิ้มกว้างมองดูเย่หยวนอย่างเย้ยหยัน

“หึๆ เด็กน้อย เจ้านั้นมันยังไร้ประสบการณ์เกินกว่าที่จะสู้กับรองเจ้าเมืองคนนี้ได้! นี่มันแค่เริ่มต้นเท่านั้น หลังจากไล่เจ้าออกเมืองสวรรค์ใต้ไปได้แล้วรองเจ้าเมืองผู้นี้จะจัดการเจ้าให้สาสม!” เถี่ยซินนั้นยิ้มเย้ยขึ้นมาในใจ

………………………….