ตอนที่ 1512 หนึ่งสังหารสะท้านภูตผี

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

ในสระน้ำ ไอขุ่นมัวตลบอบอวล ผีเสื้อมารแยกฟ้าเคลื่อนตัวลงบนซากศพอสูรอริยะอากาศ กำลังดูดซับพลังที่สามารถทำให้ตนแปรสภาพได้

เสี่ยวอิ๋นยืนอยู่ไกลออกไป บนใบหน้าเล็กหล่อเหลาปรากฏแววทุกข์ใจที่พบเห็นได้ยาก

“เสี่ยวเทียน ในช่วงสิบกว่าวันที่นายท่านเข้ามาในสมรภูมิเก้าดินแดนแห่งนี้ ถูกไอ้แก่พวกนั้นหมายหัวตามฆ่ามาโดยตลอด ทำให้ข้ารู้สึกคับข้องใจนัก”

“เจ้าตื่นช้าไป ไม่รู้สักนิดว่าสมัยอยู่ในดินแดนรกร้างโบราณนายท่านมีฤทธิ์เดชมากมายเพียงไหน แต่ตอนนี้… เฮ้อ ไม่พูดดีกว่า”

“ข้าดูออกว่าในใจเจ้านายมีไอสังหารยิ่งใหญ่ รอเจ้าแปรสภาพสำเร็จ ก็ช่วยนายท่านเข่นฆ่าให้สาแกใจร่วมกับข้าดีไหม”

เสี่ยวอิ๋นพร่ำบ่น

ตัวเขาก่อนหน้านี้เลือดเย็นพูดน้อย แต่พอเผชิญหน้ากับผีเสื้อมารแยกฟ้าก็แตกต่างไปอย่างเห็นได้ชัด

“เสี่ยวเทียนพยายามเข้านะ นานมาแล้วบรรพชนของเจ้ากระพือปีกครั้งเดียวฉีกสวรรค์แยกนภาครามได้ นั่นแข็งแกร่งขนาดไหน ข้าหวังว่าสักวันหนึ่งเจ้าก็จะทำเช่นนั้นได้เหมือนกัน!”

เสี่ยวอิ๋นให้กำลังใจผีเสื้อมารแยกฟ้านามว่าเสี่ยวเทียน

‘ในเมื่อรู้ว่าข้ามีพลังพรสวรรค์ ‘แยกฟ้า’ ก็ไม่ควรเรียกข้าว่าเสี่ยวเทียน’

ทันใดนั้นคลื่นเสียงแปลกประหลาดเย็นชาเสียงหนึ่งดังขึ้นในใจเสี่ยวอิ๋น มีความเย็นเยียบเป็นเอกลักษณ์เหมือนน้ำพุใสกระจ่างเย็นยะเยือก

“เอ่อ แค่ชื่อเท่านั้น อย่าคิดเล็กคิดน้อยสิ”

เสี่ยวอิ๋นยิ้มเขิน

‘เจ้าเป็นถึงหนอนราชันแห่งเผ่าหนอนกินเทพ ทั้งยังเหยียบย่างวิถีมกุฎอมตะเคราะห์ ทรงอิทธิฤทธิ์เพียงไหน แต่เจ้ากลับชื่อเสี่ยวอิ๋น ไม่รู้สึกขัดหูหรือ’

ผีเสื้อมารแยกฟ้าเอ่ยขึ้นอีกครั้ง

ประโยดเดียวทำเอาเสี่ยวอิ๋นสีหน้าอึมครึมลง ชื่อที่หลินสวินตั้งให้เขาเป็นความเจ็บปวดในใจของเขามาโดยตลอด!

แต่ประโยคต่อมาของผีเสื้อมารแยกฟ้ากลับทำให้เสี่ยวอิ๋นยิ้มขึ้นมา

‘พอข้าซึมซับหล่อหลอมพลังกฎเกณฑ์ห้วงอากาศที่มีอยู่ในอสูรอริยะอากาศตัวนี้โดยสมบูรณ์แล้ว ก็จะครอบครองอภินิหารพรสวรรค์การเคลื่อนที่ชั่วพริบตาและซ่อนตัวชั่วพริบตาได้ ถึงตอนนั้นเจ้ากับข้ามาร่วมกันระบายความขุ่นเคืองให้นายท่าน’

“ดี!” เสี่ยวอิ๋นฮึกเหิม ไอสังหารพลุ่งพล่าน

……

เจ็บ!

ความเจ็บปวดราวกับร่างกายและจิตใจถูกฉีกทึ้งผุดขึ้นทั่วร่างหลินสวินเหมือนกระแสน้ำ

เขารู้สึกว่าตัวเองเป็นเหมือนกระบี่เล่มหนึ่งที่กำลังถูกหลอมตีนับพันนับร้อยครั้งในเตาหลอม การทุบตีแต่ละครั้งทำให้หลงคิดไปว่าจะพังทลาย

มีเพียงโคจรพลังมหามรรคที่ตนครอบครองเท่านั้น ถึงทำให้ฝืนรักษาความผุดผ่องในใจเล็กน้อยเอาไว้ได้

และในกระบวนการนี้ มรรคดับดารากลืนกิน มรรคหยินหยางยอดเอกอุ มรรคธาตุน้ำและไฟ เจินหลง ไร้มรณะที่หลินสวินครอบครอง…

บรรดานัยเร้นลับแห่งกฎเกณฑ์มหามรรคสะท้อนและสำแดงออกมาทั้งหมด จากนั้นก็ถูกหลอมและทุบตีอย่างรุนแรงไม่หยุดหย่อน

กระบวนการนี้ดำเนินไปเจ็ดวันเต็มๆ

วันนี้ หลินสวินเพียงรู้สึกว่าทั้งร่างถูกความเจ็บปวดรุนแรงทรมานจนเหน็บชา ไม่มีความรู้สึกแม้แต่นิดเดียว

ขนาดจิตวิญญาณยังอยู่ในสภาวะว่างเปล่าไร้ความคิด

มีเพียงนัยเร้นลับมหามรรคโคจรท่องไปทั้งกายเขาดั่งมัจฉาแหวกว่ายตัวแล้วตัวเล่า สำแดงเป็นห้วงเหวแปลกประหลาดแห่งหนึ่ง

และเมื่อหุบเหวนี้ปรากฏขึ้น ทั้งเตาหลอมพลันตกอยู่ในความเงียบงันอันแปลกประหลาด

ฟู่!

ครู่ต่อมา หุบเหวคล้ายกับมีชีวิต ก่อคลื่นอัศจรรย์ออกมาคล้ายหายใจเข้าออก

จากนั้นทั้งเตาหลอมพลันระเบิดโครมคราม!

แทบในขณะเดียวกัน ใน ‘หอยอดมรรค’ ที่อยู่ไม่ไกล เตาไฟที่รวมตัวจากลายมรรคคลุมเครือเตานั้นก็แตกกระเจิง กลายเป็นละอองแสงปลิวว่อนนับไม่ถ้วนไปด้วย

‘ยอดมรรคเคี่ยวกรำ รากฐานแห่งการสร้างกายมรรค!’

ความรู้แจ้งปรากฏขึ้นในใจหลินสวิน ค่อยๆ ได้สติขึ้นจากสภาวะมึนชาว่างเปล่าที่เกิดขึ้นเพราะความเจ็บปวดนั้น

การเคี่ยวกรำครั้งนี้ แม้พลังกฎเกณฑ์มหามรรคไม่ได้แปรสภาพ แต่กลับขัดเกลาและยกระดับใหม่ทั้งหมดครั้งหนึ่ง

ก่อนหน้านี้แม้พลังมหามรรคทั้งหมดอยู่ภายใต้การควบคุมของมรรคดับดารากลืนกิน แต่ถึงอย่างไรก็ยังเป็นพลังมหามรรคที่เป็นเอกเทศ

แต่ตอนนี้หลังจากผ่านการเคี่ยวกรำครั้งนี้ไป ทำให้เกิดการตอบสนองและเชื่อมประสานอันเป็นเอกลักษณ์บางอย่างขึ้นระหว่างพลังมหามรรคที่หลินสวินครอบครองทั้งหมด

เปรียบดั่งมือเท้าของมนุษย์ แม้อยู่ต่างตำแหน่งแต่ก็ถือเป็นร่างกาย!

‘มหามรรคเชื่อมประสาน วาดหวังกายมรรค!’

หลินสวินลืมตาขึ้น ในใจเต็มไปด้วยความแน่วแน่

กายมรรค แท้จริงเป็นสิ่งที่สะท้อนให้เห็นถึงการหลอมรวมกันระหว่างมรรคกับร่างกาย

โดยทั่วไปมีเพียงบุคคลระดับอริยะ ถึงจะสามารถหลอมรวมพลังมหามรรคที่ครอบครองไว้เข้าสู่เลือดเนื้อและจิตวิญญาณด้วยวิชาลับอันมีเอกลักษณ์ได้

เช่นนี้ถึงสามารถสร้างกายมรรคที่แท้จริงได้!

และด้วยการขัดเกลาครั้งนี้ หลินสวินก็ได้สร้างรากฐานกายมรรคแล้ว ยามบรรลุอริยะ จะสามารถหลอมร่างกายของตนนี้ให้เป็นกายมรรคเมื่อไรก็ได้!

ครากายมรรคสร้างเสร็จ มหามรรคจะตามติดยามยกมือวาดเท้า ทุกการเคลื่อนไหวต่างมีท่วงทำนองมรรคลึกลับบางอย่าง

วาจาแปรเป็นกฎ!

อภินิหารน่ากลัวเช่นนี้ ก็คือวลีที่สะท้อนความสำเร็จยิ่งใหญ่ของกายมรรค ล้วนประทับกลิ่นอายและพลานุภาพของมหามรรค!

ฟู่!

หลินสวินพ่นลมหายใจขุ่นเฮือกหนึ่ง ลุกขึ้นยืนจากพื้น

สายตาเขามองไปยังต้นบรรพชนหลอมจิตเขียวขจีที่อยู่ไกลออกไปต้นนั้น ในใจครุ่นคิดว่าจะเก็บแหล่งสมบัติหลอมจิตต่ออีกหน่อยดีหรือไม่

และในตอนนี้เอง เสียงร้องน่าอนาถระลอกหนึ่งดังขึ้นจากนอกโลกลี้ลับวังใต้ดิน ปนเปไปกับเสียงแช่งด่าโกรธเคืองและเสียงโหยหวนสิ้นหวัง

มาอีกแล้ว!

พอหลินสวินเดินออกจากวังใต้ดินก็ได้เห็นภาพคุ้นตา ผู้แข็งแกร่งดินแดนรกร้างโบราณคนแล้วคนเล่าตกลงบนรอยแยกห้วงอากาศแน่นขนัดนั้น เหมือนดาวหางร่วงหล่นดวงแล้วดวงเล่า

จากนั้นก็ถูกบดขยี้ ฝนเลือดสาดกระเซ็นทีละคน

แววเย็นเยียบน่าหวาดหวั่นผุดขึ้นในดวงตาดำของหลินสวิน นึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อเจ็ดวันก่อน ความชิงชังและไอสังหารที่เดิมสะสมไว้ในส่วนลึกของจิตใจปะทุออกมาราวกับหินหนืด

……

นอกหุบเหว

“จำไว้ คนที่ทำให้พวกเจ้าตายเป็นเจ้าคนที่ชื่อหลินสวิน พวกเจ้าคงรู้จัก ได้ยินว่าเขาเป็นระดับผู้นำบุคคลขอบเขตมกุฎดินแดนรกร้างโบราณของพวกเจ้า”

ติงซานเหอแววตาเย็นเยียบและน่าสะพรึงกลัว มองดูผู้แข็งแกร่งดินแดนรกร้างโบราณที่ถูกจับเป็นแต่ละคน เสียงเจือไปด้วยความชิงชังที่ไม่ปิดบังเลยสักนิด

“ตอนนี้หลินสวินนั่นก็อยู่ในหุบเหวแห่งนี้ พวกเจ้า… ไปเป็นของร่วมฝังพร้อมกับมันเถอะ!”

ยามเอ่ยวาจา ติงซานเหอสะบัดแขนเสื้อครั้งหนึ่ง ผู้แข็งแกร่งดินแดนรกร้างโบราณหลายสิบคนถูกม้วนตลบ โยนเข้าไปในหุบเหวนั้น

อีกด้านหนึ่งอริยะอีกสามคนอย่างพวกจี้ชิ่งก็กำลังเฝ้าระวัง

หลังจากเสียเปรียบไปสองครั้ง พวกเขาก็ไม่กล้าดูเบาหลินสวิน ระแวดระวังตลอดเวลาเพื่อป้องกันไม่ให้ถูกลอบจู่โจม

ไกลออกไปเงาร่างของเฟิงผิงจื่อปรากฏขึ้นอีกครั้ง แล้วพูดว่า “แพะสองขาที่อยู่ในขอบเขตหมื่นลี้จากป่าหลอมจิตแทบจะถูกล่าไปหมด จับมาอีกได้ยากแล้ว”

ติงซานเหอนิ่วหน้า “เช่นนั้นก็ไปจับในที่ที่ไกลขึ้นไปอีกสิ!”

เฟิงผิงจื่อเอ่ย “ก่อนหน้านี้ไม่นาน เซวี่ยชิงอีแห่งสำนักมารฟ้าประทานออกคำสั่งลงมาว่าต้องสังหารศัตรูที่อยูในโลกมารโลหิตทั้งหมดให้ได้ภายในสามเดือน ตอนนี้ทั้งโลกมารโลหิตมีแต่เงาร่างที่ไล่ล่าสังหารแพะสองขาทั้งนั้น คิดจะจับเป็นคงไม่ใช่เรื่องง่าย”

ติงซานเหอมุ่นคิ้วแน่นยิ่งขึ้น

เฟิงผิงจื่อเอ่ย “อีกอย่าง อีกไม่นานผู้แข็งแกร่งเผ่าเหยี่ยวมารเหินก็จะมาแล้ว พวกเขาต่างสงสัยว่าเหตุใดจนป่านนี้เล่อมู่จิ้นยังไม่กลับไป”

“อะไรนะ”

พวกติงซานเหอ จี้ชิ่งหน้าเปลี่ยนสี

“เจ้ารู้ไหมว่าผู้แข็งแกร่งเผ่าเหยี่ยวมารเหินคนไหนจะมา”

ติงซานเหอถาม

“เล่อเซวี่ยซิว!”

เฟิงผิงจื่อพ่นชื่อออกมาเบาๆ

ทันใดนั้นพวกติงซานเหอก็ตัวแข็งทื่อ สีหน้าเดี๋ยวคล้ำเขียวเดี๋ยวซีดขาว

เล่อเซวี่ยซิว!

คนผู้นี้เป็นถึงมกุฎอริยะแท้เผ่าเหยี่ยวมารเหินคนหนึ่ง มีชื่อเสียงมานานแล้ว ความแข็งแกร่งในพลังต่อสู้ของเขา เพียงมือเดียวก็สามารถปลิดชีพอริยะแท้อย่างพวกเขาได้ง่ายดาย!

มกุฎอริยะแท้!

ต่อให้อยู่ในดินแดนโบราณมารโลหิต ผู้ที่สามารถเหยียบย่างเข้าไปในระดับนี้ได้ก็น้อยยิ่งกว่าหนึ่งในหมื่น ทั้งยังจำเป็นต้องมีวาสนาและศุภโชคใหญ่ยิ่งถึงสามารถบรรลุมกุฎอริยะได้

และเล่อเซวี่ยซิวผู้นี้ก็คือผู้โชคดีที่ในหมื่นคนยังไม่พบ ตามศักดิ์แล้ว เขาเป็นอาคนหนึ่งของเล่อมู่จิ้น ความสัมพันธ์ทางสายเลือดใกล้กันถึงที่สุด

ถ้าให้เขารู้ข่าวที่เล่อมู่จิ้นถูกฆ่า…

คิดถึงตรงนี้พวกติงซานเหอต่างสีหน้าอึมครึม

ในสายตาพวกเขา ผู้อยู่ต่ำกว่าอริยะล้วนเป็นดั่งมดปลวก แต่ในสายตาของระดับมกุฎอริยะ อริยะแท้ทั่วไปอย่างพวกเขา แม้ไม่ได้อ่อนแออย่างมดปลวก แต่ก็ไม่ได้แข็งแกร่งเท่าไร!

“นอกจากนี้ยังมีอีกข่าวหนึ่ง ‘แดนลับนรกโลกันตร์’ กำลังจะเปิดในอีกสามเดือน วาสนาบรรลุมกุฎอริยะกลุ่มแรกก็จะถือกำเนิดขึ้นที่นั่น”

เฟิงผิงจื่อเอ่ยปากขึ้นอีกครั้ง “ตามการสันนิษฐานของข้า เล่อเซวี่ยซิวคงมาเพราะเรื่องนี้ ถึงอย่างไรหากเล่อมู่จิ้นยังมีชีวิตอยู่ ก็มีคุณสมบัติคว้าโอกาสครั้งนี้แล้วบรรลุระดับมกุฎอริยะ”

พวกติงซานเหอใจหล่นไปอยู่ตาตุ่มแล้ว

บรรลุมรรคมกุฎอริยะในสมรภูมิเก้าดินแดนได้สำเร็จ มีข้อได้เปรียบจากสภาพแวดล้อมเอื้ออำนวย ไม่เพียงได้รับพลังมรรคมกุฎอริยะที่สมบูรณ์

ยังทำให้ผู้ฝึกปราณวางรากฐานอริยมรรคอันเหนือจินตนาการยามบรรลุอริยะได้ด้วย!

ตามที่พวกติงซานเหอรู้ ด้วยเหตุนี้เซวี่ยชิงอี เล่อมู่จิ้น รวมถึงบุคคลแห่งยุคคนอื่นๆ ถึงข่มระดับไว้ เลือกเข้ามาบรรลุอริยะในสมรภูมิเก้าดินแดน

หาไม่แล้วด้วยรากฐานพลังและทรัพยากรที่มีของบุคคลแห่งยุคเหล่านี้ ก็มีโอกาสทะลวงระดับมกุฎอริยะตั้งแต่สมัยอยู่ในดินแดนโบราณมารโลหิตแล้ว!

แต่ว่า…

เล่อมู่จิ้นตายไปก่อนแล้ว!

หากเล่อเซวี่ยซิวมาหาแล้วพบความจริงข้อนี้ ต้องบันดาลโทสะฆ่าคนแน่

ทำอย่างไรดี

พวกติงซานเหอจิตใจว้าวุ่น

“ระวัง!”

ทันใดนั้นจี้ชิ่งตะคอกลั่น

พวกติงซานเหอเงยมองไปทางหุบเหวที่อยู่ไม่ไกลตามจิตใต้สำนึก

ฮูม!

คลื่นพลังอัศจรรย์และน่าหวาดหวั่นปกคลุมไปทั้งที่นั้นในชั่วพริบตาจนมืดฟ้ามัวดิน

อภินิหารหยุดเวลา!

พอเงาร่างหลินสวินไหวเคลื่อน ก็มาอยู่หน้าอริยะตัวเตี้ยเกล้ามวยนักพรต แต่งกายด้วยชุดนักพรตวาโยอัคคีคนหนึ่ง

ชิ้ง!

ดาบหักเหมือนโกรธา ปลดปล่อยกระบวนเฉือนที่สั่งสมพลังทั้งหมดของหลินสวินออกมา

มรดกอักษรสังหาร!

ชั่วพริบตานั้น อริยะผู้นี้แทบจะทำตามสัญชาตญาณ ร่างเตี้ยปะทุแสงน่ากลัวออกมาต่อต้าน

แต่ยังช้าไปจังหวะหนึ่ง

โอกาสที่หลินสวินลงมือแม่นยำเกินไป คว้าชั่วขณะที่พวกเขาจิตใจว้าวุ่นเล็กน้อยไว้ได้พอดี จากนั้นก็ออกโจมตีเต็มกำลัง ไม่ลังเลแต่อย่างใด

ดูคล้ายเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นในชั่วพริบตา แต่หลินสวินใช้พลังอย่างอภินิหารหยุดเวลา ปีกผลาญเทพ และมรดกอักษรสังหารไปแล้ว!

พรวด…!

ศีรษะที่เลือดไหลอาบหัวหนึ่งลอยกระเด็นขึ้นมา

ปัง!

ศพไร้หัวของอริยะผู้นี้ก็ถูกพลังพิฆาตเย้ยฟ้าที่มรดกอักษรสังหารเหนี่ยวนำฟันโดน เลือดเนื้อระเบิดแหลก

ชั่วเวลาที่ดีดนิ้ว ยามไม่ทันตั้งตัว

การโจมตีเดียวสังหารอริยะ!

ตอนนั้นจักรวาลเปลี่ยนสี ทั้งสิบทิศสั่นระรัว เสียงไว้อาลัยร่วงหล่นจากฟ้า

โลหิตอริยะไหลเชี่ยวดั่งน้ำตก ย้อมนภาครามเป็นสีแดง

ดาบหักดั่งลำแสง สำแดงคมประกายไร้เทียมทานที่ไม่เคยมีมาก่อน

การสังหารครั้งนี้ เพียงพอจะเขย่าขวัญเทพผี!

——