ตอนที่ 1600 : การต่อสู้ของขอบเขตเทพ (2)

เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god)

ตอนที่ 1600 : การต่อสู้ของขอบเขตเทพ (2)

ทักษะกระบี่นี้ต้องให้กระบี่ทั้งสองใช้พลังออกมาอย่างเต็มที่ กระบี่คู่ของเจี้ยนเฉินกระเด็นออกมาไกลพอที่เขาจะไม่อาจเรียกมันกลับได้ทัน ดังนั้นเขาจึงไม่อาจจะใช้พลังของตัดนภาได้อย่างเต็มที่ แม้ว่าจะขยายเขตแดนกระบี่ออกไป แต่การโจมตีก็ยังอ่อนแอกว่าการโจมตีของจิตวิญญาณราชันย์

ปราณกระบี่ของจิตวิญญาณราชันย์ได้ปะทะกับทักษะกระบี่ของเจี้ยนเฉินและเกิดการระเบิดขึ้นมา มันได้สลายการโจมตีของเจี้ยนเฉินก่อนจะพุ่งเข้าหาเขาต่อ

แต่การโจมตีนี้อ่อนแอลงอย่างมากหลังจากที่โดนขัดขวาง

อึก !

ปราณกระบี่พุ่งแทงเกราะป้องกันของเจี้ยนเฉินและปักเข้าที่อกของเขา

เจี้ยนเฉินตัวสั่นแต่ไม่นานหลังจากนั้นพลังบรรพกาลในตัวก็พุ่งปะทุ ในพริบตาพลังบรรพกาลก็ได้ไปรวมตัวกันที่อกซึ่งทำให้ร่างกายเขาแข็งจนน่าตกใจ

เจี้ยนเฉินผลักดันร่างบรรพกาลจนถึงขีดสุด ร่างกายของเขาแข็งแกร่งจนแม้แต่ขั้นย้อนกลับนั้นต้องดิ้นรนเพื่อทำให้เขาบาดเจ็บ

ปราณกระบี่จากจิตวิญญาณราชันย์อ่อนแอลงหลังจากที่แทงทะลุชั้นแสงป้องกัน ดังนั้นตอนที่มันปักเข้าที่อกมันจึงไม่ได้พุ่งทะลุตัวเขา มันแค่ปักเนื้อเขาและถูกหยุดไว้โดยซี่โครง

เจี้ยนเฉินถูกผลักถอยกลับไปเพราะปราณกระบี่ ทุก ๆ ก้าวนั้นทำให้โลกสั่นไหวและทิ้งรอยแตกขนาดใหญ่ไว้ที่พื้น มันเหมือนกับทุกก้าวที่เขาถอยกลับมากระเทือนไปถึงหัวใจโลก

ภูเขาโลกไม่ได้ถล่มลง นอกจากหินที่กระจายและรอยแตกไม่กี่แห่งแล้ว พวกมันไม่ได้เสียหายนัก แม้ว่าหลังจากที่คลื่นกระแทกจากากรต่อสู้ระหว่างเจี้ยนเฉินกับจิตวิญญาณราชันย์ก็ตาม

ตอนนั้นกระบี่คู่บินออกไปไกล พวกมันส่องแสงสีครามและม่วงออกมาก่อนจะพุ่งเข้าใส่ปราณกระบี่ที่อกของเขาเพื่อสลายมันซึ่งทำให้มันปล่อยพลังงานอันน่ากลัวออกมา

จิตวิญญาณราชันย์มองไปที่ศพของโอวหยางหยิงเว่ย เขาไม่ได้แสดงอารมณ์ใด ๆ ออกมา เขาก้าวออกไปพร้อมกับกระบี่ดำและโผล่มาตรงหน้าเจี้ยนเฉินราวกับหายตัวได้ กระบี่นั้นส่องแสงก่อนที่เขาจะแทงออกไป

การโจมตีนี้มีเส้นทางกระบี่, พลังกฎของโลก กรโจมตีนี้เหมือนมีพลังของโลกที่เพียงพอจะทำให้โลกดูด้อยไปราวกับว่าการโจมตีนี้เป็นสิ่งเดียวที่เหลืออยู่ในโลกนี้

ในเวลาเดียวกันกระบี่จือหยิงก็กลับมาที่มือเจี้ยนเฉิน พลังของเขาปะทุขึ้นมาเมื่อเขามีกระบี่ในมือ ถ้าก่อนหน้านี้เขาเป็นสัตว์อสูรที่หลับใหล พลังในตอนนี้จากตัวเขาก็เหมือนกับว่าเขาได้ตื่นขึ้นมา เขามีพลังทำลายล้างอันแรงกล้า

มือของเจี้ยนเฉินสั่นไหวจนพร่ามัว มันขยับอย่างรวดเร็ว กระบี่จือหยิงส่องแสงยิ่งกว่าเดิมจนย้อมท้องฟ้าให้กลายเป็นสีม่วง

การโจมตีของเจี้ยนเฉินเองก็มีเส้นทางกระบี่, พลังกฎของโลก ในเวลาเดียวกันพลังบรรพกาลก็ซ่อนอยู่ด้านในด้วยซึ่งทำให้การโจมตีของเขานั้นรุนแรงกว่าทักษะกระบี่ก่อนหน้านี้แม้ว่าเขาจะใช้ทักษะเดิมก็ตาม การโจมตีนี้เหมือนก้าวข้ามขอบเขตดั้งเดิมเข้าถึงขอบเขตเทพ

ตูม !

กระบี่จือหยิงและกระบี่ดำปะทะกัน การปะทะนี้ทำให้มิติแตกตัวออกและภูเขาโลกสั่นไหวพร้อมกับเอียง คลื่นกระแทกอันน่ากลัวแผ่ออกไปส่งผลต่อทั้งโลก ไม่นานโลกอันกว้างใหญ่ก็ดูปั่นป่วนขึ้นมา ทะเลคุ้มคลั่ง หลายเมืองและภูเขาพินาศลง มันมีคนนับไม่ถ้วนที่บาดเจ็บเพราะคลื่นกระแทกของมัน

การปะทะของการโจมตีขอบเขตเทพทั้งสองนี้เหมือนกับจุดจบของโลก มันทรงพลังเกินไป แม้ว่าพวกมันจะเป็นแค่การโจมตีจากขอบเขตเทพที่อ่อนแอที่สุด แต่การปะทะนี้ก็เพียงพอจะทำลายโลกได้

เจี้ยนเฉินและจิตวิญญาณราชันย์ต่างก็กระเด็นออกไปเพราะการโจมตีนี้ จิตวิญญาณราชันย์ถอยกลับเพียง 3 ก้าว ใบหน้าเขายังคงเดิมพร้อมกับตาที่เป็นประกาย ในอีกด้านแล้ว เจี้ยนเฉินหยุดหลังจากที่ถอยไปไกลหลายสิบเมตรและใบหน้าก็แดงก่ำ

เจี้ยนเฉินเสียเปรียบแม้ว่าทั้งสองจะไม่ได้ใช้ทักษะลับหรือทักษะกระบี่ใด ๆ จิตวิญญาณราชันย์มีพลังขอบเขตเทพมาหลายปีแล้วและได้ยกระดับความแข็งแกร่งของตัวเองเป็นขั้นแลกเปลี่ยนช่วงสูงสุดใน 20 ปีที่ผ่านมาด้วย พลังนั้นเขาจึงมีพลังมากกว่าแต่ก่อน

ร่างบรรพกาลของเจี้ยนเฉินอยู่ที่ขั้น 8 นั้นเท่ากับขั้นย้อนกลับช่วงต้น เขายกระดับความแข็งแกร่งมายังขอบเขตเทพได้จากช่องโหว่มากมาย แต่เขาก็ยังคงอ่อนแอกว่าจิตวิญญาณราชันย์

จิตวิญญาณราชันย์ลอยอยู่ในอากาศพร้อมกับกระบี่ดำ เขามองไปที่เจี้ยนเฉินด้วยความสนใจก่อนจะพูดขึ้นมาอย่างใจเย็น “ข้าจำได้ว่าตอนที่พบกับเจ้าครั้งแรก เจ้ามีความแข็งแกร่งแค่ขั้นรับมอบ ตอนที่เจ้าสู้กับเฉียงซ่ง เจ้าทำให้เขาที่เป็นขั้นย้อนกลับช่วงปลายได้รับบาดเจ็บสาหัสและไล่เขากลับมา ครั้งนี้เป็นครั้งที่สามที่เราได้พบกันแต่เจ้ากลับมีพลังเกือบเทียบเคียงข้า การเติบโตของเจ้านั้นทำให้ข้าทึ่งจริง ๆ ”

“เจ้าเองก็ไม่เลว เจ้าเป็นอัจฉริยะที่โดดเด่นที่สุดของโลกแห่งเซียนที่ถูกทอดทิ้ง เจ้าเป็นจิตวิญญาณราชันย์ที่แข็งแกร่งที่สุด และนั่นเพราะความแข็งแกร่งของเจ้านั้นได้เพิ่มขึ้นมามากในเวลาอันสั้น ถ้าเจ้าไม่กดดันข้า ความแข็งแกร่งของข้าคงไม่เพิ่มขึ้นเร็วแบบนี้ในเวลาอันสั้น” เจี้ยนเฉินตอบกลับ แม้ว่าความแข็งแกร่งของเขาจะต่างจากเดิมอย่างมาก แต่เขาก็ยังรู้สึกกดดันอย่างมากเมื่อเผชิญหน้ากับจิตวิญญาณราชันย์

“เจี้ยนเฉิน หากเรายังสู้กันด้วยพลังขอบเขตเทพ ความเสียหายก็คงหนัก ชีวิตนับไม่ถ้วนจะตายในโลกนี้ ทำไมเราไม่สู้กันในโลกอื่นแทน ? ” จิตวิญญาณราชันย์พูดขึ้น เขาไม่ต้องการสู้กับเจี้ยนเฉินในโลกแห่งเซียนที่ถูกทอดทิ้งเพราะมันจะส่งผลเสียอย่างหนัก ทุกคนต่ำกว่าขอบเขตดั้งเดิมอาจจะตาย

ยังไงซะการต่อสู้ระหว่างสองคนนี้ก็เท่ากับการต่อสู้ของขอบเขตเทพ ความเสียหายนั้นมากจนมันเกินกว่าการต่อสู้ครั้งใหญ่ของขอบเขตดั้งเดิม

แต่มิติด้านนอกของอีกโลกนั้นที่พูดถึงนี้ชัดแล้วว่าคือโลกของทวีปเทียนหยวน

เจี้ยนเฉินไม่ได้ตอบกลับ เขามองขึ้นไปนท้องฟ้าพร้อมตาที่เป็นประกาย เขามองเห็นดวงอาทิตย์ทสีแดงเลือดและดวงจันทร์ที่อยู่ทางตะวันออกและตก มันไม่มีอย่างอื่นเคียงข้างเลย

“เจ้าเห็นใช่รึไม่ว่าโลกแห่งเซียนที่ถูกทอดทิ้งนี้ไม่สมบูรณ์ มันไม่ใช่โลกจริงด้วยซ้ำ เราไม่ได้มีมิติภายนอกที่นี่” จิตวิญญาณราชันย์พูดขึ้น

เจี้ยนเฉินตอบกลับด้วยน้ำเสียงไร้อารมณ์ “ย้อนกลับไปตอนที่โลกเจ้าเข้าโจมตีทวีปเทียนหยวน เจ้าสร้างความเสียหายให้กับโลกเราอย่างมาก ทวีปเทียนหยวนแตกเป็น 7 ส่วนและคนนับไม่ถ้วนก็ตายเพราะการต่อสู้นั้น ข้ามายังโลกเจ้าเพื่อเอาที่นี่เป็นสนามรบ เมื่อโลกเจ้าเผชิญกับภัยเหมือนกับเรา ข้าจะตกลงที่จะกลับไปได้ยังไง ? ”

“เจี้ยนเฉิน เจ้าควรคิดถึงข้อเสนอข้าดี ๆ เมื่อเราเริ่มการต่อสู้ ความเสียหายจะมากกว่าการต่อสู้ระหว่างขอบเขตดั้งเดิม ตอนนั้นชีวิตคนนับหมื่นรึแสนจะต้องตาย โลกข้ามีคนเยอะนับถึงนับล้านล้านคน ทุกคนคงตายเพราะคลื่นกระแทกจากการต่อสู้ โลกนี้ทนรับความเสียหายแบบนั้นไม่ไหว ทัณฑ์สวรรค์จะลงมาและมันจะแข็งแกร่งยิ่งกว่าเดิม เราอาจจะมีพลังเทียบเท่ากับขอบเขตเทพแต่เราก็ยังไม่ถึงขอบเขตนั้นในด้านการบ่มเพาะ เราไม่อาจจะขัดกับพลังของโลกได้ เมื่อมันมาถึง เราคงไม่อาจจะหลีกหนีการลงโทษจากทัณฑ์สวรรค์ได้” จิตวิญญาณราชันย์พูดขึ้น สายตาของเขาคมกริบราวกับกระบี่และมองไปที่เจี้ยนเฉิน