ตอนที่ 1494 ห่วงโซ่พยานแบบสมบูรณ์

Scholar’s Advanced Technological System ระบบปั้นอัจฉริยะ

ณ กองความมั่นคงเซี่ยงไฮ้

ข้างในออฟฟิศชั่วคราวของหน่วยปฏิบัติการเฉพาะกิจ ร้อยเอกซิงกำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะตัวเองพร้อมสีหน้าครุ่นคิดขณะหมุนชิปเมมโมรี่จักรกลในมือเล่นไปมาราวกับว่ากำลังวิเคราะห์อะไรสักอย่าง

ทันใดนั้นภาพโฮโลแกรมผู้ช่วยเอไอของเขาก็ปรากฏขึ้นมาที่หน้าโต๊ะและพูดด้วยน้ำเสียงโมโนโทนแบบหุ่นยนต์ว่า

“ร้อยเอกซิง มีคนโทรหาคุณ”

หลังจากที่เขาเอาชิปเมมโมรี่ในมือยัดเข้าใส่ตู้ลิ้นชัก ซิงเปียนก็มองผู้ช่วยเอไอของเขาแล้วถามด้วยท่าทางสบายๆ ว่า “ใครเหรอ?”

“นักวิชาการลู่”

นักวิชาการลู่เหรอ?

เขาเลิกคิ้ว ซิงเปียนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะบอกเอไอว่า “รับสายให้ที”

“รับทราบ”

ภาพโฮโลแกรมสามมิติกระจายออกเป็นอนุภาคแสงแล้วรวมตัวใหม่กลายเป็นแผงโฮโลแกรมสองมิติ ภาพนักวิชาการลู่กำลังนั่งอยู่ในห้องนั่งเล่นปรากฏขึ้นตรงหน้าเขา

ในขณะที่ร้อยเอกซิงกำลังจะถามว่าอีกฝ่ายโทรมาทำไม ลู่โจวที่นั่งอยู่อีกฟากหนึ่งก็พูดขึ้นมาก่อน

“การสืบสวนเรื่องระเบิดของคุณได้ผลสรุปแล้วหรือยังครับ?”

“ยังไม่ถึงขนาดนั้นหรอก” ซิงเปียนบอก เขาส่ายหัว “คดีนี้มันมีเล่ห์มีกลมาก ถ้ามีข้อมูลอะไรใหม่ๆ ผมจะบอกคุณเอง…นี่คุณโทรมาแค่จะถามเรื่องนี้เหรอ?”

ก็ไม่ใช่ว่าฉันจะบอกเรื่องการสืบสวนที่กำลังดำเนินอยู่ให้คุณฟังได้ทุกอย่างหรอกนะ

ซิงเปียนมีสีหน้าเรียบเฉย

การสืบสวน ‘องค์กรจิตวิญญาณแห่งจักรวาล’ เป็นภารกิจของกองความมั่นคง และคนธรรมดาทั่วไปไม่ควรเข้ามายุ่งเกี่ยวด้วย มันมีเหตุผลทั้งด้านเพื่อความปลอดภัยและเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความตื่นตระหนกในวงกว้าง

เมื่อได้ฟังคำตอบกลับที่ออกจะแนวๆ ตอบแบบขอไปที ลู่โจวก็ยิ้มแล้วพูดต่อด้วยน้ำเสียงสบายๆ ว่า “นี่ผมดูเหมือนคนว่างไม่มีอะไรจะทำแล้วเหรอ?”

หลังจากเว้นจังหวะไปนิดหนึ่ง เขาก็มองร้อยเอกซิงที่อยู่บนหน้าจอวิดีโอแล้วพูดต่อ “ดูเหมือนว่าการสืบสวนฝั่งคุณจะถึงช่วงคอขวดนะ ผมมีเบาะแสบางอย่างอยู่ แต่ไม่รู้จะช่วยคุณได้ไหม”

หลังจากได้ยินคำพูดของลู่โจว ร้อยเอกซิงที่ไม่คิดว่าจะมีใครรู้เรื่องการสืบสวนนี้ดีไปกว่าเขาก็ยิ้มออกมา เขาเอ่ยขึ้นด้วยท่าทางสบายๆ ไม่คิดอะไรจริงจังกับคำพูดลู่โจว “อย่างนั้นเหรอครับ? เบาะแสอะไรกัน?”

“เกี่ยวกับเรื่องไวรัสอัลฟ่าน่ะ”

วินาทีที่เขาพูดคำนั้นออกมา ซิงเปียนก็ลุกขึ้นมานั่งตัวตรงทันที เขาจ้องหน้าต่างวิดีโอที่วางไว้บนโต๊ะด้วยสีหน้าจริงจัง แล้วถามอีกฝ่ายอย่างกระตือรือร้นว่า “คุณไปได้ยินคำนั้นมาจากไหน? แล้วคุณรู้เรื่องไวรัสอัลฟ่ามากแค่ไหนกัน?”

ถึงไวรัสอัลฟ่าจะไม่ใช่ความลับอะไร เพราะไวรัสอัลฟ่าหลายเวอร์ชันก็แพร่ระบาดในตลาดมืดเมื่อหกเดือนก่อนไปแล้ว แต่กับคนทั่วไป พวกเขาไม่มีทางรู้ว่ามันมีสิ่งนี้อยู่

ในมุมหนึ่ง คนทั่วไปส่วนใหญ่สามารถเจลเบรคนิสัยหุ่นยนต์และลักษณะการทำงานของพวกมันส่วนใหญ่ได้ ไม่จำเป็นต้องไปปรับแก้ไขตรรกะหุ่นยนต์ในระดับลึกที่สุด ในอีกมุมหนึ่ง สหการพาน-เอเชียนได้จงใจบล็อกข้อมูลไวรัสอัลฟ่าไว้เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความตื่นตระหนกในสังคม

ดังนั้นคนส่วนใหญ่จึงไม่มีทางรู้เรื่องไวรัสอัลฟ่า

ต่อให้พวกเขาจะเคยเจอหุ่นยนต์ที่ติดไวรัสอัลฟ่ามาก็เถอะ…

ลู่โจวตอบด้วยน้ำเสียงสบายๆ เช่นเดิม “ในฐานข้อมูลของอีสต์เอเชียเอเนอร์จี้น่ะครับ”

“ฐานข้อมูลของอีสต์เอเชียเอเนอร์จี้เหรอ?” ซิงเปียนงงกับประโยคที่ลู่โจวพูดมาไปชั่วขณะ เขาตกใจเล็กน้อย จากนั้นก็ขมวดคิ้วแล้วถามว่า “คุณหมายความว่าอย่างไร?”

“เรื่องมันยาวน่ะ ผมเอาแค่ประเด็นหลักๆ มาเล่าก็แล้วกัน” ลู่โจวต้องใช้เวลาคิดอยู่ครู่เล็กๆ ว่าจะเรียบเรียงเรื่องราวให้เป็นอย่างไร หลังจากผ่านไปสักพัก ลู่โจวที่นั่งพิงโซฟาก็คิดออก เขาอธิบายช้าๆ ว่า “เมื่อวานตอนที่ผมเช็กสภาพทางการเงิน ผมก็เจอรายจ่ายแต้มเครดิตหนึ่งพันล้านแต้มที่ผิดปกติ”

“ด้วยความสงสัยผมจึงใช้อำนาจของประธานบอร์ดเพื่อกู้ไฟล์สำรองในฐานข้อมูลแล้วแกะรอยที่มาที่ไปของเงินพวกนั้น ผลลัพธ์ก็คือ ผมพบว่ารายจ่ายทั้งหมดนั้นเกี่ยวข้องกับโปรเจกต์ที่ชื่อ X-100”

ร้อยเอกซิง “X-100?”

“ใช่ครับ มันเป็นโปรแกรมควบคุมตนเองของเอไอในแก่นฟิวชั่นที่มองเผินๆ ก็ดูเหมือนจะไม่มีอะไรปกติ แต่มันมีอะไรมากกว่านั้น…”

ลู่โจวมองร้อยเอกซิงบนหน้าจอวิดีโอแล้วพูดต่อ “ด้วยความสงสัยผมก็เลยตามรอยเข้าโปรเจกต์ X-100 นี่ไปตามต้นตอแล้วก็เจอปัญหาในทันที ทุกเอกสารและทุกขั้นตอนที่เกี่ยวข้องกับโปรเจกต์ X-100 นั้นถูกเก็บรักษาไว้เป็นอย่างดี แม้ความคิดเห็นการประเมินที่วิศวกรของอีสต์เอเชียเอเนอร์จี้ทำไว้จะถูกค้นเจอ แต่ที่แปลกก็คือตัวโปรแกรมที่มีโค้ดเนมว่า X-100 กลับหายไป”

เป็นเหตุการณ์ที่ฟังดูเหมือนเคสการใช้พลังในการตรวจสอบเงินในบริษัท

จำนวนที่เกี่ยวข้องก็ไม่ใช่จำนวนน้อยๆ ถ้าเอาเรื่องนี้ไปลงข่าวมันจะกลายเป็นข่าวหน้าหนึ่งในทันที แต่เป็นข่าวประเภทที่ไม่ได้เกี่ยวกับกองความมั่นคงเลยแม้แต่น้อย มันจะถูกรายงานเข้าช่องทางปกติของสำนักสอบสวนด้านการเงินแทน ซิงเปียนไม่เข้าใจนิดหน่อยว่าทำไมลู่โจวถึงอยากเล่าเรื่องพวกนี้ให้เขาฟัง

“…แล้วยังไงต่อ?”

“แล้วก็บังเอิญว่าผมเป็นคนที่ชอบถามคำถามเสียด้วย” ลู่โจวยิ้มเล็กๆ แล้วเล่าต่อ “หลังจากสืบข้อมูลมาสักพัก ผมก็โชคดีที่ได้เจอโปรแกรม X-100 ในข้อมูลแคชของเซิร์ฟเวอร์แล็บวิจัยแม่เหล็กไฟฟ้า”

“ก่อนที่พวกเขาจะได้ทันลบข้อมูลมันไป ผมก็เจอซอร์ซโค้ดแล้วก็ศึกษามัน จากนั้นผมก็บังเอิญค้นพบว่าหุ่นยนต์ในสวนของผมเหมือนจะติดไวรัสแบบเดียวกัน…อย่างน้อยส่วนแก่นของซอร์ซโค้ดก็เหมือนๆ กัน”

วินาทีที่เขาได้ยินคำพูดเหล่านั้น หัวใจของซิงเปียนก็เริ่มสั่น เขามองลู่โจวด้วยความไม่อยากจะเชื่อ

“คุณกำลังจะบอกว่า…อีสต์เอเชียเอเนอร์จี้เข้าร่วมโครงการวิจัยและพัฒนาไวรัสอัลฟ่าอย่างนั้นเหรอครับ?”

“ก็ไม่เชิง” ลู่โจวตอบ เขาส่ายหัว “เอาตรงๆ แล้ว ความซับซ้อนของโค้ดนั้นก็ไม่ใช่สิ่งที่บริษัทเทคโนโลยีสารสนเทศที่มีพนักงานน้อยกว่า 50 คนจะพัฒนาขึ้นมาได้หรอกครับ หลักๆ คือไวรัสนั้นถูกพัฒนาโดยดอว์นเทคโนโลยีต่างหาก ผมค่อนข้างเชื่อว่าพวกเขาได้สิ่งนี้มาจากที่ไหนสักแห่งเมื่อราวสิบปีก่อน จากนั้นก็นำมันมาวิเคราะห์องค์ประกอบแล้วก็พัฒนามันขึ้นมาใหม่”

“คุณรู้เรื่องไวรัสอัลฟ่ามากแค่ไหนกัน…?” เมื่อฟังไปได้ครึ่งทาง ร้อยเอกซิงก็หยุดพูดกลางคัน เขาสูดลมหายใจเข้าลึก แล้วพูดต่อด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ผมขอถามคำถามเพิ่มอีกข้อหนึ่ง คุณรู้เรื่ององค์กรจิตวิญญาณแห่งจักรวาลมากแค่ไหนกัน?”

องค์กรจิตวิญญาณแห่งจักรวาลเหรอ?

พอได้ยินชื่อ ลู่โจวก็ทำหน้าเหมือนคนไม่อยากจะเชื่อ

ถึงเขาจะมีลางสังหรณ์รางๆ มาก่อนว่าทุกเหตุการณ์ประหลาดที่เกิดขึ้นในเวลาหนึ่งร้อยปีต่อมาอาจจะเกี่ยวข้องกับการทดลองเมื่อหนึ่งร้อยปีก่อน เขาก็ไม่คาดคิดว่าจะได้ยินชื่อนี้อีกในเวลาหนึ่งร้อยปีต่อมา

เมื่อเห็นว่าลู่โจวเงียบไปนาน สีหน้าของซิงเปียนก็ค่อยๆ กลายเป็นสีหน้ากระอักกระอ่วน เขากระแอมเบาๆ “…เอ่อ คุณไม่รู้จักพวกเขาเหรอ?”

“รู้จักครับ รู้จัก แค่แปลกใจนิดหน่อย” ลู่โจวกลับมาสู่โลกความเป็นจริงอีกครั้ง เขามองใบหน้าสงสัยไปทางร้อยเอกซิงในหน้าจอวิดีโอ “ผ่านมาร้อยปีแล้ว องค์กรนั้นก็ยังอยู่อีกเหรอ? ผมหมายถึง พวกเขายังปฏิบัติการกันอยู่เหมือนเมื่อหนึ่งร้อยปีก่อนเหรอ?”

“สถานการณ์อาจจะซับซ้อนกว่าเมื่อหนึ่งร้อยปีก่อน” ซิงเปียนดูจะลังเลว่าจะบอกลู่โจวมากกว่านี้ดีไหม เขาเงียบไปพักหนึ่ง ก่อนจะถามขึ้นมาว่า “คุณว่างอีกทีตอนไหน? ผมสามารถคุยกับคุณตัวต่อตัวเรื่ององค์กรจิตวิญญาณแห่งจักรวาลได้ไหม?”

ร้อยเอกซิงประหลาดใจกับคำตอบ เขาคิดว่าลู่โจวจะยินดีตอบรับคำเชิญของเขา แต่อีกฝ่ายกลับปฏิเสธอย่างไม่ลังเล

“ไม่จำเป็นครับ ผมไม่ได้มาที่นี่เพื่อคุยกับคุณเรื่ององค์กรก่อการร้ายจากสมัยร้อยปีก่อน และผมก็ไม่ได้สนใจพวกโง่ที่ทำชั่วภายใต้โฉมหน้าของวิทยาศาสตร์”

“ผมแค่จะบอกคุณว่า ผมมีหลักฐานเต็มที่ ผมมีสัญญาที่เซ็นลงนาม และสำเนาต้นฉบับของโปรเจกต์ X-100 ซึ่งก็คือ ไวรัสอัลฟ่า”

“ดูเหมือนคุณจะไม่ได้ตั้งใจให้หลักฐานพวกเราฟรีๆ นะ” ซิงเปียนพูดสั้นๆ “โอเค คุณอยากได้อะไร ว่ามาเลย”

“ผมไม่ได้อยากได้อะไรแปลกๆ ทั้งนั้น สิ่งเดียวที่ผมต้องการคือ เก็บปฏิบัติการของคุณไว้เป็นความลับให้ดี ถึงโปรเจกต์ X-100 จะได้รับเงินทุนจากอีสต์เอเชียเอเนอร์จี้ แต่ผมก็มั่นใจว่าคณะบอร์ดผู้บริหารไม่ทราบเรื่องนี้ด้วย เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นภายใต้การกระทำส่วนตัวของประธานหลิวเจิ้งซิงกับอดีตคณะกรรมการวิทยาศาสตร์ซงหยางเหว่ย”

ซิงเปียนรู้ว่าลู่โจวกำลังพูดถึงเรื่องอะไร เขาตอบกลับด้วยรอยยิ้ม “คุณวางใจได้เลย ในเมื่อพวกเขาใช้ตำแหน่งของตัวเองแอบให้ทุนการวิจัยและการพัฒนาไวรัสอัลฟ่าและปกปิดรายละเอียดของโปรเจกต์นี้ไว้จึงทำให้อีสต์เอเชียเอเนอร์จี้กลายเป็นเหยื่อ และแน่นอนว่าพวกเราจะต้องปกป้องความเป็นส่วนตัวของเหยื่ออยู่แล้ว”

การบอกสาธารณชนเรื่องการมีอยู่ของไวรัสอัลฟ่าเป็นเรื่องที่ทำยาก ยิ่งเมื่อตัวไวรัสมีส่วนเกี่ยวข้องกับอีสต์เอเชียเอเนอร์จี้แล้วด้วย

ในยุคศตวรรษที่ 22 ที่เทคโนโลยีสารสนเทศถูกพัฒนาเป็นอย่างมาก สายเคเบิ้ลเครือข่ายไม่ได้แค่มีส่วนเกี่ยวข้องกับชีวิตของคนทุกคน แต่มันยังฝังเข้าไปในร่างกายของคนหลายคนด้วย เห็นได้ชัดว่าหุ่นยนต์มีบทบาทสำคัญกับการผลิตและชีวิตคนมากเท่าไหน

ถ้าหากคนพาน-เอเชียนรู้ว่าอีสต์เอเชียเอเนอร์จี้ บริษัทที่พวกเขาเชื่อมั่นและภาคภูมิใจ กำลังพัฒนาไวรัสชั่วร้ายประเภทหนึ่งที่สามารถบ่อนทำลายสังคมได้ขึ้นมา พวกเขาจะรู้สึกอย่างไร? แล้วสหการพาน-เอเชียนจะจัดการเรื่องนี้อย่างไร?

ผู้คนไม่โง่พอที่จะมองแค่ว่านี่เป็นการกระทำของคนที่ตายไปแล้วกับผู้อำนวยการคณะกรรมการวิทยาศาสตร์คนหนึ่งหรอก

ถึงแม้ปัญหานี้จะเกี่ยวข้องกับความปลอดภัยของชีวิตและทรัพย์สินของทุกคน แต่จากจุดยืนระดับสูงแล้ว ถ้าคนทั่วไปไม่รู้อะไรมากในเรื่องนี้จะดีกว่า

“ขอบคุณที่เข้าใจนะครับ” ลู่โจวพยักหน้า ทันใดนั้น เขาก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ แล้วทักว่า “อ้อใช่ ถ้าคุณสะดวกล่ะก็ ผมอยากจะให้คุณประกาศจับให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ผมมีลางสังหรณ์ว่าจะเกิดคุณปล่อยให้ซงหยางเหว่ยรู้เรื่องนี้ก่อนล่ะก็ เขาจะหายตัวไป”

ยิ่งไปกว่านั้น ลู่โจวสงสัยอย่างมากว่าสาเหตุการตายของหลิวเจิ้งซิงอาจจะไม่เกี่ยวกับตัวเขาเลยด้วยซ้ำ แต่อาจจะเกี่ยวข้องกับไวรัสอัลฟ่า

เมื่อคิดอย่างนี้แล้ว ซงหยางเหว่ยก็น่าจะถูกเล็งเป้าในฐานะคนอีกคนหนึ่งที่เกี่ยวข้องกับโปรเจกต์การวิจัยและการพัฒนา X-100 บางทีคนพวกนั้นอาจจะคิดเรื่องการฆาตกรรมซงหยางเหว่ยแล้วก็ได้

ถ้าซงหยางเหว่ยตาย ลู่โจวอาจจะตกที่นั่งลำบาก

ในมุมหนึ่ง เขาก็มีผลประโยชน์ทับซ้อน ในอีกมุมหนึ่ง เขาคือคนสุดท้ายที่เกี่ยวข้องกับ ‘เคส X-100’ เขาเป็นคนที่กลัวว่าจะเกิดปัญหา ไม่ว่าจะเป็นไวรัสอัลฟ่าหรืออีสต์เอเชียเอเนอร์จี้ เขาก็ต้องการแค่อยากจะสร้างฟิวชั่นที่ควบคุมได้รุ่นที่สองขึ้นมาเท่านั้น

ส่วนที่เหลือ…

เขาอยากจะฝากให้คนอื่นเป็นคนทำ

ร้อยเอกซิงมองลู่โจวผ่านหน้าจอวิดีโอ เขาเลิกคิ้วขึ้น

“คุณสงสัยในความสามารถการทำงานของผมเหรอ?”

ลู่โจวถอนหายใจแล้วตอบ

“ถ้าคุณยืนอยู่จุดเดียวกับผม คุณก็จะรู้สึกเหมือนกัน”

“คิดซะว่าเป็นคำแนะนำจากมิตรสหายก็แล้วกันนะครับ”