ห้วงเวลาสุดท้ายก่อนที่เจียงหลานตายตก มันบังเกิดความรู้สึกเสียใจอย่างสุดซึ้งจริงๆ
ทั้งๆที่มันมีโอกาสรับผลเทพสังเวยสวรรค์และจากไปง่ายดาย โดยแลกกับการปล่อยให้ต้วนหลิงเทียน หลิงเจวี๋ยอวิ๋น และหลินเฟยหยางถูกทิ้งในถ้ำแห่งนั้นแล้วแท้ๆ…
อนิจจามันกลับเลือกที่จะฆ่าพวกต้วนหลิงเทียนทั้ง 3 ด้วยเหตุผลที่มันถูกปฏิเสธ ทำให้มันพลาดโอกาสได้รับผลเทพสังเวยสวรรค์และจากไปอย่างไร้เรื่องราว
เป็นธรรมดาว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดเลยก็คือ มันประเมินพวกต้วนหลิงเทียนทั้ง 3 ต่ำเกินไป จนเมื่อต้วนหลิงเทียนกับหลิงเจวี๋ยอวิ๋นเปิดเผยพลังที่แท้จริงออกมา มันก็ไม่มีเวลามากพอจะกระตุ้นค่ายกลป้องกันในถ้ำที่มันสร้างไว้ตั้งแต่เป็นจักรพรรดิอมตะเมื่อชาติก่อนด้วยซ้ำ
ฉัวะ!
หลังลำแสงกระบี่ทะลวงหว่างคิ้วเจียงหลานจนทะลุหลังหัวไปได้สักพักแล้ว เสียงทะลวงกะโหลกเลือดเนื้อพึ่งจะดังขึ้นเบาๆในโถงถ้ำ…
นี่ก็ช่วยไม่ได้ ความเร็วของลำแสงกระบี่ต้วนหลิงเทียนมันเร็วกว่าเสียงมาก
และหลังจากที่ต้วนหลิงเทียนฆ่าเจียหลานได้แล้ว เขาก็ไม่แม้แต่จะสนใจแหวนพื้นที่กับดาบผลึกแก้วไม่เว้นเกราะอมตะจอมราชันของเจียงหลานแม้แต่น้อย…
ร่างคนเพียงไหววูบ ดิ่งลงจากฟ้าด้วยความเร็วสูง พริบตาก็มาหยุดลงข้างๆศพหลินเฟยหยางที่พึ่งตกตายทันที
และตอนนี้เหนือศพของหลินเฟยหยางก็ปรากฏมวลน้ำใสกระจ่างก้อนหนึ่ง
“นี่น่ะเหรอ วารีเทพชำระโลกาขั้นที่ 2?”
ต้วนหลิงเทียนที่เหม่อมองมวลน้ำที่เปลี่ยนรูปร่างไปมาเบื้องหน้า เอ่ยถามเทพแห่งธาตุในร่างโดยไม่รู้ตัว
มวลน้ำเบื้องหน้า มองไปก็ไม่ต่างอะไรจากก้อนน้ำก้อนหนึ่งที่ลอยอยู่ในอากาศ
อย่างน้อยๆต้วนหลิงเทียนก็ไม่เห็นความแตกต่างอะไรเลย
อย่างไรก็ตาม เมื่อสำนึกเทวะต้วนหลิงเทียนแผ่ออกไปตรวจสอบมวลน้ำเบื้องหน้า เขาก็พบว่ามีพลังบางอย่างปิดกั้นสำนึกเทวะของเขาเอาไว้ไม่ให้ชำแรกผ่านเข้าไปได้
“มิผิด นี่ก็คือวารีเทพชำระโลกาขั้นที่ 2…อย่างไรก็ตามตอนนี้มันยังหลับอยู่ หลังจากร่างต้นของมันตกตาย มันจึงผละออกจากร่างต้นโดยไม่รู้ตัว”
เพลิงเทพโกลาหลตอบ
“เจ้าหนู เจ้ายังยืนงงอะไรอยู่เล่า รีบเก็บมันเร็วเข้า! ตอนนี้มันอยู่ในสภาวะหลับใหลไม่ได้สติ ไม่ว่าใครก็สามารถเอามันไปได้ทั้งนั้น!!”
เสียงเด็กน้อยไม่หย่านมของปฐพีเทพแรกกำเนิดฟ้าดินดังขึ้นอย่างประจวบเหมาะ “แน่นอนว่าหลังจากที่มันตื่นขึ้นแล้ว หากมันไม่ถูกใจร่างต้นใหม่ที่เก็บมันมาตอนมันหลับ มันก็สามารถแยกตัวจากไปได้…”
“แต่เรื่องนี้เจ้าไม่ต้องห่วงเลย ด้วยมีข้าอยู่ทั้งคน อาศัยลิ้นทองคำของข้าแค่พูดตะล่อมๆมันไม่กี่คำ มันก็ต้องยอมอยู่กับเจ้า ไม่คิดไปไหนแน่นอน!”
กล่าวถึงจุดนี้เสียงของปฐพีเทพแรกกำเนิดฟ้าดิน ก็ฟังดูโอ้อวดไม่น้อย
ต้วนหลิงเทียนก็ไม่คิดจะสนใจวาจาอวดโอ่อะไรของปฐพีเทพแรกกำเนิดฟ้าดิน เอื้อมมือไปจับมวลน้ำเบื้องหน้าทันที
พอมือเขาจับมวลน้ำ นอกจากความรู้สึกเย็นๆเปียกๆแล้ว เขาก็สัมผัสได้ว่ามวลน้ำดังกล่าว มันเริ่มซึมเข้ามือของเขา จากนั้นก็ไหลเวียนเข้ามาในร่าง ก่อนจะไปซุกอยู่ในมุมหนึ่งของร่างกายเขา
“แล้วเมื่อไหร่มันจะตื่นเหรอ?”
ต้วนหลิงเทียนเอ่ยถามด้วยความสงสัย
“ก็ขึ้นอยู่กับว่าตอนแรกมันใช้พลังไปมากขนาดไหน…อย่างไรก็ตามแต่ เมื่อมันอยู่ในร่างเจ้า มันต้องตื่นเร็วขึ้นกว่าตอนที่อยู่ในร่างหลินเฟยหยางแน่นอน”
เพลิงเทพโกลาหลกล่าว “พวกเราจะอย่างไรก็ล้วนแล้วแต่เป็นเทพแห่งธาตุทั้ง 5 ดุจเดียวกัน แม้จะต่างธาตุกัน แต่กลิ่นอายพลังของพวกเรายังหนุนเสริมกันและกันได้ในระดับหนึ่ง”
ในขณะที่ต้วนหลิงเทียนฟังเรื่องราวด้วยความสนใจ สองตาเขาก็ทอแสงวาบหนึ่งด้วยนึกอะไรออกได้ “ตอนที่ผู้อาววุโสเพลิงเทพโกลาหลอยู่ในขั้นที่ 2 ท่านก็สามารถช่วยข้าเรื่องหลอมโอสถอมตะได้แล้ว…”
“แถมทองเทพสุดลี้ลับขั้นที่ 2 ก็สามารถป้องกันดวงจิตของข้าได้”
“เช่นนั้นวารีเทพชำระโลกานี่ ถึงจะยังอยู่ในขั้นที่ 2 แต่ก็สมควรช่วยเหลืออะไรข้าได้บ้างเหมือนกันใช่ไหม?”
หลังเอ่ยถามออกไป ในแววตาต้วนหลิงเทียนก็ฉายความวาดหวังไม่น้อย
“ย่อมได้เป็นธรรมดา”
เพลิงเทพโกลาหลตอบ “ตอนนี้วารีเทพชำระโลกาขั้นที่ 2 ก็ยอมรับเจ้าเป็นนายแล้ว…ถึงแม้มันจะยังหลับใหลไม่ได้สติแต่มันก็รู้ว่าเจ้าคือนายของมัน ยามเจ้าตกอยู่ในอันตรายมันก็สามารถลงมือตอบโต้ได้อัตโนมัติ”
“วารีเทพชำระโลกาขั้นที่ 2 นั้น สามารถสร้างม่านพลังป้องกันอ่อนหยุ่นฉาบผิวกายของเจ้าได้โดยอัตโนมัติเมื่อเจ้าตกอยู่ในอันตราย สามารถช่วยป้องกันลดทอนพลังที่จะทำร้ายเจ้าได้บางส่วน”
“แน่นอนว่าพลังป้องกันที่มันจะช่วยเหลือเจ้า ยังไม่อาจเทียบได้กับพลังป้องกันที่ปฐพีเทพสุดลี้ลับขั้นที่ 2 จะช่วยเจ้าได้ ยิ่งไม่ต้องกล่าวถึงขั้นที่ 3 เลย…”
ทันทีที่เพลิงเทพโกลาหลกล่าวถึงจุดนี้ เสียงเด็กน้อยไม่หย่านมที่เปี่ยมล้นไปด้วยความภาคภูมิใจพลันดังขึ้นตามติด “นั่นมันแน่อยู่แล้ว! สิ่งที่ข้าเก่งกาจที่สุดก็คือการป้องกัน…ในด้านการป้องกัน ใต้หล้าฟ้าดินยังจะมีธาตุใดเทียบเทียมข้าได้?”
“ในด้านการป้องกัน? เช่นนั้นเจ้าป้องกันพลังวิญญาณได้หรือไม่?”
เสียงภาคภูมิใจของปฐพีเทพแรกกำเนิดฟ้าดินดังไม่ทันจบคำดี เสียงทองเทพสุดลี้ลับก็ดังขึ้นอย่างประจวบเหมาะ เรียกว่าคำพูดยังประหนึ่งรื้อเวทีผู้อื่นทันที
ได้ฟังดังนั้น ปฐพีเทพแรกกำเนิดฟ้าดินก็หงอยลงทันที สิ่งที่มันเชี่ยวชาญที่สุดคือการป้องกันทากายภาพ ในเรื่องการป้องกันทางวิญญาณ ในรรดาเทพแห่งธาตุทั้ง 5 ย่อมไม่มีใครเก่งเหนือทองเทพสุดลี้ลับ
พอเสียงในร่างต้วนหลิงเทียนเงียบลง เพลิงเทพโกลาหลก็เอ่ยออกอีกครั้งว่า “นอกจากนั้น หากเจ้าคิดจารึกอาคมสร้างยันต์อมตะหรือวาดวงเวทย์อาคมอันใด หากเจ้าเร่งเร้าพลังของวารีเทพชำระโลกามาใช้เป็นส่วนผสมทำหมึกอาคม จักทำให้อัตราความสำเร็จของเจ้าสูงขึ้นเป็นเท่าตัว ไม่ว่ายันต์อมตะที่เจ้าจะสร้างมันจะมีระดับสูงแค่ไหนก็ตาม”
หลังได้ฟังวาจาของเพลิงเทพโกลาหล ต้วนหลิงเทียน ก็รับรู้ถึงคุณประโยชน์ที่วารีเทพชำระโลกาขั้นที่ 2 จะมอบให้เขาได้
“ที่เจ้าพึ่งเก็บไปเมื่อครู่…คือวารีเทพชำระโลกางั้นสินะ?”
เสียงหนึ่งดังขึ้น ดึงสติต้วนหลิงเทียนให้กลับมาอยู่กับเนื้อกับตัวอีกครั้ง จากนั้นก็เห็นว่าข้างๆมีหลิงเจวี๋ยอวิ๋นที่ไม่ทราบมาหยุดยืนตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่
“หืม? เจ้าจำวารีเทพชำระโลกาได้ด้วยหรือ?”
ต้วนหลิงเทียนประหาดใจอยู่บ้าง
“แหงอยู่แล้ว”
หลิงเจวี๋ยอวิ๋นพยักหน้ารับ ค่อยเอ่ยออกมาสืบต่อว่า “ว่าแต่เจ้าจะเก็บมันไปทำอะไร มันไม่ได้มีความหมายอะไรกับเจ้าเลยนี่นา? ปกติแล้วเทพแห่งธาตุทั้ง 5 เว้นแต่จะอยู่ในภาวะไม่ได้สติ หาไม่แล้วก็เป็นไปไม่ได้เลยที่จะเลือกทายาทของผู้แข็งแกร่งที่สุดเป็นร่างต้น”
“ตอนนี้ถึงเจ้าจะเก็บมันไปได้ แต่ก็เป็นเพราะมันอยู่ในสภาวะหลับใหลไม่ได้สติเท่านั้น…รอมันตื่นเมื่อไหร่มันก็ต้องรีบออกไปจากร่างเจ้าอยู่ดี”
หลิงเจวี๋ยอวิ๋นกล่าว
“ทำไมล่ะ?”
ต้วนหลิงเทียนงุนงงสงสัยอยู่บ้าง เพราะเขาพึ่งจะเคยได้ยินเรื่องราวทำนองนี้เป็นครั้งแรก และพวกเทพแห่งธาตุทั้ง 5 ในร่างเขาอย่างเพลิงเทพโกลาหล หรือทองเทพสุดลี้ลับก็ไม่เคยบอกเขาเรื่องนี้มาก่อนเลย
“ก็เพราะพลังสายเลือดของทายาทผู้แข็งแกร่งที่สุดอย่างพวกเรามันขัดแย้งกับพลังของเทพแห่งธาตุทั้ง 5 น่ะสิ…พลังสายเลือดของพวกเรา จะดูดซับพลังไม่เว้นวิญญาณของเทพแห่งธาตุทั้ง 5 ไม่ต่างอะไรจากของว่าง เช่นนั้นไม่ว่าพวกมันจะบรรลุถึงขั้นอะไร แต่หากมาอยู่ในร่างของผู้ที่มีพลังสายเลือดเช่นเราๆ พวกมันก็จะถดถอยและย้อนกลับไปสู่รูปแบบดั้งเดิมในที่สุด”
ขณะกล่าวถึงจุดนี้ หลิงเจวี๋ยอวิ๋นก็ยื่นผลไม้สีแดงเลือดนกให้ต้วนหลิงเทียนผลหนึ่ง
ผลไม้สีแดงเลือดนกผลนี้ แน่นอนก็คือผลเทพสังเวสวรรค์ที่ก่อนหน้าห้อแขวนอู่บริเวณยยอดต้นไม้เทพสังเวยสวรรค์
“แค่นั้นหรือ?”
หลังต้วนหลิงเทียนได้ยินคำพูดของหลิงเจวี๋ยอวิ๋นสีหน้าของเขาก็เผยความประหลาดใจอยู่บ้าง จากนั้นก็เอื้อมมือไปรับผลเทพสังเวยสวรรค์มา พลางถามต่อด้วยความอยากรู้
“ก็แค่นั่นแหล่ะ…ว่าแต่แปลกยิ่ง เจ้าในฐานะทายาทของผู้แข็งแกร่งที่สุด ในเมื่อเจ้าเองก็รู้จักวารีเทพชำระโลกา เจ้าก็น่าจะรู้เรื่องพวกนี้แล้วนี่นา นี่มันสามัญสำนึกพื้นฐานสำหรับพวกเราเหล่าทายยาทผู้แข็งแกร่งที่สุดชัดๆ”
กล่าวถึงจุดนี้หลิงเจวี๋ยอวิ๋นก็ส่ายหัวไปมา ค่อยกล่าวกับต้วนหลิงเทียนเสีงหนักว่า “ช่างเถอะ พวกเราออกจากที่นี่ก่อนแล้วค่อยคุยกันดีกว่า”
“นอกจากนั้นระหว่างที่เจ้าเก็บวารีเทพชำระโลกานั่น ข้าก็ไปยึดแหวนพื้นที่ของเจียงหลานกับดาบและเกราะมันมาแล้ว…”
หลิงเจวี๋ยอวิ๋นกล่าว
และหลิงเจวี๋อวิ๋นกล่าวจบคำไม่ทันไร ยังไม่ทันให้ต้วนหลิงเทียนได้ตอบสนองอะไรด้วยซ้ำ อยู่ๆโถงถ้ำกว้างใหญ่ก็เริ่มสั่นไหวอย่างรุนแรง ประหนึ่งบังเกิดแผ่นดินไหวครั้งยิ่งใหญ่
ขณะเดียวกันรอยแยกมิติก็เริ่มปรากฏขึ้นกลางอากาศ จากนั้นทั่วโถงถ้ำก็ปรากฏรอยแยกมิติมากมาย กระพริบวูบวาบ แลดูน่ากลัวเหลือเกิน
“ฉิบหายแล้วไง! รีบไปเร็วเข้า!!”
เห็นฉากเรื่องราวโดรอบ หลิงเจวี๋ยอวิ๋นก็หน้าเสียทันที มันโพล่งชวนต้วนหลิงเทียนคำหนึ่ง ก็เร่งเหินร่างพุ่งเข้ารอยแยกมิติที่อยู่ใกล้ที่สุดอย่างไม่รอช้า…
ที่นี่คือแดนลับที่เจียงหลานสร้างไว้เมื่อชาติก่อนครั้งยังเป็นจักรพรรดิอมตะ และสมควรเป็นโลกใบเล็กของมัน
ในเมื่อโลกใบเล็กกำลังจะแตกสลายพังทลาย ทุกรอยแยกมิติที่เกิดขึ้น ก็จะนำไปสู่ด้านนอกทันที
ต้วนหลิงเทียนที่สัมผัสได้ถึงความเร่งร้อนของสถานการณ์ก็รีบโดดร่างตามหลิงเจวี๋อวิ๋นเข้ารอยแยกมิติเข้าไปทันที หากแต่ก่อนที่เข้าจะเข้าไป เขายังทันได้เหลือบไปเห็นอะไรบางอย่าง…
เกาะกลางน้ำอันมีต้นไม้เทพสังเวยสวรรค์ตั้งอยู่นั้น ได้ถูกรอยแยกมิติมากมาฉีกกระชากจนพังทลายไม่เป็นท่า
สำหรับต้นไม้เทพสังเวยสวรรค์ที่เคยตั้งงตระหง่านอยู่บนเกาะ บัดนี้มันก็ถูกพลังบางอย่างป่นปี้ทำลาย! แหลกสลายเป็นละอองธุลี ลอยฟุ้งไปทั่วโลกใบเล็กที่กำลังจะพังทลายแห่งนี้
เห็นได้ชัดว่าหากผลเทพสังเวยสวรรค์ ไม่ถูกหลิงเจวี๋ยอวิ๋นเด็ดมาและยังอยู่บนต้นไม้เทพสังเวยสวรรค์ล่ะก็…ป่านนี้มันแหลกเป็นฝุ่นไปแล้ว!!
เมื่อโลกใบเล็กที่ถูกเปิดสร้างโดยจักรพรรดิอมตะพังทลายลง ทุกรอยแยกมิติที่ที่ปรากฏขึ้นนั้น ก็เป็นดั่งทางออก สามารถนำไปสู่สถานที่ใกล้เคียงกับตำแหน่งที่ตั้งโลกใบเล็กแห่งนี้ได้
หากออกจากรอยแยกมิติเดียวกัน ก็จะถูกส่งไปที่เดียวกัน
เช่นเดียวกับต้วนหลิงเทียนและหลิงเจวี๋ยอวิ๋นที่โดดเข้ารอแยกมิติเดียวกันมา ทั้งคู่ก็มาโผล่ที่เดียวกัน และยังเป็นยอดเขาหมาป่าหอนฟ้าอีกด้วย!
“ให้ตายเถอะ…เมื่อครู่เป็นการลงมือทิ้งท้ายของเจียงหลานงั้นเหรอ?”
ลูกตาต้วนหลิงเทียนหรี่ลงเล็กน้อย เขารู้สึกว่าเจียงหลานผู้นั้นช่างจองล้างจองผลาญเสียจริง ถึงตัวเองจะตายไปแล้วแท้ๆ แต่ไม่วายสร้างปัญหาให้ผู้อื่นได้อีก…
เมื่อครู่หากไม่ใช่เพราหลิงเจวี๋ยอวิ๋นมือไวไปเด็ดผลเทพสังเวยสวรรค์มาก่อนล่ะก็ เกรงว่าเขากับหลงเจวี๋ยอวิ๋นไม่พ้นต้องเสียใจอย่างสุดซึ้งเหมือนเจียงหลานแล้ว!
“ไอ้บ้าเจียงหลานนั่นมันช่างร้ายจริงๆ…พอโลกใบเล็กที่มันเปิดสร้างไว้เมื่อชาติก่อนเริ่มพังทลาย ค่ายกลสังหารก็กระตุ้นการทำงานทันที ยังป่นปี้ต้นไม้เทพสังเวยสวรรค์โดยตรง!”
“ค่ายกลสังหารเมื่อครู่ แม้ตัวมันในชาตินี้จะไม่อาจควบคุมบังคับให้เปิดใช้ตามใจได้…แต่ด้วยพลังที่เกิดจากการล่มสลายของโลกใบเล็ก ก็สามารถกระตุ้นให้ค่ายกลเริ่มต้นทำงานโดยอัตโนมัติ!”
สีหน้าหลิงเจวี๋ยอวิ๋นเผยความหวาดเสียวไม่น้อย เมื่อครู่นับว่ามันตัดสินใจถูกจริงๆ ที่เร่งรุดไปเก็บผลเทพสังเวยสวรรค์เอาไว้ก่อน
ถ้ามันไม่เลือกไปเก็บผลเทพสังเวยสววรรค์ แต่ไปสนใจวารีเทพชำระโลกาเหมือนต้วนหลิงเทียน ป่านนี้ผลเทพสังเวยสวรรค์ก็ไม่พ้นต้องถูกทำลายจนย่อยยับไปพร้อมๆกับต้นไม้เทพสังเวยสวรรค์แน่แท้
“ใช่เรื่องบังเอิญหรือไม่ ที่โลกใบเล็กของมันเริ่มต้นกระบวนการทำลายตัวเองแบบนี้หลังมันตกตาย?”
ต้วนหลิงเทียนถาม
เขารู้สึกว่าที่โลกใบเล็กของเจียงหลานมันเริ่มพังทลายลงหลังเจียงหลานตกตายแบบนี้ มันไม่น่าจะเป็นเรื่องบังเอิญไปได้
“ไม่ใช่อยู่แล้ว”
หลิงเจวี๋ยอวิ๋นส่ายหัวไปมา พลางตอบ “เจ้าบ้าเจียงหลานนั่น ไม่พ้นมันต้องเชื่อมลูกแก้ววิญญาณในชาตินี้เข้ากับค่ายกลบางอย่างในโลกใบเล็กแน่นอน…”
“พอมันตกตายลูกแก้ววิญญาณแหลกสลาย ค่ายกลบางอย่างในโลกใบเล็กนั่นก็เลยถูกกระตุ้นให้เปิดการทำงาน และเริ่มต้นกระบวนการทำลายโลกใบเล็กทันที”