บทที่ 1307 หยางเฉินอยู่ไหน

The king of War

หยางเฉินพยักหน้า ไม่คิดจะปิดบัง “ผมจำทั้งหมดได้ตั้งแต่เมื่อสามวันก่อน ตอนอยู่ยอดเขาหนิง”

“ที่แท้ก็แบบนี้นี่เอง! ฉันเข้าใจแล้ว!”

ลู่ฉิงเสว่พยักหน้า แม้กำลังยิ้ม แต่รอยยิ้มของเธอกลับดูไร้เรี่ยวแรงมาก

ก่อนที่ความทรงจำของหยางเฉินจะฟื้นฟูกลับมา ท่าทีของเขาหนักแน่นมาโดยตลอด นอกเสียจากเขายังไม่ได้แต่งงาน เขาถึงจะยอมรับเธอ

ปัจจุบัน ความทรงจำของเขากลับมาแล้ว ความทรงจำที่สวยงามกับคนรักก็กลับมาด้วยทั้งหมด เขาไม่มีทางยอมรับเธอแล้ว

“ฉิงเสว่ เมื่อกี้คุณอยากพูดอะไรกับผม?”

หยางเฉินถามอย่างกะทันหัน

ลู่ฉิงเสว่ส่ายหัวเล็กน้อย “ไม่มีอะไร ขอให้คุณเดินทางปลอดภัย และขอให้คุณและพี่สะใภ้อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข! ลาก่อน!”

ในขณะที่พูด ดวงตาทั้งคู่ของเธอชุ่มฉ่ำอย่างเห็นได้ชัด อีกเพียงนิดเดียวน้ำตาก็จะไหลออกมาแล้ว

หยางเฉินถอนหายใจเล็กน้อย จ้องลู่ฉิงเสว่ด้วยสายตาที่ลึกซึ้งครั้งสุดท้าย “ในใจของผม คุณคือน้องสาวของผมเสมอ ถ้าวันใดวันหนึ่งคุณเจอปัญหา สามารถมาหาผมได้ตลอด! ลาก่อน!”

พูดจบ หยางเฉินหันหลังแล้วเดินจากไป

ทันทีที่หยางเฉินเดินออกจากวิลล่า ลู่ฉิงเสว่ไม่สามารถควบคุมอารมณ์ของตนเองได้อีกแล้ว น้ำตาหลั่งไหลออกจากหางตาของเธอ

แต่เธอก็ยังพยายามอดกลั้นไม่ให้ตนเองร้องไห้ออกมา กลัวหยางเฉินได้ยินเสียงร้องไห้ของตนเอง

ส่วนหยางเฉินที่เดินออกจากวิลล่า ประสาทการได้ยินที่ไม่ธรรมดาของเขา ยังคงสามารถได้ยินเสียงสะอื้นที่พยายามอดกลั้น เขาถอนหายใจเล็กน้อย เดินจากไปโดยไม่ลังเลอีก

ในขณะเดียวกัน สนามบินนานาชาติหนิงโจว เครื่องบินโดยสารลำหนึ่งลงจอดอย่างเชื่องช้า ชายวัยกลางคนคนหนึ่งเดินลงจากบันได

“ขอทางหน่อย! ขอทางหน่อย!”

ในตอนนั้นเอง มีชายหนุ่มแต่งตัวตามแฟชั่นคนหนึ่งวิ่งชนทุกคนลงมา

“สุนัขดีไม่ขวางทาง คุณรีบหลบไปให้พ้นเดี๋ยวนี้!”

ในขณะที่ชายหนุ่มเตรียมตัววิ่งลงไป เขาถูกชายวัยกลางคนที่อยู่ตรงหน้าขวางทาง จึงยื่นมือออกไปผลักชายไว้กลางคน

เพียงแต่การผลักของเขา ไม่สามารถทำให้ชายวัยกลางคนขยับแม้แต่นิดเดียว

สีหน้าของชายวัยกลางคนเคร่งขรึมลงทันที “ไอ้หนู คุณว่าใครเป็นสุนัข?”

“คุณรู้หรือเปล่าว่าผมเป็นใคร? ผมว่าคุณเป็นสุนัขแล้วทำไม คุณจะทำอะไรผม?”

ชายหนุ่มพูดด้วยท่าทางที่หยิ่งผยอง “ผมเป็นคนของตระกูลจางแห่งหนิงโจว ปู่ของผมคือจางโฉง หัวหน้าตระกูลจาง ผมต้องรีบไปเยี่ยมคุณปู่ ถ้าคุณทำให้ผมเสียเวลา ผมเอาคุณตายแน่”

สีหน้าของชายวัยกลางคนยิ่งเคร่งขรึมมากขึ้น

หลังจากผู้คนที่อยู่โดยรอบได้ยินคำพูดของชายหนุ่ม ทุกคนทำหน้าประหลาดใจ

“ที่แท้คนคนนี้เป็นคนของตระกูลจาง ผมได้ยินมาว่าหัวหน้าตระกูลของตระกูลหลี่ถูกฆ่าตาย หนิงโจวในปัจจุบันตระกูลจางเป็นใหญ่”

“ถึงว่าทำไมเด็กหนุ่มคนนี้ถึงทำตัวอวดดีมากขนาดนี้ ที่แท้มีที่ไปที่มา”

“ฟังจากสำเนียง ชายวัยกลางคนคนนี้น่าจะเป็นคนต่างถิ่น คงจะมีปัญหาแล้ว”

……

ชั่วขณะ ผู้คนที่อยู่โดยรอบเริ่มพากันวิพากษ์วิจารณ์

คนของหนิงโจวรู้ดี ตระกูลหลี่และตระกูลจางคือตระกูลใหญ่ที่มีอิทธิพลมากที่สุดในหนิงโจว ปัจจุบันผู้นำของตระกูลหลี่ถูกฆ่า ตระกูลหลี่ต้องตกอับลงแน่นอน

เมื่อเป็นแบบนั้น ตระกูลจางก็จะกลายเป็นเจ้าแห่งหนิงโจว

เพียงแต่พวกเขาไม่รู้ แม้กระทั่งตระกูลจางก็ตกอับแล้ว ปัจจุบัน ตระกูลลู่ถึงจะเป็นเจ้าแห่งหนิงโจว

“ไสหัวไป!”

ชายหนุ่มตะคอกด้วยความโกรธ หลังจากนั้นพุ่งตรงเข้าไปหาชายวัยกลางคนโดยตรง

“รนหาที่ตาย!”

ในแววตาของชายวัยกลางคนปรากฏให้เห็นเจตนาแห่งการฆ่า เหวี่ยงฝ่ามือออกไปโดยตรง

“เพี๊ยะ!”

ในขณะที่ทุกคนกำลังรู้สึกตกใจ ฝ่ามือนี้ตบชายหนุ่มจนลอยกระเด็นออกไป

ตอนที่ทุกคนตั้งสติได้ ชายวัยกลางคนหายไปแล้ว

เหลือไว้เพียงชายหนุ่มของตระกูลจางที่โดนตบจนกระเด็น

“ตายแล้ว!”

ทันใดนั้น มีคนพูดด้วยสีหน้าที่หวาดกลัว “เด็กหนุ่มของตระกูลจางคนนั้น ตายแล้ว!”

“อะไรนะ?”

ทุกคนอุทานด้วยความตกใจ หลังจากนั้นมีคนเดินเข้าไปตรวจเช็ค พบว่าชายหนุ่มของตระกูลจางตายแล้วจริง

ไม่มีใครคาดคิดเพียงแค่การกระทบกระทั่งกันเล็กน้อย ถึงขั้นบานปลายจนถึงตาย ยิ่งไม่มีใครเคยคาดคิด ชายต่างถิ่นวัยกลางคน ฆ่าคนรุ่นหลังของตระกูลจางด้วยการตบเพียงแค่ครั้งเดียว

“เกรงว่าท้องฟ้าของหนิงโจวกำลังจะเปลี่ยนสีแล้ว!”

มีคนพูดด้วยอารมณ์

ในขณะเดียวกัน ชายวัยกลางคนเมื่อกี้เดินออกจากสนามบิน ก้าวขึ้นรถแท็กซี่คันหนึ่ง

“คุณครับ ไปไหนครับ?”

โชเฟอร์แท็กซี่ถามอย่างยิ้มแย้ม

“ตระกูลลู่!”

ชายวัยกลางคนพูดเพียงประโยคเดียว หลังจากนั้นหลับตาลง

ตระกูลลู่ยังไม่รู้ตัว หายนะครั้งใหญ่กำลังคืบคลานเข้ามาใกล้ตระกูลลู่

ตอนนี้ คฤหาสน์ตระกูลลู่ ภายในห้องจัดเลี้ยงของตระกูลลู่มีคนจากตระกูลใหญ่ของหนิงโจวเดินทางมามากมาย

“หัวหน้าตระกูลลู่ ยินดีด้วย!”

“ต่อไป ตระกูลลู่ก็คือเจ้าแห่งหนิงโจวแล้ว ใครกล้าล่วงเกินตระกูลลู่ ต้องผ่านด่านตระกูลหลี่ของผมไปก่อน!”

……

ภายในห้องจัดเลี้ยง แขกที่เดินทางมาจากทั่วสารทิศทยอยกันมาพูดประจบสอพลอ

ลู่หยวนทงมองดูพวกผู้นำตระกูลใหญ่ที่เคยไม่ไหวหน้าพวกเขา ตอนนี้กลับทำตัวเหมือนหลานชายคนหนึ่ง แทบอยากจะคุกเข่าลงเลียแข้งเลียขาของตนเอง รอยยิ้มบนใบหน้าของเขาเบ่งบานราวกับดอกไม้

วันนี้ ตระกูลลู่ตั้งใจเชิญผู้นำตระกูลใหญ่ของหนิงโจวมาร่วมงานเลี้ยงโดยเฉพาะ

ลู่ฉิงเสว่ไม่ได้เข้าร่วมด้วย เธอเก็บตัวอยู่ในวิลล่าของตนเอง โดยมีโม่เชียนเชียนอยู่ข้างกายเธอตลอด

“ลูกผู้พี่ คุณอย่าเสียใจไปเลย”

โม่เชียนเชียนจับมือของลู่ฉิงเสว่ มองผู้หญิงคนนี้ด้วยสีหน้าที่ปวดใจ พูดปลอบ “เป็นเพราะพี่ชายเป็นผู้ชายที่มีความจริงใจ คุณถึงชอบเขาไม่ใช่เหรอ?”

“ก็เพราะเขาเป็นคนที่มีความจริงใจ ดังนั้นก่อนที่ความจำจะกลับมาจึงไม่ยอมรับคุณมาโดยตลอด”

“ตอนนี้ความทรงจำของเขากลับมาแล้ว เขาไปจากที่นี่ก็เป็นเรื่องปกติ ถ้าหากเขาไม่ไป ฉันอาจจะดูถูกเขาด้วยซ้ำ”

ลู่ฉิงเสว่พยักหน้า “เชียนเชียน เธอวางใจเถอะ ฉันก็แค่รู้สึกเสียใจเล็กน้อย อีกไม่กี่วันฉันต้องสามารถเดินออกมาจากความเศร้าแน่นอน”

“แบบนี้สิถึงจะถูก! มา ยิ้มหน่อย!”

โม่เชียนเชียนพยายามอย่างเต็มที่เพื่อทำให้เธอมีความสุข ในที่สุด บนใบหน้าของลู่ฉิงเสว่ก็เผยให้เห็นรอยยิ้ม

“ลูกผู้พี่ พรุ่งนี้พวกเราไปทัวร์กัน ถึงเวลาทัวร์รอบโลกไปเลย เป็นไง?”

โม่เชียนเชียนหัวเราะเหอะเหอะแล้วพูด

ลู่ฉิงเสว่พยักหน้า “ได้ ฉันจะไปซื้อตั๋วเดี๋ยวนี้ อีกเดี๋ยวพวกเราไปกันเลย!”

“อะไรนะ? ไปตั้งแต่วันนี้?”

โม่เชียนเชียนตกตะลึง

ลู่ฉิงเสว่พยักหน้า “พวกเราทัวร์ทั้งประเทศก่อนในเวลาสองเดือน หลังจากนั้นค่อยไปทัวร์ต่างประเทศ ฉันจะไปดูหมีขั้วโลกเหนือและนกเพนกวิน แล้วก็มหาวิหารน็อทร์ดามของปารีส และ……”

ในขณะที่ลู่ฉิงเสว่กำลังพูด ได้เริ่มทำการจองตั๋วแล้ว

โม่เชียนเชียนอึ้งไปสักพักถึงสามารถตั้งสติได้ ส่ายหัวพร้อมกับรอยยิ้มที่ขมขื่น “ผู้หญิงที่อกหักมันบ้าจริงๆ! ในเมื่อคุณต้องการบ้า ฉันจะบ้าเป็นเพื่อนคุณเอง”

ในขณะที่คนทั้งสองกำลังวางแผนไปเที่ยวเมืองไหนก่อนดี มีรถแท็กซี่คันหนึ่งขับมาจอดหน้าประตูคฤหาสน์ตระกูลลู่อย่างเชื่องช้า

“คุณครับ ถึงบ้านตระกูลลู่แล้ว ที่นี่เป็นสถานที่ส่วนบุคคล รถแท็กซี่เข้าไปไม่ได้”

หลังจากที่โชเฟอร์แท็กซี่จอดรถ หันไปพูดกับชายวัยกลางคน

หลังจากชายวัยกลางคนจ่ายค่าแท็กซี่ ก้าวลงจากรถ เงยหน้ามองประตูทางด้านบนของคฤหาสน์ มีแผ่นป้ายขนาดใหญ่ที่แกะสลักตัวอักษรสีทองคำว่า ‘ตระกูลลู่’ แขวนอยู่ตรงนั้น พูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา “ได้ยินมาว่าแกอยู่ในตระกูลลู่เหรอ?”

“ปัง!”

หลังจากสิ้นเสียงคำพูดของเขา แผ่นป้ายตัวอักษรสีทองร่วงตกลงมาใส่พื้นโดยตรง แตกกระจายออกเป็นหลายส่วน

“คุณเป็นใคร?”

เมื่อทีมลาดตระเวนหน่วยเล็กเห็นแผ่นป้ายตกลงมาแตกบนพื้น สีหน้าเปลี่ยนไปทันที แต่ละคนมองมาทางชายวัยกลางคนด้วยความโกรธ

“หยางเฉินอยู่ตระกูลลู่หรือเปล่า?”

ชายวัยกลางคนถามด้วยน้ำเสียงที่เรียบเฉย