ตอนที่ 3102

War sovereign Soaring The Heavens

คลื่นดาบที่พุ่งไปพรากชีวิตของยอดเซียนอมตะขั้นสูงสุดทั้ง 2 นั่น แม้จะเห็นว่าไร้เรื่องราว หากแต่ที่แท้แล้วมันอัดแน่นไปด้วยพลังจากความลึกซึ้งของกฏแห่งน้ำ 4 ประการที่บรรลุถึงขั้นตอนความสำเร็จเบื้องต้น!

 

สำหรับผลลัพธ์ดังกล่าว ต้วนหลิงเทียนกับหลิงเจวี๋ยอวิ๋นก็ไม่ได้แปลกใจเลย กระทั่งหลินเฟยหยางก็ไม่ได้แปลกใจอะไรเช่นกัน

 

เจียงหลานถึงจะเป็นจักรพรรดิอมตะกลับชาติมาเกิดที่มีอายุน้อยกว่าร้อยปี และบรรลุด่านพลังขอบเขตยอดเซียนอมตะขั้นสูงสุดดุจเดียวกัน แต่ในเมื่ออีกฝ่ายเข้าใจความลึกซึ้งของกฏแห่งน้ำได้ 4 ประการแล้ว พลังก็ย่อมเหนือกว่ายอดเซียนอมตะขั้นสูงสุดทั้ง 2 เป็นธรรมดา

 

หลินเฟยหยางยังรู้ดี ว่าต่อให้เจียงหลานไม่ใช้ดาบอมตะระดับจักรพรรดิและอาศัแค่ศาสตราอมตะระดับราชา ก็สามารถเข่นฆ่ายอดเซียนอมตะขั้นสูงสุดทั้ง 2 ได้ง่ายดาย…เช่นนั้นยังจะนับประสาอะไรกับใช้ดาบอมตะระดับจักรพรรดิ?

 

ด้วยเหตุนี้มันจึงไม่แปลกใจที่เจียงหลานฆ่ายอดเซียนอมตะขั้นสูงสุดทั้ง 2 ได้ง่ายราวกับหายใจ กระทั่งคิดว่ามันต้องเป็นแบบนี้อยู่แล้ว!

 

ในสายตาของมัน หากมันสลับดาบอมตะระดับจักรพรรดิในมือเจียงหลานกับอุปกรณ์อมตะระดับราชาในมือมันได้ ถึงตอนนั้นต่อให้ความแข็งแกร่งของเจียงหลานจะอยู่เหนือมัน แต่มันก็สามารถเข่นฆ่าเจียงหลานได้ง่ายๆเช่นกัน

 

อุปกรณ์อมตะระดับจักรพรรดิมันเพิ่มพูนพลังให้ผู้ใช้สุดที่อุปกรณ์อมตะจอมราชันจะเทียบได้ ยิ่งไม่ต้องกล่าวถึงพวกมันที่ไม่มีอุปกรณ์อมตะระดับจอมราชันเหมือนต้วนหลิงเทียนเลย…

 

พวกมันมีก็แต่อุปกรณ์อมตะระดับราชาคู่กายร้ายๆเท่านั้น…

 

“เป็นอย่างไรเล่า…เห็นเช่นนี้แล้วเจ้ายังกล้าคิดใช้อุปกรณ์อมตะจอมราชันคู่นั้นของเจ้า เพื่อต่อต้านข้าอยู่อีกหรือไม่?”

 

หลังจากเจียนหลานปลิดปลงชีวิต 2 ยอดเซียนอมตะขั้นสูงสุดไปแล้ว สองตามันก็เบนไปตกยังร่างต้วนหลิงเทียนก่อนใดอื่น มุมปากคลี่ยิ้มแสยะ ถามออกมาด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน

 

อย่างไรก็ตามรอยยิ้มแสยะเย้ยหยันที่มุมปากของมัน มีอันต้องชะงักค้างเติ่งไปทันใด เมื่อเห็นสีหน้าท่าทีของต้วนหลิงเทียน

 

เดิมทีเจียงหลานคิดว่าต้วนหลิงเทียนต้องบังเกิดความหวาดกลัวสิ้นหวังแล้วเป็นแน่ กระทั่งเผลอๆอาจจะเริ่มคุกเข่าร้องของชีวิตเช่นยอดเซียนยอมตะขั้นสูงสุดเมื่อครู่

 

อย่างไรก็ตามสิ่งที่มันเห็นก็คือ ต้วนหลิงเทียนยังคงมองมาที่มันด้วยสายตาสงบ ใบหน้าไม่เผยความยินดียินร้ายใดๆ หามีแม้แต่เศษเสี้ยวความหวาดกลัวไม่!

 

“ทำไม? เจ้าคิดจะฆ่าข้าเป็นคนต่อไปงั้นรึ?”

 

ต้วนหลิงเทียนที่มองสบตาเจียงหลานอย่างเฉยเมย เอ่ยถามออกไปเสียงเรียบ

 

“โฮ่? ไม่คิดเลยจริงๆว่าถึงขั้นนี้แล้วเจ้ายังทำเป็นนิ่งอยู่ได้…ไม่ลองคิดคุกเข่าร้องขอชีวิตข้าดูหน่อยรึไร เผื่อข้าจักใจดีเมตตาละเว้นชีวิตเจ้าสักครา?”

 

เจียงหลานเพียงอึ้งอยู่ชั่วครู่ก็ดึงสติกลับมาได้ และเข้าใจว่าต้วนหลิงเทียนก็แค่เสแสร้งทำเป็นนิ่งเท่านั้น ในใจสมควรเต็มไปด้วยความหวาดกลัวสิ้นหวังแล้วแน่แท้!

 

ซู่มมมม!!

 

ฟู่มมม!!

 

 

ทว่าเสียงกล่าวเจียงหลานยังดังไม่ทันจบคำดี เปลวเพลิงทั่วร่างต้วนหลิงเทียนพลันปะทุลุกโชนขึ้นมาอย่างรุนแรง ไม่เพียงแต่จะปกคลุมไปทั่วร่างเท่านั้น สภาวะพลังยังแกร่งกร้าวขึ้นประหนึ่งจะแผดเผาได้กระทั่งความว่างเปล่า!

 

“หืม!?”

 

เมื่อสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายพลังที่กำจายออกมาเปลวไฟที่ลุกโชนท่วมร่างของต้วนหลิงเทียน ลูกตาเจียงหลานก็หรี่ลงเล็กน้อย “นี่มัน…ความลึกซึ้ง เผาไหม้ ของกฏแห่งไฟ?”

 

“เจ้า…นี่เจ้าปกปิดพลังมาโดยตลอด!?”

 

เจียงหลานไม่คิดไม่ฝันเลยว่าชายหนุ่มเบื้องหน้าของมัน ต้วนหลิงเทียนผู้นี้…ที่มันเข้าใจว่าเพียงโชคดีกว่าคนอื่นจนได้อุปกรณ์อมตะจอมราชันคู่มาครอง และสมควรเข้าใจความลึกซึ้งของกฏแห่งไฟแค่ 2 ประการเท่านั้น…

 

แต่ที่แท้อีกฝ่ายไม่เพียงแต่จะเข้าใจความหมายแห่งไฟ กับ ลุกโหม เท่านั้น ยังเข้าใจความลึกซึ้ง เผาไหม้ ของกฏแห่งไฟอีกด้วย!

 

บรึมมม!

 

ฟู่มมมม!!

 

 

วินาทีต่อมา เพลิงพลังที่ลุกโชนท่วมร่างต้วนหลิงเทียน พลันปะทุระเบิดขึ้นมาอย่างแรง ปรากฏละอองไฟไฟกระเด็นออกไปวาบดับประปราย สิ่งนี้ทำให้ลูกตาเจียงหลานจำต้องหดแคบลงอีกครา

 

“นี่มัน…ความลึกซึ้ง ปะทุ!?”

 

“ต้วนหลิงเทียนเจ้า…ที่แท้เจ้ามิใช่แค่เข้าใจความลึกซึ้งของกฏแห่งไฟ 3 ประการ…แต่เจ้ายังเริ่มเข้าใจความลึกซึ้งปะทุของกฏแห่งไฟบางส่วนแล้วรึ!?”

 

จังหวะนี้เจียงหลานอึ้งไปแล้วจริงๆ

 

มันไม่คิดไม่ฝันเลยว่า

 

ต้วนหลิงเทียนจะเป็นสุดยอดอัจฉริยะดุจเดียวกับหลิงเจวี๋ยอวิ๋นและหลินเฟยหยาง! อายุไม่ถึงร้อยปี ไม่เพียงแต่จะเข้าใจความลึกซึ้งของกฏถึงขั้นตอนความสำเร็จเบื้องต้น 3 ประการ แต่ยังริเริ่มเข้าใจความลึกซึ้งประการที่ 4 ได้บางส่วนแล้ว!!

 

ในขณะเดียวกัน ทางด้านหลินเฟยหยางเองก็หวาดกลัวความแข็งแกร่งของต้วนหลิงเทียนเช่นกัน ด้วยไม่คิดมาก่อนเลยว่าต้วนหลิงเทียนที่แท้จะไม่ได้อ่อนด้อยไปกว่ามันแม้แต่นิดเดียว

 

และนี่ยังไม่ได้คำนึงถึงเรื่องที่ต้วนหลิงเทียนยครอบครองอุปกรณ์อมตะจอมราชันคู่!

 

ต้วนหลิงเทียนยามใช้อุปกรณ์อมตะจอมราชันคู่ที่มีพลังอำนาจไล่ๆกับศาสตราอมตะระดับจักรพรรดิ สมควรมีพลังถึงขั้นหากคิดจะเข่นฆ่ามันก็คงลำบากเพียงยกมือเท่านั้น!

 

“ต้วนหลิงเทียน ข้าไม่คิดเลยว่าเจ้าจะซุกซ่อนได้ลึกและมิดชิดขนาดนี้…ที่แท้ความสามารถของเจ้ากลับไม่ได้ด้อยไปกว่าหลินเฟยหยางและหลิงเจวี๋ยอวิ๋น!”

 

เจียงหลานที่เดิมทีคิดลงมือฆ่าคน พอเห็นความสามารถที่แท้จริงของต้วนหลิงเทียน ในใจก็บังเกิดความคิดรักถนอมอัจฉริยะขึ้นมา

 

“แต่กระนั้น ด้วยความต่างของอุปกรณ์อมตะ เจ้าก็ยังอ่อนกว่าข้าหลายขุม…ต่อให้มิต้องกล่าวถึงอุปกรณ์อมตะ เดิมทีพลังระดับนี้ของเจ้าก็ยังถือว่าห่างกับข้าอยู่มาก”

 

เจียงหลานเอ่ยออกเสียงเรียบ

 

พอกล่าวจบคำ ร่างเจียงหลานก็ค่อยๆลอยตัวขึ้นสูง ก้มลงมองต้วนหลิงเทียน หลิงเจวี๋ยอวิ๋น และหลินเฟยหยางด้วยท่าทีราวกับเจ้าชีวิตมองข้าทาสบริวาร “ข้าจักให้โอกาสพวกเจ้าทั้ง 3 ได้มีชีวิตรอด…”

 

“ตราบใดที่พวกเจ้ายินยอมให้ข้าปลูกฝังตราทาสลงวิญญาณ ข้าก็ไม่จำเป็นต้องฆ่าพวกเจ้า…”

 

“ไม่เพียงแต่ข้าจะไม่ฆ่าพวกเจ้าเท่านั้น ข้ายังจะมอบโอกาสประเสริฐให้พวกเจ้าทั้ง 3 คนอีกด้วย…ขอเพียงพวกเจ้าทั้ง 3 ยอมจำนนต่อข้า พวกเจ้าก็สามารถประลองกันเพื่อผลเทพสังเวยสวรรค์อีกผลที่เหลืออยู่ ใครแข็งแกร่งที่สุดก็จักได้รับผลเทพสังเวยสวรรค์ไปใช้!”

 

“แน่นอนว่า ต้องตั้งอยู่บนพื้นฐานที่ต้วนหลิงเทียนเจ้า…มิอาจใช้อุปกรณ์อมตะจอมราชันคู่นั่นได้!”

 

กล่าวถึงประโยคท้าย เจียงหลานก็หันไปหยุดมองต้วนหลิงเทียนโดยไม่รู้ตัว เสียงยังเน้นหนักเป็นพิเศษ

 

ยอมให้ปลูกฝังตราทาส?

 

หน้าต้วนหลิงเทียนจมลงโดยพลัน

 

เขาย่อมรู้ดีว่าตราทาสที่ว่าคืออะไร เมื่อปลูกฝังแล้ว มันไม่อาจลบเลือนไปจากวิญญาณได้ เว้นเสียแต่ผู้ที่ปลูกฝังตราทาสลงมือลบตราทาสดังกล่าวด้วยตัวเอง หาไม่แล้วก็ไม่มีผู้ใดสามารถขจัดมันได้เลย!

 

ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อยินยอมให้ผู้อื่นปลูกฝังตราทาสลงวิญญาณแล้ว ก็เสมือนขายตัวเป็นข้าทาสผู้อื่นเขา และยังต้องเป็นทาสไปชั่วชีวิตอีกด้วย!

 

“เจ้าฝันไปเถอะ!”

 

หลินเฟยหยางเป็นคนแรกที่ตะโกนออกมา “ให้เจ้าปลูกฝังตราทาสลงวิญญาณข้าหรือ? ไม่มีวัน! ข้ายอมตายเสียดีกว่า!!”

 

“ฝันละเมอของตัวโง่งม!”

 

หลิงเจวี๋ยอวิ๋นยังอดกล่าวเย้ยหยันออกมาไม่ได้

 

“หากข้ายอมให้เจ้าปลูกฝังตราทาส…ถึงจะได้รับผลเทพสังเวยสวรรค์นั่นจนข้ากลายเป็นขุนนางอมตะ 10 ทิศแล้วยังจะมีความหมายอันใด?”

 

ต้วนหลิงเทียนเองก็อดกล่าวเย้ยออกมาไม่ได้

 

“เหอะๆๆ…ดูเหมือนพวกเจ้าทั้ง 3 ไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตางั้นสินะ?”

 

ถึงแม้จะมีคิดไว้บ้างแล้วว่าเรื่องราวอาจจะลงเอยอีหร็อบนี้ แต่พอเผชิญหน้าเข้าจริงๆ เจียงหลานก็อดไม่ได้ที่จะแค่นเสียงหัวเราะออกมาอย่างไม่สบอารมณ์

 

“เช่นนั้นข้าจักส่งพวกเจ้าทั้ง 3 ไปตามทาง แล้วรับผลเทพสังเวยสวรรค์ทั้งสองไปเสีย!”

 

พอเจียงหลานกล่าวจบคำ ดาบผลึกแก้วสีฟ้าในมือของมันก็สาดแสงสีฟ้าออกมาเจิดจ้า โถงถ้ำกว้างใหญ่คล้ายถูกชโลมย้อมไปด้วยสีฟ้าทันใด!

 

“ฆ่า!!”

 

หลินเฟยหยางคำรามออกมาอย่างดุร้าย สองตาแผดแสงแรงกล้า ร่างพุ่งทะยานขึ้นฟ้าไปดั่งมังกรสมุทรทะยานโผล่พ้นลำน้ำ ปรี่ตงเข้าหาเจียงหลานอย่างเกรี้ยวกราด!

 

ขณะเดียวกันด้านต้วนหลิงเทียนกับหลิงเจวี๋ยอวิ๋นก็เริ่มลงมือทันที

 

ทั้งหมดลงมืออย่างที่ไม่ต้องนัดหมายใดๆทั้งสิ้น

 

เพราะจังหวะนี้ต่อให้ไม่ต้องหารือกัน ทั้ง 3 คนก็รู้ดีว่าจำต้องร่วมมือกันปะทะเจียงหลานเพื่อเอาตัวรอด!

 

“หลิงเจวี๋ยอวิ๋น หลินเฟยหยาง ข้าจักฆ่าต้วนหลิงเทียนผู้นั้นก่อน…ถึงตอนนั้นหากพวกเจ้าเกิดเปลี่ยนใจก็ให้รีบบอกข้าล่วงหน้า เพราะข้าเกรงว่าข้าอาจจะพลั้งมือฆ่าพวกเจ้าตกตายเสียก่อน!”

 

เผชิญหน้ากับร่างทั้ง 3 ที่โจนทะยานขึ้นมา เจียงหลานยังคงมีสีหน้าสงบไม่นำพา ขณะเดียวกันก็ไม่ลืมเกลี้ยกล่อมโน้มน้าวหลิงเจวี๋ยอวิ๋นกับหลินเฟยหยางเป็นครั้งสุดท้าย เพื่อให้พิจารณาเรื่องยอมสยบต่อมัน!

 

“พวกเจ้าสมควรรู้ดีว่าหากตกตายไปแล้ววก็มิเหลืออันใด ตราบใดที่พวกเจ้ายอมจำนนต่อข้า ข้ารับรองได้เลยว่าหลังจากที่ข้าบรรลุถึงจักรพรรดิอมตะแล้ว ข้าจักถอนตราทาสในวิญญาณของพวกเจ้า ปลดปล่อยพวกเจ้าให้เป็นอิสระ!”

 

วาจาประโยคสุดท้ายของเจียงหลาน ฟังแล้วดูเหมือนจะเลือกประนีประนอมให้บางส่วน

 

อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าจะต้วนหลิงเทียน หลิงเจวี๋ยอวิ๋น หรือหลินเฟยหยาง ก็ตอบคำเกลี้ยกล่อมของพวกมันด้วยการโจนทะยานเข่นฆ่าไปหามันสืบต่อ! ทั้งหลิงเจวี๋ยอวิ๋นกับหลินเฟยหยางยังซัดกระบวนท่าสังหารนำออกไปด้วยซ้ำ!!

 

ตอนนี้พลังที่หลิงเจวี๋ยอวิ๋นใช้ออก ยังคงเท่าเดิมที่เคยเปิดเผยให้เห็นก่อนหน้า เลือกจะปกปิดความแข็งแกร่งที่แท้จริงเอาไว้

 

ส่วนทางด้านต้วนหลิงเทียนที่ถูกเจียงหลานจับจ้องเป็นพิเศษนั้น ก็ไม่ได้ลงมือออกกระบวนท่าใดๆนำไปเหมือนทั้ง 2 แต่กลับเอื้อมมือขวาออกไปราวกับจะคว้าจับความว่างเปล่า

 

พริบตาต่อมา ก็ปรากฏลำแสงกระบี่ 7 สีพวยพุ่งออกมาจากฝ่ามือของต้วนหลิงเทียน เป็นกระบี่หลิงหลง 7 เปลี่ยนที่แฝงอยู่ในร่างของเขา!

 

และทันทีที่กระบี่หลิงหลง 7 เปลี่ยนปรากฏ แสง 7 สีปานรุ้งก็สาดส่องไปทั่วโถงถ้ำกว้างใหญ่ทันที เรียกว่าประชันขันแข่งกับแสงสีฟ้าที่เปล่งออกมาจากดาบของเจียงหลานได้เลย!

 

“นี่มัน…”

 

เจียงหลานที่บัดนี้ทั่วร่างปรากฏเงาร่างชุดเกราะออกมา ต้านทานรับมือกระบวนท่าของหลิงเจวี๋ยอวิ๋นและหลินเฟยหยางที่ซัดนำมาได้อย่างง่ายดาย ก็เพิกเฉยหลิงเจวี๋ยอวิ๋นกับหลินเฟยหยางไปโดยสมบูรณ์ สองตาจับจ้องมองไปยังกระบี่ 7 สีสันที่พึ่งปรากฏขึ้นเข้ามือต้วนหลิงเทียนเขม็ง!

 

“ต้วนหลิงเทียน! เจ้านับว่าทำให้ข้าต้องประหลาดใจครั้งใหญ่แล้วจริงๆ…เดิมทีข้าคิดว่าเจ้าได้อุปกรณ์อมตะจอมราชันคู่มาครองก็เป็นเรื่องที่โชคดีมากแล้ว! แต่คิดไม่ถึงจริงๆว่าโชควาสนาของเจ้าจักสูงล้ำสุดเหนือความคาดหมายของข้า!”

 

“เจ้า…ถึงกับมีศาสตราอมตะระดับจักรพรรดิ!!”

 

เจียงหลานที่มองจ้องไปยังกระบี่ที่เปล่งแสง 7 สีในมือต้วนหลิงเทียนไม่วางตา และในแววตาของมันก็ฉายชัดถึงความโลภที่ลุกโชนขึ้นมาดั่งเพลิงไฟ!

 

ต่อให้ชาติที่แล้วตัวมันจะเป็นถึงจักรพรรดิอมตะ แต่มันก็มีอุปกรณ์อมตะระดับจักรพรรดิเพียงแค่ชิ้นเดียวเท่านั้น และนั่นก็คือดาบผลึกฟ้าในมือของมัน

 

และนี่ยังเป็นเพราะในชาติก่อน พลังฝีมือของมันนับว่าโดดเด่นท่ามกลางจักรพรรดิอมตะ 10 ทิศทั่วๆไป และใกล้จะไล่ตามความแข็งแกร่งของเหล่าจักรพรรดิอมตะสมญานามได้ทัน!

 

จักรพรรดิอมตะทั่วๆไป ยากนักที่จะมีอุปกรณ์อมตะระดับจักรพรรดิในครอบครอง!

 

เนื่องเพราะอุปกรณ์อมตะระดับจักรพรรดินั้น นอกจากยากจะหาผู้หลอมสร้างมันได้ อาศัยแค่วัตถุดิบในการหลอมสร้างก็พบพานได้ยากเย็นแล้ว

 

ด้วยเหตุนี้อุปกรณ์อมตะระดับจักรพรรดิใดๆ จึงล้ำค่ามาก!

 

กระทั่งเงาร่างชุดเกราะที่ปรากฏขึ้นมาปกคลุมไปทั่วร่างเจียงหลานยามนี้ ก็เป็นแค่เกราะอมตะระดับจอมราชันเท่านั้น ไม่ใช่เกราะอมตะระดับจักรพรรดิแต่อย่างใด

 

อย่างไรก็ตาม แม้จะเป็นเพียงเกราะอมตะระดับจอมราชัน แต่ก็มีพลังเหลือเฟือจะปิดกั้นทุกการโจมตีของหลิงเจวี๋ยอวิ๋นกับหลินเฟยหยาง!

 

“อุปกรณ์อมตะระดับจักรพรรดิ!?”

 

หลินเฟยหยางที่พึ่งปลดปล่อยกระบวนท่าใส่เจียงหลานถึงกับผงะร่างไปวูบหนึ่ง และหันกลับมาดูกระบี่ในมือต้วนหลิงเทียนยที่เปล่งแสง 7 สีสาดส่องไปทั่วโถงถ้ำ!

 

สีหน้าของมันยังฉายชัดถึงความตกตะลึงพรึงเพริด!

 

ต้วนหลิงเทียนที่ทำให้มันบังเกิดความรู้สึกอบอุ่นและเสมือนถูกดึงดูดให้เข้าหาผู้นี้เป็นใครกันแน่? ไฉนถึงมีแม้กระทั่งอุปกรณ์อมตะระดับจักรพรรดิได้ แถมยังเป็นศาสตราประเภทกระบี่อีกด้วย!!

 

“เจ้าได้รับอนุญาติให้มีศาสตราอมตะระดับจักรพรรดิได้…แต่ข้าไม่ได้รับอนุญาติให้มีศาสตราอมตะระดับจักรพรรดิ?”

 

ต้วนหลิงเทียนกล่าวเย้ยหยัน

 

ต้วนหลิงเทียนไม่ได้แปลกใจอะไรที่เจียงหลานเข้าใจว่ากระบี่หลิงหลง 7 เปลี่ยนของเขาเป็นกระบี่อมตะระดับจักรพรรดิ และเขาก็ไม่คิดจะแก้ไขความเข้าใจให้มันด้วย

 

ยิ่งไปกว่านั้น ด้วยความแข็งแกร่งในปัจจุบัน พลังที่กระบี่หลิงหลง 7 เปลี่ยนในมือจะมอบให้เขาได้ ก็พอๆกับศาสตราอมตะระดับจักรพรรดิเท่านั้น

 

“ข้าต้องบอกเลยว่า ต้วนหลิงเทียนเจ้าไม่เพียงแต่จะมากพรสวรรค์ทั้งสติปัญญา แต่โชควาสนาของเจ้าช่างทำให้ผู้อื่นอิจฉานัก…แต่อย่างไรเสีย วันนี้เจ้าก็ถูกลิขิตให้ตกตายด้วยมือข้า!”

 

“กระบี่อมตะระดับจักรพรรดิของเจ้า ก็ถูกลิขิตให้ตกเป็นของข้าเจียงหลานผู้นี้เช่นกัน!”

 

สองตาเจียงหลานสว่างไสวไปด้วยแสงแห่งความละโมบ จากนั้นคนที่คล้ายเวิ้งน้ำกำจายรอบตัวพร้อมเงาร่างชุดเกราะ ก็ดิ่งลงจากกลางหาวพุ่งเข้าใส่ต้วนหลิงเทียนฉับไว ดาบผลึกฟ้าในมือยิ่งมายิ่งเปล่งแสงสว่างเจิดจ้า!