ตอนที่ 2672 สั่งสอน

Unrivaled Medicine God – จอมเทพโอสถ

เหล่ายอดอัจฉริยะทั้งหลายนั้นต่างหัวรั้นและไม่ยอมคน หากอีกฝ่ายนั้นมีเหตุผลหนักแน่นมันก็ยังพอจะยอมรับได้

แต่เย่หยวนนั้นกลับเลือกเหล่าขยะทั้งหลายที่ไม่มีอะไรโดดเด่นและไล่เหล่าคนที่เก่งกาจออกไปแทน มีหรือที่พวกเขาจะยอมรับมันไว้ได้?

แม้แต่ซ่งหมินเจ๋อและพวกเองก็ยังต้องยืนมึนไม่เข้าใจว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่

เพราะในจิตใจของพวกเขานั้นพวกเขาย่อมจะมีมุมมองไม่ต่างจากพวกซ่งเหวินห่าวคิดว่าเย่หยวนนั้นแค่จะหาเรื่องเย้ยหยันเหล่าตระกูลใหญ่ทั้งหลาย

ไม่เช่นนั้นแล้วมีหรือที่เหล่าตัวประกอบอย่างพวกเขาทั้งหลายนั้นจะเป็นคนถูกเลือกขึ้นมา?

เย่หยวนนั้นย่อมเข้าใจว่ามันจะเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นมาเขาจึงได้กล่าวบอก “เจ้าหอผู้นี้ย่อมเข้าใจดีว่าพวกเจ้าไม่คิดยอมรับ แต่ว่าเจ้าหอผู้นี้จะทำให้พวกเจ้าไม่มีทางเลือกนอกจากต้องยอมรับ! จากวันนี้ไปพวกเจ้าสามารถมาเรียนรู้และรับการสั่งสอนตามวิธีการของข้าได้ตลอดเวลา สามเดือนจากนี้ข้าจะให้พวกเจ้ามาแข่งขันกัน หากพวกเจ้าทั้งหลายนั้นเอาชนะเหล่าคนที่ข้าเลือกได้ข้าย่อมจะพร้อมรับพวกเจ้าเข้าเป็นศิษย์!”

ซ่งเหวินห่าวนั้นหรี่ตาลงกล่าวทันที “เจ้าหอสามท่านพูดเองนะ! ข้าซ่งเหวินห่าวนั้นจะขอตบหน้าคนแล้ว!”

“เจ้าหอสาม หวังว่าท่านจะไม่กลับคำแล้วกัน!”

“การแข่งขันกับขยะพวกนี้นายน้อยผู้นี้ใช้แค่มือเดียวก็ยังชนะได้!”

สามเดือนมันจะเปลี่ยนอะไรได้?

ที่สำคัญไปกว่านั้นพวกเขายังจะสามารถเข้ารับการสอนเช่นเดียวกันได้ด้วย!

ด้วยพรสวรรค์ของพวกเขาแล้วมันย่อมจะมีแต่ช่องว่างที่เพิ่มมากขึ้น มีหรือที่ขยะพวกนี้จะก้าวข้ามหัวพวกเขาไปได้?

เย่หยวนนั้นยิ้มตอบกลับไป “พวกเจ้าวางใจเถอะ เจ้าหอผู้นี้เป็นคนรักษาคำพูดมาเสมอ นอกจากจะรับพวกเจ้าเข้าเป็นศิษย์แล้วข้าจะยังขอโทษพวกเจ้าด้วย!”

ซ่งเหวินห่าวนั้นยิ้มกว้างขึ้นมา “เช่นนั้นจะยังรออะไรกันเล่า? เริ่มกันเถอะ!”

เย่หยวนพยักหน้าขึ้นมาทันที “เช่นนั้นบทเรียนแรกที่ข้าจะมอบให้แก่พวกเจ้านั้นคือการฝึกฝนโอสถสวรรค์ปรับฐานระดับหนึ่งให้ถึงระดับเก้าขั้นสูง! เริ่มได้!”

“หะ? โอสถสวรรค์ปรับฐานระดับหนึ่ง? เจ้าหอสามท่านคิดล้อพวกเราเล่นแล้ว? โอสถสวรรค์ปรับฐานระดับหนึ่งนั้นมันยังจะมีอะไรให้พวกเราฝึกอีก?” ซ่งเหวินห่าวนั้นอดไม่ได้ที่จะถามขึ้น

เย่หยวนจึงตอบกลับไป “เจ้าแค่ทำไป ทำไมต้องถามอะไรมากมาย? หากเจ้าไม่อยากทำก็ไปเสีย!”

ซ่งเหวินห่าวนั้นได้แต่กัดฟันแน่นขึ้นมา “หึ! มันก็แค่ระดับเก้าขั้นสูงมิใช่หรือ? นายน้อยผู้นี้หลอมได้ถึงระดับเก้าขั้นกลางแล้ว แค่ขั้นเดียวนั้นมันจะยากเย็นอะไร?”

จากนั้นเหล่ายอดอัจฉริยะทั้งหลายก็เริ่มทำการฝึกฝนตัวเองขึ้นมา

พวกเขานั้นไม่คิดว่าโอสถสวรรค์ปรับฐานระดับหนึ่งมันจะมีประโยชน์อะไรแต่พวกเขานั้นก็ได้แต่ต้องทำตาม

ในความคิดของซ่งเหวินห่าวนั้นด้วยพรสวรรค์และฝีมือของเขา เขาย่อมจะสามารถหลอมไปถึงระดับเก้าขั้นสูงไปไม่ยากเย็น

แต่เขาคิดผิดระดับเก้าขั้นสูงนั้นมันไม่อาจจะขึ้นถึงได้ด้วยเพียงแค่พรสวรรค์แต่ว่าระดับเก้าขั้นสูงนั้นมันต้องใช้อะไรมากกว่าพรสวรรค์เขานั้นลองสิบครั้งก็พลาดสิบครั้ง ลองร้อยครั้งก็พลาดร้อยครั้ง เพราะฉะนั้นเขาจึงเริ่มรู้สึกร้อนใจขึ้นมา

แต่ยิ่งเป็นเช่นนั้นมันก็ยิ่งทำให้การหลอมของเขาไม่อาจขึ้นถึงระดับเก้าขั้นสูงได้ยิ่งกว่าเก่า แท้จริงแล้วคุณภาพของมันกลับตกลงมาจากขั้นกลางเสียด้วยซ้ำ

“ให้ตายสิวะ! พ่อเจ้าฝึกมาจะครึ่งเดือนแล้วแต่ทำเช่นนี้ไปมันยังจะได้ประโยชน์ห่าเหวอะไรกัน?” ซ่งเหวินห่าวนั้นอดไม่ได้พลั้งมือปัดของลงจากโต๊ะฝึกฝนและมันก็ไม่ได้มีแค่เขาด้วยที่รู้สึกรำคาญในใจ เหล่าคนทั้งหลายที่เย่หยวนชี้หน้าเริ่มจะแสดงอาการอยู่ไม่สุขขึ้นมาตามๆ กัน

เพราะในความคิดของพวกเขานั้นแค่หลอมได้ถึงระดับเก้ามันก็มากพอแล้ว เสียเวลาทำเช่นนี้ต่อไปมันจะยังมีประโยชน์ใด?

การหลอมของพวกเขานั้นมันจึงเริ่มจะไม่มีสมาธิมากขึ้นเรื่อยๆ โอสถสวรรค์ระดับต่ำนั้นมันไร้ค่าใดๆ ในความคิดของพวกเขาแต่ว่าความสนใจของเย่หยวนนั้นยังคงอยู่ที่ตัวซ่งหมินเจ๋อ เด็กหนุ่มคนนี้มีสมาธิดีและทำการหลอมทุกครั้งอย่างจริงจังไม่คิดพักผ่อนเช่นกัน จุดนี้คือสิ่งที่ไม่อาจจะมองข้ามได้สำหรับนักหลอมโอสถสวรรค์ทั้งหลายเพราะว่าการหลอมโอสถมันคืองานที่ลำบากและต้องใช้พลังสมาธิสูงมากหากไม่มีสมาธิและจิตใจที่หนักแน่นก็ย่อมจะไม่มีทางเป็นนักหลอมโอสถสวรรค์ที่เก่งกาจได้

ที่สำคัญไปกว่านั้นเย่หยวนยังสัมผัสได้จากการควบคุมไฟที่เขาฝึกฝนในครั้งแรกว่าเด็กหนุ่มคนนี้มีพื้นฐานที่แน่นไม่น้อย

สิ่งที่ทำให้ซ่งเหวินห่าวทิ้งห่างซ่งหมินเจ๋อไปได้นั้นมันก็คือความเข้ากันได้!

และวัดกันที่ค่าความเข้ากันได้แล้วซ่งหมินเจ๋อย่อมจะไม่อาจเทียบเคียงซ่งเหวินห่าวได้เลย

แต่หากพูดกันถึงความพยายาม รากฐาน นิสัยแล้วซ่งหมินเจ๋อย่อมจะทิ้งห่างซ่งเหวินห่าวไปอย่างไม่เห็นฝุ่น

ในสายตาของเย่หยวนนั้นนี่ต่างหากคือสิ่งที่สำคัญที่สุดในการเป็นนักหลอมโอสถสวรรค์

เพราะฉะนั้นเขาจึงได้คอยจับตามองซ่งหมินเจ๋อเสมอ

ซ่งหมินเจ๋อเองก็ย่อมจะสัมผัสได้ นี่มันคือโอกาสครั้งเดียวในชีวิตของเขา

เพราะฉะนั้นเขาจึงได้พยายามทำออกมาอย่างสุดชีวิต

ซ่งหมินเจ๋อนั้นไร้พรสวรรค์หากเทียบกับซ่งเหวินห่าว

แต่ความจริงแล้วตัวซ่งหมินเจ๋อนั้นมีรากฐานความรู้ที่หนักแน่นอย่างมาก

โอสถสวรรค์ระดับหนึ่งของเขานั้นมันสามารถขึ้นถึงระดับแปดขั้นสุดได้ง่ายๆ ห่างจากขั้นเก้าไปเพียงแค่ก้าว

เวลาครึ่งเดือนที่ผ่านมานี้ในที่สุดเขาก็สามารถฝึกฝนให้มันถึงขั้นเก้าได้ในที่สุด!

ในเวลาครึ่งเดือนที่ผ่านมา เย่หยวนได้แนะนำสั่งสอนคนทั้งหลายอย่างไม่มีขาดตกบกพร่อง

รวมไปถึงตัวซ่งเหวินห่าวเองก็ได้รับคำแนะนำด้วย!

แต่คำแนะนำการหลอมโอสถสวรรค์ปรับฐานระดับหนึ่งเช่นนี้เหล่ายอดอัจฉริยะทั้งหลายย่อมจะไม่มีใครคิดสนใจ

แต่เป็นฝ่ายเหล่าขยะทั้งหลายต่างหากที่กำลังตั้งใจฟังมันอย่างสุดใจ

เวลาครึ่งเดือนที่ผ่านมาพวกเขาได้พัฒนาฝีมือขึ้นอย่างเหนือล้ำ

แน่นอนว่าการพัฒนาเพียงแค่นี้มันไม่ได้เป็นเรื่องยิ่งใหญ่ใดๆ ในสายตาของพวกซ่งเหวินห่าวเลย

ได้เห็นซ่งเหวินห่าวปัดของลงจากโต๊ะเช่นนั้นเย่หยวนก็ตวาดลั่นขึ้นมา “เก็บ!”

ซ่งเหวินห่าวนั้นตอบกลับไป “เพื่อ? เจ้าหอสาม ท่านคิดเล่นงานเราชัดๆ! มาฝึกโอสถสวรรค์ปรับฐานระดับหนึ่งนี้ไปมันจะได้ประโยชน์อะไรกัน?”

เย่หยวนหรี่ตาลงกล่าวขึ้นมาด้วยเสียงเย็นเยือก “เจ้าหอผู้นี้บอกให้เจ้าเก็บ เก็บมัน!”

คลื่นพลังกดดันรุนแรงกระแทกลงบนร่างของซ่งเหวินห่าวจนหน้าซีดขาวลง

แม้จะมีพลังระดับชั้นบรรยากาศสวรรค์เลิศใหญ่เหมือนๆ กันแต่เย่หยวนนั้นกลับสามารถกดดันเขาได้อย่างรุนแรง

น่ากลัว!

“ข้า…ข้าจะเก็บแล้ว!”

หลังจากซ่งเหวินห่าวเก็บมันขึ้นมาเย่หยวนก็ตวาดขึ้นอีกครั้ง “ไสหัวไป!”

ซ่งเหวินห่าวนั้นผงะไปทันทีที่ได้ยิน “อะ…อะไรนะ?”

เย่หยวนหรี่ตาลงกล่าว “เจ้าไม่มีค่าพอจะมายืนอยู่ในที่นี่ ตอนนี้จงไสหัวไปให้พ้น!”

ในความคิดของเย่หยวนนั้นคนที่มีนิสัยเช่นนี้มันย่อมจะไม่มีทางพัฒนาในวิชาการโอสถไปได้มากมาย

ความเข้ากันได้สูงล้ำแล้วมันจะทำไม?

ที่สำคัญไปกว่านั้นความเข้ากันได้นั้นมันยังเปลี่ยนแปลงกันได้ไม่ยาก!

ซ่งเหวินห่าวนั้นหรี่ตาลงกล่าว “เจ้าหอสาม ท่านคิดจะขับไล่ตระกูลซ่งเราออกไปจากหอโอสถสวรรค์ใต้หรือ”

เย่หยวนกล่าวขึ้นมาด้วยท่าทางดูถูก “แค่คนอย่างเจ้านี้ก็มีสิทธิตัดสินอนาคตตระกูลซ่งหรือ? หากเจ้ายังไม่ไสหัวไปเจ้าหอผู้นี้จะเป็นคนช่วยส่งให้เอง!”

ซ่งเหวินห่าวนั้นกัดฟันแน่นขึ้นมา “ข้าไปก็ได้ ไม่ว่าอย่างไรอยู่ไปมันก็เปล่าประโยชน์! อีกสองเดือนครึ่งจากนี้ไปข้าซ่งเหวินห่าวจะกลับมาทำให้ท่านต้องขอโทษข้าเอง! ท่านคิดใช้งานขยะทั้งหลายนั้นคิดหรือว่าพวกมันจะเอาชนะข้าได้จริง?” พูดจบซ่งเหวินห่าวนั้นก็เดินจากไป

ในห้องหลอมโอสถนั้นมันปกคลุมไปด้วยความเงียบงันมีเพียงแค่เสียงของไฟที่เผาหม้อหลอมเท่านั้นที่ยังคงได้ยินอยู่

ซ่งหมินเจ๋อและพวกนั้นต่างยังคงทำการหลอมโอสถไปต่ออย่างมีสมาธิ ย่อมจะไม่ได้หันมาสนใจว่ามันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ สำหรับเย่หยวนแล้วเรื่องนี้มันก็แค่เรื่องเล็กน้อย

ซ่งเหวินห่าวนั้นเป็นอะไรไม่ได้มากกว่าแค่ตัวตลกที่ไม่มีค่าพอจะรับความรู้จากเย่หยวน วันเวลาค่อยๆ ผ่านเลยไปจนครบเวลาสามเดือน ในที่สุดวันนี้เหล่าผู้นำตระกูลน้อยใหญ่ทั้งหลายต่างมารวมตัวกัน เพราะหลังจากซ่งเหวินห่าวออกมานั้นเรื่องมาตรฐานการรับศิษย์ของเย่หยวนก็ได้แพร่กระจายไปทั่วทั้งเมือง แน่นอนว่าพวกเขาย่อมจะสนใจและมาดูเรื่องราวในครั้งนี้

…..