แม้ศึกการช่วงชิงสิทธิ์จะสำคัญ แต่ก็จำเป็นต้องปิดบังศักยภาพส่วนหนึ่งของสำนักไว้เช่นกัน ด้วยเหตุนี้กองกำลังใหญ่ราชาเทพทั้งห้าจึงไม่ทุ่มสุดกำลังสามารถกับเรื่องนี้ ไม่เปิดเผยศักยภาพความสามารถที่แท้จริงของสำนักออกมา

การปะทะกันในทุก ๆ ร้อยปี กองกำลังใหญ่ทั้งห้าก็จะส่งกึ่งราชาเทพขั้นสูงออกมาเพียงคนเดียวเท่านั้น

“พรสวรรค์ของหลิงหยุนไม่เลวเลย แต่น่าเสียดายที่เขามิใช่คนในตระกูลโจวของเรา ความตั้งใจของเขาไม่ได้อยู่ ณ ที่แห่งนี้ เขาก็ได้รับสิทธิ์ในครั้งนี้หนึ่งสิทธิ์เช่นกัน หากได้รับโชคชะตาที่ดีงามในโลกะอัมพรเทว สักวันหากเขาบรรลุเป็นราชาเทพ บางทีเขาอาจจะเป็นที่พึ่งพิงของสำนักเทียนเจี้ยนเราได้”ท่านเหวินพูดกดเสียงต่ำ

……

“อำนาจของผู้อาวุโสเค่อชิงเทียบเท่ากับผู้อาวุโสแท้จริง ข้าสามารถอาศัยกำลังของสำนักเทียนเจี้ยนตรวจสอบข้อมูลที่เกี่ยวกับจี้เฟิงได้”

เพิ่งมาสถานที่แห่งนี้เป็นครั้งแรก หลัวซิวยังไม่คุ้นเคยต่อสำนักเทียนเจี้ยน ทว่าเขาก็เข้าใจเช่นกันว่ากองกำลังใหญ่ประเภทนี้ ล้วนมีเครือข่ายข่าวกรองของตัวเอง การจะตรวจสอบคนคนหนึ่งนั้นไม่ใช่เรื่องยากแต่อย่างใด

เขานำเรื่องนี้บอกกับจินหลิงหยุน จินหลิงหยุนตอบตกลงในทันที ก่อนจะให้คนสืบเสาะเฝ้าจับตาดู

จากนั้นหลัวซิวก็ส่งข่าวผ่านทางม้วนหยก หลังจากผ่านไปสองเดือน ปีศาจทั้งเก้าก็มาถึงสำนักเทียนเจี้ยน

“เจ้าเป็นผู้อาวุโสของสำนักเทียนเจี้ยนอย่างนั้นหรือ?”

การได้กลับมาเจอหน้าหลัวซิวอีกครั้งทำให้ปีศาจทั้งเก้าตกตะลึงอย่างมาก พวกเขาใช้ชีวิตอยู่ในโลกาดาราอุดรมาช่วงหนึ่ง สำหรับชื่อเสียงอันโด่งดังของกองกำลังใหญ่ระดับราชาเทพทั้งห้ากองกำลังนั้น พวกเขาต้องได้ยินบ่อยจนดังก้องหูอยู่แล้ว

แต่ทว่าเมื่อนึกถึงผลการต่อสู้ของหลัวซิวที่โจมตีตำหนักหลักเมืองในเมืองฟ้าเยือก และสังหารกึ่งราชาเทพแล้ว พวกเขาก็หัวเราะขมขื่นอย่างอดไม่ได้ พวกเขาอยู่ในระดับและโลกที่แตกต่างกันแล้ว

“พวกเราพี่น้องไม่ไปโลกะอัมพรเทวกันแล้ว โลกาดาราอุดรใบนี้เป็นโลกมกุฎเทพ เพียงพอที่จะสามารถฝึกตนจนถึงแดนราชาเทพได้ ในส่วนของแดนมกุฎเทพนั้น เป็นสิ่งที่ข้าไม่เคยนึกถึงในชั่วชีวิตนี้”ปีศาจยักษ์ยู่หวูฉิวถอนหายใจแล้วพูด

จากโลกาอสูรฟ้าถึงเมืองฟ้าเยือก และมาถึงโลกาดาราอุดรอีก ระหว่างทางมีอุปสรรคมากมาย ลำบากยากแค้นอย่างมาก ทำให้อดีตหนึ่งในเจ้านภาที่แข็งแกร่งที่สุดในโลกาอสูรฟ้าคนนี้ ก็สัมผัสได้ถึงความเล็กน้อยของตนอย่างลึกซึ้ง

ในห้วงดาราที่กว้างใหญ่ไพศาล เทพฟ้าและเจ้านภาไม่ถือเป็นบุคคลสำคัญอะไรด้วยซ้ำ ถึงแม้จะเป็นราชาเทพ แต่ก็พอถู ๆ ไถ ๆ เรียกว่าเป็นผู้แข็งแกร่งได้อยู่

โลกราชาเทพมีเจ้านภาเป็นเจ้า โลกมกุฎเทพมีราชาเทพเป็นเจ้า ส่วนโลกจ้าวมหาเทพนั้นมีมกุฎเทพเป็นเจ้า และจ้าวมหาเทพยึดกุมมหาโลกาพันสาม……

ความยากลำบากบนเส้นทางแห่งยุทธ์ ยากยิ่งกว่าการขึ้นสวรรค์เสียอีก

ยู่หวูฉิวคือเจ้านภาชั้นยอด และเขาก็มีคุณสมบัติเป็นผู้อาวุโสเค่อชิงของสำนักเทียนเจี้ยนเช่นกัน ในส่วนของปีศาจทั้งแปดที่เหลือนั้น ก็พอถู ๆ ไถ ๆ ดำรงในตำแหน่งผู้คุมกฎได้ มีสำนักเทียนเจี้ยนเป็นกองกำลังที่คอยสนับสนุนอยู่เบื้องหลัง ก็เพียงพอพี่จะทำให้พวกเขายืนหยัดอยู่ในโลกาดาราอุดรได้แล้ว

ระยะเวลาสามปี จะว่ายาวก็ไม่ยาว จะว่าสั้นก็ไม่สั้น ในช่วงเวลานี้ หลัวซิวไม่ได้ยกระดับผลการฝึกตนของตนแต่อย่างใด แต่เป็นการใช้ช่วงเวลานี้มาทำให้ผลการฝึกตนของตัวเองมั่นคงแข็งแรงมากขึ้น

ในโลกาศุภร สามปีก็คือสามสิบปี ผลการฝึกตนของเขามั่นคงแข็งแรงโดยสิ้นเชิงแล้ว ดาราชีวีทั้งเจ็ดดวง จุดลมปราณดาราทั้งสองดวงต่างเปล่งแสงแวววาวจับตา กระชับรัดกุมถึงขีดสุด

นอกเหนือจากนี้แล้ว ด้านกฎของเขาก็มีการบรรลุเช่นกัน กฎห้วงเวลาบรรลุถึงแดนดั้งเดิมขั้น 2 จากการตระหนักรู้ในผังกฎดั้งเดิมที่ลึกซึ้งมากยิ่งขึ้น กฎการเวียนว่ายตายเกิดก็ย่างกรายสู่แดนดั้งเดิมขั้น 3 แล้ว

เขาใช้พลังกฎชั้นยอดทั้งสี่มาชุบตัวสำนึก ในระยะเวลา 30 ปี จากเทพฟ้าขั้น 3 บรรลุสู่เทพฟ้าขั้น 4 ซึ่งเพิ่มขึ้นเพียงแดนเล็ก ๆ หนึ่งแดนเท่านั้น

ส่วนเรื่องที่เกี่ยวข้องกับจี้เฟิงนั้น หลัวซิวก็ได้รับข่าวคราวมาจากจินหลิงหยุนเช่นกัน คนดังกล่าวปรากฏตัวอยู่ในโลกาดาราอุดรจริง ๆ อีกทั้งข้างกายเขายังมีชายชุดคลุมยาวสีดำอีกคนหนึ่ง ซึ่งคนดังกล่าวก็เป็นราชาเทพเช่นกัน

ข่าวคราวนี้ทำให้หลัวซิวสัมผัสได้ถึงภัยอันตรายที่รุนแรงมาก เขาไม่แน่ใจว่าราชาเทพชุดคลุมยาวสีดำนั่นเป็นผู้ช่วยที่จี้เฟิงเชิญมา หรือเป็นผู้ที่มีความแค้นต่อตน?

“จี้เฟิงรู้ว่าที่ข้ามาโลกาดาราอุดรนั้นเป็นเพราะจะมุ่งไปยังโลกะอัมพรเทว เช่นนั้นเขาก็ต้องปรากฏในศึกการช่วงชิงสิทธิ์อย่างแน่นอน เนื่องจากเขาทราบว่าข้าจะไปโลกะอัมพรเทว เขาจึงต้องเข้าร่วมด้วยแน่นอน”