ตอนที่ 2671 ธรรมชาติคัดสรร

Unrivaled Medicine God – จอมเทพโอสถ

“หึๆ เป็นคนตระกูลซ่งเหมือนๆ กันแต่ซ่งหมินเจ๋อนั้นกลับเป็นได้แค่เศษขยะ!”

“ฝีมือแค่นี้กล้าเอามาแสดงต่อหน้าพี่เหวินห่าวหรือ?”

“น่าขันนัก! ตระกูลซ่งแค่ส่งเจ้ามาให้มันเต็มจำนวนแท้ๆ!”

เมื่อซ่งเหวินห่าวเปิดปากว่าขึ้นมามันก็ย่อมจะทำให้เกิดเสียงด่าว่าซ่งหมินเจ๋อขึ้นมาตามๆ กัน

ซ่งเหวินห่าวนั้นเป็นคนที่มีชื่อเสียงและย่อมจะก้าวขึ้นมาเป็นยอดคนผู้มีอำนาจในวันหน้า

การเข้ามาตีสนิทกับเขาไว้นั้นมันย่อมจะเป็นเป้าหมายที่คนจากตระกูลเล็กๆ ต่างต้องการ

ซ่งหมินเจ๋อนั้นเป็นญาติของซ่งเหวินห่าว แม้จะเทียบกับคนรุ่นเดียวกันตัวเขาก็มีความสามารถไม่มากไร้พรสวรรค์และแทบจะไม่ถูกคัดเลือกมา

แต่ว่าในสายตาคนตระกูลซ่งแล้วเขาย่อมจะเป็นได้แค่ใช้ที่มาส่งเจ้าชายเข้าโรงเรียน ไม่ได้เป็นตัวตนที่สำคัญถึงขั้นจะถูกคัดเลือกใดๆ

ปกติแล้วซ่งเหวินห่าวนั้นย่อมจะดูถูกญาติของตนผู้นี้อยู่เสมอทั้งในและนอกตระกูล

“ข้าไม่ได้คิดจะมาอวดฝีมือใดๆ ต่อหน้าพี่เสียหน่อย ข้าแค่เบื่อจะรอเลยมาฝึกการควบคุมไฟเล่นเท่านั้นเอง” ซ่งหมินเจ๋อกล่าวขึ้นมา

เพียะ!

ซ่งเหวินห่าวนั้นเดินเข้ามาตบหลังเขาทันทีก่อนจะร้องตะโกนขึ้นมาข้างๆ หู “มันเถียงเป็นแล้วเว้ย! คนที่ได้มาในวันนี้มันมีใครบ้างที่อ่อนแอกว่าเจ้า? ด้วยฝีมือกระจอกงอกง่อยของเจ้านี้หากไม่อยากถูกคนเขาด่าว่าก็กลับบ้านไป การให้เจ้ามาด้วยนี้มันทำตระกูลซ่งเสียหน้าจริงๆ!”

ซ่งหมินเจ๋อได้แต่ต้องก้มหน้าลงแต่ดวงตาของเขานั้นยังไม่ยอมรับเพราะเขานั้นไม่คิดว่าตัวเองทำอะไรผิด การฝึกควบคุมไฟเพื่อฆ่าเวลามันก็ผิดด้วยหรือ?

เมื่อซ่งเหวินห่าวได้เห็นว่าซ่งหมินเจ๋อยังไม่คิดยอมรับเขาก็ยิ่งไม่พอใจขึ้นมา

ปัง!

เขานั้นเตะเข้าที่กลางอกของซ่งหมินเจ๋อทำให้อีกฝ่ายนั้นลอยลิ่วไป

“ไอ้เจ้าคนโอหัง เจ้ากล้าใช้สายตาเช่นนั้นมองข้าหรือ? นายน้อยผู้นี้จะกระทืบเจ้ามันให้ตายๆ ไปเสีย!”

เอี๊ยด!

ในเวลานั้นเองที่ประตูห้องหลอมโอสถนั้นมันได้ถูกเปิดออกมา เย่หยวนนั้นเดินนำพวกชุยถงทั้งหลายเข้ามาภายใน

“เจ้าหอสามมาถึงแล้ว!”

เหล่ายอดอัจฉริยะทั้งหลายนั้นต่างรีบวิ่งมาเข้าแถวในทันที

แม้แต่ซ่งเหวินห่าวนั้นเองก็ยังต้องทิ้งความโอหังใดๆ และมายืนเข้าแถวด้วย

ซ่งหมินเจ๋อนั้นค่อยๆ พยุงตัวลุกขึ้นก่อนจะเดินไปต่อหลังแถว

เย่หยวนนั้นหันมองดูหน้าคนทั้งหลายจนทำให้เหล่ายอดอัจฉริยะทั้งหลายแทบไม่อาจหายใจได้ พวกเขานั้นไม่ทราบว่าทำไมคนผู้นี้ที่มีพลังบ่มเพาะไม่ได้สูงล้ำไปกว่าตนเองแต่สามารถมองพวกเขาได้อย่างทะลุปรุโปร่ง

“การที่พวกเจ้าทั้งหลายได้มาที่นี่มันย่อมจะหมายความว่าพวกเจ้านั้นคือยอดอัจฉริยะของตระกูลตนเอง! แต่การถูกตระกูลตนเองเลือกมันไม่ได้หมายความว่าจะถูกข้าเลือกด้วย! เจ้าหอผู้นี้มีมาตรฐานของตนเองในการเลือกศิษย์ เอาล่ะ ตอนนี้พวกเจ้าจงมาแสดงฝีมือให้เจ้าหอผู้นี้ได้เห็นเสียก่อน!” เย่หยวนสั่งออกมา

คนทั้งหลายนั้นต่างตื่นเต้นขึ้นมาเมื่อได้ยินเช่นนั้น

มันเป็นอย่างเย่หยวนกล่าว เหล่าคนที่ได้มารวมตัวกันในที่นี้ต่างเป็นยอดอัจฉริยะสิ้น

พวกเขานั้นย่อมอยากจะแสดงฝีมือออกมาให้เย่หยวนได้เห็นเพื่อหวังจะได้รับความรู้จากเย่หยวนกลับไป

วิธีการหลอมระดับแท้!

“ใครก่อน?” เย่หยวนถามขึ้น

“ข้าขอลงมือก่อน!” ซ่งเหวินห่าวรีบก้าวออกมาก่อนใครเพื่อน

มันมีหลายต่อหลายคนที่คิดอยากจะลงมือก่อนแต่เมื่อได้เห็นซ่งเหวินห่าวก้าวออกมาเช่นนั้นแล้วพวกเขาย่อมจะต้องถอยกลับไปตามๆ กัน

คนที่ลงสนามก่อนย่อมจะได้เปรียบไม่น้อย

เพราะพวกเขานั้นจะได้ติดตากรรมการเป็นคนแรก!

ยิ่งได้แสดงฝีมือออกมาเร็วเท่าใดมันก็ยิ่งจะดึงดูดความสนใจของอีกฝ่ายไว้ได้ง่ายมากเท่านั้น

โดยเฉพาะคนอย่างซ่งเหวินห่าวนั้นที่หากเขาลงมือไปแล้วการหลอมของคนอื่นๆ หลังจากเขาคนสิ้นรสชาติไปทันที ทำให้โอกาสที่จะได้รับเข้าไปเป็นศิษย์นั้นมันน้อยลงกว่าที่ควรจะเป็น

แน่นอนว่าเรื่องนี้จะเกิดขึ้นได้เฉพาะกับคนที่มากฝีมือเท่านั้น

หากไม่มีฝีมือจริงแล้วก้าวออกมาก่อนคนแรกมันก็ย่อมจะกลายเป็นคนที่ถูกลืมไปทันที

เย่หยวนพยักหน้ารับก่อนจะกล่าวขึ้น “อืม เจ้าหลอมโอสถสวรรค์ปรับฐานระดับหนึ่ง!”

ซ่งเหวินห่าวนั้นยิ้มกว้างขึ้นมา “เจ้าหอสาม โอสถสวรรค์ปรับฐานระดับหนึ่งนั้นมันไม่อาจจะทำให้ข้าแสดงฝีมือออกมาได้เลย!”

เย่หยวนที่ได้ยินก็ขมวดคิ้วแน่นขึ้นมาอย่างไม่พอใจ “นี่เจ้าเป็นคนทดสอบเจ้าหอผู้นี้หรือว่าเจ้าหอผู้นี้เป็นคนทดสอบเจ้า?”

เมื่อซ่งเหวินห่าวได้เห็นใบหน้าของเย่หยวนนั้นเขาก็อดสะดุ้งตัวขึ้นมาไม่ได้จนต้องรีบกล่าวแก้ตัวออกมา “มะ มันย่อมเป็นท่านเจ้าหอที่ทำการทดสอบศิษย์แล้ว! ขอรับ โอสถสวรรค์ปรับฐานระดับหนึ่งสินะ!”

เมื่อซ่งเหวินห่าวลงมือก็ย่อมจะรุนแรงอย่างมากล้ำทำให้เกิดเสียงโห่ร้องขึ้นรอบด้าน

สำหรับเขาแล้วนั้นโอสถสวรรค์ปรับฐานมันเป็นเหมือนดั่งของเด็กเล่นที่ง่ายดายจนเกินมือ

ไม่นานโอสถสวรรค์นั้นมันก็ออกมาจากหม้อหลอม!

แน่นอนว่ามันย่อมจะออกมาได้คุณภาพระดับเก้าขั้นกลางทันที!

สำหรับนักหลอมโอสถสวรรค์ระดับสองแล้วการหลอมโอสถสวรรค์ปรับฐานระดับหนึ่งขึ้นมาจนถึงระดับเก้าขั้นกลางได้นี้มันย่อมจะถือเป็นอะไรที่เหนือล้ำอย่างมากแล้ว

หลังจากเดินกลับมาแล้วซ่งเหวินห่าวก็ย่อมจะยิ้มกว้างขึ้นอย่างภาคภูมิ

เขานั้นเชื่อว่าโอสถสวรรค์นี้ของเขามันต้องทำให้เย่หยวนพอใจ!

เว้นเสียแต่ว่าเขาจะตาบอด!

แน่นอนว่าใบหน้าของเย่หยวนนั้นมันย่อมจะไม่แสดงท่าทีใดๆ ออกมา

ซ่งเหวินห่าวเองก็ไม่ได้ตกตะลึงมากมายเพราะหากพูดถึงอัจฉริยะแล้วในโลกนี้มันคงไม่มีใครเกินเย่หยวนไป!

การหลอมโอสถสวรรค์ระดับแท้ได้ด้วยอายุเพียงเท่านี้มันย่อมจะมีแต่สัตว์ประหลาดเท่านั้นที่ทำได้!

แต่ซ่งเหวินห่าวนั้นก็ไม่ได้คิดว่าตัวเองด้อยกว่าใดๆ ในความคิดของเขานั้นเย่หยวนเพียงแค่มีเบื้องหลังที่ยิ่งใหญ่กว่าเขาเท่านั้น

จากนั้นไปเหล่ายอดอัจฉริยะจากตระกูลน้อยใหญ่ต่างก็ค่อยๆ ทยอยขึ้นมาทดสอบฝีมือ

และเย่หยวนนั้นก็ไม่ได้ตั้งโจทย์ใหม่ใดๆ ยังคงให้พวกเขาทั้งหลายหลอมโอสถสวรรค์ปรับฐานระดับหนึ่งกันไปทุกคน

จนผ่านไปถึงสามวันในที่สุดเย่หยวนก็ได้ทดสอบคนทั้งหลายจนเสร็จสิ้น

แต่ตอนที่ซ่งหมินเจ๋อขึ้นมาทดสอบนั้นเย่หยวนได้พยักหน้าออกมาหลายครั้ง

เพราะเรื่องราวที่เกิดขึ้นภายในนี้ตัวเย่หยวนย่อมจะเห็นมันได้ไม่ยาก

การที่ให้พวกเขามารออยู่ในนี้ครึ่งวันมันก็นับเป็นส่วนหนึ่งของการทดสอบแล้ว

เย่หยวนนั้นย่อมได้เห็นว่าเวลาที่รอนั้นคนทั้งหลายคิดใช้มันทำอะไรบ้าง

หลังจากคนทั้งหลายหลอมจนเสร็จสิ้นแล้วเหล่ายอดอัจฉริยะทั้งหลายต่างก็หันมามองเย่หยวนอย่างใจจดใจจ่อ

ส่วนตัวซ่งเหวินห่าวนั้นมั่นใจอย่างเหนือล้ำ

“เอาล่ะ จากนี้ใครที่ข้าชี้จงลุกขึ้นไปยืนฝั่งนั้น”

เย่หยวนค่อยๆ ยกมือขึ้นมาชี้ซ่งเหวินห่าวเป็นคนแรก

ซ่งเหวินห่าวยิ้มกว้างออกมาก่อนจะเดินไปยืนข้างๆ แถว

คนทั้งหลายที่ได้เห็นนั้นต่างหันไปมองเขาอย่างริษยา

“เจ้า!”

“เจ้า!”

“แล้วก็เจ้า!”

เย่หยวนยกนิ้วขึ้นมาชี้หน้าเหล่ายอดอัจฉริยะระดับสูงจากตระกูลใหญ่ทั้งหลาย

บางคนอาจจะยังมีฝีมือไม่ถึงขั้นซ่งเหวินห่าวแต่พวกเขาก็ไม่ได้อ่อนแอกว่ามากนัก

เย่หยวนนั้นชี้หน้าคนไปกว่าร้อยห้าสิบคน ก่อนที่จะหยุดมือลง

เหล่าคนที่ได้รับเลือกนั้นต่างยิ้มกว้างออกมาอย่างยินดี

ส่วนคนที่ไม่ได้รับเลือกนั้นต่างต้องยืนคอตกกันเพราะพลาดโอกาสสำคัญของชีวิตไป

“พวกเจ้ากลับไปได้!” เย่หยวนหันไปกล่าวไล่คนทั้งร้อยห้าสิบนั่น

ซ่งเหวินห่าวผงะถามขึ้นมาทันที “ว่า…เจ้าว่าอย่างไรนะ?”

เย่หยวนกล่าวขึ้นมาอีกครั้งด้วยเสียงที่ดังกว่าเก่า “ข้าบอกว่าพวกเจ้ากลับไปได้แล้ว! คนที่ข้าไม่ได้ชี้จะถูกรับเข้าเป็นศิษย์!”

เย่หยวนนั้นหันไปกล่าวกับพวกซ่งหมินเจ๋อที่ยืนคอตกกันอยู่

เขานั้นถูกเลือก

ซ่งเหวินห่าวนั้นเบิกตากว้างขึ้นมาอย่างไม่อยากเชื่อสายตา “เจ้าหอสาม ท่าน…ท่านเข้าใจอะไรผิดหรือไม่? ไอ้ขยะพวกนี้มันจะเข้าเป็นศิษย์ของท่านหรือ?”

เย่หยวนที่ได้ยินก็ต้องขมวดคิ้วแน่นขึ้นมาถาม “เจ้าว่าอย่างไรนะ?”

ซ่งเหวินห่าวนั้นจึงตอบกลับไปอย่างไม่คิดเกรงกลัว “เจ้าหอสาม ท่านนั้นมีอำนาจใหญ่โตเหนือล้ำแต่จะมารังแกตระกูลใหญ่ทั้งหลายเช่นนี้มันก็ไม่ง่าย! ท่านแค่ปั่นหัวเหล่าตระกูลทั้งหลายให้ส่งศิษย์อัจฉริยะมาเสียหน้าหรือ? ข้าไม่เห็นเลยว่าท่านจะมีหลักการอะไรในการทดสอบนี้ที่ทำให้พวกข้าตกแล้วขยะพวกมันนั้นผ่าน! ฮ่าๆ ข้าซ่งเหวินห่าวนั้นมิอาจยอมรับได้!”

“ข้าก็ไม่ยอมรับ!”

“ข้าก็เช่นกัน!”

…………………………