ตอนที่ 1596 :เข้าถึงต่างโลก (2)

เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god)

ตอนที่ 1596 :เข้าถึงต่างโลก (2)

ผู้พิทักษ์หลายสิบคนจากโถงจิตวิญญาณลับได้มารวมตัวกันที่บนยอดภูเขาโลกในโลกแห่งเซียนที่ถูกทอดทิ้ง พวกเขาพูดคุยกันอย่างสบายใจ พวกเขาพากันมองไปที่ทางเข้าอุโมงค์กันอยู่ตลอดเวลา

“ผู้อาวุโสโอวหยางบอกเราให้รอที่นี่เมื่อ 3 วันก่อน เขาได้เข้าไปในอุโมงค์เพื่อโจมตีโถงศักดิ์สิทธิ์กับผู้อาวุโสเฉียงซ่งและผู้อาวุโสอีก 5 คน มันก็ผ่านมา 3 วันแล้ว พวกเขาได้ผ่านโถงศักดิ์สิทธิ์ที่ขวางทางไปได้รึยัง ? ” ชายวัยกลางคนในชุดคลุมสีทองพูดขึ้นมา แม้ว่าเฉียงซ่งกับโอวหยางหยิงเว่ยจะเป็นผู้แลกเปลี่ยนกันทั้งคู่ แต่ทั้งสองก็ยังอยู่ตำแหน่งผู้อาวุโสเพราะความเคารพต่อจิตวิญญาณราชันย์ในตอนนี้

ผลก็คือทุกคนในโลกแห่งเซียนที่ถูกทอดทิ้งจึงเรียกทั้งสองว่าผู้อาวุโสต่อไป ไม่ใช่จิตวิญญาณราชันย์ แต่ว่าพวกเขาจะยังเป็นผู้อาวุโส แต่พวกเขาก็ถูกเรียกแยกจากผู้อาวุโสคนอื่น ๆ

“เนื่องจากผู้อาวุโสโอวหยางได้สั่งให้เรารอที่นี่ งั้นโถงศักดิ์สิทธิ์คงจะล่มสลายในไม่ช้า รอกันไปก่อน เมื่อมันพังลง ผู้อาวุโสโอวหยางต้องติดต่อเราอย่างแน่นอน…” ผู้พิทักษ์ขั้นรับมอบอีกคนได้พูดขึ้นมา เขาเป็นชายแก่ที่ดูธรรมดายกเว้นแค่ดวงตาของเขา ตาของเขานั้นดูลึกซึ้งแสดงความผันผวนของชีวิต เขามีชีวิตอยู่มานาน

“ผู้อาวุโสโอวหยางและผู้อาวุโสเฉียงซ่งต่างก็เป็นขั้นแลกเปลี่ยน ทั้งสองคนสามารถทำให้อีกโลกพังทลายลงไปได้ การให้เรารอที่นี่หมายความว่าเราคงทำได้แค่รอเก็บกวาด” ชายวัยกลางคนชุดแดงพูดขึ้น เขามีผมสีแดงเต็มหัวราวกับไฟ ตอนนี้เขากำลังเล่นกับไฟที่สั่นไหวในมือเขา ชัดแล้วว่าเขาเป็นจอมยุทธขอบเขตดั้งเดิมธาตุไฟ

ผู้พิทักษ์คนอื่น ๆ ต่างก็เห็นด้วยกับที่ชายชุดแดงพูดขึ้น แม้ว่าอีกโลกจะไล่พวกเขากลับมาได้ครั้งหนึ่งแต่คนที่นั่นก็ยังเทียบไม่ได้กับจอมยุทธจากโลกแห่งเซียนที่ถูกทอดทิ้ง มีใครบ้างที่จะรับมือกับขั้นแลกเปลี่ยนได้ในอีกโลก ? พวกเขาในฐานะผู้พิทักษ์แล้วคงรับหน้าที่เก็บกวาด

ตอนนั้นเองอุโมงค์ก็ดูไม่สงบขึ้นมา พลังงานอันรุนแรงได้ปะทุออกมายังโลกเซียนที่ถูกทอดทิ้งด้านบนภูเขาก่อนจะสลายไปโดยทิ้งรอยแตกมิติและสายฟ้ารอบภูเขา

ผู้พิทักษ์ต่างก็หยุดพูดคุย ทุกคนต่างก็หันไปจ้องที่อุโมงค์ พลังงานที่มองไม่เห็นแผ่ไปโดยรอบแยกพวกเขาจากเส้นพลังงาน พวกเขาไม่ได้รับอันตรายจากเส้นพลังงานใด ๆ

“เหตุการณ์ผิดปกตินี้คงเป็นเพราะโถงศักดิ์สิทธิ์อีกด้านนั้นพังลงไปแล้ว” ความคิดนี้ผุดขึ้นมาในหัวของหลายคน พวกเขาถึงกับเริ่มเตรียมรับคำสั่งเพื่อเข้าไปในอุโมงค์ทุกเวลา

พลังงานจากอุโมงค์รุนแรงยิ่งกว่าเดิม สุดท้ายผู้พิทักษ์ต่างก็คิ้วขมวด พลังงานอันบ้าคลั่งมากกว่าแต่ก่อนหลายเท่า พวกเขารู้สึกได้ด้วยการรับรู้ที่เฉียบคมของพวกเขา มันมีพลังงานอื่นในกลุ่มพลังงานตอนี้ พลังที่แข็งแกร่งซึ่งทำให้พวกเขาแปลกใจ

ตูม !

ตอนนั้นเองอุโมงค์ก็สั่นไหว พลังงานอันแข็งแกร่งได้ปะทุออกมาซึ่งทำให้ผู้พิทักษ์ทุกคนต่างก็เผยสีหน้าที่แตกต่างไปจากเดิมและรีบถอยไปให้เร็วที่สุด

หลายร่างโผล่มาจากอุโมงค์ในหมู่พลังงาน พวกเขาเคลื่อนที่ได้อย่างรวดเร็วราวกับภาพพร่ามัวที่มองเห็นได้ ด้วยเสียงตัดผ่านสายลมทุกคนก็ได้ออกมาพร้อกมับพลังงานอันแข็งแกร่ง

ร่างเหล่านั้นคือโอวหยางหยิงเว่ยและคนอื่น ๆ พวกเขาได้ผ่านอุโมงค์ออกมาให้เร็วที่สุดเท่าที่ทำได้ ดังนั้นจึงกวาดเอาพลังงานจำนวนมากออกมา มันเป็นเหตุผลว่าทำไมถึงได้เกิดความผันผวนตอนที่พวกเขาพุ่งออกมาจากอุโมงค์

“นั่นผู้อาวุโสโอวหยางและผู้อาวุโสเฉียง ! ” ผู้พิทักษ์จำพวกนั้นได้และรีบตะโกนขึ้นมา ใบหน้าพวกเขาเต็มไปด้วยความสับสน พวกเขาไม่เข้าใจว่าทั้งสองทำอะไร พวกนั้นพุ่งออกมาจากอุโมงค์ด้วยความเร่งรีบและสภาพน่าอดสูราวกับว่าพบสิ่งที่น่ากลัวมา

” เร็วเข้า รีบสั่งการไป เรียกผู้พิทักษ์ทุกคนมาที่นี่ให้เร็วที่สุด เราไม่อาจจะรอได้” ก่อนที่โอวหยางหยิงเว่ยจะได้ประคองตัวเองให้ลุกขึ้นยืนดี ๆ เขาก็ตะโกนสั่งการออกไป เขานั้นเครียดอย่างมาก

ผู้พิทักษ์ทุกคนต่างพากันอึ้งแต่ใบหน้าของพวกเขาเปลี่ยนไปทันทีเมื่อเห็นว่าร่างกายของโอวหยางหยิงเว่ยเต็มไปด้วยเลือด พวกเขาต่างก็แสดงท่าทีเหลือเชื่ออกมาและไม่ลังเลก่อนจะส่งข้อความหาผู้พิทักษ์คนอื่น ๆ

“เรียกยามของโถงจิตวิญญาณลับทั้งหมดมาด้วย” เฉียงซ่งสั่งการออกมาอย่างเคร่งเครียด

“เจ้าโง่ ถ้าเจี้ยนเฉินไล่ตามเราจริง เจ้าจะขู่เขาด้วยเซียนจักรพรรดิรึไง ? ” โอวหยางหยิงเว่ยด่าเฉียงซ่งโดยไม่มีท่าทีเคารพเลยแม้แต่น้อย

เฉียงซ่งมองไปที่อกของโอวหยางหยิงเว่ยอย่างเย็นชาและพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงทุ้ม “ยามก่อตั้งค่ายกลได้ พวกเขาอาจจะไม่ได้เป็นภัยต่อเจี้ยนเฉินแต่ก็ดีกว่าไม่มี พวกเขาอาจจะหยุดเขาได้ชั่วคราวระหว่างช่วงเวลาสำคัญไม่ใช่รึไง ? เจ้ายังต้องการจะโดนเจี้ยนเฉินจัดการอีกรึ ? ”

สายตาของโอวหยางหยิงเว่ยเย็นชาขึ้นมา เขาไม่ได้พูดอะไรต่อ เขาบาดเจ็บเพราะฝีมือเจี้ยนเฉิน หากไม่ใช่เพราะยาที่ล้ำค่าของเขา แผลของเขาคงหนักหนากว่านี้

โอวหยางหยิงเว่ยสร้างผนึกด้วยมือและมีแสงส่องประกายออกมา จากนั้นเขาก็พูดขึ้น “ข้าได้ติดต่อจิตวิญญาณราชันย์แล้ว แต่จิตวิญญาณราชันย์เก็บตัวอยู่ในส่วนลึกชั้นสาม เขาตัดขาดจากโลก เราไม่อาจจะเข้าไปชั้นสามได้ ดังนั้นข้าจึงไม่รู้ว่าจิตวิญญาณราชันย์ได้รับข้อความหรือไม่”

เจี้ยนเฉินและซ่างกวนมู่เอ๋อได้เดินทางเข้ามาในอุโมงค์แล้ว พวกเขาได้มาถึงทางเข้าไปยังอีกโลกแต่ก็เจอกับชั้นค่ายกล พวกเขาไม่อาจจะเห็นได้ว่าเกิดอะไรขึ้นในต่างโลก

“ระวังไว้ พวกนั้นอาจจะซุ่มโจมตีเรา” ซ่างกวนมู่เอ๋อพูดขึ้นมา นางระวังอย่างมาก

เจี้ยนเฉินพยักหน้าเล็กน้อยและพูดขึ้น “ตอนนี้มีแค่จิตวิญญาณราชันย์ที่ทำให้ข้ากังวลได้ในอีกโลก มันยากมากที่ โอวหยางหยิงเว่ยและคนอื่น ๆ จะเป็นภัยต่อข้า มู่เอ๋อ ตามหลังข้ามา” เมื่อพูดจบเจี้ยนเฉินก็ยื่นนิ้วออกไปยิงเอาปราณกระบี่เข้าใส่ค่ายกล

ค่ายกลนี้ไม่ได้แข็งแกร่ง เป้าหมายของมันก็เพื่อปกปิดทางเข้าไปยังโลกเซียนที่ถูกทอดทิ้งและมีกลไกส่งคำเตือน มันระเบิดออกเพราะปราณกระบี่ของเจี้ยนเฉิน

จอมยุทธขอบเขตดั้งเดิมทุกคนของโลกแห่งเซียนที่ถูกทอดทิ้งต่างก็มารวมตัวกันด้านบนภูเขาโลกโดยไม่มีจิตวิญญาณราชันย์ แม้ว่าพวกเขาจะเสียคนไปหลายคนในทวีปเทียนหยวน แต่พวกเขาก็ยังมีขั้นรับมอบกว่า 30 คน, ขั้นย้อนกลับ 5 คนและขั้นแลกเปลี่ยน 2 คน ดังนั้นจำนวนจอมยุทธทั้งหมดที่นี่จึงมีเกือบ 40 คน

จอมยุทธขอบเขตดั้งเดิมทุกคนจากต่างโลกรออยู่ในค่ายกล ตอนที่ค่ายกลที่อุโมงค์นั้นพังลง พวกเขาต่างก็พากันโจมตี พวกรู้ว่าเรื่องนี้มันหนักหนาเพราะรายละเอียดที่ผู้อาวุโสทั้งห้าอธิบายออกมา ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ได้ยั้งมือตอนที่โจมตี พวกเขาได้ใช้ทุกอย่างที่มีตั้งแต่แรกเริ่ม

พลังงานดั้งเดิมอันรุนแรงจากจอมยุทธขอบเขตดั้งเดิมเกือบ 40 คนได้โจมตีไปยังทางเข้าของอุโมงค์ การโจมตีของพวกเขารวมกันหลังจากที่เข้าไปในอุโมงค์กลายเป็นเสาแสงอันทรงพลังซึ่งอัดแน่นจากพลังงานดั้งเดิม มันได้พุ่งผ่านอุโมงค์ไปพร้อมกับแผ่พลังอันน่ากลัวมุ่งหน้าเข้าหาเจี้ยนเฉิน